ธรรมะจากพระสูตร Dhamma from Sutta

อุปาลิสูตร ว่าด้วยพระอุบาลีทูลขอไปอยู่เสนาสนะป่า


กลุ่มไตรปิฎกสิกขา



[๙๙] ครั้งนั้นแล ท่านพระอุบาลี เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ
ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ข้าพระองค์ปรารถนาเพื่อจะอาศัยเสนาสนะ คือ ป่าและราวป่าอันสงัด.”
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า “อุบาลี เสนาสนะ คือ ป่าและราวป่าอันสงัด อยู่ลำบาก
ทำความวิเวกได้ยาก ยากที่จะอภิรมย์ในการอยู่ผู้เดียว
ป่าทั้งหลายเห็นจะนำใจของภิกษุผู้ไม่ได้สมาธิไปเสีย
อุบาลี ผู้ใดพึงกล่าวอย่างนี้ว่า ‘เราเมื่อไม่ได้สมาธิ
จักอาศัยเสนาสนะคือป่าและราวป่าอันสงัด’
ผู้นั้นจำต้องหวังข้อนี้ คือ จักจมลงหรือจักลอยขึ้น
อุบาลี เปรียบเหมือนมีห้วงน้ำใหญ่อยู่ มีช้างใหญ่สูง ๗ ศอกหรือ ๗ ศอกกึ่ง มาถึงเข้า
ช้างตัวนั้นพึงคิดอย่างนี้ว่า ไฉนหนอ เราลงสู่ห้วงน้ำนี้แล้วพึงเล่นล้างหูบ้าง
เล่นล้างหลังบ้าง ครั้นแล้ว จึงอาบ ดื่ม ขึ้นมาแล้ว กลับไปตามต้องการ ดังนี้
ช้างนั้นลงสู่ห้วงน้ำนั้นแล้ว พึงเล่นล้างหูบ้าง เล่นล้างหลังบ้าง
ครั้นแล้ว จึงอาบ ดื่ม ขึ้นมาแล้ว กลับไปตามต้องการ ข้อนั้นเพราะเหตุไร
เพราะว่าช้างนั้นเป็นสัตว์มีร่างกายใหญ่ ได้การลงในน้ำลึก
ครั้นกระต่ายหรือเสือปลามาถึง (ห้วงน้ำนั้น) เข้า
กระต่ายหรือเสือปลาพึงคิดอย่างนี้ว่า เราเป็นอะไร และช้างใหญ่เป็นอะไร
ไฉนหนอ เราพึงลงสู่ห้วงน้ำนี้แล้วจึงเล่นล้างหูบ้าง เล่นล้างหลังบ้าง
ครั้นแล้ว จึงอาบ ดื่ม ขึ้นมา แล้วกลับไปตามต้องการ ดังนี้
กระต่ายหรือเสือปลานั้นก็ลงสู่ห้วงน้ำนั้นโดยพลัน ไม่ทันได้พิจารณา
กระต่ายหรือเสือปลานั้นจำต้องหวังข้อนี้ คือจักจมลงหรือจักลอยขึ้น
ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่ากระต่ายหรือเสือปลานั้นเป็นสัตว์มีร่างกายเล็ก
ย่อมไม่ได้การลงในห้วงน้ำลึก แม้ฉันใด อุบาลี ผู้ใดพึงกล่าวอย่างนี้ว่า
‘เราเมื่อไม่ได้สมาธิ จักอาศัยเสนาสนะคือป่าและราวป่าอันสงัด’
ผู้นั้นจำต้องหวังข้อนี้ คือจักจมลงหรือจักลอยขึ้น ฉันนั้นเหมือนกัน.


อุบาลี เปรียบเหมือนเด็กอ่อนนอนหงาย ย่อมเล่นมูตรและคูถของตน
อุบาลี เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน
การเล่นนี้ เป็นการเล่นของเด็กอ่อนอย่างเต็มที่สิ้นเชิงมิใช่หรือ.”
ท่านพระอุบาลีกราบทูลว่า “เป็นอย่างนั้น พระพุทธเจ้าข้า.”


ภ. อุบาลี สมัยต่อมา เด็กนั้นแล อาศัยความเจริญ อาศัยความแก่กล้าแห่งอินทรีย์
ย่อมเล่นเครื่องเล่นทั้งหลายที่เป็นของเล่นของพวกเด็ก ๆ คือ เล่นไถน้อย ๆ
เล่นตีไม้หึ่ง เล่นกังหันไม้ เล่นกังหันใบไม้ เล่นตวงทราย เล่นรถน้อย ๆ เล่นธนูน้อย ๆ
อุบาลี เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน
การเล่นนี้ เป็นการเล่นดียิ่งกว่าและประณีตกว่าการเล่นที่มีในครั้งก่อนมิใช่หรือ.


อุ. เป็นอย่างนั้น พระพุทธเจ้าข้า.


ภ. อุบาลี สมัยต่อมา เด็กนั้นแล อาศัยความเจริญ อาศัยความแก่กล้าแห่งอินทรีย์
เป็นผู้เอิบอิ่มพรั่งพร้อมด้วยกามคุณ ๕ บำเรออยู่
ด้วยรูปทั้งหลายอันบุคคลพึงรู้ได้ด้วยจักษุ อันน่าปรารถนา น่าใคร่
น่าพอใจ น่ารัก ยั่วยวนชวนให้กำหนัด
ด้วยเสียงทั้งหลายอันบุคคลพึงรู้ด้วยหู อันน่าปรารถนา น่าใคร่
น่าพอใจ น่ารัก ยั่วยวนชวนให้กำหนัด
ด้วยกลิ่นทั้งหลายอันบุคคลพึงรู้ด้วยจมูก อันน่าปรารถนา น่าใคร่
น่าพอใจ น่ารัก ยั่วยวนชวนให้กำหนัด
ด้วยรสทั้งหลายอันบุคคลพึงรู้ด้วยลิ้น อันน่าปรารถนา น่าใคร่
น่าพอใจ น่ารัก ยั่วยวนชวนให้กำหนัด
ด้วยโผฏฐัพพะทั้งหลายอันบุคคลพึงรู้ด้วยกาย อันน่าปรารถนา น่าใคร่
น่าพอใจ น่ารัก ยั่วยวนชวนให้กำหนัด
อุบาลี เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน
การเล่นนี้ เป็นการเล่นที่ดียิ่งกว่า และประณีตกว่าการเล่นที่มีในครั้งก่อนมิใช่หรือ.


อุ. เป็นอย่างนั้น พระพุทธเจ้าข้า.


ภ. อุบาลี ก็พระตถาคตเสด็จอุบัติในโลกนี้ เป็นพระอรหันต์ตรัสรู้เองโดยชอบ
ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดีแล้ว ทรงรู้แจ้งโลก
เป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝีกไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทพและมนุษย์ทั้งหลาย
เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกธรรม ตถาคตนั้นทำโลกนี้
พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ให้แจ้งชัด ด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยตนเองแล้ว
สอนหมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทพและมนุษย์ให้รู้ตาม
แสดงธรรมอันงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด
ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถพร้อมทั้งพยัญชนะบริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง
คฤหบดี บุตรแห่งคฤหบดี หรือผู้เกิดมาในภายหลังในตระกูลใดกูลหนึ่ง
ย่อมฟังธรรมนั้นแล้วได้ศรัทธาในตถาคต ประกอบด้วยการได้ศรัทธาแล้ว
ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ฆราวาสคับแคบ เป็นทางมาแห่งธุลี
บรรพชาเป็นทางปลอดโปร่ง การที่บุคคลผู้อยู่ครองเรือนจะประพฤติพรหมจรรย์
ให้บริบูรณ์บริสุทธิ์โดยส่วนเดียว ดุจสังข์ที่ขัดแล้ว ไม่ใช่ทำได้ง่าย
ถ้ากระไร เราพึงปลงผมและหนวด ครองผ้ากาสายะ ออกบวชเป็นบรรพชิตเถิด ดังนี้
สมัยต่อมา เขาละกองโภคสมบัติน้อยใหญ่ ละเครือญาติน้อยใหญ่
แล้วปลงผมและหนวด ครองผ้ากาสายะออกบวชเป็นบรรพชิต
เมื่อบวชแล้ว เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยสิกขาและอาชีพเสมอด้วยภิกษุทั้งหลาย
ละปาณาติบาต เว้นขาดจากปาณาติบาต วางทัณฑะ วางศัสตรา มีความละอาย
มีความเอ็นดู มีความกรุณา หวังประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์ทั้งปวงอยู่
ละอทินนาทาน เว้นขาดจากอทินนาทาน รับแต่ของที่เขาให้
ต้องการแต่ของที่เขาให้ ไม่ประพฤติตนเป็นขโมย เป็นผู้สะอาดอยู่
ละอพรหมจรรย์ ประพฤติพรหมจรรย์ ประพฤติห่างไกล
เว้นจากเมถุนธรรมอันเป็นกิจของชาวบ้าน
ละมุสาวาท เว้นขาดจากมุสาวาท พูดแต่คำจริง ดำรงคำสัตย์ พูดเป็นหลักฐาน
ควรเชื่อถือได้ ไม่พูดลวงโลก ละวาจาส่อเสียด เว้นขาดจากวาจาส่อเสียด
ฟังข้างนี้แล้วไปบอกข้างโน้น เพื่อให้คนหมู่นี้แตกร้าวกัน
หรือฟังข้างโน้นแล้วมาบอกข้างนี้ เพื่อให้คนหมู่โน้นแตกร้าวกัน
สมานคนที่แตกร้าวกันแล้วบ้าง ส่งเสริมคนที่พร้อมเพรียงกันแล้วบ้าง
ชอบคนผู้พร้อมเพรียงกัน ยินดีในคนผู้พร้อมเพรียงกัน
เพลิดเพลินในคนผู้พร้อมเพรียงกัน กล่าวแต่คำที่ทำให้คนพร้อมเพรียงกัน
ละวาจาหยาบ เว้นขาดจากวาจาหยาบ กล่าวแต่คำที่ไม่มีโทษ ไพเราะหู
ชวนให้รัก จับใจ เป็นของชาวเมือง คนส่วนมากรักใคร่พอใจ ละคำเพ้อเจ้อ
เว้นขาดจากคำเพ้อเจ้อ พูดถูกกาล พูดแต่คำที่เป็นจริง พูดอิงอรรถ พูดอิงธรรม
พูดอิงวินัย พูดแต่คำมีหลักฐาน มีที่อ้างอิง มีที่กำหนด
ประกอบด้วยประโยชน์โดยกาลอันควร
ภิกษุนั้น เว้นขาดจากการพรากพืชคามและภูตคาม ฉันหนเดียว
เว้นการฉันในราตรี งดการฉันในเวลาวิกาล
เว้นขาดจากการฟ้อนรำขับร้องการประโคมดนตรี และการดูการเล่นอันเป็นข้าศึกแก่กุศล
เว้นขาดจากการทัดทรงประดับและตกแต่งร่างกายด้วยดอกไม้ของหอม
และเครื่องประเทืองผิวอันเป็นฐานะแห่งการแต่งตัว
เว้นขาดจากการนั่งการนอนบนที่นั่งที่นอนอันสูงใหญ่
เว้นขาดจากการรับทองและเงิน เว้นขาดจากการรับธัญญาหารดิบ
เว้นขาดจากการรับเนื้อดิบ เว้นจากการรับสตรีและกุมารี
เว้นขาดจากการรับทาสีและทาส เว้นขาดจากการรับแพะและแกะ
เว้นขาดจากการรับไก่และสุกร เว้นขาดจากการรับช้างโคม้าและลา
เว้นขาดจากการรับไร่นาและที่ดิน เว้นขาดจากการประกอบทูตกรรมและการรับใช้
เว้นขาดจากการซื้อการขาย เว้นขาดจากการฉ้อโกงด้วยตาชั่ง
การฉ้อโกงด้วยของปลอม และการฉ้อโกงด้วยเครื่องตวงวัด
เว้นขาดจากการรับสินบน การล่อลวง และการตลบตะแลง
เว้นขาดจากการตัด การฆ่า การจองจำ การตีชิง การปล้น และกรรโชก
ภิกษุนั้น เป็นผู้สันโดษด้วยจีวรเป็นเครื่องบริหารกาย
ด้วยบิณฑบาตเป็นเครื่องบริหารท้อง ซึ่งตนจะไปทางทิศาภาคใด ๆ ก็ถือไปได้เอง
นกมีปีกจะบินไปทางทิศาภาคใด ๆ ก็มีปีกของตัวเป็นภาระบินไป ฉันใด
ภิกษุเป็นผู้สันโดษด้วยจีวรเป็นเครื่องบริหารกายด้วยบิณฑบาตเป็นเครื่องบริหารท้อง
ซึ่งตนจะไปทางทิศาภาคใด ๆ ก็ถือไปได้เอง ฉันนั้นเหมือนกัน
ภิกษุนั้นเป็นผู้ประกอบด้วยศีลขันธ์อันเป็นอริยะนี้ ย่อมได้เสวยสุขอันไม่มีโทษเฉพาะตน.


ภิกษุนั้นเห็นรูปด้วยจักษุแล้ว ไม่ถือนิมิต ไม่ถืออนุพยัญชนะ
ย่อมปฏิบัติเพื่อสำรวมจักขุนทรีย์ ที่เมื่อไม่สำรวมแล้ว จะเป็นเหตุให้อกุศลธรรมอันลามก
คือ อภิชฌาและโทมนัสครอบงำได้ ชื่อว่าย่อมรักษาจักขุนทรีย์
ชื่อว่า ย่อมถึงความสำรวมในจักขุนทรีย์
ฟังเสียงด้วยหูแล้ว ไม่ถือนิมิต ไม่ถืออนุพยัญชนะ
ย่อมปฏิบัติเพื่อสำรวมโสตินทรีย์ ที่เมื่อไม่สำรวมแล้ว จะเป็นเหตุให้อกุศธรรมอันลามก
คือ อภิชฌาและโทมนัสครอบงำได้ ชื่อว่าย่อมรักษาโสตินทรีย์
ชื่อว่า ย่อมถึงความสำรวมในโสตินทรีย์
ดมกลิ่นด้วยจมูกแล้ว ไม่ถือนิมิต ไม่ถืออนุพยัญชนะ
ย่อมปฏิบัติเพื่อสำรวมฆานินทรีย์ ที่เมื่อไม่สำรวมแล้ว จะเป็นเหตุให้อกุศธรรมอันลามก
คือ อภิชฌาและโทมนัสครอบงำได้ ชื่อว่าย่อมรักษาฆานินทรีย์
ชื่อว่า ย่อมถึงความสำรวมในฆานินทรีย์
ลิ้มรสด้วยลิ้นแล้ว ไม่ถือนิมิต ไม่ถืออนุพยัญชนะ
ย่อมปฏิบัติเพื่อสำรวมชิวหินทรีย์ ที่เมื่อไม่สำรวมแล้ว จะเป็นเหตุให้อกุศธรรมอันลามก
คือ อภิชฌาและโทมนัสครอบงำได้ ชื่อว่าย่อมรักษาชิวหินทรีย์
ชื่อว่า ย่อมถึงความสำรวมในชิวหินทรีย์
ถูกต้องโผฏฐัพพะด้วยกายแล้ว ไม่ถือนิมิต ไม่ถืออนุพยัญชนะ
ย่อมปฏิบัติเพื่อสำรวมกายินทรีย์ ที่เมื่อไม่สำรวมแล้ว จะเป็นเหตุให้อกุศธรรมอันลามก
คือ อภิชฌาและโทมนัสครอบงำได้ ชื่อว่าย่อมรักษากายินทรีย์
ชื่อว่า ย่อมถึงความสำรวมในกายินทรีย์
รู้แจ้งธัมมารมณ์ด้วยใจแล้ว ไม่ถือนิมิต ไม่ถืออนุพยัญชนะ
ย่อมปฏิบัติเพื่อสำรวมมนินทรีย์ ที่เมื่อไม่สำรวมแล้ว จะเป็นเหตุให้อกุศลธรรมอันลามก
คือ อภิชฌาและโทมนัสครอบงำได้ ชื่อว่าย่อมรักษามนินทรีย์
ชื่อว่าย่อมถึงความสำรวมในมนินทรีย์
ภิกษุนั้นเป็นผู้ประกอบด้วยอินทรีย์สังวรอันเป็นอริยะนี้
ย่อมได้เสวยสุขอันไม่ระคนด้วยกิเลสเฉพาะตน.


ภิกษุนั้นย่อมทำความรู้สึกตัวในการก้าวไป ในการก้าวกลับ
ย่อมทำความรู้สึกตัวในการแล ในการเหลียว
ย่อมทำความรู้สึกตัวในการคู้เข้า ในการเหยียดออก
ย่อมทำความรู้สึกตัวในการทรงสังฆาฏิ บาตร และจีวร
ย่อมทำความรู้สึกตัวในการฉัน การดื่ม การเคี้ยว การลิ้ม
ย่อมทำความรู้สึกตัวในการถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ
ย่อมทำความรู้สึกตัวในการเดิน การยืน การนั่ง การหลับ การตื่น
การพูด การนิ่ง ภิกษุนั้นประกอบด้วยศีลขันธ์อันเป็นอริยะนี้
ประกอบด้วยอินทรีย์สังวรอันเป็นอริยะนี้
และประกอบด้วยสติสัมปชัญญะอันเป็นอริยะนี้ ย่อมอาศัยเสนาสนะอันสงัด
คือ ป่า โคนไม้ ภูเขา ซอกเขา ถ้ำ ป่าช้า ป่าชัฏ ที่แจ้ง ลอมฟาง
ภิกษุนั้น อยู่ป่า อยู่โคนไม้ หรืออยู่เรือนว่างเปล่า ย่อมนั่งคู่บัลลังก์ ตั้งกายตรง
ดำรงสติเฉพาะหน้า ภิกษุนั้นละความโลภในโลกแล้ว มีจิตปราศจากความโลภอยู่
ย่อมชำระจิตให้บริสุทธิ์จากความโลภ ละความประทุษร้าย คือ พยาบาท
ไม่คิดพยาบาท มีความกรุณา หวังประโยชน์เกื้อกูลสัตว์ทั้งปวงอยู่
ย่อมชำระจิตให้บริสุทธิ์จากความประทุษร้าย คือ พยาบาท
ละถีนมิทธะแล้ว เป็นผู้ปราศจากถีนมิทธะ มีความกำหนดหมายอยู่ที่แสงสว่าง
มีสติสัมปชัญญะอยู่ ย่อมชำระจิตให้บริสุทธิ์จากถีนมิทธะ ละอุทธัจจกุกกุจจะแล้ว
เป็นผู้ไม่ฟุ้งซ่าน มีจิตสงบ ณ ภายในอยู่ ย่อมชำระจิตให้บริสุทธิ์จากอุทธัจจกุกกุจจะ
ละวิจิกิจฉาแล้ว เป็นผู้ข้ามพ้นวิจิกิจฉา ไม่มีความสงสัยในกุศลธรรมทั้งหลายอยู่
ย่อมชำระจิตให้บริสุทธิ์จากวิจิกิจฉา.


ภิกษุนั้น ครั้นละนิวรณ์อันเป็นเครื่องเศร้าหมองใจ
อันทำปัญญาให้ทุรพล ๕ ประการนี้ได้แล้ว
สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม บรรลุปฐมฌาน มีวิตกวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่
อุบาลี เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน การอยู่เช่นนี้ เป็นการอยู่ที่ดียิ่งกว่า
และประณีตกว่าการอยู่อันมีในก่อนมิใช่หรือ.


อุ. เป็นอย่างนั้น พระพุทธเจ้าข้า.


ภ. อุบาลี สาวกทั้งหลายของเรา พิจารณาเห็นอยู่ซึ่งธรรมแม้นี้ (ว่ามีอยู่) ในตน
จึงอาศัยเสนาสนะ คือ ป่าและราวป่าอันสงัด
แต่ว่าสาวกเหล่านั้น ยังไม่บรรลุประโยชน์ของตนโดยลำดับก่อน.


อุบาลี อีกประการหนึ่ง ภิกษุบรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งจิตในภายใน
เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร เพราะวิตกวิจารสงบไป
มีปีติและสุขอันเกิดแต่สมาธิอยู่ อุบาลี เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน
การอยู่เช่นนั้น เป็นการอยู่ที่ดียิ่งกว่า และประณีตกว่า การอยู่อันมีในก่อนมิใช่หรือ.


อุ. เป็นอย่างนั้น พระพุทธเจ้าข้า.


ภ. อุบาลี สาวกทั้งหลายของเรา พิจารณาเห็นอยู่ซึ่งธรรมแม้นี้ (ว่ามีอยู่) ในตน
จึงอาศัยเสนาสนะ คือ ป่าและราวป่าอันสงัด แต่ว่าสาวกเหล่านั้น
ยังไม่บรรลุประโยชน์ของตนโดยลำดับก่อน


อุบาลี อีกประการหนึ่ง ภิกษุมีอุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย
เพราะปีติสิ้นไป บรรลุบรรลุตติยฌานที่พระอริยเจ้าทั้งหลายสรรเสริญว่า
ผู้ได้ฌานนี้เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุข อุบาลี เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน
การอยู่เช่นนี้เป็นการอยู่ที่ดียิ่งกว่า ประณีตกว่าการอยู่อันมีในก่อนมิใช่หรือ.


อุ. เป็นอย่างนั้น พระพุทธเจ้าข้า.


ภ. อุบาลี สาวกทั้งหลายของเรา พิจารณาเห็นอยู่ซึ่งธรรมแม้นี้ (ว่ามีอยู่ ) ในตน
จึงอาศัยเสนาสนะ คือ ป่าและราวป่าอันสงัด
แต่ว่าสาวกเหล่านั้น ยังไม่บรรลุประโยชน์ของตนโดยลำดับก่อน.


อุบาลี อีกประการหนึ่ง ภิกษุบรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข
เพราะละสุขละทุกข์และดับโสมนัสโทมนัสก่อน ๆ ได้
มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ อุบาลี เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน
การอยู่เช่นนี้ เป็นการอยู่ที่ดียิ่งกว่า และประณีตกว่าการอยู่อันมีในก่อนมิใช่หรือ.


อุ. เป็นอย่างนั้น พระพุทธเจ้าข้า.


ภ. อุบาลี สาวกทั้งหลายของเรา พิจารณาเห็นอยู่ซึ่งธรรมแม้นี้ (ว่ามีอยู่) ในตน
จึงอาศัยเสนาสนะ คือ ป่าและราวป่าอันสงัด
แต่ว่าสาวกเหล่านั้นยังไม่บรรลุประโยชน์ของตนโดยลำดับก่อน.


อุบาลี อีกประการหนึ่ง เพราะก้าวล่วงรูปสัญญา เพราะดับปฏิฆสัญญาเสียได้
เพราะไม่ใส่ใจถึงมานัตตสัญญาโดยประการทั้งปวง
ภิกษุจึงบรรลุอากาสานัญจายตนฌาน โดยคำนึงว่า อากาศไม่มีที่สุด ดังนี้
อุบาลี เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน
การอยู่เช่นนี้ เป็นการอยู่ที่ดียิ่งกว่าและประณีตกว่าการอยู่อันมีในก่อนมิใช่หรือ.


อุ. เป็นอย่างนั้น พระพุทธเจ้าข้า.


ภ. อุบาลี สาวกทั้งหลายของเราพิจารณาเห็นอยู่ซึ่งธรรมแม้นี้ (ว่ามีอยู่) ในตน
จึงอาศัยเสนาสนะ คือ ป่าและราวป่าอันสงัด
แต่ว่าสาวกเหล่านั้นยังไม่บรรลุประโยชน์ของตนโดยลำดับก่อน.


อุบาลี อีกประการหนึ่ง เพราะก้าวล่วงอากาสานัญจายตนฌานโดยประการทั้งปวง
ภิกษุจึงบรรลุวิญญาณัญจายตนฌาน โดยคำนึงว่า วิญญาณไม่มีที่สุด ดังนี้
อุบาลี เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน
การอยู่เช่นนี้ เป็นการอยู่ที่ดียิ่งกว่าและประณีตกว่าการอยู่อันมีในก่อนมิใช่หรือ.


อุ. เป็นอย่างนั้น พระพุทธเจ้าข้า.


ภ. อุบาลี สาวกทั้งหลายของเรา พิจารณาเห็นอยู่ซึ่งธรรมแม้นี้ (ว่ามีอยู่) ในตน
จึงอาศัยเสนาสนะ คือ ป่าและราวป่าอันสงัด
แต่ว่าสาวกเหล่านั้นยังไม่บรรลุประโยชน์ของตนโดยลำดับก่อน.


อุบาลี อีกประการหนึ่ง เพราะก้าวล่วงวิญญาณัญจายตนฌานโดยประการทั้งปวง
ภิกษุจึงบรรลุอากิญจัญญายตนฌาน โดยคำนึงว่า หน่อยหนึ่งไม่มี ดังนี้
อุบาลี เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน
การอยู่เช่นนี้ เป็นการอยู่ที่ดียิ่งกว่าและประณีตกว่าการอยู่อันมีในก่อนมิใช่หรือ.


อุ. เป็นอย่างนั้น พระพุทธเจ้าข้า.


ภ. อุบาลี สาวกทั้งหลายของเราพิจารณาเห็นอยู่ซึ่งธรรมแม้นี้ (ว่ามีอยู่) ในตน
จึงอาศัยเสนาสนะ คือ ป่าและราวป่าอันสงัด
แต่ว่าสาวกเหล่านั้นยังไม่บรรลุประโยชน์ของตนโดยลำดับก่อน.


อุบาลี อีกประการหนึ่ง เพราะก้าวล่วงอากิญจัญญายตนฌานโดยประการทั้งปวง
ภิกษุจึงบรรลุเนวสัญญานาสัญญายตนฌาน โดยคำนึงว่า ธรรมชาตินี้สงัด
ธรรมชาตินี้ประณีต ดังนี้ อุบาลี เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน
การอยู่เช่นนี้ เป็นการอยู่ที่ดียิ่งกว่าและประณีตกว่าการอยู่อันมีในก่อนมิใช่หรือ.


อุ. เป็นอย่างนั้น พระพุทธเจ้าข้า.


ภ. อุบาลี สาวกทั้งหลายของเราพิจารณาเห็นอยู่ซึ่งธรรมแม้นี้ (ว่ามีอยู่) ในตน
จึงอาศัยเสนาสนะ คือ ป่าและราวป่าอันสงัด
แต่ว่าสาวกเหล่านั้นยังไม่บรรลุประโยชน์ของตนโดยลำดับก่อน.


อุบาลี อีกประการหนึ่ง เพราะก้าวล่วงเนวสัญญานาสัญญายตนฌานโดยประการทั้งปวง
ภิกษุจึงบรรลุสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติอยู่ และอาสวะของภิกษุนั้นเป็นกิเลสหมดสิ้นไปแล้ว
เพราะเห็นด้วยปัญญา อุบาลี เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน
การอยู่เช่นนี้ เป็นการอยู่ที่ดียิ่งกว่า และประณีตกว่าการอยู่อันมีในก่อนมิใช่หรือ.


อุ. เป็นอย่างนั้น พระพุทธเจ้าข้า.


ภ. อุบาลี สาวกทั้งหลายของเรา พิจารณาเห็นอยู่ซึ่งธรรมแม้นี้ (ว่ามีอยู่) ในตน
จึงอาศัยเสนาสนะ คือ ป่าและราวป่าอันสงัด
แต่ว่าสาวกเหล่านั้นยังไม่บรรลุประโยชน์ของตนโดยลำดับก่อน
อุบาลี เธอจงอยู่ในสงฆ์เถิด เมื่อเธออยู่ในสงฆ์ ความสำราญจักมี.


อุปาลิสูตร จบ



(อุปาลิสูตร พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต
พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่มที่ ๓๘)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP