ธรรมะจากพระสูตร Dhamma from Sutta

รถวินีตสูตร ว่าด้วยข้อเปรียบเทียบด้วยรถ ๗ ผลัด



กลุ่มไตรปิฎกสิกขา

[๒๙๒] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวัน
อันเป็นที่พระราชทานเหยื่อแก่กระแต ใกล้กรุงราชคฤห์
.
ครั้งนั้น ภิกษุชาวชาติภูมิจำนวนมาก จำพรรษาในชาติภูมิแล้ว
พากันเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว
นั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
.

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสถามภิกษุเหล่านั้นว่า
ภิกษุทั้งหลาย ในชาติภูมิ ภิกษุรูปไหนหนอ
ที่พวกภิกษุเพื่อนพรหมจรรย์ชาวชาติภูมิประเทศยกย่องอย่างนี้ว่า
ตนเองเป็นผู้มักน้อย สันโดษ สงัดเงียบ ไม่คลุกคลี ปรารภความเพียร
สมบูรณ์ด้วยศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ และวิมุตติญาณทัสสนะแล้ว
ยังกล่าวถ้อยคำพรรณนาความมักน้อย ความสันโดษ ความสงัดเงียบ
ความไม่คลุกคลี ความปรารภความเพียร
ความสมบูรณ์ด้วยศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ
และวิมุตติญาณทัสสนะแก่ภิกษุทั้งหลายอีกด้วย
เป็นผู้สอน แนะนำ ชี้แจง พวกภิกษุเพื่อนพรหมจารี ให้เห็นแจ้ง
ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้ร่าเริง
.

ภิกษุชาวชาติภูมิเหล่านั้นกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ในชาติภูมิ ท่านพระปุณณมันตานีบุตร เป็นผู้ที่พวกภิกษุเพื่อนพรหมจารีชาวชาติภูมิประเทศ
ยกย่องว่า ตนเองเป็นผู้มักน้อย สันโดษ สงัดเงียบ ไม่คลุกคลี
ปรารภความเพียร สมบูรณ์ด้วยศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติและ
วิมุตติญาณทัสสนะแล้ว ยังกล่าวถ้อยคำพรรณนาความมักน้อย ความสันโดษ
ความสงัดเงียบ ความไม่คลุกคลี ความปรารภความเพียร
ความสมบูรณ์ด้วยศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติและ
วิมุตติญาณทัสสนะแก่ภิกษุทั้งหลายอีกด้วย
เป็นผู้สอน แนะนำ ชี้แจง พวกภิกษุเพื่อนพรหมจารี ให้เห็นแจ้ง
ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้ร่าเริง
.

[๒๙๓] สมัยนั้น ท่านพระสารีบุตรนั่งเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าอยู่ ณ ที่ใกล้ ได้มีความคิดว่า
เป็นลาภของท่านปุณณมันตานีบุตร ท่านปุณณมันตานีบุตรได้ดีแล้ว
ที่พวกภิกษุเพื่อนพรหมจารี ผู้เป็นวิญญูชนกล่าวยกย่องพรรณนาคุณเฉพาะพระพักตร์พระศาสดา
และพระศาสดาก็ทรงอนุโมทนาการทำนั้น
บางทีเราคงได้พบกับท่านปุณณมันตานีบุตรแล้ว สนทนาปราศรัยกันสักครั้งหนึ่ง
.

[๒๙๔] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ตามพระอัธยาศัย ณ กรุงราชคฤห์
แล้วเสด็จจาริกไปโดยลำดับ ถึงกรุงสาวัตถี ประทับอยู่ในพระวิหารเชตวัน
อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี
.

ท่านพระปุณณมันตานีบุตรได้ทราบข่าวว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จถึงกรุงสาวัตถี
ประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี
ท่านจึงเก็บงำเสนาสนะ ถือบาตรและจีวร จาริกไปโดยลำดับ ตามทางที่จะไปยังกรุงสาวัตถี
ถึงพระวิหารเชตวันแล้ว จึงเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ
ถวายอภิวาทแล้ว นั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
. ครั้นนั่งเรียบร้อยแล้ว
พระผู้มีพระภาคเจ้า จึงทรงยังพระปุณณมันตานีบุตรให้เห็นแจ้ง
ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้ร่าเริง ด้วยธรรมีกถา
.

ครั้งนั้น ท่านพระปุณณมันตานีบุตร เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงให้เห็นแจ้ง
ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้ร่าเริง ด้วยธรรมีกถาแล้ว
ได้ชื่นชม อนุโมทนาภาษิตของพระผู้มีพระภาคเจ้า
ลุกจากอาสนะ ถวายอภิวาท ทำประทักษิณ แล้วเข้าไปสู่ป่าอันธวัน เพื่อพักกลางวัน

[๒๙๕] ครั้งนั้น ภิกษุรูปหนึ่ง เข้าไปหาท่านพระสารีบุตรแล้ว แจ้งข่าวว่า
ข้าแต่ท่านสารีบุตร ท่านพระปุณณมันตานีบุตร ที่ท่านได้สรรเสริญอยู่เนือง ๆ นั้น
บัดนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงชี้แจงให้ท่านเห็นแจ้ง ให้สมาทาน ให้อาจหาญ
ให้ร่าเริง ด้วยธรรมีกถาแล้ว ท่านก็ชื่นชม อนุโมทนาภาษิตของพระผู้มีพระภาคเจ้า
ลุกจากอาสนะ ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้า ทำประทักษิณ
หลีกไปสู่ป่าอันธวัน เพื่อพักในกลางวัน
.

ลำดับนั้น ท่านพระสารีบุตรรีบถือผ้านิสีทนะ
แล้วติดตามท่านพระปุณณมันตานีบุตรไปข้างหลัง ๆ พอมองเห็นศีรษะกัน
.
ครั้งนั้น ท่านพระปุณณมันตานีบุตร เข้าไปในป่าอันธวันแล้ว
นั่งพักกลางวันอยู่ที่โคนไม้แห่งหนึ่ง. แม้ท่านพระสารีบุตรเข้าไปสู่ป่าอันธวันแล้ว
ก็นั่งพักกลางวันอยู่ที่โคนไม้แห่งหนึ่งเหมือนกัน
.


ปัญหาว่าด้วยการอยู่ประพฤติพรหมจรรย์

[๒๙๖] เวลาเย็น ท่านพระสารีบุตรออกจากที่พักผ่อนแล้ว
เข้าไปหาท่านพระปุณณมันตานีบุตรถึงที่อยู่
แล้วได้สนทนาปราศรัยกับท่านพระปุณณมันตานีบุตร
ครั้นผ่านการสนทนาปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้นนั่งเรียบร้อยแล้ว ได้ถามท่านพระปุณณมันตานีบุตรว่า

ผู้มีอายุ ท่านประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาคเจ้าของเราหรือ ?

ท่านพระปุณณมันตานีบุตรตอบว่า อย่างนั้นสิผู้มีอายุ.

สารีบุตร. ท่านประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาคเจ้า เพื่อสีลวิสุทธิหรือ ?

ปุณณมันตานีบุตร. ไม่ใช่.

สา. ท่านประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาคเจ้า เพื่อจิตตวิสุทธิหรือ ?

ปุ. ไม่ใช่.

สา. ถ้าเช่นนั้น ท่านประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาคเจ้า เพื่อทิฏฐิวิสุทธิหรือ ?

ปุ. ไม่ใช่.

สา. ถ้าเช่นนั้น ท่านประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาคเจ้า เพื่อกังขาวิตรณวิสุทธิหรือ ?

ปุ. ไม่ใช่.

สา. ถ้าเช่นนั้น ท่านประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาคเจ้า เพื่อมัคคามัคคญาณทัสสนวิสุทธิหรือ ?

ปุ. ไม่ใช่.

สา. ถ้าเช่นนั้น ท่านประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาคเจ้าเพื่อปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิหรือ ?

ปุ. ไม่ใช่.

สา. ถ้าเช่นนั้น ท่านประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาคเจ้าเพื่อญาณทัสสนวิสุทธิหรือ ?

ปุ. ไม่ใช่.

สา. ท่านผู้มีอายุ ผมถามท่านว่า ท่านประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาคเจ้า
เพื่อสีลวิสุทธิหรือ ท่านตอบว่า ไม่ใช่
เมื่อผมถามว่า ท่านประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาคเจ้า เพื่อจิตตวิสุทธิหรือ
เพื่อทิฏฐิวิสุทธิหรือ เพื่อกังขาวิตรณวิสุทธิหรือ เพื่อมัคคามัคคญาณทัสสนวิสุทธิหรือ
เพื่อปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิหรือ เพื่อญาณทัสสนวิสุทธิหรือ ท่านก็ตอบว่า ไม่ใช่ทั้งนั้น
เมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาคเพื่ออะไรเล่า
?

ปุ. ผู้มีอายุ ผมประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาคเจ้า เพื่ออนุปาทาปรินิพพาน.

สา. สีลวิสุทธิหรือเป็นอนุปาทาปรินิพพาน ?

ปุ. ไม่ใช่.

สา. จิตตวิสุทธิหรือเป็นอนุปาทาปรินิพพาน ?

ปุ. ไม่ใช่.

สา. ทิฏฐิวิสุทธิหรือเป็นอนุปาทาปรินิพพาน ?

ปุ. ไม่ใช่.

สา. กังขาวิตรณวิสุทธิหรือเป็นอนุปาทาปรินิพพาน ?

. ไม่ใช่.

สา. มัคคามัคคญาณทัสสนวิสุทธิหรือเป็นอนุปาทาปรินิพพาน ?

ปุ. ไม่ใช่.

สา. ปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิหรือเป็นอนุปาทาปรินิพพาน ?

ปุ. ไม่ใช่.

สา. ท่านผู้มีอายุ ญาณทัสสนวิสุทธิหรือเป็นอนุปาทาปรินิพพาน ?

ปุ. ไม่ใช่.

สา. ธรรมนอกไปจากธรรมเหล่านี้หรือเป็นอนุปาทาปรินิพพาน ?

ปุ. ไม่ใช่.

สา. ผู้มีอายุ ผมถามว่า สีลวิสุทธิหรือเป็นอนุปาทาปรินิพพาน
จิตตวิสุทธิหรือเป็นอนุปาทาปรินิพพาน ทิฏฐิวิสุทธิหรือเป็นอนุปาทาปรินิพพาน
กังขาวิตรณวิสุทธิหรือเป็นอนุปาทาปรินิพพาน
มัคคามัคคญาณทัสสนวิสุทธิหรือเป็นอนุปาทาปรินิพพาน
ปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิหรือเป็นอนุปาทาปรินิพพาน
ญาณทัสสนวิสุทธิหรือเป็นอนุปาทาปรินิพพาน
ธรรมนอกไปจากธรรมเหล่านี้หรือเป็นอนุปาทาปรินิพพาน ท่านก็ตอบว่า ไม่ใช่ทั้งนั้น
เมื่อเป็นเช่นนี้ จะพึงเห็นเนื้อความของถ้อยคำที่ท่านกล่าวนี้อย่างไร
?

[๒๙๗] ปุ. ท่านผู้มีอายุ ถ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าจักทรงบัญญัติสีลวิสุทธิว่าเป็นอนุปาทาปรินิพพานแล้ว
ก็ชื่อว่าทรงบัญญัติธรรมที่ยังมีอุปาทานว่าเป็นอนุปาทาปรินิพพาน
ถ้าจักทรงบัญญัติจิตตวิสุทธิ ทิฏฐิวิสุทธิ กังขาวิตรณวิสุทธิ มัคคามัคคญาณทัสสนวิสุทธิ
ปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิ ญาณทัสสนวิสุทธิว่าเป็นอนุปาทาปรินิพพานแล้ว
ก็ชื่อว่าทรงบัญญัติธรรมที่ยังมีอุปาทานว่าเป็นอนุปาทาปรินิพพาน
ถ้าหากว่าธรรมนอกจากธรรมเหล่านี้ จักเป็นอนุปาทาปรินิพพานแล้ว
ปุถุชนจะพึงปรินิพพาน เพราะว่าปุถุชนไม่มีธรรมเหล่านี้
ผู้มีอายุ ถ้าอย่างนั้น ผมจะอุปมาให้ท่านฟัง
เพราะคนผู้เป็นวิญญูชนบางพวกในโลกนี้ ย่อมรู้เนื้อความแห่งคำที่กล่าวแล้วด้วยอุปมา
.


อุปมาด้วยรถ ๗ ผลัด

[๒๙๘] ปุ. ผู้มีอายุ เปรียบเหมือนพระเจ้าปเสนทิโกศล กำลังประทับอยู่ในกรุงสาวัตถี
มีพระราชกรณียะด่วนบางอย่างเกิดขึ้นในเมืองสาเกต
และในระหว่างกรุงสาวัตถีกับเมืองสาเกตนั้น จะต้องใช้รถถึง ๗ ผลัด
ลำดับนั้น พระเจ้าปเสนทิโกศลเสด็จออกจากกรุงสาวัตถี
ทรงรถพระที่นั่งผลัดที่หนึ่ง ที่ประตูพระราชวัง
ไปถึงรถพระที่นั่งผลัดที่สอง ด้วยรถพระที่นั่งผลัดที่หนึ่ง จึงปล่อยรถพระที่นั่งผลัดที่หนึ่ง
ทรงรถพระที่นั่งผลัดที่สอง เสด็จไปถึงรถพระที่นั่งผลัดที่สาม ด้วยรถพระที่นั่งผลัดที่สอง
ทรงปล่อยรถพระที่นั่งผลัดที่สอง ทรงรถพระที่นั่งผลัดที่สาม
เสด็จถึงรถพระที่นั่งผลัดที่สี่ ด้วยรถพระที่นั่งผลัดที่สาม
ปล่อยรถพระที่นั่งผลัดที่สาม ทรงรถพระที่นั่งผลัดที่สี่
เสด็จที่รถพระที่นั่งผลัดที่ห้า ด้วยรถพระที่นั่งผลัดที่สี่
ปล่อยรถพระที่นั่งผลัดที่สี่ ทรงรถพระที่นั่งผลัดที่ห้า
เสด็จไปถึงรถพระที่นั่งผลัดที่หก ด้วยรถพระที่นั่งผลัดที่ห้า
ปล่อยรถพระที่นั่งผลัดที่ห้า ทรงรถพระที่นั่งผลัดที่หก
เสด็จไปถึงรถพระที่นั่งผลัดที่เจ็ด ด้วยรถพระที่นั่งผลัดที่หก
ปล่อยรถพระที่นั่งผลัดที่หก ทรงรถพระที่นั่งผลัดที่เจ็ด
เสด็จไปถึงเมืองสาเกตที่ประตูพระราชวัง ด้วยรถพระที่นั่งผลัดที่เจ็ด
ถ้าพวกมิตรอำมาตย์หรือพระญาติสาโลหิตจะพึงทูลถามพระองค์ว่า
ข้าแต่มหาราชเจ้า พระองค์เสด็จมาจากกรุงสาวัตถีถึงเมืองสาเกตที่ประตูพระราชวัง
ด้วยรถพระที่นั่งผลัดนี้ผลัดเดียวหรือ ผู้มีอายุ พระเจ้าปเสนทิโกศลจะตรัสตอบอย่างไร
จึงจะเป็นอันตรัสตอบถูกต้อง
.

สา. ผู้มีอายุ พระเจ้าปเสนทิโกศลจะต้องตรัสตอบอย่างนี้ จึงจะเป็นอันตรัสตอบถูกต้อง
คือ เมื่อเรากำลังอยู่ในกรุงสาวัตถีนั้น มีกรณียะด่วนบางอย่างเกิดขึ้นในเมืองสาเกต
และในระหว่างกรุงสาวัตถีกับเมืองสาเกตนั้น จะต้องใช้รถถึง ๗ ผลัด
ครั้งนั้น เราจึงออกจากกรุงสาวัตถีขึ้นรถผลัดที่หนึ่ง ที่ประตูวัง
ไปถึงรถผลัดที่สอง ด้วยรถผลัดที่หนึ่ง
ปล่อยรถผลัดที่หนึ่ง ขึ้นรถผลัดที่สอง ไปถึงรถผลัดที่สาม ด้วยรถผลัดที่สอง
ปล่อยรถผลัดที่สอง ขึ้นรถผลัดที่สาม ไปถึงรถผลัดที่สี่ ด้วยรถผลัดที่สาม
ปล่อยรถผลัดที่สาม ขึ้นรถผลัดที่สี่ ไปถึงรถผลัดที่ห้า ด้วยรถผลัดที่สี่
ปล่อยรถผลัดที่สี่ ขึ้นรถผลัดที่ห้า ไปถึงรถผลัดที่หก ด้วยรถผลัดที่ห้า
ปล่อยรถผลัดที่ห้า ขึ้นรถผลัดที่หก ไปถึงรถผลัดที่เจ็ด ด้วยรถผลัดที่หก
ปล่อยรถผลัดที่หก ขึ้นรถผลัดที่เจ็ด ไปถึงเมืองสาเกตที่ประตูวัง ด้วยรถผลัดที่เจ็ด
ผู้มีอายุ พระเจ้าปเสนทิโกศล จะต้องตรัสตอบอย่างนี้ จึงจะเป็นอันตรัสตอบถูกต้อง
.

ปุ. ผู้มีอายุ ข้อนี้ก็ฉันนั้น สีลวิสุทธิเป็นประโยชน์แก่จิตตวิสุทธิ
จิตตวิสุทธิเป็นประโยชน์แก่ทิฏฐิวิสุทธิ ทิฏฐิวิสุทธิเป็นประโยชน์แก่กังขาวิตรณวิสุทธิ
กังขาวิตรณวิสุทธิเป็นประโยชน์แก่มัคคามัคคญาณทัสสนวิสุทธิ
มัคคามัคคญาณทัสสนวิสุทธิเป็นประโยชน์แก่ปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิ
ปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิเป็นประโยชน์แก่ญาณทัสสนวิสุทธิ
ญาณทัสสนวิสุทธิเป็นประโยชน์แก่อนุปาทาปรินิพพาน
ผู้มีอายุ ผมประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาคเจ้าเพื่ออนุปาทาปรินิพพาน
.

[๒๙๙] เมื่อท่านพระปุณณมันตานีบุตรกล่าวอย่างนี้แล้ว ท่านพระสารีบุตรจึงถามว่า
ผู้มีอายุ ท่านชื่ออะไร และพวกภิกษุเพื่อนพรหมจารี รู้จักท่านว่าอย่างไร
?

ท่านพระปุณณมันตานีบุตรตอบว่า ผู้มีอายุ ผมชื่อปุณณะ
แต่พวกภิกษุเพื่อนพรหมจารี รู้จักผมว่ามันตานีบุตร
.

ท่านพระสารีบุตรกล่าวว่า ผู้มีอายุ น่าอัศจรรย์นัก ไม่เคยมีมาแล้ว
ธรรมอันลึกซึ้ง อันท่านพระปุณณมันตานีบุตร เลือกเฟ้นมากล่าวแก้ด้วยปัญญาอันลึกซึ้ง
ตามเยี่ยงพระสาวกผู้ได้สดับแล้ว รู้ทั่วถึงคำสอนของพระศาสดาโดยถ่องแท้ จะพึงกล่าวแก้
ฉะนั้น เป็นลาภมากของเพื่อนพรหมจารีทั้งหลาย
เพื่อนพรหมจารีได้ดีแล้วที่ได้พบ ได้เห็น ได้นั่งใกล้ท่านพระปุณณมันตานีบุตร
แม้หากว่าเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลายจะเทิดท่านพระปุณณมันตานีบุตรไว้บนศีรษะด้วยเทริดผ้า
จึงจะได้พบ ได้เห็น ได้นั่งใกล้ แม้ข้อนั้นก็นับว่าเป็นลาภมากของท่านเหล่านั้น
ท่านเหล่านั้นได้ดีแล้ว อนึ่ง นับว่าเป็นลาภมากของผมด้วย เป็นการได้ดีของผมด้วย
ที่ได้พบ ได้เห็น ได้นั่งใกล้ท่านพระปุณณมันตานีบุตร
.

[๓๐๐] เมื่อท่านพระสารีบุตรกล่าวอย่างนี้แล้ว ท่านพระปุณณมันตานีบุตรจึงถามว่า
ผู้มีอายุ ท่านชื่ออะไร
? และเพื่อนพรหมจารีทั้งหลายรู้จักท่านว่าอย่างไร ?
ท่านพระสารีบุตรตอบว่า ผู้มีอายุ ผมชื่ออุปติสสะ
แต่พวกเพื่อนพรหมจารีรู้จักผมว่าสารีบุตร.
ท่านพระปุณณมันตานีบุตรกล่าวว่า ท่านผู้เจริญ
ผมกำลังพูดอยู่กับท่านผู้เป็นสาวกทรงคุณคล้ายกับพระศาสดา
มิได้ทราบเลยว่า ท่านชื่อสารีบุตร ถ้ารู้ว่าท่านชื่อสารีบุตร ผมก็ไม่ต้องพูดมากมาย
เป็นการน่าอัศจรรย์จริง ไม่เคยมีมาแล้ว
ธรรมอันลึกซึ้งอันท่านพระสารีบุตรเลือกเฟ้นมาถามแล้วด้วยปัญญาอันลึกซึ้ง
ตามเยี่ยงพระสาวกผู้ได้สดับแล้ว รู้ทั่วถึงคำสอนของพระศาสดาโดยถ่องแท้จะพึงถาม
ฉะนั้น เป็นลาภมากของเพื่อนพรหมจารีทั้งหลาย
เพื่อนพรหมจารีได้ดีแล้ว ที่ได้พบเห็น ได้นั่งใกล้ท่านพระสารีบุตร
แม้หากว่าเพื่อนพรหมจารีทั้งหลายจะเทิดท่านพระสารีบุตรไว้บนศีรษะด้วยเทริดผ้า
จึงจะได้พบ ได้เห็น ได้นั่งใกล้ แม้ข้อนั้นก็เป็นลาภมากของท่านเหล่านั้น ท่านเหล่านั้นได้ดีแล้ว
อนึ่ง นับว่าเป็นลาภมากของผมด้วย เป็นการได้ดีของผมด้วย
ที่ได้พบ ได้เห็น ได้นั่งใกล้ท่านพระสารีบุตร
.

พระมหานาคทั้งสองนั้น ต่างชื่นชมสุภาษิตของกันและกันด้วยประการฉะนี้แล.


รถวินีตสูตรที่ ๔ จบ


(รถวินีตสูตร พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์
พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่มที่ ๑๘)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP