วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

ศิวาดล ๔๓



cover siwadol

ชลนิล



(ต่อจากฉบับที่แล้ว)



            แม่บ้านเข็มทองลืมตามองเพดานห้อง กวาดตามองรอบตัว พบว่าตนนอนอยู่บนเตียงห้องพยาบาล โดยมีชายหนุ่มคนขับรถศิวาดลนั่งอยู่ใกล้ ๆ

            “เธอ...กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่” คำถามบอกว่าสติสัมปชัญญะแจ่มใส จำได้ว่าพิจิกไม่อยู่ศิวาดลเป็นสัปดาห์

            “สักพักใหญ่ได้แล้วครับ” พิจิกตอบ นึกแปลกใจที่คุณแม่บ้านไม่ถามถึงอาการตนเอง

            “ฉัน...” หญิงกลางคนพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่ง มองเห็นแขนตนเองถูกปิดด้วยผ้าก๊อซยาวเลยข้อศอก

            “ระวังนะครับ...คุณแม่บ้านเพิ่งทำแผลเสร็จ” พิจิกลุกตาม คอยระวังไม่ให้อีกฝ่ายฝืนกำลังตัวเอง

            “ฉันโดนอะไรมา” ถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แววตาบอกการคาดเดาเรื่องราวได้

            “น่าจะโดน...มีดบาด” พิจิกตอบ

            “ยาวขนาดนั้นเลยหรือ” ถามพลางมองความยาวแผล “แล้วแผลต้องเย็บมั้ย”

            พิจิกพยักหน้า

            “ครับ หลายเข็มเหมือนกัน”

            “ใครเย็บแผลนี้...เธอเองหรือ?” แม่บ้านใหญ่ถามไม่ให้ตั้งตัว

            “ครับ” พิจิกตอบรับ ตรงไปตรงมา

            “เธอเป็นหมอ...แล้วปลอมตัวเป็นคนขับรถ?” คำถามกึ่งประชดประชัน

            “ไม่ใช่หมอทั่วไปครับ...ผมจบทันตแพทย์...หมอฟัน...” ไม่รู้ว่าตอบแบบนี้เป็นการกวนประสาทหรือเปล่า

            นับเป็นครั้งแรก ที่พิจิกเห็นดวงตาแม่บ้านใหญ่ฉายรอยขัน อารมณ์ดีขึ้นชั่วแวบ

            “ฉันน่าจะตกใจนะ ที่รู้อย่างนี้” แม่บ้านเข็มทองพูด “แต่พอดีเจออิทธิฤทธิ์ยายแมวที่เรือนครัวเสียก่อน...เลยคิดว่าที่ศิวาดลนี่ ไม่มีอะไรน่าตกใจกว่านี้แล้ว”

            พิจิกอมยิ้ม

            “ถ้าอย่างนั้น คุณแม่บ้านควรนอนพักผ่อนต่ออีกสักหน่อย คืนนี้จะมีเรื่องน่าตกใจกว่านั้นอีกเยอะ”

            “ไม่ล่ะ ฉันจะกลับตึกใหญ่ก่อน”

            “คงต้องรออีกสักเดี๋ยว” พิจิกบอก

            “ทำไม?”

            “ประตูห้องพยาบาลมันล็อค ตอนผมเย็บแผลให้คุณแม่บ้านพอดี” ชายหนุ่มไม่บอกต่อว่า ตนเองรู้เป็นฝีมือใคร

            ...ฝ่ายตรงข้ามคงหาวิธีถ่วงเวลาเขาจนถึงที่สุด ไม่ให้ขึ้นไปช่วยเมษาได้...

            “พังออกไปได้มั้ย” ไม่น่าเชื่อว่านี่เป็นคำพูดจากแม่บ้านเข็มทอง

            “มันล็อคด้วยลูกบิด ไม่ใช่ติดสายยูคล้องแม่กุญแจข้างนอก...ผมน่าจะเปิดออกได้” ชายหนุ่มบอกหน้าตาเฉย

            “ไหนบอกว่าเป็นหมอ...ฟัน” แม่บ้านใหญ่ชักไม่แน่ใจ

            “ไม่มีใครห้ามหมอฟัน ไม่ให้เรียนวิชาสะเดาะกุญแจนี่ครับ” พิจิกพูดซื่อ ๆ แววตาเจ้าเล่ห์ “คุณแม่บ้านนอนพักอีกสักเดี๋ยวเถอะครับ...เปิดประตูได้เมื่อไหร่ผมจะมาเรียก...”

            แม่บ้านเข็มทองเอนตัวลงนอนอีกครั้งโดยไม่ขัด วางใจชายหนุ่มตรงหน้าจนสามารถปิดเปลือกตาพักผ่อนอย่างสบายใจ

            เวลาผ่านไปครู่ใหญ่...พิจิกค่อยมาเรียกเบา ๆ

            “เรียบร้อยแล้วครับ”

            แม่บ้านใหญ่ตื่นเต็มตา สังเกตเห็นชายหนุ่มสีหน้าแปลกไป จึงลงจากเตียงโดยไม่เอ่ยถาม

            บานประตูเปิดกว้าง สายฝนซาลงแล้ว

            พอออกไปนอกห้องพยาบาล คุณแม่บ้านใหญ่ค่อยเข้าใจว่าเหตุใด พิจิกจึงมีสีหน้าแปลกกว่าเดิม

            ฟ้าครึ้ม เวลาเย็นย่ำ สายฝนโปรยปราย จากห้องพยาบาลข้างตึกสำนึกงานจะมองเห็นด้านหลังตึกใหญ่ศิวาดลชัดเจน

            ภายใต้ม่านฝน แสงรำไรบรรยากาศสีเทาจาง คฤหาสน์ศิวาดลดูแปลกตา เหมือนภาพติด ๆ ดับ ๆ สลับไปมา

            บางครั้งมันปรากฏเป็นตัวตึกใหญ่ คฤหาสน์สง่างาม...ทว่า...บางขณะราวจักษุประสาทหลอกลวง ทำให้มองเห็นมันกลายเป็นเรือนไม้โบราณหลังใหญ่ตั้งทะมึน ท่ามกลางเงาสนธยา...











บทที่ ๒๕



            “เมษาอยู่ในนั้น” พิจิกพึมพำแกมบอกหญิงกลางคนข้างกาย

            สายฝน ม่านอาคม หรือจะด้วยเวทมนตร์ใดก็ตาม ทำให้บางขณะศิวาดลดูไม่เหมือนศิวาดล มันดูคล้ายเรือนพระยาคงเวทกลับคืนมายังที่เดิมของตน

            “เธอไปที่นั่นทำไม?” แม่บ้านเข็มทองถาม

            “แพรพลอยเรียกให้ขึ้นไปหา” ถึงตอนนี้พิจิกไม่จำเป็นต้องเสแสร้ง แกล้งเป็นลูกจ้างคนขับรถแล้ว

            “พวกเธอเพิ่งมาถึง แล้วเขารู้ได้ยังไง” แม่บ้านใหญ่สงสัย

            “สมุนผีเต็มบ้านน่าจะคาบข่าวไปบอก...แพรพลอยคงเป็นลูกหลานป้าแมว” ชายหนุ่มไม่ปิดบัง ถือว่าแม่บ้านใหญ่เป็นฝ่ายเดียวกับตน

            เข็มทองถอนใจเฮือกใหญ่ ดลดาราเพิ่งบอกความสัมพันธ์ระหว่างแพรพลอย กับ ‘คุณ’ หรือป้าแมว เมื่อไม่นานมานี้เอง

            ฝ่ายนั้นปิดบังความลับไว้ กระทั่งภูตผีก็เพิ่งรู้...เพื่อให้แผนการนับสิบปีไม่ผิดพลาด

            “รู้ว่าเป็นแผนลวง หลุมพรางก็ยังยอมเดินดุ่มเข้าไปอีก” ผู้สูงวัยกว่าบ่นแกมตำหนิ

            “ไม่เข้าถ้ำเสือ จะได้ลูกเสือหรือครับ” พิจิกพูดยิ้ม ๆ

            “พวกเธอมีแผนอะไร...ให้ฉันช่วยมั้ย” ถามจากใจจริง

            “ครับ” ชายหนุ่มหันมาจ้องตา ก่อนก้มลงกระซิบเบา ๆ แผ่อำนาจจิตออกเป็นกำแพงโดยรอบชั่วขณะ ป้องกันไม่ให้ภูตผี สมุนจอมเวทในเงารับรู้ได้ยิน

            บอกแผนการจบก็คลี่คลายกำแพงอำนาจจิตออก พูดจากับแม่บ้านใหญ่ด้วยน้ำเสียงปกติ

            “ผมว่าทางที่ดี คุณแม่บ้านควรออกไปนอกศิวาดลสักคืน เพื่อความปลอดภัย”

            “ไม่จำเป็น” แม่บ้านใหญ่พูดชัดเจน “ฉันดูแลตัวเองได้”

            “ตอนนี้พวกเขาเก่งกว่าเดิมเยอะ...มันน่ากลัวนะครับ” พูดเชิงยกย่องฝ่ายตรงข้าม ข่มขวัญพวกตัวเอง

            “ฉันรู้...” เข็มทองไม่เถียง “ตัวฉันอาจไม่มีปัญญาทำอะไรพวกนั้น...แต่ถ้ารู้ตัวล่วงหน้าก่อน ฉันก็พอป้องกันตัวเองได้”

            “เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ” พิจิกไม่เซ้าซี้

            แม่บ้านใหญ่เอ่ยปากขอร้อง

            “ถ้ามีโอกาสยังไง...ฉันขอร้องให้เธอช่วยคุณดลกับพวกวิญญาณที่โดนตรวนจองจำด้วยนะ”

            พิจิกแสร้งทำสีหน้าหนักใจ

            “ผมจะพยายามครับ”

            แม่บ้านใหญ่คลายใจกว่าเดิม อ่านแววตาชายหนุ่มออกว่า ความหมายจริงในวาจานั้นคืออะไร...




- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            ฟ้าใกล้มืด ฝนโปรยปราย พิจิกเดินกางร่มไปจนถึงห้องครัวด้านหลังศิวาดล แสงไฟส่องลอดบานหน้าต่าง มองเข้าไปไม่เห็นผู้คน นอกจากเสียงฝนพรำ ไม่มีเสียงอื่นแว่วมากระทบหู

            ภายในห้องครัวโล่งว่าง ไม่มีการจัดเตรียมอาหาร ไม่มีทีมแม่ครัวอยู่สักคน กระทั่งแม่แววที่ออกไปตามเมษาก็หายหน้าไร้ร่องรอย

            พิจิกมองเห็นกระเป๋าเมษาวางบนโต๊ะตัวเล็กข้างตู้เย็น หยิบมันขึ้นมาเปิดดู พบว่าข้าวของในนั้นยังอยู่ครบ หญิงสาวไม่ได้หยิบอะไรออกไปสักชิ้น

            อุณหภูมิในห้องเย็นลง บรรยากาศแปลก เปลี่ยนไปจากเดิม พิจิกคล้ายมองเห็นครัวกว้างกลายสภาพเป็นภายในเรือนไม้โบราณชั่วแวบ

            คฤหาสน์ศิวาดลกับเรือนพระยาคงเวทกำลังซ้อนเหลี่อมด้วยอำนาจอาคมสองสุดยอดจอมมาร มิติความจริงใกล้ถูกมายาภาพแห่งอาคมบิดเบือนบดบัง

            ชายหนุ่มหยิบกระเป๋าเมษาขึ้นมาสะพาย เจ้าของกระเป๋ารู้ว่าการขึ้นไปหาแพรพลอยเป็นกับดัก หลุมพราง จึงจงใจทิ้งกระเป๋าใบนี้ไว้เพื่อให้เขาสะดวกในการตามมาช่วยเหลือ

            พิจิกออกจากห้องครัว เดินผ่านห้องโถงใหญ่เพื่อขึ้นบันไดกลางไปยังชั้นสามห้องแพรพลอย อากาศเย็นลงเรื่อย ๆ กระแสลมเอื่อยพัดไหว คล้ายมีใครเดินผ่านไปมาช้า ๆ เต็มไปหมด ผิวสัมผัสที่แขนเหมือนมีมือมาลูบไล้ สายตาไม่เห็นสิ่งแปลกปลอมต่างภพ พวกมันน่าจะถูกอำพรางโดยผู้ควบคุมเบื้องหลัง หวังจู่โจมตอนเขาไม่ทันตั้งตัว

            ต้นคอมีลมเป่าฟู่ผ่านราวหยอกล้อหลอกหลอน พิจิกไม่ใส่ใจ ก้าวมาจนถึงเชิงบันได เงยหน้าขึ้นไปแล้วชะงักเท้า

            บันไดทุกขั้นยืนเรียงเต็มไปด้วยภูตผีสมุนนายทอง แต่งชุดโบราณยืนหน้าถมึงทึง ขาถูกล่ามด้วยตรวน วิญญาณเร่ร่อนพวกสัมภเวสีหน้าใหม่ แต่งตัวเหมือนคนยุคนี้ เพียงแต่เสื้อผ้ายับยู่ยี่ บ้างขาดวิ่น เปรอะเปื้อนรอยเลือด หน้าตาบิดเบี้ยว บางตนดูไม่สมประกอบ กะโหลกหายไปเป็นซีก หนักกว่านั้นคือไม่มีหัว ยืนเลือดไหลอาบชโลมร่าง

            พิจิกเป่าลมจากปากดังหวือ ล้วงมือไปในกระเป๋าสะพายเมษา กำกลีบดอกไม้แห้งปลุกเสกขึ้นมาเตรียมพร้อม

            ตั้งแต่ศึกษาเวทมนตร์ เผชิญหน้าโลกหลังความตาย ครั้งนี้เขาเจอผู้อยู่ต่างภพมารวมกันมากสุด

            สงสัยป้าเพ็ญแข ปิศาจนายทองกำลังจัดปาร์ตี้ฉลองสำเร็จอาคมขั้นสูงกระมัง




- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            ห้องแพรพลอยกลายเป็นส่วนหนึ่งภายเรือนพระยาคงเวท น่าจะเป็นห้องนอนรับแขก ตกแต่งด้วยเครื่องเรือนน้อยชิ้น สวยงามลงตัว มีเตียงไม้สักขนาดใหญ่ตั้งกลางห้อง เสาเตียงสลักเสลาลวดลายสวยงาม ผูกมุ้งผ้าโปร่งสีขาวสะอาดตา หน้าต่างรอบห้องเปิดกว้าง เห็นท้องฟ้ามืด ดาวพราวแสง อากาศปลอดโปร่ง กระทั่งบานประตูหน้าห้องก็เปิดรอ ส่งกระแสเชิญชวนให้ออกไปชื่นชมส่วนต่าง ๆ ภายในเรือนได้ทุกเมื่อ

            เหล่าภูตผี วิญญาณเร่ร่อนไม่ปรากฏตัวให้เห็น เมษารับรู้ด้วยสัมผัสภายในว่าพวกมันยังอยู่ในห้อง ไม่สามารถออกไปไหนได้ เช่นเดียวกับที่รู้...ห้องนอนรับแขกเรือนพระยาคงเวทเป็นแค่มายาภาพ ลวงตาด้วยอาคม อาศัยพลังงานวิญญาณเร่ร่อนเหล่านี้ช่วยเหนี่ยวนำ สร้างบรรยากาศ

            ในความเป็นจริง เมษายังยืนอยู่ที่เดิม ไม่ได้หลุดข้ามมิติไปโผล่ที่ไหนทั้งนั้น

            เจตนาข้อหนึ่งของกับดักนี้คือถ่วงเวลา แยกหล่อนกับพิจิก ส่วนเจตนาข้อสอง...เมษาคาดเดาไม่ยาก สายตามองประตูหน้าห้องที่เปิดออกเชิญชวน หางตาเห็นเงาผู้คนแวบ ๆ กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็น แล้วอมยิ้มน้อย ๆ โดยไม่ขยับตัวทำอะไร

            การทำลายมนตร์ลวงตา ขับไล่เหล่าสัมภเวสี วิญญาณเร่ร่อน ไม่ใช่เรื่องเกินกำลังความสามารถ ที่เมษายังยืนชมเรือนอยู่อย่างนี้ เพราะกำลังคาดเดาจิตใจ แผนการฝ่ายตรงข้ามเป็นอย่างไร

            ถ้าหล่อนออกจากห้องแพรพลอย...สิ่งที่รอคอยข้างนอกคืออะไร?

            หญิงสาวเผยรอยยิ้มประหลาด หันหลังจากประตูที่เปิดอ้า ไปนั่งลงบนเตียงอย่างคนคร้านใส่ใจเรื่องนอกตัว สัมผัสเบาะนุ่ม ใช้มือปัดหมอนนิดหน่อยพอเป็นพิธี ก่อนปิดปากหาวหวอด เอนตัวลงนอนโดยไม่สนใจฝ่ายตรงข้ามจะดำเนินแผนการต่อไปแบบไหน...

            ...ถ้าจะมีตัวประหลาด กับดักใดรออยู่ข้างหน้าก็ช่างมัน ไม่เห็นต้องเหนื่อยแรงโผล่หน้าออกไปหา สู้นอนพักอยู่ในห้อง เป็นฝ่ายรอให้มันเข้ามาเองจะดีกว่า...

            นี่เป็นความคิดสุดประหลาด ผุดขึ้นมาโดยไม่ได้วางแผนล่วงหน้า

            ปิดเปลือกตา ขยับตัวนอนในท่าสบาย บอกให้รู้ว่าหล่อนต้องการพักผ่อนจริง ๆ

            ครู่หนึ่งหูแว่วเสียงริ้ง ๆ เข้ามารบกวน

            “เมษา...เมษา...เมษา...” เสียงกระซิบข้างหูดังเป็นระยะ

            หญิงสาวขยับตัวเล็กน้อย ไม่สนใจ

            “เมษา...มาเล่นด้วยกัน...มาสนุกกันเถอะ...เมษาษาษา...” คราวนี้เสียงเชิญชวนสะท้อนก้อง ห่างไกลออกไปจนได้ยินแค่แว่ว ๆ

            ปลายแก้มบังเกิดรอยสัมผัสแผ่ว คล้ายมีคนมาลูบหน้า ลูบแขนชวนขนลุกซู่...

            หญิงสาวใช้มือปัดป่ายอย่างคนละเมอ จิตสัมผัสแผ่ออกทำงานอย่างเป็นธรรมชาติ ห้วงนิมิตเห็นรอบกายเต็มไปด้วยภูตผีสารพัด หลายตนพยายามยื่นมือเหยียดยาวมาเอื้อมแตะ ลูบไล้แล้วรีบชักกลับคล้ายเผชิญพลังลึกลับดีดสะท้อน พวกมันส่งคลื่นรบกวนชวนอึดอัด แผ่กระแสหม่นมัวเข้ามาครอบงำ ชักนำจิตใจให้เกิดความหวั่นไหว หวาดกลัวโดยไม่ทราบสาเหตุ

            ...หากเป็นคนธรรมดาทั่วไป หลุดเข้ามากลางวงแบบนี้ คงหวีดร้องเสียงลั่น วิ่งพล่านเสียสติไปแล้ว...

            เมษากำหนดจิตเข้าสมาธิเงียบ ๆ ภายนอกดูเหมือนกำลังนอนเอกเขนกพักผ่อนสายตา สัมผัสภายในกลับเฉียบคม ส่งออกกว้างไกล สามารถอำพรางไม่ให้ภูตผี ผู้ทรงเวทในเงาทั้งสองรู้ว่าตนกำลังทำอะไรอยู่

            เวลาผ่านไปนานพอสมควร...

            หน้าประตูห้องปรากฏร่างดำทะมึนของปิศาจผิวสีเทา แขนขายาวผิดปกติ ตัวสูงจดเพดาน มันเดินค้อมตัวผ่านบานประตูเข้ามา นัยน์ตาเหลือกแข็งค้างไม่ผิดกับปลาตาย ใบหน้าหันมาทางเมษาที่นอนอยู่บนเตียง ท่าทางเดินสะดุด เหมือนแข้งขาแข็ง เอ็นยึดไม่คล่องแคล่ว

            มันเดินวนเวียนรอบเตียงหญิงสาว ใบหน้าแหงนเงยสลับก้มหันไปทางร่างที่นอนเหยียดยาวสบายอารมณ์ ดวงตาแข็งทื่อขาวซีดน่าสะพรึง ท่าทางดูเหมือนกำลังหาจังหวะจู่โจมทำร้าย รอเวลาชาร์ตเข้าใส่

            เมษานอนหลับตา ท่าทางเหมือนไม่รู้สึกตัว ไม่มีสติ ลงภวังค์นิทราหลับใหลเต็มที่ ปิศาจตนนั้นหาโอกาสได้จึงกระโจนขึ้นทับร่างหญิงสาวทันที!

            ...อ๊ากกกก...มันร้องลั่นลากยาว กระโดดโหยงเหมือนโดนกระแสไฟฟ้าแรงสูงช็อตเข้าใส่ ร่างลงไปดิ้นพล่านกลางห้อง ตัวยืดยาวหดสั้นลงมาจนดูปกติ ใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเก ทุกข์ทรมานยากทนไหว

            เมษาลืมตา ลุกขึ้นนั่ง ประกายตาเจิดจ้า แลทะลุม่านอำพราง เห็นเป็นห้องแพรพลอยดังเดิม เตียงที่ตนนอนอยู่คือโซฟายาวรับแขก

            ปิศาจตนนั้นยังร้องโหยหวนไม่หยุด สัมภเวสี วิญญาณเร่ร่อนแตกกระเจิง หลบลี้หนีไปอยู่ตามมุมห้อง เกาะผนัง แขวนตัวบนเพดาน ด้วยเกรงตนจะโดนทำร้ายไปด้วย

            “อยู่ดีไม่ว่าดีนะแก...” เมษาบ่นเบา ๆ รู้ว่ามันเป็นแค่หน่วยกล้าตายจากภายนอก ไม่ใช่กองกำลังทั้งหมดที่รอคอย

            สายตามองปิศาจตนนั้นด้วยแววเมตตา สูดลมหายใจเข้ายาวลึก เป่าลมจากปากเบา ๆ ในใจนึกบทสวดแผ่เมตตาให้มันด้วยใจอารี

            เสียงร้องโหยหวนขาดหาย อาการดิ้นพล่านทุกข์ทรมานหยุดลง มันขดตัวเป็นก้อนกลมแล้วค่อยเลือนหายไปต่อหน้าต่อตา

            เมษายิ้มพลางกวาดสายตามองรอบห้อง พบเหล่าสัมภเวสีต่างกลัวกันลาน หลบไปกองกันอยู่อย่างน่าสงสาร

            ...การเข้าสมาธิออกสำรวจทั่วคฤหาสน์เมื่อครู่ ทำให้รู้รายละเอียดที่มีประโยชน์หลายอย่าง...

            ประตูห้องถูกไขดังกริ๊ก เมษาลุกขึ้นยืนบิดตัวอย่างเมื่อยขบ พอบานประตูเปิดออก ก็ส่งเสียงบ่นออกมาเบา ๆ

            “ทำไมมาช้านักวะ”

            พิจิกอยู่หน้าประตู มองหญิงสาวที่ยืนเท้าเอวกล่าวตำหนิตน ด้วยสายตาขำขันปนระอา

            “แกก็สบายดีนี่...มาช้านิดช้าหน่อยจะบ่นทำไม รู้มั้ยว่าฉันต้องเจออะไรบ้าง กว่าจะมาเปิดประตูให้แกได้อย่างนี้”

            “สบายตรงไหน ฉันอยู่กับผีเป็นโขยง น่ากลัวจะตาย” เมษาเถียง

            “ใครน่ากลัวกว่ากัน...ผีหรือแก...” พิจิกส่ายหน้า เดินเข้ามาในห้อง “ฉันว่าพวกผีมันน่าจะอึดอัด ทรมานแทบตาย ที่ต้องอยู่กับคนน่ากลัวอย่างแก!”

            เมษาหัวเราะคิก ขี้เกียจเถียงชายหนุ่ม

            หากดูเผิน ๆ กับดักนี้ไม่น่าอันตรายอะไร แค่อยู่ร่วมห้องกับผีโขยงใหญ่ และภาพมายาเรือนพระยาคงเวท

            ในความเป็นจริงที่เมษาล่วงรู้จากอำนาจสมาธิจิต การที่ทั้งห้องแปรเปลี่ยนกลับกลาย บานประตูเปิดอ้ารอ ส่งกระแสดึงดูด เชิญชวนอย่างยากที่ใครจะต้านทานได้...ถ้าเมษาก้าวออกไปจริง...นั่นแหละคือติดกับดักของแท้ มันเป็นบ่วงมนตราที่ล่อหลอกแนบเนียน

            เมษาจะหลงในวังวนมายา กล่อมให้เห็นผิด เข้าใจว่าตนเดินวนเวียนอยู่ในเรือนพระยาคงเวทโดยหาทางออกไม่ได้ ไม่มีสติแยกแยะความจริงกับภาพลวงตา

            ต่อให้พิจิกมาช่วย ก็ต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมง กว่าจะใช้สมาธิขั้นสูง ดึงหล่อนกลับมาสู่โลกความจริง

            ดังนั้นเมษาจึงจงใจไม่ออกไปไหน แกล้งนอนเสียเฉย ๆ แล้วแอบเข้าสมาธิเพื่อให้จิตมีกำลังเตรียมพร้อม ออกสืบรู้สถานการณ์ต่าง ๆ รอบตัว

            ฝ่ายนั้นจึงแกล้งส่งปิศาจมาทำร้าย กระตุ้นไม่ยอมให้เธออยู่นิ่งเฉย ผลักดันจนกว่าจะติดบ่วงกับดัก น่าเสียดายที่เมษามีอำนาจจิตกล้าแข็งกว่าพวกมันคิด และพิจิกขึ้นมาช่วยเธอโดยไม่เสียเวลากับภูตผีตามรายทางสักเท่าไหร่

            “ออกไปจากห้องนี้ก่อนเถอะ” หญิงสาวบอก

            “เอาสิ” พิจิกไม่ขัด ปลดกระเป๋าสะพายยื่นคืนให้เจ้าของ “แกทิ้งไอ้นี่ไว้ในครัวแน่ะ”

            “เออ...ฉันจงใจ แกจะได้ตามมาช่วยง่ายขึ้น...แล้วของในนี้ก็มีประโยชน์กับแกนะ”

            “รู้แล้ว...ฉันหยิบไปใช้นิดหน่อยเอง” ชายหนุ่มพูดด้วยวาจาที่เข้าใจกันเฉพาะสองคน

            เมษาสะกิดใจ รีบเปิดดูของในกระเป๋าทันที

            “นี่แก...เอาของในนี้ไปไล่ผี หรือใช้ถมที่วะ...เกือบหมดเชียว”

            “ฉันก็กลัวผีเหมือนแกนี่แหละ เลยหยิบใช้หนักมือไปหน่อย” ชายหนุ่มลอยหน้ายิ้ม ไม่สะดุ้งสะเทือน

            เมษาส่ายหน้าถอนใจ รู้ว่าด่าแรงแค่ไหนอีกฝ่ายก็ไม่รู้สึก

            “เออ...เราต้องรีบไปช่วยคุณดลดาราก่อน” หญิงสาวบอก

            “เธออยู่ที่ไหน?” พิจิกถาม

            “ในห้องใต้หลังคา” เมษาตอบ

            “ไปสิ” ชายหนุ่มตอบรับ ไม่สงสัยสักนิดว่าหญิงสาวรู้ได้อย่างไร

            การที่เมษายอมแกล้งหลงกล มาติดกับดักห้องแพรพลอย เพราะรู้ว่าคฤหาสน์ศิวาดลเป็นจุดศูนย์กลางของแผนการฝ่ายตรงข้าม หากต้องการรู้ความเคลื่อนไหว คาดเดาแผนการพวกมันได้ จำเป็นต้องยอมเสี่ยงบุกเข้ามาติดกับดักแรกก่อน

            เมษาเข้าสมาธิ เลือกจุดอันเหมาะสม แผ่จิตสัมผัสแทรกซึมทั่วคฤหาสน์อย่างแนบเนียน ฝ่ายตรงข้ามไม่รู้สึกสำเหนียกได้ จนทราบว่าดลดารา รายา พรนรี พยาบาลโสภีถูกกักขังไว้ที่ห้องใต้หลังคา เพื่อไม่ให้พวกเธอลอบบอกแผนการความเคลื่อนไหวแก่ตน

            ตอนพิจิกมาถึงห้องครัว ผ่านด่านภูตผีจนถึงชั้นสาม เมษาก็รู้ตลอด จึงค่อยออกจากสมาธิ จังหวะเดียวกับสมุนปิศาจกระโดดขึ้นมาทับ หวังให้เกิดอาการ ‘ผีอำ’ มันจึงโดนกำลังสมาธิกระแทกออกไปโดยอัตโนมัติ

            จากนั้นหญิงสาวค่อยยืนรออย่างใจเย็น ระหว่างชายหนุ่มสะเดาะกุญแจเข้ามาช่วย



(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP