เข้าครัว Lite Cuisine
ชาเย็น
รูปภาพประกอบจาก http://www.dietdessertndogs.com
“น้องชอบทำครัวเหรอคะ” นี่เป็นคำถามที่จะได้ยินบ่อยมาก
คำตอบที่แท้จริงคือ “ไม่ชอบเลยค่ะ เสียเวลาและวุ่นวาย น่ารำคาญจะตาย”
“อ้าว!?!” และจะได้เห็นสีหน้าอัศจรรย์ใจกลับมาทุกครั้งไป
“แหม แต่น้องดูเย็นมากเลยนะคะ ไม่คิดเลยว่าจะรำคาญ”
“โอ๊ย เย็นชากับชาเย็นล่ะเป็นได้ แต่สงบเย็นนี่ยังต้องอบรมอีกมากเลยค่ะ”
ยังช่างรำคาญ คิดว่าความเห็นของตนถูก คนอื่นคิดต่างก็โทษเขา
ความร้อนและหนักที่กลางใจเป็นประจักษ์พยานเองว่ายังไม่เอาไหน
ลักษณะ“เย็น” ที่ว่า จึงเป็นเพียงความเย็นที่เปลือก ไม่มีประโยชน์อันใดต่อจิตใจ
“สงบเย็น” เกิดจากการปล่อยวาง มีแต่ความเบาสบายจากการลดละที่ใจตัวเอง ยอมรับสิ่งต่างๆ ง่าย
ส่วน “เย็นชา” มาจากการถือตัวถือตนจนไม่อยากยุ่งกับใคร จึงมีแต่ความร้อนและหนัก
พอเจอปัญหาขึ้นมา ก็อยากให้คนอื่นหรือสิ่งอื่นปรับปรุงเพื่อให้ได้สมใจเรา
โรงครัวเปรียบเหมือนโรงละครขนาดใหญ่ อะไรที่ไม่เคยเห็นก็ได้มาพบ อย่างเช่น...
เช้าวันหนึ่ง หลายคนกำลังวุ่นเตรียมของใส่บาตร จู่ๆ ก็มีเสียงดังเกรี้ยวกราดแผดมาจากฝั่งเตาไฟ
“โอ๊ยตายแล้ว นี่มันอะไรกันนี่ ตาย หมดกัน ใครเอาของฉันไปไว้ในตู้แบบนี้ นี่ขึ้นไขเสียหมดแล้ว”
สุภาพสตรีสูงวัยท่านหนึ่งแวะมาเคี่ยวหมูพะโล้ที่วัดตั้งแต่เมื่อวาน เช้ากะจะมาอุ่นเสียหน่อย
แต่กลับพบว่าหม้อพะโล้ถูกอุ้มไปเก็บในตู้เย็น เปิดฝามาเห็นพะโล้แยกชั้นเป็นไขก็โกรธจัดจนหน้าแดง
แม่ชีพรผู้ดูแลโรงครัวในช่วงนั้นออกมาแสดงตัว พูดด้วยเสียงอ่อนๆ ว่า
“แม่ชียกไปเก็บในตู้ให้เองละค่ะ เห็นว่าอากาศร้อนชื้นกลัวจะเสีย กลัวมด กลัวตัวอะไรจะขึ้นด้วย”
เจ้าของพะโล้ดุด้วยเสียงดังลั่นสะท้อนกำแพงว่า “ใครเขาใช้เธอหา ทำไม่เป็นแล้วมาจุ้นทำไม
เสียทั้งหม้อแล้วนี่เห็นไหม” แม่ชีพรหน้าซีด ตอบตะกุกตะกักว่า “อยู่ในตู้เย็นจะเสียได้ด้วยหรือคะ”
เหมือนน้ำมันราดเข้ากองไฟ คุณป้าพะโล้ยิ่งร่ายคำอวยพรดังยิ่งขึ้น
แม่ชีพรเป็นอดีตสาวออฟฟิศหน้าตาน่าเอ็นดูแบบสาวสมัยใหม่
เธอสู้กับมะเร็งร้ายผ่านมาได้ด้วยความสะบักสะบอม
หลังรักษาจนตัวรอด ทัศนคติเกี่ยวกับการใช้ชีวิตก็เปลี่ยนไปไกล
เธอเลือกหันหน้าเข้าหาพระพุทธศาสนาโดยไม่มีกำหนดสึก
เธอมีฝีมือในการทำอาหาร ไม่ว่าจะส้มตำ ซูชิ พิซซ่า
หรือคลับแซนด์วิชที่จัดเป็นถาดสวยเหมือนตามโรงแรม
โดยประยุกต์ใช้ของที่มีในโรงครัว จัดอะไรขึ้นมาก็มีแต่คนชมเปาะ
ด้วยความที่รักและนับถือแม่ชีอยู่มาก ฉันฟังแล้วก็โกรธแทนจนหัวใจเต้นตุ้บๆ
คิดว่าจะทำอย่างไรดีหนอ จะช่วยอธิบายหรือตวาดกลับว่าห้ามดุแม่ชีก็ไม่ใช่นิสัย
จนมีใครสักคนออกอุบายเชิญแม่ชีไปดูแลตรงอื่น เธอจึงหลุดมาได้ แต่ก็ยังมีเสียงลอยลมตามอยู่นั่นเอง
ความเคยชินของการแก้ปัญหาทางโลก คือ อย่าว่าที่ตัวบุคคล แต่ให้ปรับแก้ที่ระบบ
เราจะตั้งระบบอย่างไรดี ให้คนภายนอกเข้ามาใช้โรงครัวไม่ได้ สาธุชนไม่ควรก้าวร้าวใส่แม่ชีได้เลย
นี่ไม่ใช่เหตุการณ์ครั้งแรกที่คนภายนอกนำความร้อนมาสู่เรือนวัด ขอแยกครัวกันเสียเลยจะดีไหม
พอแม่ชีเดินผ่านมาก็จับมือเธอปลอบ “แม่ชีขาเป็นอย่างไรบ้าง ไม่เป็นไรนะคะๆ”
แม่ชียังหน้าซีดฝืนยิ้มจืดๆ แล้วหัวเราะแห้งๆ บ่นแต่ว่าเป็นความผิดของเธอเองที่ไปยุ่งกับของเจ้าภาพ
เธอกระซิบถามด้วยน้ำเสียงกังวลว่า “เอ แต่พะโล้เสียจริงๆ หรือคะ อุ่นให้ไขละลายไม่ได้หรือคะ”
ผู้สงบเย็นจากการปล่อยวาง ไม่เห็นตัวเองสำคัญนักหนา
จึงอภัยง่าย วางอารมณ์เร็ว ทำงานการต่อได้ทันที
แม่ชีพรคิดถึงแต่งานในครัว คิดถึงแต่ใจคนทำว่าหรือจะมีเคล็ดลับการปรุงที่ห้ามเข้าตู้จนขึ้นไขหนอ
วันถัดไปเจอกับคุณป้าคนเดิมก็ไม่ติดใจทักทายตามปรกติ
จดจำไว้เพียงว่าไม่แตะของที่เจ้าภาพไม่ได้ฝาก
ส่วนฉันเหตุการณ์ผ่านไปแล้วก็ยังหงุดหงิดและไม่อยากทักคุณป้าท่านนั้นอยู่
จนเวลาล่วงไปอีกหน่อย จึงค่อยเห็นว่าเห็นว่าคุณป้าเขาก็มีบุคลิกประจำตัวเป็นเช่นนั้นเอง
อย่ารีบร้อนด่วนตัดสินใครจากภายนอกเลย คิดน้อยๆ ปล่อยวางมากๆ เห็นตัวเล็กลงๆ นั่นแหละสบาย
ถ้าไม่เห็นตัวอย่างความสงบเย็นจากแม่ชี อาจจะมีการร้องเรียน ขอจัดระบบแยกครัวให้วุ่นวายต่ออีก
ยังต้องฝึกอบรมอีกมากถึงจะสงบเย็นจากการปล่อยวางได้จริงๆ
ก็ค่อยๆ ฝึกไปเรื่อยๆ อบรมตัวเองไปช้าๆ แต่ไม่หยุดก็แล้วกันนะคะ
ตอนนี้ก็เป็นได้แค่ชาเย็น ชามะนาวไปก่อน
ว่าแล้วก็เลี้ยวกลับเข้าห้องครัวมาทำชาเขียวปั่นถวายพระเป็นปานะด้วยกันดีไหมคะ
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
น้ำปานะชาเขียวปั่น
ขออนุญาตอวดสักหน่อยว่าสูตรนี้อร่อยชื่นใจมากเลยค่ะ แต่ต้องใส่ชีสปั่นด้วยนะคะ
รสชาติจะคล้ายๆ น้ำชาเชียวปั่นตามร้านอาหารญี่ปุ่นเลยละค่ะ
ส่วนผสม (สำหรับ ๑๐-๑๒ แก้ว)
- เนยแข็ง ๑ ก้อน
- น้ำเปล่าต้มสุก ๑ แก้ว
- น้ำแข็งเกล็ด
- ชาเขียวพร้อมดื่มชนิดขวดรสหวาน หรือรสน้ำผึ้ง (ห้ามใช้รสข้าวนะคะ) ๘-๙ ขวด
- น้ำตาลหรือน้ำผึ้ง
วิธีทำ
- ทำชีสปั่นก่อนค่ะ ใช้ชีสทั้งก้อนปั่นรวมกับน้ำเปล่าหนึ่งแก้ว (ราวๆ ๒๕๐ ซีซี)
- ปั่นจนเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน
- ปรุงรสชาเขียวให้เข้มข้นขึ้น เพราะเวลาปั่นกับน้ำแข็งจะจืดลงไปมากค่ะ
สูตรที่เคยผสมแล้วลงตัวสำหรับคนชอบรสหวาน
(อัตราส่วนต่อหนึ่งแก้ว) คือ น้ำตาล ๒ ช้อนโต๊ะ น้ำผึ้ง ๑/๒ ช้อนโต๊ะ
น้ำแข็งเกล็ด ๑/๒ แก้ว น้ำชาเขียว ๑ แก้ว ท่านไหนไม่ชอบรสหวานก็ลดน้ำตาลนะคะ
ถ้าจะทำถวายหลายที่ก็เพิ่มส่วนผสมไปตามอัตราส่วน
- ปั่นจนน้ำแข็งกระจายตัวแล้วใส่น้ำชีสปั่นหนึ่งช้อนโต๊ะ
- ปั่นต่อเล็กน้อยพอส่วนผสมเข้ากันดีก็พอแล้วค่ะ
- เสร็จแล้วถ้าจืดไปก็เทน้ำผึ้งเติมทีหลังได้ค่ะ
ไว้ลองทำกันดูนะคะ
< Prev | Next > |
---|