สารส่องใจ Enlightenment

ทำจิตให้บริสุทธิ์



พระธรรมเทศนา โดย หลวงปู่ขาว อนาลโย
วัดถ้ำกลองเพล อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู




รู้จักอยู่นี่แหละ เดี๋ยวนี้แหละ เราจะไปนรกก็รู้จักตัวอยู่นี่เพราะจิตเศร้าหมอง
ตนจะไปสวรรค์ไปพรหมโลกก็เพราะจิตเบิกบาน มีอารมณ์อันเดียว
จิตไม่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ภายนอก มีแต่พุทโธๆ เห็นพุทโธอยู่
พุทโธคือผู้รู้ รู้ว่าใจของตนบริสุทธิ์ผุดผ่อง
ใจบริสุทธิ์ก็ศีลบริสุทธิ์ ตัวเป็นดำเนิน ศีลเป็นประธาน
ผู้ใดทำบาปทำกรรม ทำให้ใจของตนเศร้าหมอง หาโทษใส่ตน
นักปราชญ์ว่าคนโง่-คนยาก
มันเกิดจากตน ตนบริสุทธิ์ ตนดีอยู่
ไปเอาความเศร้าหมองเอาความร้ายเข้ามาใส่ตน
เข้ามาเผาตน ตนเผาตน ก็แม่นใจเผาใจ
แล้วก็แล้วกันไป อดีตล่วงไปแล้ว มันล่วงมาแล้ว
อย่าเอามาเป็นอารมณ์ให้ใจเศร้าหมองทำไม
อนาคตยังมาไม่ถึง อย่าไปคิดมัน ให้มันมาเจอก่อนจึงคิด
ให้พิจารณาปัจจุบัน พิจารณาร่างกายนี้ ของแตกของเน่านี่
มันจะตายวันไหน มันจะเป็นอย่างไร
พิจารณาให้เห็นว่ามันไม่พ้นความตายแล้ว ตายนอนทับกันอยู่
รีบทำความดี รีบทำความเพียร รีบทำบำเพ็ญภาวนา
ให้ศีล..ให้สมาธิ..ให้ปัญญาเกิดขึ้น



ความชั่วที่เก็บมาให้มันเผาจิต ต้องเปิดออกปัดออก
เอาแต่ความดีเข้ามาสู่ดวงจิตดวงใจของตน
ให้ใจเบิกบาน ใจร่าเริง ให้ใจกว้าง อย่าให้ใจคับแคบ
จิตมันรก มันรกคือป่าดง เราออกมาจากที่รกชัฏแล้ว เราออกมาสู่แดนที่ว่าง
คือออกมาจากความกังวล ออกมาจากฆราวาส ฆราวาสเป็นของรกชัฏ
มันรกเพราะความกังวล เพราะความมีความจน
มีลูกมีเต้าหลายคน มันไม่เป็นปัญหายังไงไหว
นี่แหละมันรก นี่เราออกมาอย่างนี้มันไม่เจอกับใคร
ผ้าจีวรเขาก็ให้ บ่ได้หา เสนาสนะเขาก็ทำให้
เภสัชคือยาบำบัดโรคเขาก็เอามาให้ บ่อดบ่อยาก
เรามีงงมีงานอันหยัง เรามีแต่ตั้งหน้าทำความเพียร
เราอยากเป็นผู้ดีมีศีล เขาก็มีความยินดีกับเราเขาจึงกราบไหว้
เมื่อเราเป็นฆราวาส เขาจะกราบเราเฮ็ดหยัง บักอันนี้เฒ่าอันนี้
แต่นี่เขาเรียกว่าหลวงพ่อ เราเป็นผู้มีศีลเป็นผู้มีธรรม เป็นผู้ไม่เบียดเบียนใคร
เราเป็นลูกพระพุทธเจ้า เราไม่ควรทำความเกียจคร้าน
ไม่ควรทำลายศีล ไม่ควรทำลายสัตว์โลกให้วุ่นวายในหัวใจ



พระพุทธเจ้าเราสบาย บ้านเมืองประเทศของเราสบาย
เราไม่ต้องรบรากับเขา เราไม่มีความเดือดร้อน
เราเป็นลูกพระพุทธเจ้า เราต้องการทำความสงบความสบาย
เราจึงต้องหลีกออกมาอยู่ป่าอยู่ดง ไม่เกี่ยวข้องกับใคร ไม่กังวลกับใคร
ความตายตายไปแล้ว เราอยู่ก็ตาย มันจะกลัวตายไปทำไม
ความตายมาถึงล่ะหวั่นไหว พระพุทธเจ้าบอกไม่ให้หวั่นไหว
ได้ความสรรเสริญก็ดีใจแต่มันไม่เที่ยง ความนินทาติเตียนก็มีในโลกนี้แต่มันไม่เที่ยง
ลาภเกิดขึ้นก็มีอยู่ในโลกแต่มันก็เสื่อมไป ความสรรเสริญเกิดขึ้นแล้วก็เสื่อมไป
ความสุขเกิดขึ้นแล้วก็เสื่อมไป ความนินทาเกิดขึ้นก็เสื่อมไป
สิ่งไหนล่ะจะเอามาเป็นสาระแก่นสาร เราจะไปยึดไปถือทำไม
ปล่อยวางให้หมด ทำจิตให้เป็นอารมณ์อันเดียว ให้เป็นพุทโธๆ



พุทโธคือผู้รู้ ให้ใจเราเบิกบาน อย่าให้ใจเราเศร้าหมอง
ครั้นใจเราเศร้าหมอง ต้องชำระสะสางให้ใจของเราเบิกบาน อย่าให้ขุ่นมัว
ให้ดูใจของตนนี่ เราจะได้บุญที่สุดก็เพราะจิตสงบวิเวก
อย่าให้ศีลขาด ศีลด่างพร้อย เราจึงจะแน่ใจ
ศีลเป็นที่ตั้งของสมาธิ จิตมันจะสงบลงเป็นสมาธิ
สมาธิมันเป็นเค้าเป็นมูลของปัญญา ต่อกันไปนั่นแหละ



- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


คัดจาก พระธรรมเทศนา “เกล็ดเพชร (๒)” ใน "อนาลโยวาท" ฉบับพิมพ์ปี ๒๕๔๓


แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP