กว่าจะถึงฝั่งธรรม Lite Voyage
พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต : ระงับทุกขเวทนาด้วยธรรมโอสถ
โดย เทียบธุลี
พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต
รูปภาพประกอบโดย http://www.luangpumun.org/pic/undertree.html
ความเจ็บไข้ได้ป่วย เป็นสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาของทุกคน
โรคบางโรคอาศัยยาแผนปัจจุบันหรือยาสมุนไพร
ก็สามารถบรรเทาอาการหรือช่วยให้หายขาดได้
แต่โรคบางโรคแม้จะพยายามสักเท่าใด
ก็อาจไม่ประสบความสำเร็จในการรักษาเลย
จึงมีบางท่านใช้ "ธรรมโอสถ" ในการเยียวยาตนเอง ให้ชีวิตอยู่รอดปลอดภัยมาได้
ดังเช่นเรื่องราวของ "ท่านพระอาจารย์ใหญ่มั่น"
ผู้เป็นบูรพาจารย์ของพระสงฆ์ในสายวิปัสสนากรรมฐานหลายๆ รูปในประเทศไทย
ดังที่ได้ทราบกันดีในหมู่ผู้สนใจศึกษาประวัติของครูบาอาจารย์
ว่าท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต เป็นผู้ที่ปฏิบัติธุดงควัตรอย่างเคร่งครัด
ในสมัยที่ออกปฏิบัติเบื้องนั้น
ครั้งหนึ่งหลังจากได้กราบนมัสการท่านพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท)
และได้รับวิธีพิจารณาปัญญาเพิ่มเติมแล้ว
ท่านพระอาจารย์มั่นได้ออกจาริกไปทางเขาใหญ่ จังหวัดนครนายก จนถึงถ้ำสาริกา
ซึ่งท่านได้ขอให้ชาวบ้านในหมู่บ้านที่อยู่ไม่ไกลจากถ้ำนั้น ให้ไปส่งเพราะท่านไม่รู้ทาง
ชาวบ้านได้เตือนด้วยความห่วงใย ว่าที่ถ้ำนี้มีผีหลวงที่ดุร้ายมาก
ไม่ว่าพระหรือคนที่ไปอยู่จะต้องมีอันเป็นไปเสียทุกราย
มีพระมามรณภาพที่ถ้ำนี้แล้ว ๔ รูป ในระยะเวลาไม่ห่างกันเลย
แต่พระอาจารย์มั่นท่านกลับเห็นว่าจะเครื่องเตือนสติให้ได้อย่างดี
ด้วยว่าท่านมีจิตใจที่กล้าหาญ พร้อมเผชิญต่อเหตุการณ์ต่างๆ อยู่ทุกขณะจิต
ในที่สุดชาวบ้านก็ต้องยอมไปส่งท่านที่ถ้ำสาริกา
ในช่วง ๒-๓ คืนแรกที่พำนักในถ้ำแห่งนี้
ท่านได้รับความสงบดี เพราะเป็นสถานที่ที่เงียบสงัดมาก
ในคืนถัดจากนั้น โรคเจ็บท้องซึ่งท่านเคยเป็นก็กลับกำเริบ
ไม่ว่าจะฉันอะไรเข้าไปก็ไม่ย่อย จนถึงขนาดถ่ายออกมาเป็นเลือด
แม้จะพยายามรักษาด้วยยาสมุนไพร ก็ไม่ทำให้อาการดีขึ้น
แต่กลับทวีความรุนแรงของโรคมากกว่าเดิม
ทำให้กำลังกายของท่านอ่อนแอลงและกำลังใจก็ลดลงบ้างเช่นกัน
ในที่สุดท่านก็เลิกฉันยาเพราะพิจารณาแล้วว่าไม่ได้ช่วยให้หายจากโรคเลย
และตัดสินใจใช้ “ธรรมโอสถ” เพียงอย่างเดียวในการรักษาโรค
จะไม่ฉันยาใดๆ จนกว่าโรคนี้จะหายด้วยธรรมโอสถ
หรือไม่ก็คือจนกว่าจะตายในถ้ำแห่งนี้
ท่านได้พิจารณาว่าตนเองได้ปฏิบัติมามากพอสมควรแล้ว
ไม่ควรจะขี้ขลาดอ่อนแอในทุกขเวทนาเพียงเท่านี้
เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับเวลาที่ขันธ์จะแตกดับ
ความทุกข์ที่จะถาโถมเข้ามาทั้งทางร่างกายและจิตใจมากกว่านี้
ถ้าเพียงแค่นี้ท่านยังสู้ไม่ไหว แล้วจะสู้ในเวลาที่ธาตุขันธ์จะแตกดับได้อย่างไร
ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสมฺปนฺโน ได้เล่าถึงเหตุการณ์ในช่วงนี้ไว้
ในหนังสือ “ประวัติท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ” ดังความว่า
“...พอท่านทำความเข้าใจกับตนเองอย่างแน่ใจและมั่นใจแล้ว
ก็หยุดจากการฉันยาในเวลานั้นทันที และเริ่มทำสมาธิภาวนา
เพื่อเป็นโอสถบำบัดบรรเทาจิตใจและธาตุขันธ์ต่อไปอย่างหนักแน่น
ทอดความอาลัยเสียดายในชีวิตธาตุขันธ์ ปล่อยให้เป็นไปตามคติธรรมดา
ทำหน้าที่ห้ำหั่นจิตดวงไม่เคยตาย แต่มีความตายประจำนิสัย
ลงไปอย่างเต็มกำลังสติปัญญาศรัทธาความเพียรที่เคยอบรมมา
โดยมิได้สนใจคำนึงต่อโรคที่กำลังกำเริบอยู่ภายใน
ว่าจะหายหรือจะตายไปขณะใดในเวลานั้น หยั่งสติปัญญาลงในทุกขเวทนา
แยกแยะส่วนต่างๆ ของธาตุขันธ์ออกพิจารณาด้วยปัญญาไม่ลดละ
คือ ยกทั้งส่วนรูปกาย ทั้งส่วนเวทนา คือ ทุกข์ภายใน
ทั้งส่วนสัญญาที่หมายกายส่วนต่างๆ ว่าเป็นทุกข์
ทั้งส่วนสังขารตัวปรุงแต่งว่าส่วนนี้เป็นทุกข์ส่วนนั้นเป็นทุกข์ ขึ้นสู่เป้าหมายแห่งการพิจารณา
ของสติปัญญาผู้ดำเนินงานทำการขุดค้นคลี่คลายอย่างไม่หยุดยั้ง
แต่เวลาพลบค่ำถึงเที่ยงคืน คือ ๒๔.๐๐ นาฬิกา จึงลงเอยกันได้
จิตมีกำลังขึ้นมาอย่างประจักษ์ สามารถคลี่คลายธาตุขันธ์
จนรู้แจ้งตลอดทั่วถึงทุกขเวทนาที่กำลังกำเริบขึ้นอย่างเต็มที่จากโรคในท้อง
โรคก็ระงับดับลงอย่างสนิท จิตรวมลงถึงที่ในขณะนั้น
ขณะนั้นโรคก็ดับ ทุกข์ก็ดับ ความฟุ้งซ่านในใจก็ดับ..."
ด้วยความห้าวหาญในธรรมของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทฺตโต
ทำให้ชนะต่อโรคทางกายได้ด้วยธรรมโอสถ
ท่านได้พำนักในถ้ำสาริกา เป็นเวลาถึง ๑ ปี
ก่อนที่จะต้องเดินทางกลับไปยังภาคอีสาน
เพื่อแนะนำสั่งสอนพระเณรและฆราวาสต่อไป
ท่ามกลางความอาลัยของมนุษย์และเทวดา
ที่ได้ทำบุญและฟังธรรมจากท่าน ณ ถ้ำสาลิกาแห่งนี้
-------------------------------------------------------------------------
เอกสารประกอบการเขียน
“ประวัติท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ”
โดยท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสมฺปนฺโน ฉบับพิมพ์เมื่อเดือนธันวาคม ๒๕๕๐
"ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺตเถร สังเขปประวัติ คติธรรม คำสอน"
รวบรวมโดย www.schoolofdhamma.com และทีมงาน ฉบับพิมพ์เมื่อ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๐
< Prev |
---|