
ฉบับที่ ๔๐๘ ถ้าอยากเอาชนะเกมกรรม

จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิตคนส่วนใหญ่
ไม่ได้เกิดจากแรงเฉื่อยของโชคดี
แต่มักมาจากแรงกดดันของโชคร้าย
โชคร้ายของบางคน
คือการโดนอุดปากอุดจมูก
ต้องตะเกียกตะกายขึ้นจากปากเหวให้ได้
ซึ่งนั่นแหละ ที่จะบีบให้มองต่างไป
ยิ่งถูกบีบคั้นมากขึ้นเท่าใด
ใจจะยิ่งคิดถึงทางออกที่ถูกต้องน้อยลงเท่านั้น
เงามืดแห่งความเกลียดและความกลัว
ทำให้ตอบโต้กับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยอาการอาละวาดขาดสติ
สถานการณ์แย่ๆ ยิ่งย่ำแย่ลงไปอีก
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
#ไม่มีโชคร้ายใดเกิดจากความบังเอิญ
สิ่งที่เรากำลังประสบ
เหมาะแล้วกับกรรมที่ผ่านมา
สิ่งที่เรากำลังพบ
เหมาะสมแล้วกับกรรมที่กำลังทำ
เมื่อศรัทธาและมีปัญญาเห็นแจ้งในเรื่องกรรมวิบาก
ต่อไปหากน้อยใจวาสนา
เราจะไม่โทษใครเลยนอกจากตัวเอง
และหากจะขอบคุณชะตาชีวิต
เราจะไม่สรรเสริญใครเลยนอกจากตัวเองเช่นกัน
ไม่มีใครเข้ามาในชีวิตคุณ
เพื่อแกล้งให้คุณทุกข์โดยบังเอิญ
มีแต่คนเข้ามาเพื่อให้รู้ว่า
ที่เคยทำกับคนอื่นเป็นอย่างไร
ยิ่งเจอคน แล้วยิ่งเป็นทุกข์มาก
นั่นแปลว่าเคยทำไว้กับคนอื่นมาก
แต่ถ้ายิ่งเจอคน แล้วยิ่งเป็นสุขขึ้นทุกที
ก็แปลว่าเคยดีกับคนอื่นมาไม่น้อย
ถ้าเจริญสติจนรู้จริงว่า
กายนี้ คือ เส้นทางรับกรรม
กายนี้ คือ เส้นทางก่อกรรม
และใจนี้ คือ ผู้ตัดสินใจเลือกกรรม
คุณจะไม่อยากผูกเวรกับใคร
อยากอภัยให้ทุกคน
อยากให้ทุกคนเป็นสุขๆ
อยู่ในโลกที่ไม่มีการเบียดเบียน
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
#เจริญสติจนเห็นเหตุผลของโชคดีโชคร้าย
จริงๆแล้วถ้าเจริญสติเห็นกายใจไปถึงจุดหนึ่ง
แม้ไม่สามารถระลึกชาติ
แต่ก็จะรู้สึกขึ้นมาได้เองนะครับ
ตอนเห็นกายใจไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัวตน
มีเหตุมีผลของการปรากฏภาวะหนึ่งๆเสมอ
ก็จะรู้ขึ้นมารางๆว่า
กายใจนี้ไม่ใช่ของฟลุก
มันมีรูปลักษณะอะไรอย่างนี้ต้องอาศัยเหตุที่สมควร
ก่อนมีความสวยหล่อมาก
ก็ต้องมีความสว่างมากนำหน้ามา
ก่อนมีความขี้เหร่ไม่น่าดู
ก็ต้องมีความมืดหม่นเป็นฐานสร้าง
และยิ่งมีสติเห็นความคิดดีคิดชั่ว
ประกอบกับเห็นการปรุงแต่งทางใจเป็นสว่างเป็นมืด
เป็นนิมิตพ่อพระแม่พระหรือมารร้ายชัดพอ
ก็จะรู้ๆขึ้นมาว่า นี่แหละ
มันสัมพันธ์กันอย่างนี้แหละ
ไม่ต้องรอชาติหน้าที่ไหน
ใจชั่วเดี๋ยวนี้ รูปก็ชั่วลงเดี๋ยวนี้ได้
ใจดีเดี๋ยวนี้ รูปก็ดีขึ้นเดี๋ยวนี้เลย
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
#ถ้าอยากเอาชนะเกมกรรม
#ก็ต้องมีใจอยู่เหนือแรงบีบคั้นได้
หลักกว้างๆมีอยู่ว่า
ถ้าคุณตัดสินใจอยู่ข้าง ‘แรงต้านกิเลส’
เช่น มโนธรรม มนุษยธรรม และเหตุผล โดยมาก
คะแนนคุณจะบวกขึ้น
เห็นได้จากที่มีความสุขทางใจมากกว่าที่ควร
แต่หากคุณตัดสินใจยอมตาม ‘แรงบีบคั้นของกิเลส’
เช่น เครื่องกระตุ้นความโลภและความโกรธ
โอกาสจะสั่งสมคะแนนลบก็สูง
เห็นได้จากที่มีความทุกข์ทางใจมากกว่าที่ควร
หลังจากมองตัวเองต่างไป
พฤติกรรมและการสั่งสมนิสัยจะเริ่มเปลี่ยนตาม
แทนการวิ่งโวยวายโทษคนไปทั้งโลก
ก็นิ่งเงียบทำความรู้จักศักยภาพของตนเอง
และแค่นั้นแหละ
อาจพลิกเป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ
เป็นบันไดความสำเร็จที่นึกไม่ถึง
ความเป็นมนุษย์ของคุณ
คือพลังต่อต้านแรงบีบคั้น
คุณแค่เลือกว่าจะอยู่ข้างตัวเอง
หรือว่าจะเลือกเข้าข้างแรงบีบคั้นเท่านั้น!
ดังตฤณ
เมษายน ๒๕๖๘
- พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนพุทธบริษัททั้งหลายไม่ให้ประมาท
และพิจารณาให้เห็นความไม่ยั่งยืนของโลกว่าเป็นสิ่งที่ไม่สมควรจะไปยึดมั่นถือมั่น
รายละเอียดติดตามได้ในพระธรรมเทศนา
โดย พระสุธรรมคณาจารย์ (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ)
เรื่อง "โทษของความรักความชัง (ตอนที่ ๑)" ในคอลัมน์ "สารส่องใจ" (-/\-)"
หากขณะเดินจงกรม แล้วรู้สึกปวดท้องเพราะโรคประจำตัว
ควรเดินต่อหรือไม่ และจะมีวิธีพิจารณาอย่างไรจึงจะถูกต้อง
หาคำตอบได้ในคอลัมน์ "ดังตฤณวิสัชนา"
ตอน "ถ้าเกิดทุกขเวทนาทางกายขณะปฏิบัติธรรม ควรพิจารณาอย่างไร"
หากงานใหม่ที่เพิ่งมาทำไม่นาน กลับทำให้เครียดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ควรจะตัดสินใจลาออกแล้วหางานใหม่ดีไหม
ติดตามได้จากกรณีศึกษาในคอลัมน์ "โหรา (ไม่) คาใจ"
ตอน "หางานใหม่ที่ใช่กว่า" (^__^)
![]() |