ดังตฤณวิสัชนา Dungtrin's Answer

จะทดแทนพระคุณบุพการีที่ล่วงลับไปแล้วได้อย่างไร



ถาม - ถ้าคุณพ่อเสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่เรายังเป็นเด็ก
เราจะทดแทนพระคุณท่านอย่างไรได้บ้างครับ


คือความกตัญญู แค่จดจำไว้ แค่นึกถึงด้วยใจ เป็นมโนกรรม ก็เรียกว่ากตัญญูแล้ว
ที่เรียกว่าจะต้องตอบแทนคุณท่าน อันนั้นเป็นกตเวที
กตเวทีที่จะลงมือลงไม้ หรือว่าใช้คำพูด หรืออะไรแบบนี้
ที่ทำให้ท่านรับรู้ด้วยหู หรือว่ารับรู้ด้วยตา อันนั้นเป็นกตเวที
แต่ว่าแค่นึกด้วยใจ ก็ถือว่าเป็นคนกตัญญูแล้วนะครับ



ทีนี้การที่คนคนหนึ่ง บางทีบอกว่าจำได้ว่าพ่อมีพระคุณ
ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยได้เห็นหน้าเห็นตากันก็ตามในชีวิตนี้
มีเวลาในชีวิตที่จะเห็นหน้าเห็นตากันน้อย
แล้วมันก็ยังไม่อิ่มใจ มันก็ยังรู้สึกว่าไม่พอ
มีความรู้สึกเหมือนกับว่าขาดๆ อย่างไรไม่ทราบนะ
เพราะว่ายังไม่ได้ทำในสิ่งที่รู้สึกว่าต้องออกแรง
หรือว่าทำในสิ่งที่รู้สึกว่าเป็นกรรมที่จับต้องได้
อันนี้วิธีหนึ่งที่นิยมทำกัน ก็คือว่าพอทำบุญแล้วอุทิศส่วนกุศลให้
ก็เรียกว่าได้รู้สึกลงแรงไปบ้างแล้ว



ทีนี้ถ้าจะทำให้เกิดความรู้สึกขึ้นมาจริงๆ ก็อาจจะเลือกเอานะ
อย่างถ้าหากว่าช่วงที่คุณพ่อเสียนะครับท่านอายุประมาณเท่าไหร่
เราไปช่วยให้คนอายุประมาณเท่านั้นได้ในทางใดทางหนึ่งนะครับ
อย่างเช่นคนพิการ หรือว่าคนชราอนาถาที่ไม่มีลูกหลานดูแล
หรือว่าไปเจอตามข้างทางอะไรแบบนี้
ก็ช่วยเหลือเท่าที่จะเป็นไปได้ แล้วก็คิดว่าที่เราลงแรงไป
คิดเสมือนหนึ่งว่าได้ทำบุญตอบแทนท่าน
โดยอาศัยร่างของผู้ที่ด้อยโอกาสอายุประมาณเดียวกัน
ได้มีความสุขมากขึ้น ได้มีชีวิตที่ดีขึ้นอะไรแบบนี้นะ
แล้วก็อุทิศส่วนกุศลไป กลับมาบ้านแล้วสวดมนต์อุทิศส่วนกุศลให้
ความรู้สึกมันจะจับต้องได้ขึ้นมา



อันนี้หลายคนคงเคยมีประสบการณ์ใช่ไหม
แบบว่าเจอคนคล้ายๆ กับทำให้รู้สึกเหมือนเป็นพ่อเป็นแม่
หน้าตาคล้ายกันหรือว่าอากัปกิริยาท่าทีนิสัยอะไรต่างๆ มันเหมือนๆ กัน
เลยทำให้นึกถึงพ่อแม่ ก็เลยดีกับคนคนนั้นมากกว่าคนอื่นเป็นพิเศษ
นี่ก็ทำนองเดียวกัน คือพอเราได้รู้สึกว่าอาศัยร่าง อาศัยบุคคลสักคนหนึ่งนะ
เป็นตัวตั้ง เป็นตัวแทนความรู้สึกว่าเป็นพ่อเป็นแม่
แล้วทำดีไปกับเขาด้วยความรู้สึกราวกับว่าทำดีให้พ่อแม่
ความรู้สึกมันก็ดี มันก็เหมือนกับได้บุญมากกว่าทำกับคนทั่วไปใช่ไหม
หลายๆ คนก็คงเคยมีประสบการณ์แบบนี้
นั่นก็เพราะว่าถึงแม้จะไม่ใช่พ่อแม่จริงๆ ก็ตาม
แต่เป็นตัวแทนเป็นที่ตั้งของความรู้สึกให้เราได้

มันก็รู้สึกว่าได้บุญ อิ่มใจราวกับทำให้พ่อแม่ได้จริงๆ นะ
อันนี้ก็ถือว่าเป็นสื่อ สื่อบุญ

เวลาเรากลับมาอุทิศส่วนกุศลให้กับพ่อแม่
มันจะรู้สึกจับต้องได้ขึ้นมา เป็นจริงเป็นจังขึ้นมา



คือคนนี่นะ โดยเฉพาะคนไทยจะกังวลตรงที่ว่า
ทำบุญแค่นี้สงสัยไปไม่ถึงหรอก อะไรอย่างนี้
จริงๆ เรื่องการทำบุญข้ามภพข้ามชาติ
มันเป็นเรื่องที่พูดกันไปก็เปล่าประโยชน์นะ เพราะมันมองไม่เห็น
แต่ผมให้คิดง่ายๆ นะครับ สมมติว่าบุพการีของเราไปเกิดใหม่เป็นมนุษย์อย่างนี้
เป็นเด็กทารกอยู่ คุณลองดูเด็กทารกนี่จะรับรู้อะไรได้ไหม
จะรับบุญ อนุโมทนาจากลูกหลานที่อยู่ในภพก่อนได้ไหม
หรือว่าถ้าหากว่าจับพลัดจับผลูลงไปเป็นแมว เป็นนก เป็นปลา อย่างนี้นะ
คือจะเอาอะไรมา อย่างปลาว่ายน้ำอยู่ จะรับบุญได้อย่างไร
จะเอาบุญมาเลื่อนชั้นได้อย่างไร มันทำไม่ได้


ยิ่งถ้าท่านเป็นเทวดาหรือเป็นพรหมอยู่ บุญที่เราอุทิศให้ ท่านก็อาจจะอนุโมทนา
มองลงมาแล้วรู้ว่าลูกเราทำบุญส่งมาให้ ก็อาจจะยินดี
แต่ไม่ใช่ว่าบุญนั้นจะทำให้ท่านได้วิมานเพิ่มขึ้นอีกหลังหนึ่ง หรือว่าจะทำให้ชีวิตท่านดีขึ้น
แต่สิ่งที่มันจะดีขึ้นแน่ๆ คือความรู้สึกทางใจของเรานะครับ
ที่ได้พบว่าตัวเองมีความกตัญญู แล้วก็พยายามทุกวิถีทาง
คือมีใจที่มันเต็มที่จะตอบแทนท่าน ด้วยหนทางเท่าที่จะเป็นไปได้
แล้วถ้าหากว่าจับพลัดจับผลูท่านลำบากอยู่จริงๆ
แล้วก็อยู่ใกล้ๆ เราไม่ได้ไปไหน เป็นอะไรที่สามารถรับส่วนบุญจากเราได้
อันนี้ก็จะเป็นประโยชน์กับท่านขึ้นมาจริงๆ


ไม่ว่าจะไปถึงหรือไปไม่ถึง ไม่ต้องไปคิดนะ คิดว่าใจเรานี่ถึงหรือเปล่า
ถึงซึ่งความกตัญญู ซึ่งเป็นบุญอันดับแรก
แล้วก็ถึงซึ่งการพยายามตอบแทนท่านด้วยการลงมือจริงๆ
แล้วก็ได้ทำสำเร็จไหม ได้มีใจคิดส่งไปหรือเปล่า
เอาแค่นี้แหละ ตรงนี้นะมันจะเพียงพออยู่แล้วนะครับ

ที่จะทำให้เราได้ยืนยันกับตัวเองนะ ว่าเราได้แสดงความกตัญญูกับท่านแล้ว



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP