วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

อมฤต ๑๓



cover Amarit

ชลนิล



(ต่อจากฉบับที่แล้ว)



            เวลาเช้า หน้าห้องคนป่วย

            พยุหะเคาะประตูสองสามครั้งก่อนเปิดเข้าไปอย่างสุภาพเกรงใจ เห็นมัชฌิมานอนหลับสนิทบนเตียงคนไข้ ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอไม่น่าเป็นห่วง

            พันเกลียวออกจากห้องน้ำ ยกมือรับไหว้ชายหนุ่ม สัมผัสถึงความแปลกเปลี่ยนจากเดิม พอจิตเกิดความสนใจก็เข้าไปสัมผัสรู้ทันที

            เงาแห่งพญาครุฑทาทาบพยุหะ ความอหังการแผ่ออกมาให้รู้สึกได้

            นั่นแสดงความหมายว่า ชายหนุ่มได้รับพลังแห่งครุฑที่แฝงอยู่ในรอยขนปีกบนก้อนหินนั้นแล้ว

            “รู้ได้ยังไงว่ามัชฌิมาอยู่ที่นี่” พันเกลียวถามเรียบ ๆ แทนคำทักทาย

            “แค่นึกถึง ภาพก็ปรากฏในหัวเองครับ” พยุหะตอบแล้วตั้งคำถามกลับ “เธอเป็นอย่างนี้ได้ยังไง”

            พันเกลียวไม่ตอบ เปลี่ยนเป็นถามอีกฝ่ายแทน

            “ที่มานี่แสดงว่าต้องการพิสูจน์ความสามารถตัวเองล่ะสิ”

            “ครับ” ชายหนุ่มตอบรับ

            “เมื่อวานเจอประสบการณ์อะไรบ้างล่ะ”

            พยุหะถอนใจเบา ประสบการณ์เมื่อคืนสร้างความคาดไม่ถึงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวในอดีตมหัศจรรย์พันลึก คล้ายชมภาพยนตร์เหมือนจริงที่ตนเป็นผู้ร่วมแสดงด้วย

            พอรู้สึกตัวตอนรุ่งสาง พบตนเองนั่งอยู่ริมระเบียงตลอดทั้งคืน ลมโชยมาปะทะไม่รู้สึกหนาวเย็นอย่างใด ทรวงอกบังเกิดความอบอุ่นหนักแน่น ในมือกำผงฝุ่นปนกรวดสีทองอยู่ พอแบออกมาก็รับรู้ถึงพลังงานพิเศษที่แทรกซึมทั่วร่างกาย

            พยุหะนำผงฝุ่นนั้นใส่ถุงเก็บไว้กับตัว พอได้ยินคำถามจากพันเกลียวตอนนี้จึงล้วงมือหยิบถุงใบนั้นให้เธอ

            “เมื่อคืนผมระลึกชาติได้ พอรู้สึกตัวก็พบของสิ่งนี้ในมือ”

            หญิงกลางคนรับถุงใบนั้นไว้ สัมผัสถึงกระแสพลังงานแห่งครุฑที่หลงเหลือจาง ๆ จึงยื่นคืนให้เขา

            “รอยขนปีกบนแผ่นหินเหลือแค่ฝุ่นผงเท่านี้ เธอเก็บมันไว้กับตัวเถอะ เผื่อมีความจำเป็นต้องใช้มัน”

            “ครับ” พยุหะรับคำแล้ววกมาคำถามเดิม “คุณยังไม่ได้บอกผมเลยว่ามัชฌิมาเป็นอย่างนี้ได้ยังไง”

            แววตามองหญิงสาวยามนี้ดูอบอุ่น อ่อนหวานผิดเคย ความรู้สึกที่มีต่อเธอเปลี่ยนจากวันก่อนอย่างไม่อยากเชื่อตัวเองเช่นกัน

            พันเกลียวเห็นลักษณะท่าทีชายหนุ่มเช่นนี้ รู้ว่าเจ้าตัวคงจดจำความสัมพันธ์ระหว่างพญาครุฑ กับนางมนุษย์จากเมืองประหลาดหมดสิ้นแล้วจริง ๆ

            “คุณจดจำเรื่องของครุฑ นาค และผู้หญิงคนนั้นได้จนหมดแล้วใช่มั้ย” พันเกลียวถามเพื่อยืนยัน

            “ครับ” พยุหะยืนใกล้เตียง สายตามองหญิงสาวด้วยแววอ่อนโยน “ผมจำได้จนถึงวันสุดท้ายที่พาเธอไปหาพระพุทธเจ้าที่กรุงกุสินารา...แต่...”

            พูดจบก็ถอนใจยาวแววตาหดหู่

            “ผมเชื่อว่าเธอ...ยังระลึกชาติได้ไม่ถึงตอนนั้น...เพราะมันน่าเศร้าเกินไป”

            พันเกลียวไม่แสดงความรู้สึกใดนอกจากบอกสั้น ๆ

            “เอาไว้รอเธอฟื้นขึ้นมาก่อนคงได้คำตอบ”

            “ผมจะอยู่ช่วยดูแลเธอครับ” ชายหนุ่มบอกจริงจัง

            ผู้สูงวัยกว่าไม่ขัด ความทรงจำในอดีตชาติทำให้เขายึดมั่นว่าเธอคือคนที่ตนเองเคยร่วมทาง ฝ่าฟันอุปสรรคนานา มีความผูกพันกันมายาวนาน

            การจะถอนความเห็นผิด หลงยึดถือเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายดาย เพราะบางที...มันอาจเป็นความรู้สึกจริงในใจเขา ณ ปัจจุบันก็เป็นได้




- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            เช้านี้รอยเธียรสะพายย่ามเดินตามหลวงน้าบิณฑบาต

            โดยทั่วไปวัดป่าแห่งนี้ไม่มีเด็กวัดเดินตามพระขณะออกบิณฑบาต เพราะในหมู่บ้านจะตั้งโต๊ะวางกะละมังให้พระถ่ายบาตรเทอาหาร ของที่ได้รับเป็นระยะอยู่แล้ว

            วันนี้พระลูกวัดที่เดินตามพระอาจารย์ราเมศว์ งดออกบิณฑบาต อดอาหารเร่งความเพียรภาวนา ชายหนุ่มจึงขออนุญาตเป็นเด็กวัดเดินตามแทน

            ภาพชายหนุ่มแต่งกายเหมือนเด็กวัด สะพายย่ามเดินตามพระอาจารย์ราเมศว์ดูแปลกตาสำหรับคนเฒ่าคนแก่ในแวบแรก พอเห็นว่าเด็กวัดคนนี้เป็นใครต่างยิ้มแย้มทักทายอย่างเอ็นดู

            “วันนี้เดินตามหลวงน้าเลยเหรอพ่อลุย”

            “ครับวันนี้หลวงน้าบิณฑบาตทางสายนี้องค์เดียว ผมเลยขอตามมาด้วย”

            รอยเธียรตอบด้วยรอยยิ้มแล้วเร่งฝีเท้าตามผู้ทรงศีลอย่างระมัดระวัง พยายามมีสติในทุกย่างก้าวเดินอย่างที่เคยเรียนรู้มา

            ถ้ามีสติในทุกย่างก้าว ก็เรียกว่าเป็นการเดินจงกรมได้

            สติเขาไม่คมเฉียบขนาดรู้สึกตัวทุกย่างก้าวขนาดนั้น พอก้าวไหนขาดสติ ส่งจิตออกไปดูตามข้างทางก็คอยรู้ทัน ก้าวไหนเผลอไผลคิดเรื่องโน้นเรื่องนี้ก็คอยรู้ทันไปเรื่อย ๆ โดยไม่บังคับกดข่ม

            จิตตั้งมั่นทรงตัวเป็นธรรมชาติ ยิ่งเดินตามผู้ทรงศีลจิตใจปลอดโปร่งขึ้นเรื่อย ๆ รู้สึกเหมือนพระภิกษุข้างหน้าจะลอบตรวจสอบตนเองเป็นระยะ คอยตะล่อมให้เข้าสู่เส้นทางลัดตรง ไม่พลัดหลงระหว่างทาง

            กลับถึงวัด หลวงน้าตบศีรษะเบา ๆ เป็นการชมเชยก่อนขึ้นไปบนศาลา

            คนตั้งใจรอชายหนุ่มเป็นน้องสาวหน้าแป้นแล้น นั่งพับเพียบข้างตีนบันได รอจนหลวงน้าขึ้นศาลาเรียบร้อยก็หันมายิ้มกว้าง นัยน์ตาส่งประกายยิบยับ เหมือนมีเรื่องอยากพูดคุย

            “ไปภาวนาบนถ้ำเมื่อคืนเป็นยังไงบ้าง” คำถามแรกมาทันที

            รอยเธียรอมยิ้มอยากแกล้งยียวนน้องสาวด้วยการไม่ตอบ หรือตอบเลี่ยง ๆ ไม่ตรงคำถาม แต่ฉุกใจนึกได้ว่า ถ้ารอยธาราแสดงกิริยาเช่นนี้ แสดงว่าเจ้าตัวต้องรู้อะไรมาบ้าง

            “ระลึกชาติเรื่องสำคัญได้หมดแล้ว จำได้ว่ามีปัญหากับใคร ที่ไหน อย่างไร...อ้อ...ได้ของแถมหน่อยนึง เป็นพลังนาคาในชาติก่อนด้วย”

            หญิงสาวอึ้งตาค้าง ตกใจที่รอยเธียรยอมบอกตรงไปตรงมาเกินคาด

            พอเห็นท่าทางเช่นนี้ ชายหนุ่มจึงจิ้มหน้าผากน้องสาวแรง ๆ อย่างหมั่นไส้

            “มาถามเรื่องที่รู้อยู่แล้วทำไม หรือจะดักคอตอนพี่ไม่ยอมตอบล่ะสิ”

            รอยธาราทำตาโตแกล้งตกใจเกินจริง

            “โห...ตายแล้ว ตอนนี้เก่งขนาดอ่านใจเค้าออกเป๊ะ ๆ เลยเหรอ”

            รอยเธียรหัวเราะนั่งลงข้างน้องสาว

            “เราแอบไปถามเรื่องของพี่จากตาอ่ำมาหมดแล้วสิ”

            ชายหนุ่มรู้ว่าตาอ่ำเป็น ‘คนพิเศษ’ เพราะหลวงน้าเคยบอกให้ฟัง เพื่อไม่ให้สองพี่น้องล่วงเกินผู้เฒ่าโดยไม่เจตนา

            ‘ชาติก่อนตาอ่ำเคยเป็นฤๅษีมาก่อน...ชาตินี้แกเลยสนุกกับฌานสมาบัติ ฤทธิ์อภิญญา จิตใจโลดโผน ‘ของเล่น’ เยอะ ฤทธิ์มาก เลยไม่ค่อยภาวนาให้ตัวเอง ‘พ้นทุกข์’ จริง ๆ สักที’

            รอยธาราหน้ามุ่ยโดนพี่ชายรู้ทันอ่านไต๋ออก

            “อือ...ถ้ารู้ว่าพี่ลุยจะบอกความลับง่ายอย่างนี้ เค้าไม่ต้องรบกวนตาอ่ำก็ได้”

            “หัดเกรงใจแกบ้างก็ดี ธรรมดาแกไม่สุงสิงกับใครอยู่แล้ว ถ้าเราไม่ใช่หลานหลวงน้า แกคงไม่เมตตาขนาดนี้หรอก”

            “นั่นสิ” รอยธาราตอบรับ สีหน้าแววตาแปลก ๆ

            คนเป็นพี่ชายรีบดักคอ

            “คราวนี้ไปขอตาอ่ำทำอะไรให้ล่ะ”

            “ไม่ได้ขอ...” หญิงสาวปฏิเสธเสียงสูง “แต่แกเห็นว่าเราจะกลับกรุงเทพพรุ่งนี้ ก็เลยบอกว่าจะไปเตรียม ‘ของฝาก’ มาให้”

            พอฟังอย่างนี้รอยเธียรนึกเกรงใจผู้เฒ่าขึ้นมาจริง ๆ เพราะของฝากจากตาอ่ำไม่ใช่สิ่งของธรรมดาใครก็ทำได้ ยิ่งตาอ่ำเคยเผชิญหน้ากับสมุนศัตรูเก่าของเขา รู้ว่าบุคคลผู้ไม่เปิดเผยตัวเป็นใคร ของฝากชิ้นนั้นไม่ธรรมดาแน่นอน

            “ตาอ่ำบอกหรือเปล่าว่าศัตรูเก่าพี่เป็นใคร” รอยเธียรถามตรง ๆ

            “บอก...บอกอีกด้วยว่า ตอนนี้ฤทธิ์ร้ายกาจกว่าเก่าเยอะเลย ได้พลังนาคาคืนมานิดหน่อยก็ไม่แน่ว่าจะรับมือไหว” รอยธาราไม่ปิดบัง

            “วันนี้พี่จะขึ้นไปภาวนาที่ถ้ำท้ายวัดอีกคืนนึง ไม่ต้องห่วงนะ” เขาบอกให้ทราบเพราะพรุ่งนี้เป็นกำหนดกลับกรุงเทพแล้ว

            “อือ...งั้นเค้าจะเตรียมข้าวเหนียวหมูทอดไปให้กินแล้วกัน” หญิงสาวบอกหน้าตาเฉย

            รอยเธียรได้ยินแล้วอดหัวเราะไม่ได้




- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            มันเป็นความฝันหรือความจริงมัชฌิมาแยกแยะไม่ออก

            เธอร่วมทางเดินป่า บุกฝ่าอันตรายกับผู้ชายสองคนเพื่อมุ่งหน้าไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า

            เมื่อไปถึงพบว่าตนคลาดกับพระองค์ไม่นาน

            ผู้ชายหนึ่งในสองตั้งใจพาเธอติดตามพระองค์ ในใจเธอรู้สึกมีภาระบางอย่างจำต้องปฏิเสธไปก่อน

            ผู้ชายอีกคนมอบของที่ระลึกเป็นกำไลนาคราชสีทองอ่อนนุ่ม บอกว่าสิ่งนี้ช่วยให้แคล้วคลาดปลอดภัยตลอดเส้นทาง ‘กลับบ้าน’

            เวลานั้นเธอจึงได้ทราบ...ชายทั้งสองคือหนึ่งพญาครุฑ หนึ่งพญานาคแปลงกายมาช่วยเหลือ

            หลังจากแยกย้าย จำได้แค่ตนเองมุ่งหน้าเดินทางอย่างรวดเร็ว เส้นทางสะดวกโล่งสามารถกลับไปนำข้าวของ สินค้าที่ซุกซ่อนออกมาทันเวลาเข้าเมืองพอดี

            เมืองนั้นประหลาดยิ่ง...ไม่เหมือนเมืองไหน ๆ...นี่เป็นเพียงความรู้สึกลึก ๆ ในใจ เพราะพอย่างเท้าเข้าเขตอาคมปกป้องเมือง เธอก็ลืมเลือนเหตุการณ์หลังจากนั้นเสียสิ้น

            จิตดิ่งสู่ห้วงนิทราอันลึกล้ำ พักผ่อนยาวนานจนอิ่มตัว ค่อย ๆ ตื่นขึ้นมาทีละน้อย กระทั่งสัมผัสแสงสว่างกระทบเปลือกตา

            เมื่อลืมตาพบชายหนุ่มคนหนึ่ง เพียงเห็นใบหน้าชื่อก็แวบมาในหัว...วินตกะ พญาครุฑแปลงในฝัน

            รูปร่างหน้าตาเขาไม่เหมือนวินตกะเสียทั้งหมด ที่ดูละม้ายสุดคือแววตาฉายความอหังการถือดี เชื่อมั่นในตัวตนเด่นชัดยากเลียนแบบ

            “ตื่นแล้วเหรอ” เขาถามเสียงทุ้มนุ่มนวล

            ดวงตาคมดุมองมาด้วยแววอบอุ่นผิดเคย สีหน้าละมุนอ่อนโยนอย่างที่เจ้าตัวไม่เคยใช้มองใครบ่อยนัก

            สติกลับคืน มัชฌิมาทบทวนความทรงจำในหัว...เกิดอะไรขึ้น...เธอมานอนอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?

            ที่สำคัญ...ทำไมผู้ชายคนนี้อยู่ที่นี่ด้วย

            “คุณพายุ” เธอเรียกชื่อเขาอย่างคุ้นปากทั้งที่พบพานแค่สองสามครั้ง

            ชายหนุ่มเผยรอยยิ้มให้เธอเป็นครั้งแรก ความสว่างไสวจากใบหน้าทำให้รู้สึกอบอุ่นใจ จนไม่คิดว่าเขาเป็นคนอื่นคนไกลเลย











บทที่ ๑๐



            สตูดิโอขนาดใหญ่ เซ็ตฉากองค์ประกอบพร้อมเพื่อถ่ายทำโฆษณาชุดแป้งหอมสามฤดู ทีมงานมีเวลาเพียงสองวันกับการถ่ายโฆษณาสามเรื่อง จำเป็นต้องเซ็ตฉากทั้งหมดในสถานที่ป้องกันเหตุขัดข้องจากดินฟ้าอากาศ

            ลุย...รอยเธียรพระเอกโฆษณาเป็นดารานายแบบค่าตัวแพง เลือกงานและให้คิวยากมาก ทีมงานต้องพยายามจัดสรรเวลาที่ได้รับทำงานอย่างคุ้มค่าที่สุด

            พระเอกโฆษณาเป็นคนดังระดับท็อปสตาร์ นางเอกโฆษณากลับเป็นหญิงสาวธรรมดา เด็กฝึกงาน-พาร์ทไทม์อยู่ที่แผนกประชาสัมพันธ์ ได้งานแบบส้มหล่นเพียงเพราะเจ้าของบริษัทยกเธอเป็นตัวอย่างในที่ประชุม



            มัชฌิมาอยู่ในห้องแต่งตัว กำลังได้รับการแต่งหน้าโดยช่างมืออาชีพ รอยธารามาคอยให้กำลังใจ ช่วยดูแลในฐานะผู้จัดการส่วนตัวชั่วคราว

            ระหว่างการแต่งหน้าอย่างประณีตบรรจง ไม่ให้นางเอกโฆษณาสวยเกินจริงจนผิดคอนเซ็ปต์ จู่ ๆ ประตูห้องเปิดผัวะโดยช่างแต่งหน้าสาวประเภทสองที่กำลังยิ้มกว้างท่าทางตื่นเต้น

            “นี่แกร...น้องลุยมาแล้ว จะเข้ามาทักทายนางเอกโฆษณาในห้องนี้ด้วย” ผู้พูดทำเสียงสูงเก็บอารมณ์ไม่อยู่

            เพียงเท่านี้ มือที่กำลังแต่งหน้ามัชฌิมาก็ชะงัก ตามด้วยเสียงกรี๊ดเบา ๆ ด้วยความดีใจ

            “ตายแล้ว...ฉันสวยหรือยังเนี่ย เพิ่งได้เจอน้องลุยตัวเป็น ๆ ครั้งแรกด้วย ต้องทำให้เขาประทับใจหน่อย” ช่างแต่งหน้ามืออาชีพออกอาการปลื้มดาราหนุ่มชนิดไม่ปิดบังกิริยา

            “นี่หล่อน...เขามาทักทายทำความรู้จักนางเอกโฆษณาย่ะ ไม่ได้มาดูตัวแก...อีนี่...อย่าเวอร์”‘เพื่อนสาว’ อดเหน็บแรง ๆ ไม่ได้

            “แหม...โอกาสแบบนี้มีไม่บ่อยนะแกร...” ลงท้ายเสียงสูงแล้วหันหน้ามาถามอย่างเอาจริงเอาจัง “ใครแต่งหน้าให้น้องลุยยะ...ฉันขอไปเปลี่ยนตัวได้มั้ย”

            “ฝันไปเถอะหล่อน...นังโซฟีมันติ่งตัวแม่น้องลุยขนาดนั้น...จ้างมันสักล้านก็ไม่ยอมให้แกไปทำงานแทนหรอก”

            “อย่างนี้ต้องไปวางยาให้มันท้องเสียจู๊ด ๆ ทำงานไม่ไหว แล้วฉันค่อยไปเสียบแทนนะ” วางแผนอย่างมีความหวัง

            “หนอยแน่...แผนชั่ว ๆ แบบนี้ก็คิดได้นะหล่อน...ต่อให้นังโซฟีมันขี้แตกคลานมาแต่งหน้าไม่ไหว แกก็ต้องข้ามศพฉันไปก่อนแหละย่ะนังเบล”

            “โหย...อีปลวก...อีเพื่อนทรยศ แกเคยแต่งหน้าให้น้องลุยมาแล้ว จะไม่ให้โอกาสฉันได้ใกล้ชิดน้องเขาบ้างเลยเหรอ”

            “ฮะฮะ...เรื่องอะไร ฉันจะยอมให้แกมาแตะต้องผัวในมโนของฉันล่ะยะ”

            ช่างแต่งหน้าสาวประเภทสองคุยกันจ้อกแจ้ก กัดกันบ้าง บลัฟกันบ้างอย่างตื่นเต้นยินดี โดยลืมงานในหน้าที่ มองไม่เห็นนางเอกโฆษณานั่งหัวโด่ แต่งหน้ายังไม่เสร็จอยู่ทั้งคน

            ผู้หญิงแท้ทั้งสองมองหน้ากันตาปริบ ๆ ต่อให้รู้ว่ามีคนคลั่งไคล้รอยเธียรมากมาย พอมาเจอสถานการณ์แบบนี้ ไม่รู้จะหัวเราะขัน หรือหงุดหงิดดี



            ไม่นานรอยเธียรเข้ามาในห้องแต่งตัวด้วยเสื้อยืดลำลองสีขาว กางเกงยีนส์แบบสบาย รองเท้าผ้าใบสุดแสนธรรมดา ออร่าความโดดเด่นกลบจนคนทั้งห้องหมองลงถนัดตา

            ช่างแต่งหน้าสาวประเภทสองทั้งคู่รีบหุบปากฉับ นั่งมองดาราหนุ่มชนิดไม่วางตา พอเขายิ้มให้ก็อ่อนระทวยแทบละลายลงไปกองกับพื้นทันที

            สาวใหญ่หัวหน้าแผนกประชาสัมพันธ์ บี.บี.พรอม. และผู้กำกับโฆษณาตามดาราหนุ่มมาด้วยเพื่อแนะนำนางเอกโฆษณาคนใหม่ให้เขาได้รู้จัก ทำความคุ้นเคยก่อนเริ่มงาน

            “สวัสดีค่ะ” มัชฌิมายกมือไหว้เมื่อได้รับการแนะนำอย่างเป็นทางการ

            “น้องมา...เราเจอกันอีกแล้วนะ” รอยเธียรทักทายด้วยรอยยิ้ม

            มัชฌิมาทำท่าแปลกใจ ส่วนรอยธาราชักสีหน้า...ไม่รู้พี่ชายจะเล่นลูกไม้อะไรต่อหน้าคนอื่น

            “อ้าว...รู้จักกันมาก่อนหรือครับ” ผู้กำกับโฆษณาอุทานแปลกใจ

            “ครับ...ผมเจอน้องเขาที่งานเลี้ยงหลังอีเวนท์ที่ห้างฯ เมื่อคราวก่อน” รอยเธียรอธิบาย

            “อ๋อ” หัวหน้าแผนกประชาสัมพันธ์อุทาน “จำได้แล้ว...จริงด้วยค่ะวันนั้นมัชฌิมาไปช่วยเสิร์ฟเครื่องดื่มในงานเหมือนกัน...คุณลุยนี่จำคนเก่งจังเลยนะคะ”

            “ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มตอบรับพร้อมโปรยรอยยิ้มมาทางผู้จัดการส่วนตัวชั่วคราว “น้องน้ำ...มาเหมือนกันเหรอ”

            รอยธาราหน้าตึง รู้ทันว่าพี่ชายแกล้งหยอกให้เสียวสันหลังเล่นเพราะรู้ว่าเธอไม่ชอบเปิดเผยตัวว่าเป็นน้องสาวเขา

            “ค่ะ...สวัสดีค่ะ” หญิงสาวพยายามฝืนยิ้มแล้วยกมือไหว้

            ดวงตารอยเธียรส่องประกายระยิบระยับขำขัน...นานครั้งหรอกเจ้าน้องสาวตัวแสบจะยอมยกมือไหว้พี่ชาย

            “รู้จักกันหรือคะ” หัวหน้าแผนกฯสาวใหญ่ไม่แน่ใจหญิงสาวที่อยู่กับนางเอกโฆษณาเป็นเด็กฝึกงานแผนกไหน

            “รู้จักสิครับ” รอยเธียรทำหน้าซื่อยิ้มหวาน “น้องน้ำเป็นประธานกลุ่มแฟนคลับผมเอง”

            “อ๋อ...” คราวนี้ผู้ฟังค่อยเข้าใจ

            ดาราหนุ่มยังสนุกที่ได้แกล้งน้องสาว

            “นอกจากนี้...น้องน้ำเขายังเป็น...” ชายหนุ่มชะงักวาจาเล็กน้อย

            รอยธาราขึงตามองพี่ชายเป็นเชิงห้าม

            “เป็น...แอดมินเพจ ‘คนรักรอยเธียร’ ด้วยครับ”

            คำตอบนี้หลุดมาให้คนนอกเข้าใจมากขึ้น ส่วนเจ้าตัวที่โดนเล่นงานก็ตวัดสายตามองพี่ชายเป็นเชิงบอกว่า...ฝากไว้ก่อนเถอะ




- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            หลังดารานายแบบคนดังออกไปเพื่อแต่งหน้า แต่งตัวทำผมใหม่ ช่างแต่งหน้าที่นั่งเงียบตาเยิ้มจ้องมองชายหนุ่มมาตลอด วิญญาณค่อยเข้าร่าง เริ่มทำงานต่อพร้อมพูดจาเจื้อยแจ้วอย่างอัดอั้นเก็บอาการมานาน

            “น้องลุยนี่น่ารักจังเลยน้า...หล่อก็หล่อ พูดจาดี โด่งดังขนาดนี้แต่ไม่ถือตัวเลยสักนิด”

            เนื่องจากช่างแต่งหน้าคู่หูมาบอกข่าวแล้วตามดาราหนุ่มไปด้วย เธอเลยต้อง ‘เม้าท์มอย’ กับนางเอกโฆษณาแทน

            “ค่ะ” มัชฌิมาตอบรับสีหน้ายิ้ม ๆ

            รอยธารานั่งใกล้นึกคันปากอยากแฉตัวจริงรอยเธียรให้ฟังเหลือเกินว่า...พระเอกหนุ่มคนนี้แสบสันต์และไม่ได้น่ารักอย่างที่คิดกันเลย

            “นี่น้องมารู้มั้ยคะ น้องลุยเกือบไม่ได้มาถ่ายโฆษณาชิ้นนี้แล้ว”‘เบล’ ช่างแต่งหน้าทำเสียงกระซิบกระซาบ

            “ค่ะ พอทราบบ้าง” มัชฌิมาตอบอ้อมแอ้ม สายตาเหลือบมองเพื่อนสนิทที่นั่งใกล้

            รอยธาราอมยิ้มไม่แสดงความเห็นใด ๆ

            “นั่นไง...แสดงว่าข่าวที่พี่ได้มาเป็นเรื่องจริงแน่ ๆ ที่ตอนแรกคุณรอยจันทร์ แม่น้องลุยให้คิวลูกชายแล้ว แต่บอกว่าเจ้าตัวไปต่างจังหวัดไม่ว่างมาเซ็นสัญญา พอกลับมาอ่านทบทวนสัญญาอีกที คุณรอยจันทร์มาบอกใหม่ว่าสัญญาไม่เป็นธรรม ถ้าจะให้น้องลุยเซ็นต้องปรับแก้สัญญากันใหม่ ไม่อย่างนั้นจะยกเลิกไม่รับงานนี้...ใช่มั้ยคะ”

            “ก็...ทำนองนั้นแหละค่ะ” มัชฌิมาพูดไม่เต็มปาก แอบมองเพื่อนสนิทอย่างเกรงใจ จำได้ว่าข่าวนี้ทำให้ทั้งแผนกแตกตื่น กลัวต้องรื้อแผนงานกันใหม่หมด

            “แหมดีจังนะคะที่จบด้วยดี ทางผู้ใหญ่ยอมแก้สัญญาตามที่แม่น้องลุยต้องการแล้ว ที่รักของพี่เบลก็เลยได้มาร่วมงานกับพวกเราได้” ช่างแต่งหน้าสรุปอย่างชื่นอกชื่นใจ

            รอยธาราถอนใจเงียบ ๆ เรื่องราวจริงมันซับซ้อนกว่านั้นเยอะ

            หลังสองพี่น้องกลับจากวัดป่า เล่าประสบการณ์แปลกประหลาดให้พ่อแม่ฟัง พวกตนก็ได้รับรู้เรื่องราวอีกด้านจากบิดามารดาเช่นกัน

            บริษัทนำเข้า-ส่งออกของเธียร นาคพิทักษ์ได้รับออเดอร์สั่งนำเข้าสินค้าล็อตใหญ่ มีแนวโน้มสร้างผลกำไรระยะยาวมหาศาล อีกทั้งได้สร้างคอนเนกชั่นกับบริษัทระดับบิ๊ก เพิ่มเครดิตให้กับบริษัทตน

            กรรมการบริษัทต่างสนับสนุนให้เซ็นสัญญารับงานชิ้นนี้ เธียรกลับนิ่งเฉยไม่ตอบรับทันทีในใจเกิดสังหรณ์แปลก ยิ่งรอยจันทร์นำภาพ ‘รอยพญานาค’ จากขี้เถ้าธูปในห้องพระมาให้ดูก็เหมือนได้รับคำเตือนจากญาติผู้ใหญ่ซึ่งไม่ปรากฏตัวให้เห็นมานาน

            เธียรสั่งให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบสัญญาซื้อ-ขายอย่างละเอียดไม่ยอมให้ผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว จากนั้นติดต่อเพื่อนสนิทต่างประเทศให้ช่วยสืบข่าว เจาะข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับบริษัทที่ตนจะสั่งสินค้าอย่างละเอียด

            ปรากฏว่าสินค้าที่ตนกำลังจะสั่งนำเข้าตามออเดอร์นั้นมีปัญหา บริษัทต่างประเทศปิดบังข่าวมิดชิด หากบริษัทตนสั่งซื้อสินค้าเข้ามาตามออเดอร์ จะต้องโดนฟ้องร้องจากบริษัทคู่ค้าให้ชดใช้ค่าเสียหายจำนวนมหาศาล

            พอรอยจันทร์ได้ยินสามีบอกเรื่องราวที่เกือบพลาดพลั้งเช่นนี้ ทำให้ฉุกใจนึกสงสัยกลับไปอ่านสัญญาที่ลูกชายเตรียมจะต้องเซ็นเมื่อกลับจากวัดป่าอีกที

            คราวนี้พบข้อเสียเปรียบหลายอย่างปรากฏอยู่ในสัญญานั้น โดยเฉพาะเงื่อนไขในการรักษา ‘ภาพลักษณ์’ ของตัวพรีเซนเตอร์

            ค่าตอบแทนในงานโฆษณาชิ้นนี้สูงลิบก็จริง หากตัวพรีเซนเตอร์เกิดข่าวฉาวทำให้ชื่อเสียงเสียหายภายในอายุสัญญา นอกจากจะถูกปลดจากการเป็นพรีเซนเตอร์แล้ว ยังต้องชดใช้ค่าปรับให้ทาง บี.บี.พรอม. เป็นเงินจำนวนมากกว่ากันหลายเท่า

            น่าแปลกที่รอยจันทร์อ่านสัญญาครั้งแรกไม่นึกสะดุดใจคล้ายมีม่านมืดบังตา จนสามีเกิดปัญหาในบริษัท ลูกชายลูกสาวกลับจากวัดป่าเล่าประสบการณ์ต่าง ๆ ให้ฟัง รวมถึงบอกว่า ‘บรรพต’ เป็นลูกน้องศัตรูในชาติก่อนของลูกชายจึงค่อยตาสว่างขึ้นมา

            เมื่อมองเห็นปัญหาข้างหน้า รอยจันทร์ตัดสินใจปฏิเสธ ถอนตัวไม่ให้ลูกชายรับงานนี้

            “ไม่ได้หรอกครับแม่” รอยเธียรค้าน “ต่อให้ผมไม่รับงาน เขาก็ต้องหาเรื่องอื่นมาอยู่ดี...ก่อนกลับมาคราวนี้หลวงน้ากำชับนักหนาให้รักษาศีล...เราตอบตกลงเขาไปแล้วจะมาปฏิเสธถอนตัวเฉย ๆ ก็เท่ากับโกหกนั่นแหละ”

            “แล้วจะเอายังไง” รอยจันทร์ถอนใจ

            “แม่เก่งออก ต้องมีวิธีอยู่แล้ว” รอยธารายกหน้าที่สำคัญให้มารดา

            สุดท้ายรอยจันทร์ใช้ข้ออ้างเรื่องสัญญามาเป็นเงื่อนไข หากทาง บี.บี.พรอม. ไม่ยอมแก้ไขสัญญาตามที่เธอต้องการก็จะให้ลูกชายถอนตัวจากงานนี้ทันที

            แรก ๆ บี.บี.พรอม. ไม่ยอมแก้ไขสัญญาง่าย ๆ ส่งตัวแทนมาเกลี้ยกล่อมพูดคุย รอยจันทร์ยืนหยัดไม่ยอมเสียเปรียบ จนสุดท้ายบรรพตเจ้าของบริษัทต้องมีคำสั่งลงมาให้ยินยอมแก้ไขสัญญาตามต้องการทุกข้อ การถ่ายทำโฆษณาจึงสามารถดำเนินตามกำหนดการเดิมอย่างเฉียดฉิว

            เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแสดงว่าฝ่ายตรงข้ามไม่ได้มุ่งเป้าแค่รอยเธียรคนเดียว พวกนั้นตั้งใจเล่นงานคนในครอบครัวเขาด้วย



(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP