วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

เร้น ๒๗



Ren



ชลนิล


(ต่อจากฉบับที่แล้ว)



            เมื่อถึงเวลาอันสมควร ภูริชกลับมาอีกครั้งในแบบไม่เหมือนใคร

            ภาพอุบัติเหตุในคลิป เหตุการณ์วีรบุรุษช่วยเด็กในรถตู้ ล้วนถูกจัดฉากขึ้น เพื่อแสดงให้ย่าดาวันเห็นว่า เขามีความสามารถสร้าง ‘ภาพ’ อันดีงามให้โด่งดังได้ในเวลาไม่กี่นาที และยังเก็บร่องรอยตัวเองได้แนบเนียน รวดเร็ว ชนิดที่มันโด่งดังแค่คืนเดียว ก็ไม่มีคลิปเหตุการณ์นั้นหลุดออกมาในโลกไซเบอร์ได้อีก

            ส่วนลึกในใจ การสร้างภาพและปล่อยคลิปให้เห็นใบหน้าตนเองชัดเจนขนาดนั้น ก็เพื่อส่งข่าวถึงใครบางคนที่เป็นเพื่อนสนิท อาจมองเห็นและ ‘เซฟ’ คลิปนี้ไว้เพื่อตามหา รับรู้ว่า ‘เพื่อน’ กลับมาแล้ว

            แม้เพื่อนคนนั้นจะไม่ใช่ ‘ภูริชคนเดิม’ ที่เคยรู้จักอีกต่อไป

            ตอนธันวามาขอให้ช่วยขุดหาข้อมูลมาโนช และ W. คอร์ป ภูริชเริ่มรู้...ไม่นานทั้งสองต้องอยู่คนละฝ่าย แต่การ ‘ล้ม’ มาโนช เป็นแผนที่เขาอยากทำอยู่แล้ว เพื่อแทนตำแหน่ง Wolf ก้าวเป็นหนึ่งในสามบุคคลสำคัญในองค์กร จึงไม่ลำบากใจเลย

            พอธันวาของให้ค้นข้อมูลหมอโกเมน...ก็มองเห็น...เวลาแห่งมิตรภาพใกล้หมดลง เพื่อนคนนี้ล้วงลึกเข้าไปในองค์กรเขามากเกินไปแล้ว

            ยิ่งเห็นภาพมีนาช่วยเหลือ พา ‘สินค้า’ สำคัญหลบหนี ภูริชก็บอกกับตัวเองว่า ต้องเลือกแล้วว่าจะยืนอยู่จุดใด ‘เพื่อน’ หรือ ‘องค์กร’

            การเปิดเผยข้อมูลมีนาในที่ประชุม ทั้งที่รู้ว่าหญิงสาว ‘สำคัญ’ ต่อเพื่อนแค่ไหน ย่อมยืนยันชัดว่าจุดยืนภูริชคืออะไร

            เขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป...เพียงแค่...กลับมายืนในจุดที่ควรอยู่เท่านั้น!

            เมื่อตัดสินใจเลือกข้างแล้ว ต้องทำ ‘หน้าที่’ ให้ดีที่สุด

            Killer พลาดในการบุกจับสินค้าสำคัญที่คอนโดมีนา พลาดในการติดตามหญิงสาวจากบ้านดาวัน

            เขาจึงต้องทำหน้าที่ ‘ผู้ล่า’ เสียเอง

            การ ‘แฮก’ โทรศัพท์ธันวาไม่ใช่เรื่องยาก ทำให้รู้ความเคลื่อนไหวฝ่ายตรงข้าม ตามรอยสินค้าสำคัญไปจนถึงในห้าง ฯ และรู้เส้นทางหลบหนีว่าพวกเขากำลังออกต่างจังหวัด เพื่ออาศัยอิทธิพลปู่ทั้งสองคุ้มครอง

            ภูริชมีทีมนักล่าส่วนตัวอยู่แล้ว จึงไม่ยากเลยที่จะวางแผนสั่งคนติดตาม และดักทางหลบหนี...ที่เหลือ แค่คอยฟังการรายงานผล



            ชายหนุ่มนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ ประสานมือมองดูจุดเครื่องหมายกำลังเคลื่อนที่ไปบนถนนด้วยความเร็วอย่างใจเย็น ไม่ต่างจากราชสีห์ร้ายรอให้เหยื่อมาติดกับดัก

            หากภูริชนับธันวาเป็นเพื่อนสนิทคนเดียว เหตุใดจึงวางแผนทำร้าย ‘เพื่อน’ ถึงขนาดนี้

            ...ธันวาไม่ควรทำให้เขาต้องเลือกระหว่าง ‘เพื่อน’ กับ ‘เป้าหมายสูงสุด’ ที่พ่อแม่ปลูกฝังมาตั้งแต่เติบโต...

            ถ้าเพื่อนสนิทยังยืนอยู่จุดเดิม ไม่ยุ่งเกี่ยวกับองค์กรนี้มากเกินไป ธันวายังคงเป็นเพื่อนคนเดียวที่ภูริชรักและไว้ใจ

            เมื่อเพื่อนเข้ามาขวางเส้นทางสู่จุดหมาย เขาจำเป็นต้องนำเพื่อนออกจากเส้นทางนี้ก่อน...เชื่อว่า...ฝีมือระดับธันวาเอาตัวรอดได้ ไม่ถึงขั้นบาดเจ็บ เสียชีวิต แต่คงไม่มีทางรักษา ‘สินค้า’ ที่เขาส่งคนไปช่วงชิง

            เมื่อเขาสามารถทำงานแทน Killer ได้...ชายชราคนนั้นคงรู้ตัวว่าถึงเวลาต้องสละตำแหน่งแล้ว

            มันไม่ยากเลยที่ใครสักคนจะควบสองตำแหน่ง Killer และ Wolf เพื่อสุดท้ายคนคนนั้นจะพร้อมก้าวขึ้นเป็น Center คนต่อไป

            ภูริชเหยียดรอยยิ้มสาแก่ใจเมื่อนึกถึงช่วงเวลานั้น แล้วก็ต้องหรี่ตามองจอคอมพิวเตอร์ พบว่าจุดเครื่องหมายที่ติดตามจากโทรศัพท์ธันวามันดับหายไปแล้ว

            ชายหนุ่มถอนใจ ดวงตาทอประกายประหลาด...ธันวาไม่ใช่คนโง่จริง ๆ



- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -



            “พวกมันดักอยู่ข้างหน้า และขับรถตามหลังมาด้วย!” มีนาถ่ายทอดข้อความจากผู้ต่างภพ

            ธันวานิ่งอึ้งชั่วขณะก่อนออกคำสั่ง

            “โทรบอกลุงชาติ ขอให้พากำลังเสริมมาช่วยด่วน”

            ‘ลุงชาติ’ เจ้าของค่ายมวย ลูกน้องปู่ มี ‘เด็ก’ ในสังกัดทั้งที่เปิดเผยตัวได้ เป็นนักมวยในค่าย และที่เปิดเผยตัวไม่ได้ พวกนักเลงที่เคยมาพึ่งใบบุญจำนวนมาก สามารถระดมคนมาช่วยเหลือเร็วสุดกว่าใคร

            “จะทันเหรอ” มีนาบ่นพลางหยิบโทรศัพท์ตนขึ้นมา

            “ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย” ธันวาบอก

            “เฮ้ย...เดี๋ยวก่อน” หญิงสาวมองโทรศัพท์แล้วชะงัก “ตี๋เล็กบอกว่าโทรศัพท์เราโดนแฮกนะ...อย่างนี้พวกมันถึงตามรอยมาได้ ขืนโทรหาลุงชาติ พวกมันก็ต้องรู้สิว่าเราเรียกกำลังเสริม”

            ธันวาเม้มปาก ดวงตาฉายแววประหลาด ทอประกายเจ็บปวด โกรธเคือง กัดฟันเอ่ยปากเสียงเรียบ

            “โทรศัพท์เธอไม่โดนแฮกหรอก...พวกมันแฮกโทรศัพท์ฉัน” พูดจบหยิบโทรศัพท์ตนขึ้นมาแล้วปิดเครื่องทันที

            ไม่รู้ว่าวิธีนี้จะสามารถป้องกันฝ่ายตรงข้ามได้หรือไม่?

            “รู้ได้ไงว่าโทรศัพท์แกโดน แล้วโทรศัพท์ฉันไม่โดน” มีนาสงสัย

            “รีบโทรเถอะ ยิ่งช้ายิ่งอันตราย” ธันวาตอบห้วน ๆ

            มีนาเหลือบมองเด็กหญิงที่กำลังหน้าตื่นตกใจ มองพวกผู้ใหญ่อย่างไม่เข้าใจแล้วนึกเป็นห่วง...ธันวาพูดถูก...ยิ่งช้ายิ่งอันตราย และคนที่เสี่ยงต่ออันตรายมากสุดคือส้มน้อย

            มือกดเบอร์โทรศัพท์ลุงชาติทันที จิตใจสั่นระรัว รอเสียงสัญญาณเรียก

            ...เงียบ...โทรไม่ติด

            โทรซ้ำอีกสองสามครั้งก็ยังไม่ได้ผล เอ่ยปากกับชายหนุ่มอย่างกังวลหวาดกลัว

            “โทรไม่ติดเลย ไม่รู้ลุงแกปิดโทรศัพท์หรือเปล่า”

            “ลองโทรหาคนอื่นดู พวกลูกเมีย คนในบ้านแก เด็กในค่ายมวย ใครก็ได้ที่ติดต่อลุงชาติตอนนี้ได้” ธันวาพูดเสียงหนักช่วยให้หญิงสาวได้สติ

            มีนาสูดลมหายใจลึก ๆ ระงับความหวั่นกลัวในใจ ค้นเบอร์โทรศัพท์ในเครื่อง พยายามโทรติดต่อออกไป แต่แล้วสัญญาณโทรศัพท์ก็ขาดหาย ไม่มีคลื่นเหลือสักขีด

            “แถวนี้ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์” หญิงสาวอดบอกปัญหาใหม่กับชายหนุ่มไม่ได้

            คราวนี้ธันวาไม่พูด มีนารู้ว่าสัญญาณคลื่นบนถนนจะขาดหายบางช่วง รอให้รถขับต่อไปอีกสักหน่อยก็จะมีสัญญาณเอง หล่อนมีหน้าที่พยายามโทรต่อไป จนกว่าจะมีสัญญาณคลื่น ติดต่อสำเร็จ

            ส่วนธันวาจะทำหน้าที่โชเฟอร์ของตนอย่างดีที่สุดเช่นกัน



            ส้มน้อยรับรู้ความตึงเครียดภายในรถชัดเจน บทสนทนาระหว่างคุณพ่อกับแม่มีน เธอฟังไม่เข้าใจทั้งหมด รู้แค่มีคนติดตาม คอยดัก และต้องการความช่วยเหลือ

            เด็กหญิงตื่นเต้น หวาดกลัว ภาพการถูกไล่ล่าย้อนกลับมาในหัว แต่ต้องพยายามสงบใจ นั่งนิ่งไม่แสดงอาการหวาดกลัว จนสร้างภาระให้ ‘พ่อแม่’ เป็นห่วง

            นี่เป็นความช่วยเหลืออย่างเดียวที่เด็กอย่างเธอทำได้

            รถวิ่งด้วยความเร็วเท่าเดิม ผู้ขับขี่เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น นึกอยากถามหญิงสาว...ที่ผีบอกว่าพวกนั้นคอยดักอยู่ข้างหน้านั้น ‘ดัก’ แบบไหนวางแผนอย่างไร?

            ธันวาคิดทบทวน...เขาหนีออกต่างจังหวัดกะทันหัน คนเหล่านั้นสามารถจัดคนมาดักล่วงหน้าได้ แสดงว่าคนวางแผนต้องรู้จักนิสัยเขาดี อีกทั้งมีแผนวางกำลังคนไว้ล่วงหน้า เผื่อเหตุฉุกเฉินอยู่แล้ว

            ดังนั้นเชื่อว่ากลุ่มคนที่ดักหน้าต้องมีจำนวนไม่มาก ถึงต้องส่งกองกำลังไล่หลังตามมาอย่างนี้

            พวกที่ดักรอ ไม่น่ามีจำนวนเกินห้าคน ทำได้แค่ชะลอเวลา หรือไม่ก็หยุดการเดินทางไม่ให้เข้าเขตอิทธิพลของปู่ได้

            พอคิดอย่างนั้น สมองธันวาเริ่มคำนวณแผนการฝ่ายตรงข้าม พวกดักรอข้างหน้าจะสร้างเครื่องกีดขวางตรงจุดไหน อย่างไร?

            ข้อแรก...พวกมันไม่มีทางทำให้รถเขาเกิดอุบัติเหตุรุนแรง เพราะส้มน้อยอาจเสียชีวิต อวัยวะของเธอจะไม่สามารถเปลี่ยนให้แก่ผู้ต้องการ ‘ต่างแดน’ ได้เลย

            ข้อสอง...เครื่องกีดขวางนั้นมีจุดประสงค์แค่ให้รถหยุด เคลื่อนที่ไม่ได้ เพื่อจัดการเขากับมีนาโดยสะดวก ชิงตัวเด็กง่ายดาย ซึ่งมีเพียงไม่กี่วิธี

            พออ่านใจฝ่ายตรงข้ามออกเช่นนั้น จึงใจเย็นขับรถอย่างมีสติ ขณะที่หญิงสาวพยายามโทรศัพท์ติดต่อหาคนช่วยเหลืออย่างยากลำบาก

            ธันวาเข้าใจชัด พวกที่ ‘ดัก’ ข้างหน้าไม่น่ากลัวเท่าไหร่ กองกำลังตามมาน่ากลัวกว่า



            รถเข้าเขตจังหวัดบ้านเกิด เมื่อมีนาโทรศัพท์ติดต่อภรรยาลุงชาติได้...หญิงสาวใช้เวลาพูดคุยอธิบายสถานการณ์ไม่ยาวนัก ‘ป้านิด’ ภรรยาลุงชาติก็เข้าใจ บอกว่าจะรีบติดต่อหาคนออกมาช่วยเหลือโดยเร็ว

            มีนาถอนใจเฮือกใหญ่ ก้มมองเด็กหญิงแล้วลูบผมเจ้าตัวเล็กเบา ๆ

            “ตกใจหรือเปล่าส้มน้อย” หญิงสาวถามตรง ๆ ส้มน้อยไม่ใช่เด็กสามขวบ เคยผ่านเหตุการณ์ร้าย ๆ มาแล้ว ย่อมฟังคำสนทนาทั้งหมดเข้าใจ

            “ไม่ค่ะ ส้มน้อยมีคุณพ่อกับแม่มีน เลยไม่กลัว ไม่ตกใจ”

            คำตอบเช่นนี้เรียกรอยยิ้มจากหญิงสาว

            “ดีแล้วจ้ะ...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แม่มีนจะปกป้องหนูเอง”

            มีนาดึงเด็กหญิงมากอด แอบถอนใจเบา ๆ เหลือบมองนอกรถ ยังเห็นเงาราง ๆ ของเสี่ยหมง ปกป้องตามมาเป็นระยะ ภาพขาด ๆ หาย ๆ บางช่วง แต่ก็ยังสร้างความอุ่นใจว่าพวกตนไม่โดดเดี่ยวเกินไป

            ...คนดีผีคุ้ม...

            คำนี้ผุดในใจ ‘ผี’ อย่างเสี่ยหมง ปกป้อง คงไม่สามารถแสดงอิทธิฤทธิ์หลอกหลอน ขับไล่ผู้ร้ายเพื่อคุ้มครองพวกหล่อนได้

            พวกเขามีขอบเขตแห่งความสามารถ ที่จะยุ่งเกี่ยวกับมนุษย์ ดังนั้นสิ่งที่น่าเป็นเกราะคุ้มภัยตอนนี้ควรจะเป็นสติปัญญา การหาวิธีเอาตัวรอด

            นอกจากนี้ ‘ศีล’ และ ‘ความดี’ ที่เคยกระทำ ก็จะช่วยให้อบอุ่น มั่นใจว่าสามารถเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ได้

            ใกล้เข้าเมือง...อีกไม่ไกลจะเป็นทางโค้งที่เสี่ยหมงเกิดอุบัติเหตุ

            ธันวามองเห็นไฟวะวาบของด่านตรวจตั้งอยู่ข้างหน้า รถที่แล่นบนถนนต่างชะลอขับช้า ๆ เพราะถูกกั้นเหลือถนนให้รถขับแค่เลนเดียว

            “ตำรวจเหรอ!” มีนาอุทานอย่างยินดี

            “อย่าเพิ่งไว้ใจ” ธันวาพูดเสียงขรึม จริงจัง...นี่อาจเป็นกับดัก สกัดกั้นอย่างที่เขาคิดคำนวณไว้

            “อ้าว...ทำไมล่ะ” หญิงสาวถามอย่างไม่เข้าใจ

            ส้มน้อยกระตุกแขนแม่มีน บอกให้รู้ว่าเธอก็ไม่ไว้ใจ ‘ตำรวจ’ เช่นกัน ความฝันที่เห็นชะตากรรมสุดท้ายของ ‘พี่ป้อง’ ทำให้เธอหวาดกลัว ไม่ไว้ใจตำรวจจนถึงตอนนี้

            ธันวาไม่ตอบ ชะลอความเร็วรถเบียดเข้าเลนต่อแถวรถคันหน้า มีตำรวจประจำด่านแค่สองนาย ตรวจรถคร่าว ๆ แล้วปล่อยผ่าน จนกระทั่งถึงรถพวกเขา

            นายตำรวจทำมือให้ธันวาไขกระจกลง

            “จะไปไหนหรือครับ” ถามเสียงสุภาพ

            “เข้าเมือง” ธันวาตอบพร้อมสบตาสังเกตปฏิกิริยา

            “พาใครมาด้วยครับ” นายตำรวจไม่สบตา เลี่ยงไปส่องไฟฉายทางเบาะหลังรถ

            “ครอบครัว” ชายหนุ่มตอบท้ายเสียงทอดเบาแบบไม่มีหางเสียง

            มีนายิ้มกว้างให้ไฟที่ส่องกระทบ ส้มน้อยนั่งตัก ในมือสองสาวมีขนมกำลังกินอย่างเพลิดเพลิน

            แววตานายตำรวจทอประกายแปลกชั่วแวบก่อนดับไฟ พยักหน้าแล้วบอกด้วยเสียงสุภาพ

            “เชิญครับ”

            รถเคลื่อนออกจากที่ มีนาถอนใจเอ่ยปากบอกชายหนุ่มเรียบ ๆ

            “พวกนั้นไม่ใช่ตำรวจ” น้ำเสียงมีรอยผิดหวัง

            ธันวาย้อนถาม

            “เธอรู้เองหรือมีใครบอก” เมื่อครู่หล่อนยังยินดีที่เจอตำรวจ มาตอนนี้กลับเปลี่ยนอารมณ์เสียแล้ว

            “อือ...” มีนาตอบรับโดยสติสมาธิไม่ได้อยู่กับธันวา

            นั่นเพราะ ‘ข่าวใหม่’ จากผู้ต่างภพซึ่งเกาะกระจกบอกตอนนี้ มันชวนให้น่าตกใจ

            “หมอธัน...ระวังตะปู” หญิงสาวรีบถ่ายทอดข่าวนั้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง

            ทว่า...ช้าไปแล้ว

            รถยนต์แล่นห่างจากด่านตรวจไม่ไกล กำลังเคลื่อนเข้าใกล้โค้งมรณะ ไม่สามารถทำความเร็วมากนัก ธันวามัวห่วงระวังตรงทางโค้งข้างหน้า จึงไม่ทันสังเกต ‘ตะปูเรือใบ’ ที่ถูกโยนออกมาในจังหวะเวลาพอดิบพอดี

            ...ปุ...ล้อเหยียบตะปูเต็ม ๆ ขนาดมี ‘ผีตะโกน’ บอกข้างกระจกก็ยังไม่ทัน เพราะฝ่ายตรงข้ามเล่นงานกะทันหันต่อให้คนและผีคำนวณล่วงหน้าแล้ว ก็ยังระวังตัวไม่ทัน

            ด้วยความที่รถแล่นช้าเตรียมเข้าทางโค้ง อีกทั้งธันวาพยายามขับอย่างระวังเต็มที่ รถจึงมีอาการส่ายปัดเล็กน้อย ก่อนฝืนพวงมาลัย นำรถจอดข้างทางอย่างปลอดภัย



            รถจอดตรงข้างทางโค้งอันตรายพอดี แสงไฟส่องลงไปยังเบื้องล่างเห็นแนวต้นไม้ที่รถเสี่ยหมงพุ่งลงไปชน

            ธันวาหนาววูบ ขนลุกซู่ รู้สึกรอบด้านรายล้อมด้วยพลังงานแปลกปลอมเต็มไปหมด ไม่ใช่แค่เสี่ยหมงกับปกป้อง พลังงานแปลกปลอมเหล่านั้นเหมือนกำลังส่ง ‘สาร’ บอกให้รู้...นอกรถมีกลุ่มคนแอบซุ่มรอคอยให้เขาลงจากรถ เพื่อจะเข้ามาช่วงชิงส้มน้อย ‘เป้าหมาย’ สำคัญ

            “มีนา อยู่ในรถดูแลส้มน้อยดี ๆ นะ ฉันจะลงไปดูก่อนว่ายางแบนกี่เส้น พอไปได้มั้ย”

            ธันวาออกคำสั่ง เตรียมลงจากรถแล้วชะงัก เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากหญิงสาว

            มีนานั่งกอดส้มน้อยด้วยท่วงท่าพร้อมปกป้อง สายตามองนอกรถ กำลังสื่อสารกับ ‘ผู้หวังดี’ ข้างหน้าต่าง

            “ยางโดนตะปูสองเส้น” มีนาพูดช้า ๆ เหมือนถ่ายทอดวาจาจากบุคคลอื่น “มีพวกมันดักรอนอกรถสามคน...ฝีมือน่ากลัว...ถ้าแกออกไป โดนเล่นงานก่อนแน่...แต่ถ้าไม่ออกไป ตำรวจปลอมสองคนนั่นจะขับรถตามมาภายในสามสี่นาที คราวนี้ต่อให้หลบในรถ พวกมันก็จะลากพวกเราออกไปได้แน่”

            ธันวาถอนใจยาว หรี่ตาครุ่นคิด ก่อนบอกเรียบ ๆ

            “ฉันจะลงไปจัดการเอง...เธออยู่ในรถ ล็อคประตูให้ดี มันน่าจะยื้อเวลาได้จนกว่าพวกลุงชาติมาถึง”

            มีนาพยักหน้า รวบรวมความกล้า

            “งั้นฉันจะโทรตามตำรวจด้วย อาจมาถึงก่อนพวกลุงชาติ”

            “ได้” ธันวาตอบรับ เปิดประตูรถออก

            “ธัน...” มีนาเรียกเสียงอ่อนโยนกว่าเคย ชายหนุ่มหันมาสบตาด้วย “ระวังตัวด้วยนะ”

            “อือ...” ธันวาพยักหน้ารับ ดวงตาถ่ายทอดวาจาจากใจ...ฉันจะปกป้องเธอเอง...



            ประตูปิด มีนาเอื้อมมือล็อคประตูรถแล้วกดโทรศัพท์หาตำรวจ สะกดน้ำเสียงไม่ให้สั่น บอกเล่าเหตุการณ์สั้นได้ใจความที่สุด

            พอวางสายรู้สึกถึงร่างเด็กหญิงในอ้อมกอดกำลังสั่นสะท้าน

            ส้มน้อยได้ยินทุกวาจา สัมผัสทุกความกดดัน รู้ว่าอันตรายครั้งนี้น่ากลัวยิ่งกว่าเคยเผชิญกับ ‘พี่ป้อง’ ต่อให้พยายามฝืนข่มความกลัวแค่ไหน ร่างกายก็ไม่ยอมเชื่อฟัง

            “ส้มน้อย ไม่ต้องกลัวนะ เชื่อใจแม่มีน...แม่จะปกป้องหนูเอง” หญิงสาวบอกต่อร่างในอ้อมแขนอย่างหนักแน่น

            “ค่ะ” ส้มน้อยตอบรับเสียงสั่น

            เด็กหญิงเชื่อว่า ผู้ร้ายข้างนอกนั้น น่าจะเป็นกลุ่มคนที่ตามล่าตนเองจากโรงพยาบาล พวกมันดุร้ายน่ากลัวแค่ไหนเธอรู้ดี ต่อให้พ่อกับแม่มีนเตรียมรับมือขนาดไหน ก็ยังน่าเป็นห่วง

            มันทำให้เธอรู้สึกว่าตนเองเป็นตัวซวย...ชักพาเรื่องเลวร้ายมาให้ ‘พ่อแม่’ ใจดีทั้งสอง ส้มน้อยทำได้เพียงภาวนาในใจ ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือกระทั่งพี่ป้องมาช่วยเหลือให้ผ่านพ้นเรื่องร้ายคืนนี้ไปให้ได้

            สายลมเย็นชืดผ่านต้นแขนเธอเบา ๆ คล้ายเป็นอาการตอบรับคำภาวนา



            แรกที่ก้าวลงจากรถ ธันวาสัมผัสสายลมเย็นเยือกแปลก ๆ กลิ่นอายผู้ต่างภพกระจายรอบตัว บรรยากาศหนาแน่นด้วยพลังงานแปลกปลอม มันช่วยให้เขารับรู้ถึงรังสีอำมหิตที่ซุ่มอยู่เงามืดข้างทาง

            หนึ่งราย สองราย สามรายแต่ละคนมีความอำมหิตไม่เท่ากัน ฝีมือแตกต่างลดหลั่นกันไป ชายหนุ่มสัมผัสแยกแยะชัดเจนราวกับว่าพลังงานแปลกปลอมรอบกายแนะนำ คอยช่วยเหลือ

            ...อาจเป็นได้ที่เสี่ยหมง กับปกป้องขอให้ ‘ผี’ แถวนี้ช่วยเหลือเขา เพียงแต่การ ‘สื่อสาร’ มันแตกต่างจากที่มีนารับรู้เท่านั้นเอง...

            สงบใจแกล้งทำเป็นเดินดูรอบรถ เห็นล้อหน้า ล้อหลังยุบด้านละเส้น ไม่มีประโยชน์ที่จะเอายางอะไหล่เส้นเดียวมาเปลี่ยน

            รถแล่นผ่านไปมาบางตาลง แต่ละคันดูไม่สนใจรถที่จอดยางแบนข้างทางเช่นนี้ ยิ่งเป็นทางโค้งอันตราย เคยมีอุบัติเหตุคนตายมาก่อน ก็แทบไม่มีใครอยากจอดรถช่วยเหลือ

            ธันวาเห็นป้ายไฟที่ด่านตรวจดับลง คาดว่าตำรวจปลอมคงตามมาในเวลาไม่นาน พวกที่ซุ่มข้างทางน่าจะลงมือก่อน จากนั้นตำรวจปลอมค่อยตามมาทำทีเข้าช่วยเหลือ

            พวกมันคิดว่าสองสาวในรถเห็นตำรวจมาช่วยก็คงดีใจ รีบลงจากรถไปหาอย่างง่ายดาย เข้าทางตามแผนการพอดี ส้มน้อยจะถูกพาขึ้นรถตำรวจปลอมแล้วหนีไปอย่างรวดเร็ว

            ในใจอ่านแผนการฝ่ายตรงข้ามทะลุปรุโปร่ง แต่ยังหาวิธีเอาตัวรอดไม่ได้ มีนากับส้มน้อยรู้ว่าพวกมันเป็นตำรวจปลอม ย่อมไม่ลงจากรถง่าย ๆ แต่ใช่ว่าพวกมันไม่มีวิธีลากเอาตัวเด็กหญิงจากรถ

            เวลานี้รถยางแบน ขับไปไหนไม่ได้ จะโบกรถขอความช่วยเหลือก็ไม่มีประโยชน์ ยิ่งถ้าพวกตำรวจปลอมมาถึง คนทั่วไปย่อมคิดว่าไม่จำเป็นต้องช่วยเหลือแล้ว เข้าทางพวกมันพอดี

            สิ่งที่ธันวาหวั่นใจกว่านั้นคือกลุ่มกำลังเสริมตามหลัง พวกนั้นน่าจะมาถึงภายในเวลาไม่นานนัก

            เขาทำได้เพียงปรับตัวตามสถานการณ์

            “รถเป็นอะไรไปน่ะคุณ” เสียงห้าว ๆ ดังมาจากข้างทาง

            ชายฉกรรจ์สามคนเดินมาจากเงามืด กิริยาท่าทางเหมือนเข้ามาช่วยเหลือ บรรยากาศแผ่ออกมากลับมีอาการคุกคาม บีบคั้น

            “ยางแบนสองเส้น ผมบอกให้แฟนโทรศัพท์เรียกช่างในเมืองแล้ว”

            ธันวาปิดโทรศัพท์ตัวเองแล้วโยนทิ้งไว้ในรถ จึงไม่ได้เอาลงมาโทรเรียกช่างอย่างที่บอก จึงอ้างชื่อมีนาแทน

            “อ๋อ...ในรถยังมีผู้โดยสารอยู่” เสียงพูดเหมือนเออออตาม แต่ทว่าทั้งสามต่างก้าวเข้ามาในลักษณะปิดทางหนี ไม่ให้หลุดรอดจากวงล้อม

            สีหน้าทั้งสามเรียบเฉย กิริยาท่าทางไม่แสดงออกว่าตั้งใจมาทำร้าย พอก้าวมาในระยะประชิดจึงเริ่มลงมือกะทันหัน หวังเผด็จศึกรวดเร็ว

            น่าเสียดาย เหยื่อพวกมันคือธันวา...ซึ่งเตรียมพร้อมตั้งแต่สัมผัสรังสีอำมหิตในเงามืดแล้ว ดังนั้นแค่มันเผยโฉมออกมา เขาก็หาช่องว่างที่จะจัดการทั้งสามพร้อมกันในเวลาอันจำกัดทันที



            ปึก...พลั่ก...ตุ๊บ...โครม...

            เสียงการต่อสู้นอกรถแว่วเข้ามาถึงภายใน มีนามองเห็นธันวาอาศัยหนึ่งคนต้านรับชายฉกรรจ์ทั้งสาม การต่อสู้รวดเร็วรุนแรงเห็นแค่เงาไม่ชัดเจน แต่พอเดาได้ว่ามันเข้มข้น เผ็ดร้อนแค่ไหน

            เธอเคยเห็นธันวา พิจิก เมษาฝึกซ้อมมวย ศิลปะการต่อสู้มาบ่อยจนชิน ไม่นึกหวาดกลัวตกใจเหมือนผู้หญิงทั่วไป รู้ว่าพวกเขาฝีมือฉกาจฉกรรจ์ มีพรสวรรค์ในการต่อยตีสูง

            มีนาไม่เคยฝึกมวย หรือศิลปะการต่อสู้ใด ๆ แต่ก็นั่งดูจนคุ้นตา ฟังเสียงลุงชาติตะโกนสั่งสอนลูกศิษย์จนเธอเองจดจำเทคนิคการต่อสู้ได้ไม่น้อยกว่าใครในค่ายมวยนั้นเลย

            เงาการต่อสู้ระหว่างธันวากับชายฉกรรจ์ทั้งสามเป็นไปอย่างรวดเร็ว รุนแรง พวกนั้นพอจะรู้เลา ๆ ว่าจิตแพทย์หนุ่มพอรู้เรื่องหมัดมวยการต่อสู้บ้าง แต่คงคาดไม่ถึงว่าจะหมัดหนัก ว่องไว ปราดเปรียว จู่โจมรวดเร็วแม่นยำขนาดนี้

            ชายหนุ่มใช้เวลาไม่กี่นาทีก็คว่ำคู่ต่อสู้ได้สองราย เหลือคนสุดท้ายกระดูกแข็งกว่าเพื่อน โดนเข้าไปหลายหมัดยังทนทานไหว

            มีนาเหลือบมองด้านหลัง เห็นรถตำรวจกะพริบไฟวาบ ๆ ใกล้เข้ามา แสดงว่าด่านปลอมถูกปิดแล้ว พวกมันรีบเข้ามาช่วยเพื่อนตามแผน รถคันอื่นที่แล่นผ่านเห็นการต่อสู้ โดยมีรถตำรวจเข้ามาเช่นนี้ย่อมไม่มีใครสนใจอยากจอดดู กลัวโดนลูกหลง จึงปล่อยเป็นหน้าที่ตำรวจจัดการ

            ส้มน้อยเห็น ‘พ่อธัน’ ต่อสู้อย่างเก่งกาจ แต่สีหน้าแม่มีนวิตกกังวล ยิ่งรถตำรวจแล่นเข้าใกล้ก็มีอาการมือเย็น จึงรู้ว่าสถานการณ์คับขัน พ่ออาจรับมือตำรวจปลอมพวกนั้นไม่ได้

            เด็กหญิงบีบมือให้กำลังใจมีนา แสดงความเชื่อมั่นว่าพวกตนต้องปลอดภัย เธอเชื่อใจคุณพ่อคนนี้

            มีนารับความรู้สึกส้มน้อยได้ จึงก้มหน้ากระซิบเบา ๆ

            “แม่มีนเชื่อมือคุณพ่อหนูจ้ะ...เราต้องปลอดภัย”

            “ค่ะ” เด็กหญิงตอบรับหนักแน่น

            มีนาสูดลมหายใจลึก ๆ เป็นครั้งแรกที่หล่อนภาวนาขอให้ผู้อยู่ต่างภพช่วยเหลือ

            “เสี่ยหมง ปกป้อง พวกมันตามมาแล้ว ช่วยบอกทีต้องทำยังไง”

            หนี!” เสียงเสี่ยหมงกังวานชัดในหัว ขณะที่ร่างดูรางเลือนอยู่ด้านหน้ารถ

            มีนากำลังเอ่ยค้าน บอกว่าธันวาให้ซ่อนตัวในรถจะปลอดภัยกว่า

            พวกมันมีปืน...” ปกป้องตะโกนก้องราวกับรู้ใจเธอ

            มันตั้งใจยิงคุณหมอก่อน แล้วลากพวกคุณออกจากรถ เอาตัวเด็กไป...” เสี่ยหมงบอกแผนการผู้ร้าย

            ต่อให้รู้แผนการพวกมัน ก็ใช่ว่าจะหาวิธีรับมือได้ทันที คนอย่างธันวาไม่มีทางเก็บปืน หรืออาวุธใด ๆ ไว้ในรถแน่นอน ต้องหาวิธีเอาตัวรอดอย่างอื่นที่ไม่ต้องปะทะกัน

            ธันวาเพิ่งซัดชายฉกรรจ์คนที่สามล้มฟุบ หมอบกระแต ไฟไซเรนแดงวะวาบก็เคลื่อนมาใกล้ถึง รถตำรวจปลอมกำลังชะลอเข้าจอดข้างทาง

            เวลานั้นมีนาลงจากรถพร้อมส้มน้อย

            “ลงมาทำไม รีบขึ้นไปหลบบนรถเร็ว” ชายหนุ่มบอกเสียงเครียด

            “พวกมันมีปืน...เล็งแกเป็นเป้าหมายแรก!” มีนาบอกรัวเร็ว

            ไม่จำเป็นต้องพูดซ้ำ หรืออธิบายว่าควรทำอย่างไรต่อไป ธันวาก็คว้าร่างส้มน้อยมากอดแนบอก แล้วกระโจนลงข้างทางพร้อมกับมีนา

            ...ปัง...

            กระสุนนัดแรกระเบิดลงตรงจุดที่ธันวายืนเมื่อครู่ สะเก็ดหินแตกกระจาย ชายหนุ่มรอดชีวิตอย่างเฉียดฉิว

            ตำรวจปลอมทั้งสองรีบลงจากรถ ปืนในมือกระชับแน่น มองเหยื่อทั้งสามที่กระโจนหายกลืนไปกับความมืดข้างทางอย่างขัดเคือง คาดไม่ถึง

            ‘ตาม!’ ไม่ต้องมีใครสั่ง ทั้งสองก็รีบลงข้างทางวิ่งตามทันที

            พวกเขาไม่เข้าใจว่า แผนการที่วางไว้รอบคอบรัดกุมขนาดนี้ผิดพลาดตรงไหน

            เหยื่อพวกนั้นรู้ได้อย่างไรว่าตนเป็นตำรวจปลอม หนำซ้ำยังวิ่งหนีทันทีที่เห็นรถจอด ทำให้กระสุนนัดสำคัญพลาดเป้าเพียงเส้นยาแดง

            ทว่า...การไล่ล่าเพิ่งเริ่มต้น กองหนุนจากกรุงเทพฯ ติดต่อมาแล้วว่าจะมาถึงภายในไม่เกินสองสามนาที เหยื่อทั้งสามไม่มีทางหลุดรอดแน่นอน



(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP