ธรรมะจากพระสูตร Dhamma from Sutta

จูฬสาโรปมสูตร ว่าด้วยอุปมาด้วยแก่นไม้



กลุ่มไตรปิฎกสิกขา

[๓๕๓] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้
สมัยหนึ่ง
พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ พระวิหารเชตวัน
อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี
ใกล้กรุงสาวัตถี.
ครั้งนั้น
ปิงคลโกจฉพราหมณ์เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ
ครั้นได้ปราศรัยกับพระผู้มีพระภาคเจ้า
พอให้ระลึกถึงกันแล้ว จึงนั่ง ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
แล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
“ข้าแต่ท่านพระโคดมผู้เจริญ
สมณพราหมณ์พวกนี้
เป็นเจ้าหมู่ เจ้าคณะ เป็นคณาจารย์ มีชื่อเสียง มียศ
เป็นเจ้าลัทธิ
ชนเป็นอันมากสมมติว่าเป็นคนดี คือ ปูรณกัสสปะ มักขลิโคสาล
อชิตเกสกัมพล
ปกุธกัจจายนะ สัญชัยเวลัฏฐบุตร นิครนถนาฏบุตร
พวกนั้นทั้งหมด
รู้ยิ่งตามปฏิญญาของตน หรือทุกคนไม่รู้ยิ่งเลย
หรือว่าบางพวกรู้ยิ่ง
บางพวกไม่รู้ยิ่ง.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
“อย่าเลย พราหมณ์
ข้อที่ว่าพวกนั้นทั้งหมดรู้ยิ่ง
ตามปฏิญญาของตน หรือทุกคนไม่รู้ยิ่งเลย
หรือว่าบางพวกรู้ยิ่ง บางพวกไม่รู้ยิ่งนั้น
จงงดไว้เถิด เราจักแสดงธรรมแก่ท่าน
ท่านจงฟังธรรมนั้น
จงตั้งใจให้ดี เราจักกล่าว.
ปิงคลโกจฉพราหมณ์ทูลรับพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว
.


ว่าด้วยอุปมาผู้ต้องการแก่นไม้

[๓๕๔] พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า พราหมณ์
เปรียบเหมือนบุรุษผู้มีความต้องการแก่นไม้
แสวงหาแก่นไม้ เที่ยวเสาะแสวงหาแก่นไม้อยู่
เมื่อมีต้นไม้ใหญ่ซึ่งมีแก่นยืนต้นอยู่
ละเลยแก่น ละเลยกระพี้ ละเลยเปลือก
ละเลยสะเก็ดไปเสีย
ตัดเอากิ่งและใบถือไป สำคัญว่าแก่น
บุรุษผู้มีจักษุเห็นเขาผู้นั้นแล้ว
พึงกล่าวอย่างนี้ว่า บุรุษผู้เจริญนี้ ไม่รู้จักแก่นไม้
ไม่รู้จักกระพี้ ไม่รู้จักเปลือก
ไม่รู้จักสะเก็ด ไม่รู้จักกิ่งและใบ
แท้จริง บุรุษผู้เจริญนี้
มีความต้องการแก่นไม้ แสวงหาแก่นไม้ เที่ยวเสาะแสวงหาแก่นไม้อยู่
เมื่อมีต้นไม้ใหญ่ซึ่งมีแก่นยืนต้นอยู่ ละเลยแก่น
ละเลยกระพี้ ละเลยเปลือก
ละเลยสะเก็ดไปเสีย
ตัดเอากิ่งและใบถือไป สำคัญว่าแก่น
และกิจที่เขาจะทำด้วยไม้แก่น
จักไม่สำเร็จประโยชน์แก่เขา

หรืออีกอย่างหนึ่ง เปรียบเหมือนบุรุษผู้มีความต้องการแก่นไม้ แสวงหาแก่นไม้
เที่ยวเสาะแสวงหาแก่นไม้อยู่ เมื่อมีต้นไม้ใหญ่ซึ่งมีแก่นยืนต้นอยู่
ละเลยแก่น
ละเลยกระพี้
ละเลยเปลือกไปเสีย ถากเอาสะเก็ดถือไป สำคัญว่าแก่น
บุรุษผู้มีจักษุเห็นเขาผู้นั้นแล้ว
พึงกล่าวอย่างนี้ว่า บุรุษผู้เจริญนี้ ไม่รู้จักแก่น
ไม่รู้จักกระพี้
ไม่รู้จักเปลือก ไม่รู้จักสะเก็ด ไม่รู้จักกิ่งและใบ
แท้จริง บุรุษผู้เจริญนี้
มีความต้องการแก่นไม้ แสวงหาแก่นไม้ เที่ยวเสาะแสวงหาแก่นไม้อยู่
เมื่อมีต้นไม้ใหญ่ซึ่งมีแก่นยืนต้นอยู่ ละเลยแก่น
ละเลยกระพี้ ละเลยเปลือกไปเสีย
ถากเอาสะเก็ดถือไป
สำคัญว่าแก่น
และกิจที่เขาจะทำด้วยไม้แก่น
จักไม่สำเร็จประโยชน์แก่เขา

หรืออีกอย่างหนึ่ง เปรียบเหมือนบุรุษผู้มีความต้องการแก่นไม้ แสวงหาแก่นไม้
เที่ยวเสาะแสวงหาแก่นไม้อยู่ เมื่อมีต้นไม้ใหญ่ซึ่งมีแก่นยืนต้นอยู่
ละเลยแก่น
ละเลยกระพี้ไปเสีย
ถากเอาเปลือกถือไป สำคัญว่าแก่น
บุรุษผู้มีจักษุเห็นเขาผู้นั้นแล้ว
พึงกล่าวอย่างนี้ว่า บุรุษผู้เจริญนี้ ไม่รู้จักแก่น
ไม่รู้จักกระพี้
ไม่รู้จักเปลือก ไม่รู้จักสะเก็ด ไม่รู้จักกิ่งและใบ
แท้จริง บุรุษผู้เจริญนี้
มีความต้องการแก่นไม้ แสวงหาแก่นไม้ เที่ยวเสาะแสวงหาแก่นไม้อยู่
เมื่อมีต้นไม้ใหญ่ซึ่งมีแก่นยืนต้นอยู่ ละเลยแก่น
ละเลยกระพี้ไปเสีย
ถากเอาเปลือกถือไป
สำคัญว่าแก่น
และกิจที่เขาจะทำด้วยไม้แก่น
จักไม่สำเร็จประโยชน์แก่เขา

หรืออีกอย่างหนึ่ง เปรียบเหมือนบุรุษผู้มีความต้องการแก่นไม้ แสวงหาแก่นไม้
เที่ยวเสาะแสวงหาแก่นไม้อยู่ เมื่อมีต้นไม้ใหญ่ซึ่งมีแก่นยืนต้นอยู่
ละเลยแก่นไปเสีย
ถากเอากระพี้ถือไป
สำคัญว่าแก่น
บุรุษผู้มีจักษุเห็นเขาผู้นั้นแล้ว
พึงกล่าวอย่างนี้ว่า บุรุษผู้เจริญนี้ ไม่รู้จักแก่น
ไม่รู้จักกระพี้
ไม่รู้จักเปลือก ไม่รู้จักสะเก็ด ไม่รู้จักกิ่งและใบ
แท้จริง บุรุษผู้เจริญนี้
มีความต้องการแก่นไม้ แสวงหาแก่นไม้ เที่ยวเสาะแสวงหาแก่นไม้อยู่
เมื่อมีต้นไม้ใหญ่ซึ่งมีแก่นยืนต้นอยู่ ละเลยแก่นไปเสีย

ถากเอากระพี้ถือไป
สำคัญว่าแก่น
และกิจที่เขาจะทำด้วยไม้แก่น
จักไม่สำเร็จประโยชน์แก่เขา

หรืออีกอย่างหนึ่ง เปรียบเหมือนบุรุษผู้มีความต้องการแก่นไม้ แสวงหาแก่นไม้
เที่ยวเสาะแสวงหาแก่นไม้อยู่ เมื่อมีต้นไม้ใหญ่ซึ่งมีแก่นยืนต้นอยู่

ถากเอาแก่นนั้นแหละถือไป รู้จักว่าแก่น
บุรุษผู้มีจักษุเห็นเขาผู้นั้นแล้ว
พึงกล่าวอย่างนี้ว่า บุรุษผู้เจริญนี้รู้จักแก่น
รู้จักกระพี้
รู้จักเปลือก รู้จักสะเก็ด รู้จักกิ่งและใบ
แท้จริง บุรุษผู้เจริญนี้มีความต้องการแก่นไม้
แสวงหาแก่นไม้ เที่ยวเสาะแสวงหาแก่นไม้อยู่
เมื่อมีต้นไม้ใหญ่ซึ่งมีแก่นยืนต้นอยู่
ถากเอาแก่นนั่นแหละถือไป รู้จักว่าแก่น
และกิจที่เขาจะทำด้วยไม้แก่น
จักสำเร็จประโยชน์แก่เขา ฉันใด.


ว่าด้วยบุคคลที่

[๓๕๕] พราหมณ์ ฉันนั้นเหมือนกันแล กุลบุตรบางคนในโลกนี้
ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตด้วยศรัทธา ด้วยคิดว่า

เราเป็นผู้ถูกชาติ ชรา
มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส ครอบงำแล้ว
ถูกความทุกข์ท่วมทับแล้ว
มีความทุกข์เป็นเบื้องหน้า
ไฉนหนอ
การทำที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ จะพึงปรากฏ
เขาบวชอย่างนี้แล้ว
ยังลาภสักการะและสรรเสริญให้เกิดขึ้น
เขามีความยินดี
มีความดำริเต็มเปี่ยม ด้วยลาภสักการะและสรรเสริญนั้น
เพราะลาภสักการะและสรรเสริญอันนั้น
เขาจึงยกตนข่มผู้อื่นว่า
เรามีลาภสักการะและสรรเสริญ
ส่วนภิกษุอื่นนอกนี้ มีคนรู้จักน้อย
มีศักดาน้อย
อนึ่ง
เขาไม่ยังฉันทะให้เกิด ไม่พยายามเพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรมเหล่าอื่นอันยิ่งกว่า
และประณีตกว่าลาภสักการะและสรรเสริญนั้น

ทั้งเป็นผู้มีความประพฤติย่อหย่อน
ท้อถอย เปรียบเหมือนบุรุษคนนั้นผู้มีความต้องการแก่นไม้
แสวงหาแก่นไม้
เที่ยวเสาะแสวงหาแก่นไม้อยู่ เมื่อมีต้นไม้ใหญ่ซึ่งมีแก่นยืนต้นอยู่
ละเลยแก่น
ละเลยกระพี้ ละเลยเปลือก ละเลยสะเก็ดไปเสีย ตัดเอากิ่งและใบถือไป สำคัญว่าแก่น
และกิจที่เขาจะทำด้วยไม้แก่น
จักไม่สำเร็จประโยชน์แก่เขา ฉันใด
พราหมณ์
บุคคลนี้เรากล่าวว่ามีอุปมาฉันนั้น.


ว่าด้วยบุคคลที่

[๓๕๖] พราหมณ์ บุคคลบางคนในโลกนี้ ออกจากเรือน บวชเป็นบรรพชิตด้วยศรัทธา
ด้วยคิดว่า
เราเป็นผู้ถูกชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาสครอบงำแล้ว
ถูกความทุกข์ท่วมทับแล้ว
มีความทุกข์เป็นเบื้องหน้า
ไฉนหนอ
การทำที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ จะพึงปรากฏ
เขาบวชอย่างนี้แล้ว
ยังลาภสักการะและสรรเสริญให้เกิดขึ้น
เขาไม่มีความยินดี
มีความดำริยังไม่เต็มเปี่ยม ด้วยลาภสักการะและสรรเสริญนั้น
เขายังฉันทะให้เกิด
พยายามเพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรมเหล่าอื่นอันยิ่งกว่า
และประณีตกว่าลาภสักการะและสรรเสริญ

ทั้งเป็นผู้มีความประพฤติไม่ย่อหย่อน
ไม่ท้อถอย
เขาย่อมยังความถึงพร้อมแห่งศีลให้สำเร็จ
เขามีความยินดี
มีความดำริเต็มเปี่ยมด้วยความถึงพร้อมแห่งศีลนั้น

เพราะความถึงพร้อมแห่งศีลนั้น เขาจึงยกตนข่มผู้อื่นว่า

เรามีศีลมีกัลยาณธรรม
ส่วนภิกษุอื่นนอกนี้ เป็นผู้ทุศีลมีบาปธรรม
อนึ่ง
เขาไม่ยังฉันทะให้เกิด ไม่พยายามเพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรมเหล่าอื่นอันยิ่งกว่า
และประณีตกว่าความถึงพร้อมแห่งศีล
ทั้งเป็นผู้มีความประพฤติย่อหย่อน ท้อถอย
เปรียบเหมือนบุรุษคนนั้นผู้มีความต้องการแก่นไม้
แสวงหาแก่นไม้ เที่ยวเสาะแสวงหาแก่นไม้อยู่
เมื่อมีต้นไม้ใหญ่ซึ่งมีแก่นยืนต้นอยู่
ละเลยแก่น ละเลยกระพี้
ละเลยเปลือกไปเสีย ถากเอาสะเก็ดถือไป
สำคัญว่าแก่น
และกิจที่เขาจะทำด้วยไม้แก่น
จักไม่สำเร็จประโยชน์แก่เขา ฉันใด
พราหมณ์
บุคคลนี้เรากล่าวว่ามีอุปมาฉันนั้น.


ว่าด้วยบุคคลที่

[๓๕๗] พราหมณ์ บุคคลบางคนในโลกนี้ มีศรัทธาออกจากเรือน บวชเป็นบรรพชิตด้วยศรัทธา
ด้วยคิดว่า
เราเป็นผู้ถูกชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส ครอบงำแล้ว
ถูกความทุกข์ท่วมทับแล้ว
มีความทุกข์เป็นเบื้องหน้า
ไฉนหนอ
การทำที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ จะพึงปรากฏ
เขาบวชอย่างนี้แล้ว
ยังลาภสักการะและสรรเสริญให้เกิดขึ้น
เขาไม่มีความยินดี
มีความดำริไม่เต็มเปี่ยม ด้วยลาภสักการะและสรรเสริญนั้น
เขาไม่ยกตน
ไม่ข่มผู้อื่น เพราะลาภสักการะสรรเสริญนั้น
อนึ่ง
เขายังฉันทะให้เกิด พยายามเพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรมเหล่าอื่นอันยิ่งกว่า
และประณีตกว่าลาภสักการะและสรรเสริญนั้น

ทั้งเป็นผู้มีความประพฤติไม่ย่อหย่อน
ไม่ท้อถอย เขาจึงยังความถึงพร้อมแห่งศีลให้สำเร็จ
เขามีความยินดีด้วยความถึงพร้อมแห่งศีลนั้น
แต่มีความดำริไม่เต็มเปี่ยม
เขาไม่ยกตน
ไม่ข่มผู้อื่น เพราะความถึงพร้อมแห่งศีลนั้น
อนึ่ง เขายังฉันทะให้เกิด
พยายามเพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรมเหล่าอื่นอันยิ่งกว่า
และประณีตกว่าความถึงพร้อมแห่งศีล

ทั้งเป็นผู้มีความประพฤติไม่ย่อหย่อน ไม่ท้อถอย
เขาจึงยังความถึงพร้อมแห่งสมาธิให้สำเร็จ
เขามีความยินดี
มีความดำริเต็มเปี่ยม ด้วยความถึงพร้อมแห่งสมาธินั้น
เพราะความถึงพร้อมแห่งสมาธินั้น
เขาจึงยกตนข่มผู้อื่นว่า
เรามีจิตตั้งมั่น
มีจิตมีอารมณ์เป็นอันเดียว ส่วนภิกษุอื่นนอกนี้ มีจิตไม่ตั้งมั่น มีจิตแปรปรวน
เขาไม่ยังฉันทะให้เกิด
ไม่พยายามเพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรมเหล่าอื่นอันยิ่งกว่า
และประณีตกว่าความถึงพร้อมแห่งสมาธิ
ทั้งเป็นผู้มีประพฤติย่อหย่อน ท้อถอย
เปรียบเหมือนบุรุษคนนั้นผู้มีความต้องการแก่นไม้
แสวงหาแก่นไม้ เที่ยวเสาะแสวงหาแก่นไม้อยู่
เมื่อมีต้นไม้ใหญ่ซึ่งมีแก่นยืนต้นอยู่
ละเลยแก่น ละเลยกระพี้ไปเสีย ถากเอาเปลือกถือไปสำคัญว่าแก่น
และกิจที่เขาจะทำด้วยไม้แก่น
จักไม่สำเร็จประโยชน์แก่เขา ฉันใด
พราหมณ์
บุคคลนี้เรากล่าวว่ามีอุปมาฉันนั้น.


ว่าด้วยบุคคลที่

[๓๕๘] พราหมณ์ บุคคลบางคนในโลกนี้ ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตด้วยศรัทธา
ด้วยคิดว่า
เราเป็นผู้ถูกชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส ครอบงำแล้ว
ถูกความทุกข์ท่วมทับแล้ว
มีความทุกข์เป็นเบื้องหน้า
ไฉนหนอ
การทำที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ จะพึงปรากฏ
เขาบวชอย่างนี้แล้ว
ยังลาภสักการะและสรรเสริญให้เกิดขึ้น
เขาไม่มีความยินดี
มีความดำริไม่เต็มเปี่ยม ด้วยลาภสักการะและสรรเสริญนั้น
เขาไม่ยกตน
ไม่ข่มผู้อื่น เพราะลาภสักการะสรรเสริญนั้น
อนึ่ง
เขายังฉันทะให้เกิด พยายามเพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรมเหล่าอื่นอันยิ่งกว่า
และประณีตกว่าลาภสักการะและสรรเสริญนั้น

ทั้งเป็นผู้มีความประพฤติไม่ย่อหย่อน
ไม่ท้อถอย เขาจึงยังความถึงพร้อมแห่งศีลให้สำเร็จ
เขามีความยินดีด้วยความถึงพร้อมแห่งศีลนั้น
แต่มีความดำริไม่เต็มเปี่ยม
เขาไม่ยกตน
ไม่ข่มผู้อื่น เพราะความถึงพร้อมแห่งศีลนั้น
อนึ่ง เขายังฉันทะให้เกิด
พยายามเพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรมเหล่าอื่นอันยิ่งกว่า
และประณีตกว่าความถึงพร้อมแห่งศีลนั้น

ทั้งเป็นผู้มีความประพฤติไม่ย่อหย่อน ไม่ท้อถอย
เขาจึงยังความถึงพร้อมแห่งสมาธิให้สำเร็จ
เขามีความยินดีด้วยความถึงพร้อมแห่งสมาธินั้น
แต่มีความดำริไม่เต็มเปี่ยม
เขาไม่ยกตน
ไม่ข่มผู้อื่น เพราะความถึงพร้อมแห่งสมาธินั้น
อนึ่ง
เขายังฉันทะให้เกิด พยายามเพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรมเหล่าอื่นอันยิ่งกว่า
และประณีตกว่าความถึงพร้อมแห่งสมาธิ
ทั้งเป็นผู้มีความประพฤติไม่ย่อหย่อน
ไม่ท้อถอย เขาย่อมยังญาณทัสสนะให้สำเร็จ
เขามีความยินดี
มีความดำริเต็มเปี่ยม ด้วยญาณทัสสนะนั้น
เพราะญาณทัสสนะนั้น เขาจึงยกตนข่มผู้อื่นว่า

เรารู้อยู่ เราเห็นอยู่
ส่วนภิกษุอื่นนอกนี้ ไม่รู้ไม่เห็นอยู่
อนึ่ง เขาไม่ยังฉันทะให้เกิด
ไม่พยายามเพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรมเหล่าอื่นอันยิ่งกว่า
และประณีตกว่าญาณทัสสนะนั้น
ทั้งเป็นผู้มีความประพฤติย่อหย่อน ท้อถอย
เปรียบเหมือนบุรุษคนนั้นผู้มีความต้องการแก่นไม้
แสวงหาแก่นไม้ เที่ยวเสาะแสวงหาแก่นไม้อยู่
เมื่อมีต้นไม้ใหญ่ซึ่งมีแก่นยืนต้นอยู่
ละเลยแก่นไปเสีย ถากเอากะพี้ถือไป สำคัญว่าแก่น
และกิจที่เขาจะทำด้วยไม้แก่น
จักไม่สำเร็จประโยชน์แก่เขา ฉันใด
พราหมณ์
บุคคลนี้เรากล่าวว่ามีอุปมาฉันนั้น.


ว่าด้วยบุคคลที่

[๓๕๙] พราหมณ์ บุคคลบางคนในโลกนี้ ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตด้วยศรัทธา
ด้วยคิดว่า
เราเป็นผู้ถูกชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส ครอบงำแล้ว
ถูกความทุกข์ท่วมทับแล้ว
มีความทุกข์เป็นเบื้องหน้า
ไฉนหนอ
การทำที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้จะพึงปรากฏ
เขาบวชอย่างนี้แล้ว
ยังลาภสักการะและสรรเสริญให้เกิดขึ้น
เขาไม่มีความยินดี
มีความดำริไม่เต็มเปี่ยม ด้วยลาภสักการะและสรรเสริญนั้น
เขาไม่ยกตน
ไม่ข่มผู้อื่น เพราะลาภสักการะและสรรเสริญนั้น
อนึ่ง
เขายังฉันทะให้เกิด พยายามเพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรมเหล่าอื่นอันยิ่งกว่า
และประณีตกว่าลาภสักการะและสรรเสริญ

ทั้งเป็นผู้มีความประพฤติไม่ย่อหย่อน
ไม่ท้อถอย เขาจึงยังความถึงพร้อมแห่งศีลให้สำเร็จ
เขามีความยินดีด้วยความถึงพร้อมแห่งศีลนั้น
แต่มีความดำริไม่เต็มเปี่ยม
เขาไม่ยกตน
ไม่ข่มผู้อื่น เพราะความถึงพร้อมแห่งศีลนั้น
อนึ่ง เขายังฉันทะให้เกิด
พยายามเพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรมเหล่าอื่นอันยิ่งกว่า
และประณีตกว่าความถึงพร้อมแห่งศีลนั้น

ทั้งเป็นผู้มีความประพฤติไม่ย่อหย่อน ไม่ท้อถอย
เขาจึงยังความถึงพร้อมแห่งสมาธิให้สำเร็จ
เขามีความยินดีด้วยความถึงพร้อมแห่งสมาธินั้น
แต่มีความดำริไม่เต็มเปี่ยม.
เขาไม่ยกตน
ไม่ข่มผู้อื่น เพราะความถึงพร้อมแห่งสมาธินั้น
อนึ่ง
เขายังฉันทะให้เกิด พยายามเพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรมเหล่าอื่นอันยิ่งกว่า
และประณีตกว่า เพราะความถึงพร้อมแห่งสมาธิ
ทั้งเป็นผู้มีความประพฤติไม่ย่อหย่อน
ไม่ท้อถอย เขาจึงยังญาณทัสสนะให้สำเร็จ
เขามีความยินดีด้วยญาณทัสสนะนั้น
แต่มีความดำริไม่เต็มเปี่ยม
เขาไม่ยกตน
ไม่ข่มผู้อื่น เพราะญาณทัสสนะนั้น
อนึ่ง เขายังฉันทะให้เกิด
พยายามเพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรมเหล่าอื่นอันยิ่งกว่า
และประณีตกว่าญาณทัสสนะ
ทั้งเป็นผู้มีความประพฤติไม่ย่อหย่อน ไม่ท้อถอย
พราหมณ์
ก็ธรรมที่ยิ่งกว่าและประณีตกว่าญาณทัสสนะเป็นไฉน?
ภิกษุในพระศาสนานี้
สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม บรรลุปฐมฌาน
มีวิตก
มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่
แม้ธรรมข้อนี้
ก็ยิ่งกว่าและประณีตกว่าญาณทัสสนะ.

อีกข้อหนึ่ง ภิกษุบรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งจิตในภายในเป็นธรรมเอกผุดขึ้น
เพราะวิตกวิจารสงบไป
ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวกอยู่
แม้ธรรมข้อนี้
ก็ยิ่งกว่าและประณีตกว่าญาณทัสสนะ.

อีกข้อหนึ่ง ภิกษุมีอุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย เพราะปีติสิ้นไป
บรรลุตติยฌานที่พระอริยะทั้งหลายสรรเสริญว่าผู้ได้ฌานนี้เป็นผู้มีอุเบกขา

มีสติอยู่เป็นสุข
แม้ธรรมข้อนี้ ก็ยิ่งกว่าและประณีตกว่าญาณทัสสนะ.

อีกข้อหนึ่ง ภิกษุบรรลุจตุตถฌานไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุข ละทุกข์
และดับโสมนัสโทมนัสก่อน
ได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่
แม้ธรรมข้อนี้
ก็ยิ่งกว่าและประณีตกว่าญาณทัสสนะ.

อีกข้อหนึ่ง เพราะล่วงเสียซึ่งรูปสัญญาโดยประการทั้งปวง เพราะดับซึ่งปฏิฆสัญญา
เพราะไม่ใส่ใจซึ่งนานัตตสัญญา
ภิกษุย่อมบรรลุอากาสานัญจายตนฌาน
ด้วยกำหนดว่า
อากาศหาที่สุดมิได้ แม้ธรรมข้อนี้ ก็ยิ่งกว่าและประณีตกว่าญาณทัสสนะ.

อีกข้อหนึ่ง เพราะล่วงเสียซึ่งอากาสานัญจายตนฌานโดยประการทั้งปวง
ภิกษุย่อมบรรลุวิญญาณัญจายตนฌาน
ด้วยกำหนดว่า วิญญาณหาที่สุดมิได้
แม้ธรรมข้อนี้
ก็ยิ่งกว่าและประณีตกว่าญาณทัสสนะ.

อีกข้อหนึ่ง เพราะล่วงเสียซึ่งวิญญาณัญจายตนฌานโดยประการทั้งปวง
ภิกษุย่อมบรรลุอากิญจัญญายตนฌาน
ด้วยกำหนดว่าไม่มีอะไรอยู่
แม้ธรรมข้อนี้ก็ยิ่งกว่าและประณีตกว่าญาณทัสสนะ
.

อีกข้อหนึ่ง เพราะล่วงเสียซึ่งอากิญจัญญายตนฌานโดยประการทั้งปวง
ภิกษุย่อมบรรลุเนวสัญญานาสัญญายตนฌาน

แม้ธรรมข้อนี้ก็ยิ่งกว่าและประณีตกว่าญาณทัสสนะ
.

อีกข้อหนึ่ง เพราะล่วงเสียซึ่งเนวสัญญานาสัญญายตนฌานโดยประการทั้งปวง
ภิกษุย่อมบรรลุสัญญาเวทยิตนิโรธ
เพราะเห็นด้วยปัญญา อาสวะทั้งหลายของเธอย่อมสิ้นไป
แม้ธรรมข้อนี้
ก็ยิ่งกว่าและประณีตกว่าญาณทัสสนะ
พราหมณ์
ธรรมเหล่านี้แล ที่ยิ่งกว่าและประณีตกว่าญาณทัสสนะ.

เปรียบเหมือนบุรุษคนนั้นที่มีความต้องการแก่นไม้ แสวงหาแก่นไม้ เที่ยวเสาะแสวงหาแก่นไม้อยู่
เมื่อมีต้นไม้ใหญ่ซึ่งมีแก่นยืนต้นอยู่
ถากเอาแก่นนั้นแหละถือไป รู้อยู่ว่าแก่น
และกิจที่เขาจะทำด้วยไม้แก่น
จักสำเร็จประโยชน์แก่เขา ฉันใด
พราหมณ์
บุคคลนี้เรากล่าวว่ามีอุปมาฉันนั้น.


ว่าด้วยที่สุดของพราหมณ์

[๓๖๐] พราหมณ์ ดังพรรณนามาฉะนี้ พรหมจรรย์นี้จึง
มิใช่มีลาภสักการะและสรรเสริญเป็นอานิสงส์

มิใช่มีความถึงพร้อมแห่งศีลเป็นอานิสงส์

มิใช่มีความถึงพร้อมสมาธิเป็นอานิสงส์

มิใช่มีญาณทัสสนะเป็นอานิสงส์

พรหมจรรย์นี้มีเจโตวิมุตติอันไม่กำเริบเป็นประโยชน์
เป็นแก่น เป็นที่สุด.

เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้แล้ว
ปิงคลโกจฉพราหมณ์ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า

ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ
ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก
ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ
ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก
เปรียบเหมือนบุคคลหงายของที่คว่ำ
เปิดของที่ปิด บอกทางแก่คนหลงทาง
หรือส่องประทีปในที่มืด
ด้วยคิดว่า ผู้มีจักษุจักเห็นรูปได้ ฉันใด
พระโคดมผู้เจริญทรงประกาศพระธรรมโดยอเนกปริยาย
ก็ฉันนั้นเหมือนกัน
ข้าพระองค์นี้
ขอถึงพระโคดมผู้เจริญ พร้อมทั้งพระธรรมและพระภิกษุสงฆ์ ว่าเป็นสรณะ
ขอพระองค์จงทรงจำข้าพระองค์ว่า
เป็นอุบาสกผู้ถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะตลอดชีวิต
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
.

จูฬสาโรปมสูตรที่ ๑๐ จบ


(จูฬสาโรปมสูตร พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์
พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่มที่ ๑๘)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP