จากใจ บ.ก.ใกล้ตัว Lite Talk

ฉบับที่ ๓๘๖ ทานที่แท้จริง



386 talk


ถาม : ทำบุญแล้วควรหวังผล หรือไม่หวังผลกันแน่
? ถ้าไม่ให้หวังผลอะไรเลย
คนที่บอกว่าทำบุญแล้วจะได้ผลอย่างนั้นอย่างนี้มิบาปแย่หรือที่มายั่วความโลภคน


ดังตฤณ :

แม้พระพุทธเจ้าท่านก็ตรัสครับ
ว่าอานิสงส์ของบุญอย่างนั้นอย่างนี้
ทำให้ได้รับอะไรเป็นผลตอบแทน


เบื้องต้น ท่านให้ทำความเข้าใจก็จริงว่า
ทำทานนั้น เป้าหมายเพื่อสละ
เพื่อทำลายความตระหนี่
แต่สำหรับคนที่ยังขาดกำลังใจ
ท่านก็ชี้ให้เห็นว่าทำไปแล้วจะได้อะไร


ขอให้สังเกตว่าแม้แต่พระอัครสาวกบารมีมากๆ
ก็ยังต้องฟังจากพระศาสดาเกี่ยวกับเรื่องผลของทานนะครับ
มีอยู่ในพระสูตรหนึ่งพระพุทธองค์ตรัสว่า
ถ้าพวกเรารู้ผลของทานเหมือนอย่างที่พระองค์รู้
ก็จะไม่ดูดายในการให้ทานก่อนจะกินก่อนจะใช้
จะต้องแจกชาวบ้านหรือสรรพสัตว์ก่อนเสมอ
ผลของทานนั้นใหญ่หลวงมีแรงจูงใจได้ขนาดนั้น


.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..


ถ้าทำบุญด้วยความโลภ
ก็เป็น ‘สุดโต่งความผิดพลาด’
ในการทำทานด้านหนึ่ง
คือทำแบบนักลงทุน
ไม่ได้ทำแบบผู้แสวงบุญ !


เนื่องจากความโลภเป็นของหนัก
นอกจากทำจิตให้ทึบ
ไม่ปลอดโปร่งเป็นกุศลเต็มที่แล้ว
ยังบั่นทอนกำลังบุญ
หรือหน่วงเหนี่ยวไม่ให้เกิดผลเร็วอีกด้วย


กฎแห่งกรรมวิบากที่ชัดเจนข้อหนึ่ง คือ
ถ้าก่อกรรมโดยมีโลภะ โทสะ โมหะเจืออยู่
กรรมนั้นจะเป็นอกุศล หรือกระเดียดไปในทางอกุศล
หรืออย่างน้อยที่สุดถึงตั้งต้นเป็นกุศลจริง
ก็จะถูกแย่งพื้นที่ความสว่างไป
ด้วยเพราะมีเงาอกุศลทาบทับอยู่ดี


ไม่ใช่ว่าทำบุญแบบเก็งกำไรแล้วสูญเปล่าหรอกนะครับ
ผลบุญยังมีอยู่ดี เพียงแต่จะมาช้า แล้วก็ไม่หนักแน่น
ทำนองเดียวกับนักดนตรีที่เล่นไม่เก่ง
ใช่ว่าทำให้เสียงดนตรีดังไม่ได้
แต่ดังแล้วไม่เพราะ ไม่ได้จังหวะจะโคน
ไม่หนักแน่นเร้าใจเท่านั้นเอง


.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..


แต่ถ้าไปคิดผิดแบบใหม่
คือทำบุญต้องไม่ได้อะไรเลย ห้ามหวังอะไรเลย
อย่างนั้นก็เป็น ‘สุดโต่งความผิดพลาด’
ในการทำทานอีกด้านหนึ่ง
คือมีแต่กรรมทางกาย
‘กรรมทางใจ’ หดหายเกือบหมด !


พระพุทธเจ้าตรัสว่า
ผลของการให้ทาน ‘ด้วยศรัทธา’
จะทำให้เป็นผู้มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคะมาก
และเป็นผู้มีรูปงามชวนพิศ
น่าเลื่อมใส ผิวพรรณงามยิ่ง


.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..


ก่อนอื่นคุณต้องเลื่อมใสว่า
‘ทานมีผล’ ทั้งปัจจุบันและอนาคต


ผลปัจจุบัน คือ
มีความสุขที่จะให้
มีความสุขกับการได้ช่วยเหลือ
มีความสุขจากการสละขยะหมักหมมพะรุงพะรังออกจากจิต
พูดง่ายๆ คือ ได้เสพสุขจากจิต
อันทรงภาวะเมตตากรุณานั่นเอง


เมื่อไหร่ที่คุณให้
จนเกิดความรู้สึกราวกับซื้อของให้ตัวเอง
นั่นแหละคุณทำทานอย่างแท้จริง
ฝึกจนถึงจุดจริงๆจะรู้ครับว่ารู้สึกอย่างไร
เหมือนดีใจที่ได้ของเอง
เพราะเข้าใจล่วงหน้าอย่างลึกซึ้งว่า
ผู้รับเขาจะเกิดปีติสุขและอิ่มเอมกับการใช้ของขนาดไหน
แล้วคุณพลอยร่วมยินดีในระดับเดียวกัน
หรือเกินกว่าเขา


ผลในอนาคต คือ
การสะท้อนตอบแบบให้ไปย่อมได้มา
คุณช่วยคนอื่น
ก็คือการสร้างแรงขึ้นมาแรงหนึ่งส่งออกไป
ย่อมมีแรงสะท้อนกลับเป็นการมีมือมนุษย์ช่วยเหลือ
หรือมีเหตุการณ์ประจวบเหมาะช่วยเหลือ
หรือถือกำเนิดใหม่ในแดนเกิดที่พร้อมช่วยเหลือ
ให้คุณอยู่สบายไม่เดือดร้อน


.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..


การมี ‘ความเลื่อมใสว่าทานมีผล’ นั้น
แตกต่างจาก
‘การโลภว่าทำทานต้องได้ผล’ ตอบแทนคืนมา
จิตคุณจะเชื่อมั่นว่ากำลังทำดี
สร้างทางน่าอบอุ่นใจให้ตนเองเดิน
ทั้งในปัจจุบันและอนาคต
ก่อนทำ คุณไม่คาดหวังว่าต้องได้ผลคืนเป็นเงินทองเท่าใด
ขณะทำ คุณเป็นสุขกับบุญอันวิเศษ
หลังทำ คุณอิ่มใจที่ประกอบกรรมดีสำเร็จ


ดังตฤณ
พฤษภาคม ๒๕๖๗









review


การระลึกถึงความตายอยู่เสมอ ย่อมทำให้ไม่ประมาท แล้วหมั่นสร้างบุญกุศล
ประพฤติปฏิบัติตามคำสั่งสอนแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ดังความตามพระธรรมเทศนา โดย พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน)
เรื่อง "คุณค่าแห่งธรรม (ตอนที่ ๔)" ในคอลัมน์ "สารส่องใจ" (-/
\-)


เมื่อสวดมนต์จบแล้วและจะแผ่เมตตาและอุทิศบุญกุศลให้บุคคลต่างๆ
ควรระบุรายชื่อแบบเจาะจงหรือให้ทุกท่านไปพร้อมๆ กัน
หาคำตอบได้ในคอลัมน์ "ดังตฤณวิสัชนา"
ตอน "หลังจากสวดมนต์แล้วควรอุทิศบุญกุศลอย่างไร"


เมื่อธันวาและมีนาต้องรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับวิญญาณของเสี่ยหมง
แต่การตายอย่างเป็นปริศนาของกัญญาก็ยิ่งทำให้เงื่อนงำนั้นซับซ้อนขึ้นไปอีก
มาติดตามเรื่องราวที่เข้มข้นนี้ได้ใน "เร้น ตอนที่ ๑๐"
นวนิยายเรื่องเยี่ยมผลงานของคุณชลนิล ในคอลัมน์ "วรรณกรรมนำใจ" ค่ะ


แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP