ดังตฤณวิสัชนา Dungtrin's Answer

จะทราบได้อย่างไรว่าตนเองปฏิบัติธรรมในแต่ละวันมามากพอแล้ว



ถาม – เราจะรู้ได้อย่างไรคะว่าเราปฏิบัติธรรมในแต่ละวันมามากพอแล้ว


ถามตัวเองนะครับว่าก่อนนอนนี่มันฟุ้งซ่านหรือว่าสงบ ก่อนจะเอนตัวลงนอน
แล้วในขณะที่เราตื่นขึ้นมา เราตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกสดชื่นมากพอ
ที่จะรู้สึกเข้ามาในกายใจเป็นอัตโนมัติหรือเปล่า
คีย์เวิร์ด (
keyword) มันอยู่ตรงนี้นะ ตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น
แล้วก็มีความเป็นอัตโนมัติที่จะเข้ามารู้ในขอบเขตของกายของใจ

เห็นไหมอันนี้ผมไม่พูดถึงเลยนะว่าคุณจะต้องนั่งสมาธิได้กี่ชั่วโมง
เดินจงกรมไปกี่รอบ กี่พันกี่หมื่นรอบนะ
ผมพูดถึงข้อสังเกตว่าสติของเราเข้ามาอยู่ในกายในใจเป็นอัตโนมัติได้แค่ไหน
ตัวนี้ที่มันเป็นมาตรวัดที่สำคัญที่สุด


คนส่วนใหญ่พอไม่เข้าใจว่าพระพุทธเจ้าให้มุ่งหมายให้เอาตรงนี้นี่นะ
ก็ไปกะเกณฑ์เรื่องจำนวนชั่วโมงนะครับ
หรือว่าไปกะเกณฑ์ในเรื่องของว่าคนโน้นเขาทำได้แค่นี้ เราทำได้แค่ไหน
เราทำได้ประมาณนี้ คนอื่นเขาทำได้ยิ่งกว่าหรือเปล่า ไปเทียบเขาเทียบเรา
แล้วเสร็จแล้วมันก็ไม่ได้คำตอบที่ถูกต้องนะ
คำตอบที่ถูกต้องนะครับจำไว้เลยว่า ง่ายๆ ให้สังเกตแค่นี้ก่อน
ก่อนนอนนี่สงบหรือฟุ้งซ่าน
ถ้ามันมีความสงบนะ ถ้ามันมีความรู้สึกว่าพร้อมจะนอนได้
ในแบบที่ถึงแม้หัวจะปั่นป่วนมีความเคร่งเครียดอะไร
มันก็เป็นความปั่นป่วนแบบเบาบาง
ไม่ใช่ว่าปั่นป่วนแบบหนักยุ่งฟุ้งนะ มีตัวตนทึบไปหมดเลย



แต่ถ้าหากว่าคุณมีความฟุ้งซ่านแค่เบาบาง แล้วก็ตัวตนเบาบาง
ส่วนใหญ่แล้วคุณจะหลับสบาย
แล้วพอตื่นขึ้นมามีความสดชื่นเป็นอัตโนมัตินะ ที่จะเข้ามารู้กายรู้ใจได้
อย่างนี้มันเป็นเครื่องวัดนะว่าคุณปฏิบัติมามากพอแล้ว
เพราะอะไร เพราะว่าหลังจากที่ตื่นนอนขึ้นมาด้วยความสดชื่น
มากพอที่จะรู้เข้ามาในกายใจเป็นอัตโนมัติ
คุณจะพบว่าตัวเองมีกำลังใจ มีแก่ใจ มีฉันทะ มีความพึงพอใจนะที่จะรู้ต่อ



คนส่วนใหญ่นะตื่นขึ้นมามัวๆ มั่วๆ
แล้วก็รู้สึกว่าไม่มีแก่จิตแก่ใจไม่มีความสดชื่นอะไรเท่าไหร่
มันก็จะมีความเคยชินต่อยอดไปเรื่อยๆ นะ
ว่าฉันขอฟุ้งของฉันอย่างนี้แหละ มันไม่มีแก่ใจเข้ามาดูกายใจ
พอไม่มีแก่ใจเข้ามาดูกายใจนะ ใจนี่มันจะสร้างความเคยชินขึ้นมา
ว่าปล่อยไปเถอะ อยากคิดอะไรก็คิด นี่ตัวนี้นะ
ต่อให้คุณไปควบคุมตัวเองไปนั่งสมาธิหนึ่งชั่วโมง หรือไปเดินจงกรมสักพันรอบ
มันก็เอาชนะความเคยชินระหว่างวันแบบนี้ไม่ได้ ความเคยชินที่จะปล่อยใจน่ะ



ทีนี้พอเมื่อไหร่ที่คุณรู้สึกว่า เออ เริ่มเป็นนะ ลืมตาอ้าปากได้ในการเจริญสติ
คุณจะพบว่าคุณจะทำแบบค่อยเป็นค่อยไป
จะสังเกตลมหายใจก็ตาม จะอิริยาบถปัจจุบันก็ตาม จะความรู้สึกเป็นสุขเป็นทุกข์ก็ตาม
จะความฟุ้งซ่านหนาแน่นบ้าง เบาบางบ้างก็ตาม
คุณจะไม่เกี่ยง คุณจะเห็นไปเรื่อยๆ ในระหว่างวัน อย่างมีความพึงพอใจที่จะเห็น
ความพึงพอใจที่จะเห็นไปเรื่อยๆ แบบไม่เกี่ยงภาวะ
ไม่เกี่ยงอิริยาบถ ไม่เกี่ยงสถานที่นั่นแหละ
ตัวนี้ก็เป็นอีกจุดสังเกตหนึ่งที่บอกคุณได้ว่าคุณทำมาเพียงพอสมแก่อัตภาพ

ไม่ว่าคุณจะอยู่ในเพศฆราวาสหรือบรรพชิตก็ตามนะ



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP