ดังตฤณวิสัชนา Dungtrin's Answer

จะบาปไหมถ้าไม่ยอมรับสุนัขจรจัดมาเลี้ยงไว้



ถาม - บ้านของดิฉันมีประตูรั้วแต่ไม่มีกำแพงกั้นด้านข้างๆ ปลูกอยู่รวมกันกับญาติๆ ค่ะ
ไม่นานนี้มีสุนัขจรจัดตัวหนึ่งเข้ามากินอาหารที่ดิฉันให้แก่สุนัขของญาติ
แต่ดิฉันก็ไม่ได้ให้อาหารทุกวันนะคะ ถ้ามีก็ให้ค่ะ
ได้เปิดรั้วให้สุนัขจรจัดตัวนี้ออกไปแล้ว แต่เขาก็แอบกลับเข้ามาอยู่ดี ไม่ยอมไปไหน



มันติดน่ะ หมานี่อย่างนี้แหละนะ คือพอให้อาหารมันปุ๊บ
แล้วก็มันรู้สึกว่าเราจะช่วยมันหรือว่าจะมีเมตตากับมัน
ธรรมดาของหมา ถ้ารู้สึกว่ามันชอบใจ มันติดใจ มันก็จะมาอยู่เรื่อยๆ
นี้เป็นเรื่องปกติของสิ่งมีชีวิตระดับนี้




ถาม - คำถามก็คือบุญมาอยู่ตรงหน้าแล้ว แต่ดิฉันไม่สะดวกเลี้ยงจริงๆ
อะไรจะบาปกว่ากันคะ ระหว่างเลี้ยงไว้แต่เลี้ยงไม่ดี กับใจแข็งไม่ให้อาหาร เพื่อให้เขาไปที่อื่น
ถ้าจะแจ้งทางราชการให้มาจับไปก็ไม่สบายใจค่ะ



ผมเข้าใจความรู้สึกตรงนี้นะ เพราะว่าก็เป็นเรื่องที่ว่าเราเคยให้อาหารมันแล้ว
ความรู้สึกว่าเราต้องรับผิดชอบกับความหิวของมัน มันก็เกิดขึ้นเป็นธรรมดา
ทั้งๆ ที่เราไม่ได้ไปยื่นใบสมัครขอเป็นเจ้านายมัน
แล้วก็ไม่ได้ไปตกปากรับคำหรือว่าสัญญิงสัญญาว่าจะให้ทุกมื้อ
แต่พอเราเห็นเจตนาของมัน เห็นความรู้สึกผูกพันของมัน
ว่ามันมองว่าเรามีหน้าที่ต้องให้มันแล้วละ
เราก็จะรู้สึกขึ้นมาโดยอัตโนมัติว่าเราคงเป็นคนให้อาหารมันแล้วจริงๆ
เรื่องของความผูกพัน เรื่องของความรู้สึก มันไม่เกี่ยวกับกรรม
โดยกรรมนี่ถ้าหากว่าเราให้มัน
ก็ถือว่าเป็นการให้ทานสัตว์ ให้อาหารแก่สัตว์ อันนี้เรียกว่าเราได้บุญ
แต่ถ้าหากว่าเราไม่ให้มัน อันนี้ยังไม่ถือว่าเราทำบาป เราแค่ไม่ทำบุญต่อ
ถ้าจะเรียกว่าทำบาป หมายความว่าอาหารมันอยู่ตรงหน้าของมัน
มีคนให้อาหารมัน เราไปแย่งมันมา อย่างนี้บาป
แต่ถ้ามันมาขอแล้วเราไม่ให้ เป็นสิทธิ์ของเรานะ
คือแค่เราก็ไม่ได้ทำบุญอย่างที่คุณเข้าใจอยู่แล้ว



บอกว่า บุญมาอยู่ตรงหน้าแล้ว แต่จริงๆ แล้วมันมีเรื่องของการแลกกันนะ
ระหว่างที่ว่าเราทำบุญด้วยความฝืนใจ แล้วเสร็จแล้วเกิดความรู้สึกไม่ดีกับมัน
กลายเป็นความผูกพันในแบบที่เจืออยู่ด้วยความไม่ชอบใจ
ต้องคำนึงตรงนี้ด้วยนะ ลองคิดว่าเป็นคนก็ได้
ตัวเราจริงๆ แล้วใจนี่ไม่ได้มีหรอก แต่ไปช่วยเขา
เสร็จแล้วเขาก็นึกว่าเรามีน้ำใจกับเขา มารู้สึกดีอะไรกับเรามากมาย
เสร็จแล้วปรากฏว่าถึงเวลาหนึ่งเราบอกว่าเราไม่ชอบเขาหรอก
เขามารู้ความจริงเข้า บางทีมันก็เฮิร์ท (
hurt) ความรู้สึก


ทีนี้อย่างหมานะ มันเซนซิทีฟ (sensitive) นะ
คืออย่างถ้าสมมติมันติดใจเราแล้วมาคลอเคลีย มาพยายามจะพันแข้งพันขา
เสร็จแล้วเราแสดงออกซึ่งความไม่พอใจ แสดงออกซึ่งความรู้สึกว่าเหินห่าง เป็นอื่นจากมัน
มันก็จะงง ตอนแรกมันจะงงก่อน ว่าเอ๊ะ! ก็ให้อาหารมัน เป็นเจ้าของมัน เป็นผู้ดูแลมัน
มันมาแสดงความรัก แต่เราแสดงความรังเกียจ ไม่อยากเข้าใกล้
มันก็จะงงก่อน แต่พอมากๆ เข้ามันจะเริ่มรู้
ว่าเราไม่มีความรู้สึกที่เป็นบวกกับมันหรอก
แต่ว่าก็ให้มัน ให้อาหารมัน เหมือนกับเป็นหน้าที่
ความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันก็จะมี หมานี่น้อยใจเป็นนะ
ลองคิดดูถึงความรู้สึกเราว่าเรารักใคร
แต่เหมือนกับเขาก็เกลียด เอาอะไรดีๆ ให้แต่ไม่ได้มีใจ
แล้วเราสามารถรู้สึกได้ในระยะยาว ความรู้สึกเสียใจมันก็เกิดขึ้น
นี่ก็เป็นความผูกพันในทางที่ไม่ได้เป็นบุญเสียตลอดทางทีเดียว
เพราะว่าบุญจะเกิดขึ้นได้แบบเต็มๆ ก็มาจากความเต็มใจที่ช่วยเหลือที่จะเกื้อกูลกัน


เพราะฉะนั้นคำตอบก็คือว่าถ้าเราเพิ่งให้อาหารมันไปได้ไม่นาน
ก็ไม่จำเป็นต้องไปสร้างความรู้สึกว่าต้องรับผิดชอบ
สร้างความรู้สึกว่าต้องผูกพันกัน ทั้งๆ ที่ใจเราไม่ได้มีตรงนั้น
ทีนี้จะให้แนะนำว่าจะเอาไปปล่อยหรือว่าจะแจ้งกทม.
มันก็คงไม่ได้จะต้องไปถึงตรงนั้น แต่ขอบอกอย่างนี้ก็แล้วกันว่า
การไม่ให้ไม่ได้หมายความว่าเราทำบาป
การไม่ให้ไม่ได้หมายความว่าเราเป็นคนใจไม่ดี

แต่การไม่ให้บางครั้งมันหมายถึงการที่เรารู้สึกว่ามันไม่มีใจตรงนั้น
มันไม่ได้มีความปลื้มที่จะทำบุญตรงนั้น แล้วเราก็ไปทำบุญตรงอื่น
เราก็ไม่ต้องไปสร้างความผูกพันแบบหลอกๆ ขึ้นมาทั้งๆ ที่ไม่ได้มีแก่ใจ


ถ้าหากว่าลองอย่างนี้ก็ได้เป็นทางออกที่อาจจะสวยงามในช่วงต้นนะครับ
พบกันครึ่งทางกับมัน ก็คือว่าเอาจานอาหารไปวางไว้นอกบ้าน
บอกว่าฉันจะเลี้ยงแกตรงนี้แหละ ฉันจะเลี้ยงแกนอกบ้านไม่ใช่ในบ้าน
ไม่ไปให้ความหวังกับมันไว้ตั้งแต่ต้นมือ ตัดความหวังของมันเสีย
ตัดความคาดคิดว่ามันมีสิทธิ์ที่จะเข้าบ้าน
ถ้าจะให้อาหารนี่มีอย่างเดียวเลยคือให้นอกประตูรั้ว
หมามันก็จะนานๆ เข้ามันก็รู้ได้เอง มันคงไม่หน้าด้านหน้าทนหรอกนะ



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP