วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

อมฤต ๓๓



cover Amarit


ชลนิล



(ต่อจากฉบับที่แล้ว)



            ห้องประธานบริษัท บี.บี. พรอม.

            บรรพตเปิดดูคอมพ์เช็คอัตราแลกเปลี่ยนเงินปัจจุบัน มูลค่าตลาดหุ้นต่างประเทศที่ลงทุน ผลประกอบการต่าง ๆ รวมถึงผลการลงทุนระยะสั้นหลายแห่งที่ตนทำตามคำแนะนำท่านอาจารย์เนวะ

            มูลค่าผลตอบแทนทุกกิจการเป็นบวกล้วน ๆ ไม่ต้องคำนวณเลยว่าคิดเป็นทรัพย์สินเงินตรา เครดิตความน่าเชื่อถือมากมายแค่ไหน

            ...แต่...ใจเขาชืดชา ปราศจากความยินดีสักนิด

            อาจเพราะคำถามหนึ่งยังก้องในหู

            “รวยพอหรือยัง?”

            ด้วยทรัพย์สินทั้งหมดที่มีเวลานี้ หากพวกลูกหลานไม่เอาไปถลุงละลายน้ำอย่างโง่ ๆ เอาแค่พออยู่พอกินอย่างสบายไม่เดือดร้อนก็สามารถใช้ได้ไปถึงสามสี่ชั่วคนแล้ว

            เขายอมตัวเป็นลูกน้อง ทำงานรับใช้ท่านอาจารย์เนวะ ฝ่ายนั้นก็ตอบแทนด้วยผลประโยชน์รวดเร็วทันตา

            เวลานี้เริ่มครุ่นคิด ลังเลใจ ตนเองควรเป็นข้ารับใช้ ‘เจ้านาย’ คนนี้ต่อไปหรือไม่

            เหตุผลไม่ใช่เพราะอาจารย์เนวะบาดเจ็บต้องรักษาตัว แต่เพราะหนึ่งในฝ่ายตรงข้ามเป็นบุคคลที่เขารักเคารพ มีบุญคุณล้นหัว...

            แม้ผู้นั้นตายแล้วมาเกิดใหม่ เขายังจดจำบุญคุณไม่ลืมเลือน

            หากถอนตัวจากการรับใช้ผู้ทรงฤทธิ์จะเกิดผลใดตามมา...แต่ถ้ายอมทำตามคำสั่งลอบกัดทำร้ายครอบครัวผู้มีพระคุณ ‘สำนึก’ ในใจเขาจะยอมหรือไม่

            เสียงจากอินเทอร์คอมดังขึ้น ปลุกผู้บริหารระดับสูงตื่นจากภวังค์

            “ท่านคะ...คุณลุย กับคุณพยุหะมาขอพบค่ะ...เอ่อ...แต่พวกเขาไม่ได้นัดไว้ล่วงหน้า...”

            หากคนหนึ่งไม่ใช่ซูเปอร์สตาร์ชื่อดัง เป็นพรีเซนเตอร์สินค้าในบริษัทหลายชิ้น และอีกคนไม่ใช่โปรดิวเซอร์เพลงมือหนึ่ง อีกทั้งมีศักดิ์เป็นหลานชายเจ้าของบริษัท รับรองคงโดนเลขาหน้าห้องเชิญกลับอย่างสุภาพ หรือไม่ก็อาจเรียกยามมาลากตัวไปนานแล้ว

            บรรพตชะงักนิ่งอั้นชั่วขณะ ไม่คิดว่าวินาทีตัดสินใจจะมาถึงเร็วขนาดนี้

            “ให้พวกเขาเข้ามาได้”

            ประโยคตอบรับ เท่ากับบอกการตัดสินใจ...เลือกข้างไปแล้ว











บทที่ ๒๔



            เพียงก้าวผ่านประตูมิติ สถานที่รอบกายแปรเปลี่ยนฉับพลัน ไม่ใช่กลางสนามฟุตบอลโรงเรียนมัธยมอีกต่อไป

            ขุนเขา ถนนสายยาว หมู่บ้านตั้งเรียงรายเป็นระเบียบงดงาม บรรยากาศอบอุ่นปลอดภัย มัชฌิมารู้สึกเหมือนกลับมาเยี่ยมบ้านเก่า

            ที่นี่...เมืองอมฤต!

            ไม่อยากเชื่อ ท่านอาจารย์เนวะจะเสกสร้างเมืองในอดีตกลับมาใหม่ ลักษณะเหมือนเดิมไม่ผิดเพี้ยน หนำซ้ำถูกซุกซ่อนระหว่างมิติ ไม่มีที่ตั้งแน่นอนให้คนนอกค้นหา

            “รู้ใช่มั้ยว่านายท่านรออยู่ไหน” อาจารย์มิ่งถามหญิงสาว

            “ทราบค่ะ” มัชฌิมายิ้มละไม ดวงหน้าสว่างราศีฉายชัดจนเจ้าอาคมนึกเกรงใจ

            สุดปลายถนนคือสำนักสั่งสอนศิลปวิทยา อดีตชาติเธอ ‘กัลยา’ เคยเป็นศิษย์คนเล็กที่พวกศิษย์พี่เอ็นดู ท่านอาจารย์เมตตา

            พวกเขายังคอยอยู่ที่นั่นหรือไม่?

            “งั้นไปกันได้แล้ว” เจ้าอาคมกระตุ้นพร้อมเดินนำหน้า

            มัชฌิมาเดินตาม สายตากวาดมองรอบกายด้วยแววตารำลึกยาวนาน แต่ละย่างก้าวรู้สึกเหมือนกำลังย้อนทวนกาลเวลาทีละน้อย




- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            “ไม่มีใครรู้ ที่ซ่อนท่านเนวะอยู่ไหน” บรรพตตอบตรงไปตรงมาไม่โยกโย้

            “ประตูทางเข้าล่ะ มีใครรู้บ้างมันจะเปิดอีกเมื่อไหร่ ที่ไหน” พยุหะถาม

            “อาจารย์มิ่งเป็นคนเดียวที่รู้ และสามารถติดต่อท่านเนวะได้”

            “คนนอกอย่างพวกเรา มีวิธีรู้ล่วงหน้ามั้ย” รอยเธียรถามบ้าง

            ทีมนาคา กับสมุนเจ้าปักษากระจายกำลังกันค้นหายังทำได้แค่พบประตูทางเข้าอย่างจวนเจียน ตอนใกล้เวลามันปิดลงเท่านั้น

            “ไม่มีทาง” บรรพตตอบ “ขนาดผมจะส่งข่าวท่านเนวะยังต้องติดต่อผ่านอาจารย์มิ่งอย่างเดียว”

            “ตอนนี้อาจารย์มิ่งเข้าไปที่ซ่อนพร้อมมัชฌิมาแล้ว”

            พยุหะพูดเสียงเครียดรู้สึกอับจนหนทาง ดิ้นรนแค่ไหนก็หาทางออกไม่เจอ

            “คุณบรรพตทราบมั้ยครับว่าที่ซ่อนเนวะคืออะไร เป็นสถานที่แบบไหน” รอยเธียรตั้งคำถามใหม่

            “ผมพอรู้คร่าว ๆ ว่ามันอยู่อีกมิติหนึ่ง” ประธาน บี.บี. พรอม. พยายามให้ความร่วมมือเต็มที่

            “หือ...ขนาดนั้นเลยเหรอ” ดาราหนุ่มอุทานแปลกใจ

            “คือ...” ผู้อาวุโสกว่าเริ่มอธิบาย “ท่านเนวะสนใจเรื่องลัทธิพีเพิล เทมเปิล กับโจนส์ทาวน์ เมืองที่ถูกหลอกให้เชื่อว่าเป็นสังคมในอุดมคติอย่าง ‘ยูโทเปีย’ มากเป็นพิเศษ”

            พอขึ้นประเด็นนี้พยุหะขมวดคิ้ว อยากโพล่งไปว่ามันเกี่ยวอะไรกับที่ซ่อนเนวะ รอยเธียรตบหลังมือคู่หูจำเป็นแทนการเตือนสติ

            พยุหะเป็นนักอ่าน สนใจศึกษาเรื่องแปลกต่าง ๆ พอจะผ่านตาเรื่องเกี่ยวกับเมืองนี้และการฆ่าตัวตายหมู่ครั้งประวัติศาสตร์ได้

            ส่วนรอยเธียรไม่ใช่นักอ่าน แต่เคยชมสารคดีเรื่องนี้มาก่อน ทราบว่ามันถูกสร้างเป็นภาพยนตร์อยู่สองเรื่องคือ ‘Jonestown’ (2013) กับ ‘The Sacrament’ (2013)

            สองหนุ่มสงสัยว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับที่ซ่อนเนวะอย่างไร แต่ไม่เอ่ยถามพยายามใจเย็นรอให้อีกฝ่ายเล่าเองก่อน

            บรรพตหยุดวาจาสังเกตว่าผู้ฟังพอจะรู้เรื่องที่อ้างถึงหรือไม่ก่อนเข้าเรื่อง

            “เมื่อสองสามพันปีก่อน ท่านเนวะเคยสร้างเมืองชื่ออมฤต เป็นเมืองในหุบเขาแห่งหนึ่งซึ่งใช้อาคมมนตราปิดผนึกสร้างกำแพงมิติเป็นเกราะกั้นไม่ให้คนภายนอกเข้ามารบกวน ต่อมาพออาคมเสื่อมเกราะถูกทำลายก็กลายเป็นบ้านเมืองปกติ คนนอกเข้ามาแทรกแซงอาศัยได้”

            เรื่องเมืองอมฤต พยุหะ รอยเธียรรู้อยู่ก่อนแล้วจึงไม่ถามอะไร

            “ปัจจุบันถ้าจะสร้างอาณาจักรเร้นลับแบบเมืองอมฤตอีกมันเป็นไปไม่ได้ เพราะโลกหนาแน่นด้วยผู้คน เทคโนโลยีกระจายไปทั่ว ดาวเทียมตรวจจับรับรู้ทุกตารางนิ้วบนโลกแบบไม่มีอะไรปกปิดได้ เกราะอาคมก็คงไม่มีประโยชน์ หรือคิดจะสร้างเมือง สร้างประเทศส่วนตัวเปิดเผยอย่างโจนส์ทาวน์ ก็จะมีคนนอกเข้ามาแทรกแซง วุ่นวาย ควบคุมไม่อยู่อย่างที่จิม โจนส์เคยเจอ...”

            “แล้วที่ซ่อนอีกมิติของเนวะเป็นยังไงกันแน่” พยุหะไม่มีความอดทนมากพอนั่งฟังคำอธิบายยืดยาวขนาดนั้น

            “มันไม่ใช่แค่ที่ซ่อน แต่เป็นโลกอีกมิติหนึ่งซึ่งท่านเนวะค้นพบด้วยญาณหยั่งรู้ โลกนี้ไม่มีในแผนที่ปัจจุบัน ดาวเทียมหรือเทคโนโลยีล้ำสมัยแค่ไหนก็ตรวจจับค้นหาไม่เจอ เมื่อพบแล้วท่านก็ใช้อำนาจอิทธิฤทธิ์ที่สั่งสมมานานสองพันกว่าปี ทำให้สามารถเปิดปิดช่องว่าง สร้างประตูมิติได้ตามใจ อีกทั้งใช้ธาตุศักดิ์สิทธิ์ผสานอาคม เนรมิต เสกสรรบ้านเมืองในโลกต่างมิตินั้นให้เหมือนเมืองอมฤตในอดีตอย่างไม่ผิดเพี้ยน”

            อดีตครุฑ นาคฟังอย่างเหลือเชื่อคาดไม่ถึง พอนึกย้อนกลับไปก็จำได้ว่าตนเคยถูกเนวะฉุดดึงให้หลุดเข้าไปในโลกอีกมิติหลายครั้ง ไม่แปลกที่ผู้ทรงฤทธิ์ขนาดนี้จะสร้างเมืองอมฤตแห่งใหม่ในสถานที่พิสดารเช่นนั้นได้

            “ถ้าอย่างนั้นทั้งเมือง และผู้คนในเมืองก็ถูกเนรมิตออกมาเป็นแค่ภาพลวงตาปลอม ๆ เหมือนภาพโฮโลแกรมใช่มั้ยครับ” รอยเธียรถาม
            
            “ไม่ใช่ ท่านเนวะบอกว่าเมืองนั้นเป็นเมืองจริง ๆ ผู้คนอาศัยอยู่ได้จริง แต่ตอนนี้ท่านยังไม่คัดเลือกใครเป็นบริวารให้ไปพำนักอยู่ที่นั่น พวกที่อาศัยเมืองอมฤตตอนนี้จึงไม่ใช่ผู้คนจริง ๆ อย่างในสมัยก่อน”

            “พวกที่อยู่ในเมืองตอนนี้เป็นใคร” พยุหะรีบถาม

            บรรพตนิ่งอั้นชั่วขณะก่อนตอบ...




- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            เดินเข้ามาในเมืองอมฤตเห็นบ้านเรือน ต้นไม้ ถนนหนทาง สายน้ำ ลำธารเหมือนเดิมไม่ผิดเพี้ยน ทว่าผู้คนอาศัยกลับไม่ใช่ ไม่มีใครที่รู้จักคุ้นหน้าตาเลย

            ชาวเมืองอมฤตเวลานี้ล้วนมีใบหน้าซีดเซียว ดวงตาเหม่อลอยเซื่องซึม เดินเกลื่อนกลาดพักอาศัยตามบ้านเรือนไม่ต่างจากคนจรจัด ไม่ใช่เจ้าของบ้านแท้จริง

            ยิ่งมองเห็นเข้าใกล้ยิ่งรู้สึกเย็นวูบ อุณหภูมิรอบตัวลดต่ำลง ผิดกับบรรยากาศอบอุ่นเมื่อแรกก้าวเข้ามาเป็นคนละเรื่อง

            เหล่านี้ไม่ใช่มนุษย์ เป็นดวงวิญญาณเร่ร่อนที่มารวมตัวกันอย่างเหลือเชื่อ

            “ท่านอาจารย์ไปเก็บผีพวกนี้มาอยู่ในเมืองทำไม” มัชฌิมาถามโดยไม่มีความหวาดกลัว

            “นายท่านไม่อยากให้ที่นี่เป็นเมืองร้าง” อาจารย์มิ่งตอบ

            “ปล่อยให้เป็นเมืองร้างไปเลยยังน่ากลัวน้อยกว่านี้นะคะ” หญิงสาวออกความเห็น

            “อีกไม่นานหรอก ที่นี่จะมีผู้คนมาอยู่จริง ๆ” เจ้าอาคมอวดโอ่

            “ใครกันอยากมาอยู่เมืองปิด ติดต่อกับโลกภายนอกไม่ได้อย่างนี้” ถามอย่างสงสัย

            “คนที่เคารพศรัทธาพลังอำนาจของนายท่าน...คนที่ถูกเลือก...คนที่สามารถเข้ามาฝึกฝนเรียนรู้เพื่อเข้าสู่ความเป็นอมตะ ไม่มีวันตาย”

            มัชฌิมาฟังแล้วหนาววูบ นึกถึงเมืองอมฤตในอดีต

            ตอนนั้นท่านอาจารย์เนวะก็มีเจตนาสร้างให้เป็นนครอมตะ ชาวเมืองทุกคนร่างกายแข็งแรง อายุยืนยาวนับร้อยสองร้อยปี...แต่...ไม่มีใครเป็นอมฤต...ไม่ตาย

            “ชาวเมืองอมฤตสมัยก่อนก็ไม่มีใครเป็นอมตะ...อาจอายุยืนบ้างแต่ทุกคนก็ตายหมด” หญิงสาวค้าน

            “ทุกคนตายหมด...นายท่านเนวะยังอยู่จนถึงทุกวันนี้ และยังจะอยู่ต่อไปแม้จักรวาลจะล่มสลาย” วาจาเชื่อมั่นอย่างยิ่ง

            “เพราะอะไรอาจารย์มิ่งถึงเชื่ออย่างนั้น”

            “ที่ชาวเมืองรุ่นก่อนตายหมดเพราะนายท่านยังไม่สำเร็จวิชาขั้นสูงสุดแบบนี้ และตอนนั้นท่านยังไม่พบธาตุศักดิ์สิทธิ์มาช่วยเสริมสร้างอิทธิฤทธิ์” เจ้าอาคมหลุดความลับออกมา

            “ธาตุศักดิ์สิทธิ์” มัชฌิมาทวนวาจา “มันคืออะไร?”

            อาจารย์มิ่งหุบปากฉับไม่พูดอะไร

            “ขอโทษค่ะที่ก้าวก่ายถามความลับสำคัญ” หญิงสาวไม่แสดงท่าทีอยากรู้อยากเห็น

            คนตั้งใจเก็บความลับกลับงุนงงเมื่อพบผู้หญิงที่ไม่สนใจสอดรู้สอดเห็น

            การเดินทางสู่สำนักเต็มไปด้วยความเงียบงัน รอบข้างรายล้อมด้วยภูตผีบรรยากาศเย็นยะเยือก หญิงสาวมองสองข้างทางอย่างสังเกตสนใจ ไม่แสดงกิริยาหวาดกลัวภาพที่เห็น จะมีก็แค่รอยหดหู่ในแววตาเป็นบางครั้ง

            อาจารย์มิ่งไม่เคยพบผู้หญิงลักษณะเช่นนี้ ราศีความงามภายในฉายชัดบอกให้ทราบถึงความเหนือธรรมดา ชวนให้นึกยำเกรงลึก ๆ

            ความเงียบตลอดทางทำให้แกนึกได้ว่า ‘นายท่าน’ ไม่เคยสั่งให้ปิดความลับใด การที่ท่านอนุญาตให้เธอเข้าเมืองอมฤตได้ก็ไม่จำเป็นต้องปกปิดเรื่องราวเหล่านี้

            “มันไม่ใช่ความลับอะไรหรอก...” อาจารย์มิ่งเอ่ยลอย ๆ

            “เรื่องธาตุศักดิ์สิทธิ์หรือคะ” มัชฌิมาฉลาดพอจะตะครุบโอกาสฟังเรื่องสำคัญ

            “ใช่” เจ้าอาคมตอบรับ “นายท่านอาศัยอยู่ในถ้ำนาคอำพรางมาสองพันกว่าปี รู้จักธาตุศักดิ์สิทธิ์ทุกชนิดในนั้นเหมือนอ่านลายมือตัวเอง รู้ว่าธาตุชนิดใดมีประโยชน์อย่างไร ใช้ทำอะไรได้บ้าง...”

            “ท่านอาจารย์เลยนำธาตุพิเศษนั้นมาเป็นส่วนประกอบในการสร้างเมือง เปิดประตูมิติ และคิดว่านำมาผสานรวมกับกฤตยาคมตนเองจะสามารถทำให้เป็นอมตะ ไม่เจ็บไม่ตายอย่างนั้นหรือคะ”

            มัชฌิมาถามเข้าเป้าสำคัญ

            “แล้วเธอคิดว่ายังไงล่ะ” อาจารย์มิ่งย้อนกลับอย่างเยาะหยัน

            หญิงสาวยิ้มรับ เห็นว่าอีกฝ่ายมีความเคารพศรัทธาท่านอาจารย์เนวะอย่างสูง จึงลองหาวิธีพูดให้เห็นความจริงอีกด้าน

            “ถ้าธาตุศักดิ์สิทธิ์มันมหัศจรรย์ทรงฤทธิ์จริง ทำไมท่านอาจารย์ถึงยังถอนพิษนาคราชทันทีไม่ได้ ต้องยอมให้ดิฉันเข้ามาช่วยรักษาล่ะคะ”

            อาจารย์มิ่งสะดุดกึก หันขวับ ดวงตาลุกโชนทอประกายโทสะ

            “ถึงแล้ว” เสียงห้วนข่มอารมณ์

            เบื้องหน้าเป็นประตูบานใหญ่...มันเปิดกว้างรอให้ศิษย์คนสุดท้ายกลับคืนสู่อ้อมกอดอบอุ่นของสำนัก

            มัชฌิมาก้าวเข้าไปด้วยจิตใจหวั่นไหว พยายามข่มมันให้สงบระงับอย่างเต็มกำลัง




- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            หลังจากบรรพตบอกเล่าถึงภูตผีผู้อาศัยในเมืองอมฤตแล้ว ก็ขยายความถึงเจตนาแท้จริงในการสร้างเมืองแห่งนี้

            “ท่านเนวะมีแผนการเลือกบุคคลพิเศษผู้มีพรสวรรค์ รับเป็นศิษย์แล้วให้เข้าไปพำนักในเมืองอมฤต ถ่ายทอดวิชาอมตะ ปลุกปั้นให้เป็นบุคคลเหนือมนุษย์ธรรมดา สร้างที่นั่นให้เป็นอาณาจักรเหนือกาลเวลา โดยสถาปนาตัวเองเป็นจักรพรรดิเจ้าของอาณาจักรผู้ยิ่งใหญ่”

            รอยเธียรถอนใจยาว

            “นี่เป็นแผนการขั้นต่อไป หลังจากจัดการแก้แค้นพวกผมอย่างสะใจแล้วใช่มั้ยครับ”

            “ใช่” ประธาน บี.บี. พรอม. ตอบ “การแก้แค้นของท่านเนวะไม่ได้หวังฆ่าแกงพวกคุณให้ตายสิ้นซาก แต่จะบีบคั้นพวกคุณให้ทุกข์ทรมานจนถึงที่สุด ทำลายทุกสิ่งทุกคนที่คุณรักผูกพัน ทั้งชื่อเสียง ครอบครัว เด็ดปีกหาง ทำลายอิทธิฤทธิ์ทั้งหมดที่พวกคุณมี แล้วกดหัวให้ยอมสยบอยู่แทบเท้า เข้าไปเป็นข้ารับใช้อยู่ในเมืองอมฤตแห่งใหม่นั้น”

            พยุหะฟังแล้วหวาดเสียวเจ็บปวดลึกถึงกลางใจ

            มันเป็นการแก้แค้นอันโหดร้าย เลือดเย็นเกินรับได้

            “ไม่อยากคิดเลยว่า ถ้าแผนการนี้สำเร็จพวกเราจะเป็นยังไงกันบ้าง” อดีตนาคาเปรยขึ้นมา

            “เราจะยอมมันเหรอ” อดีตครุฑหันมาถามด้วยแววตากร้าว

            “ถ้างั้นต้องคิดแผนหาวิธีเข้าไปในเมืองอมฤตนั้นให้ได้ก่อน”

            “เมืองที่ไม่มีในแผนที่โลก ไม่อยู่ในสภาพภูมิศาสตร์ปกติ ประตูทางเข้าจะเปิดที่ไหน เมื่อไหร่ตามใจเจ้าของเมืองอย่างเดียว คาดเดาอะไรไม่ได้...จะเข้าเมืองแบบนี้ยังไง?”

            สองหนุ่มพูดปรึกษากันโดยมีประธาน บี.บี. พรอม. นั่งฟังโดยไม่รู้ควรออกความเห็นอย่างไร




- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            ผ่านประตูสำนักอันคุ้นเคย มองเห็นบ่อน้ำ อาคารต้อนรับ ตึกที่พัก ห้องคุมขัง ลานฝึกฝีมือ ห้องเรียน โถงใหญ่ชุมนุมศิษย์อาจารย์ ใช้ต้อนรับชาวบ้านชาวเมือง ทั้งหมดล้วนไม่ผิดเพี้ยนจากสำนักครั้งเก่า

            มัชฌิมาเดินตรงไปยังห้องพักอาจารย์เนวะอย่างไม่ลังเล บอกให้ทราบถึงความทรงจำอันแม่นยำ อาจารย์มิ่งเดินตามโดยไม่แนะนำเส้นทางหรือกล่าววาจาใด ๆ

            ถึงหน้าประตู เอื้อมมือเคาะเรียกตามมารยาท ไม่มีเสียงตอบรับ บานประตูเปิดออกปราศจากซุ่มเสียงแทนคำอนุญาตเชิญชวน

            หญิงสาวก้าวเข้าห้องช้า ๆ สายตามองไปรอบ ๆ ด้วยความสนใจ ผู้ร่วมทางชะงักเท้าแค่หน้าประตูไม่ก้าวตามมา

            ประตูปิดดังปัง ผู้มาเยือนหันไปมองไม่แสดงอาการตกใจ เหลียวกลับมาดูภายในห้องอีกครั้ง พบว่าประตูหน้าต่างทุกบานปิดสนิท ไม่มีคนอื่นอยู่ในห้อง...ที่นี่กลายเป็นกรงขังแล้ว

            ลมหายใจผ่อนระบายยาวเพื่อตั้งสติ คลายอารมณ์ ก่อนเดินไปนั่งบนเก้าอี้ วางกระเป๋าสะพายไว้ข้างตัว

            ...เหตุการณ์นี้ไม่นอกเหนือจากที่รู้ คาดการณ์ไว้...

            ท่านอาจารย์เนวะบาดเจ็บจริง รักษาตัวยังไม่หาย แต่บุคคลเช่นนี้มีหรือจะยอมรับบุญคุณจากศัตรู ยอมให้เข้ามารักษาอาการบาดเจ็บถอนพิษนาคราช

            เนวะตั้งใจตลบหลัง หลอกให้เธอมาติดกับดักในเมืองอมฤตต่างหาก จากนั้นคอยดูว่าอดีตครุฑ นาคจะมีความสามารถบุกเข้าเมืองหรือไม่

            กับดักถูกกางรอพวกเขาอยู่แล้ว!




- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            การปรึกษาพูดคุยระหว่างสองหนุ่มยังดำเนินต่อ

            “พวกเพื่อนผมตามรอยเนวะตั้งแต่เอาชนะท่านสิงหานาคราช” รอยเธียรเล่าถึงการทำงานฝ่ายนาคา

            “ถึงพวกเขาจะเข้าเขตเมืองอมฤตไม่ได้ แต่จากการเฝ้าร่องรอยการเปิดปิดประตูมิติมาตลอด ทำให้รู้ว่ามันไม่ได้เปิดเพราะเนวะอย่างเดียว”

            พูดถึงประโยคนี้พยุหะสนใจฟังยิ่งกว่าเดิม

            “บางครั้งประตูมันเปิดโดยไม่มีการเข้าออกเคลื่อนไหว ไม่ใช่เป็นการตั้งใจจากข้างใน คล้ายเป็นการหมุนตามวงรอบของอะไรสักอย่าง กับแรงดึงดูดระหว่างโลกกับดวงจันทร์ที่มันประจวบเหมาะพอดี ทำให้บานประตูมันเลื่อนเอง แต่ก็เป็นช่วงเวลาไม่นานนัก”

            “ถ้าเราหาคำตอบตรงนี้สำเร็จ ก็จะไปดักรอก่อนประตูเปิดได้” พยุหะเข้าใจ

            “ปัญหาตอนนี้คือ ต่อให้เราเข้าไปเมืองอมฤตได้ ด้วยความสามารถพวกเรารวมกันตอนนี้ ต่อให้เนวะบาดเจ็บสาหัสก็ไม่มีทางสู้มันได้เลย และอย่าลืมว่า...น้องมาก็อยู่ในกำมือมันด้วย อาจใช้เป็นข้อต่อรองกับเราได้อีก”

            พยุหะถอนใจเฮือกใหญ่ หรี่ตาครุ่นคิด จิตสัมผัสกระทบกับสิ่งที่รอยเธียรเก็บไว้ในอกเสื้อ

            ...ผลึกครุฑนาค...

            “เรามีวิธีพัฒนาพลังตัวเองได้” อดีตครุฑพูดขึ้น

            “จริงด้วย...”

            สองหนุ่มผู้มีความเป็นมาเหนือธรรมดาสบตากันบังเกิดความเข้าใจลึกซึ้ง

            บรรพตฟังอยู่ด้านข้างไม่เข้าใจเลยสักนิด รู้สึกแค่ผู้ชายสองคนนี้ฉลาดแหลมคมทันกัน ไม่ต้องเอ่ยปากก็รู้ใจ

            หวังว่าแผนการน่าจะสำเร็จด้วยดี ไม่เช่นนั้นนักธุรกิจใหญ่คงนอนไม่หลับแน่

            เวลานี้เขาเลือกข้างแล้ว...หากเนวะรู้ว่าสมุนสำคัญมีใจออกห่าง...ไม่รู้ว่าจะต้องได้รับผลตอบแทนรุนแรงเพียงใด




- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            เนวะบาดเจ็บสาหัส ต้องใช้เวลารักษาตัวแรมปีจริง

            ทว่า...ผู้ทรงฤทธิ์เช่นนี้มีหรือยอมให้ศิษย์ทรยศมารักษาตนเอง

            ตอนมัชฌิมายื่นข้อเสนอขอเข้ามารักษา เนวะเดาออกถึงเจตนาเบื้องหลังที่จะใช้เป็นข้อต่อรองให้ละอาฆาตพยาบาท เลิกแล้วต่อกัน

            เจตนาเช่นนี้เหมือนความคิดเด็กน้อยอ่อนต่อโลก บุรุษอัตตาใหญ่เช่นเนวะไม่มีทางยอมรับบุญคุณใครง่ายดาย ยิ่งคาดเดาจุดประสงค์ออกแต่แรกย่อมไม่มีทางสำเร็จ

            ที่ยอมให้เข้าเมืองอมฤตก็เพราะมันช่วยให้แผนการจับเหยื่อทั้งสามง่ายขึ้น

            มัชฌิมาอยู่เมืองอมฤต พยุหะ รอยเธียรย่อมไม่อยู่เฉยต้องเร่งตามมาทันที

            อดีตครุฑ นาคมีฤทธิ์เดชพอตัว ถึงไม่เท่าชาติก่อนก็ถือว่าเหนือธรรมดา สมุนบริวารสองฝ่ายกระจายหูตาไปทั่ว การจะเข้ามาดินแดนต่างมิติไม่ใช่เรื่องเกินกำลัง

            เนวะไม่กลัวการปะทะ พิษนาคราชรุนแรงร้ายกาจก็จริง อาคมรวมกับธาตุศักดิ์สิทธิ์ในถ้ำนาคอำพรางสามารถหยุดไม่ให้พิษกำเริบชั่วคราวได้

            รอจนสยบพวกมันเรียบร้อยค่อยถอนพิษก็ยังไม่สาย...เวลา...มีเหลือเฟือ

            อาจารย์มิ่งเข้ามารายงานเหตุการณ์ตั้งแต่พาหญิงสาวเข้าเมืองจนเธอเดินติดกับดักเองโดยไม่เปลืองแรง

            “นางนั่นไม่ร้องโวยวายตกใจเลยรึ” เนวะถามสมุน

            “ไม่ขอรับ เธอเดินเข้าไปเฉย ๆ พอประตูปิด หน้าต่างล็อคก็เงียบ ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย”

            ผู้เป็นนายขมวดคิ้วสงสัย ส่งจิตไปดูที่คุมขัง...ภาพกระจ่างชัดเจนยิ่งกว่ากล้องวงจรปิดไหน ๆ

            ...มัชฌิมากำลังหยิบตัวยาถอนพิษแต่ละชนิดออกมาวางเรียง แล้วค่อย ๆ ผสมปรุงตามสัดส่วนอย่างใจเย็น ละเอียดลออ...

            สถานการณ์คับขันอันตรายขนาดนี้เธอไม่มีอาการแตกตื่นมือไม้สั่นสักนิด

            “หึ...มันปรุงยาถอนพิษอยู่...คงคิดว่าจะใช้เป็นข้อต่อรอง หรือทำให้เราใจอ่อนได้กระมัง”

            อาจารย์มิ่งไม่พูดเสริมวาจานั้น แค่แปลกใจ การที่หญิงสาวคุมสติดีเยี่ยม ไม่ร้องโวยวายหวั่นไหว หนำซ้ำยังนั่งปรุงยาแบบไม่เดือดร้อน ในใจกำลังคิดวางแผนอะไร?

            “คอยดูเถอะมิ่ง...พอมันปรุงยาเสร็จคงร้องเรียกให้เอ็งเปิดกรงพามาหาเราแน่”

            เนวะคาดการณ์ล่วงหน้าด้วยรอยยิ้มเยาะหยัน

            “ถ้าเป็นอย่างนั้นจะให้กระผมทำยังไงครับ” อาจารย์มิ่งถาม

            “ไม่ต้องสนใจมันเลย...เอ็งไปเตรียมตรวจสอบกับดักต้อนรับเหยื่ออีกสองรายที่จะตามเข้ามาดีกว่า”

            “ขอรับนายท่าน” อาจารย์มิ่งรับคำออกจากห้อง

            พอสมุนลับกาย ใบหน้าเนวะค่อยปรากฏอาการเจ็บปวดแผ่ซ่านขึ้น เขาหยุดพิษไม่ให้กำเริบชั่วคราวเท่านั้น บาดแผลจากคมเขี้ยวนาคราชไม่ใช่เรื่องเล็ก มันสร้างความเจ็บปวดแก่จอมอิทธิฤทธิ์เป็นระยะ ไม่ว่าวิชาอาคม ธาตุวิเศษใดก็ไม่สามารถระงับความเจ็บปวดได้เนิ่นนานอย่างต้องการ



(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP