วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

อมฤต ๓



cover Amarit




ชลนิล




(ต่อจากฉบับที่แล้ว)



            อสรพิษตัวนั้นแอบมุดเข้ามาทางใต้หลังคา ลงมาถึงบนฝ้าเพดาน จากนั้นค่อยเลื้อยเข้าไปทางช่องระบายอากาศ ลำตัวสีดำ ขนาดเท่าแขนเด็ก มุ่งหน้าไม่ช้าไม่เร็วมีจุดหมายข้างหน้าชัดเจน

            พยุหะนั่งหลับพักสายตา ‘มอง’ เห็นงูตัวนั้นตั้งแต่บนหลังคา เหมือนมีใครฉายภาพให้ดูในหัว

            ใจไม่แตกตื่น หวั่นกลัว เกิดความอยากรู้ว่ามันจะไปไหน จึงตามดูมันเรื่อย ๆ เห็นมุดผ่านช่องระบายอากาศ เลื้อยอย่างใจเย็นซอกซอนหาทางออกที่ต้องการ คล้ายมีบางสิ่งนำทางอยู่ข้างหน้า

            แสงสว่างส่องลอดจากทางออกช่องระบายอากาศห้องหนึ่ง มันเลื้อยปราดตรงไปโดยไม่ลังเล

            ห้องนั้นกว้างคุ้นตา เป็นสตูดิโอมีระเบียบ แผ่นเสียง ปกอัลบั้ม ซีดี เปียโนไฟฟ้า กีตาร์ เครื่องดนตรี เครื่องเสียงรุ่นเก่า รุ่นใหม่ คอมพิวเตอร์ถูกแยกวางไว้ตามความเหมาะสม แต่ละประเภทอย่างลงตัว เหมือนแกลอรี่มากกว่าห้องทำงาน

            พยุหะจำแม่น...นี่เป็นห้องทำงานใคร

            มันเลื้อยออกมาจากช่องระบายอากาศ เกาะตัวแน่นบนผนังเหมือนจิ้งจก สายตามุ่งร้ายมองลงมายังเบื้องล่าง

            หลังโต๊ะทำงาน บนเก้าอี้นวม ใครบางคนกำลังเอนหลังพักสายตาด้วยกิริยาไม่ต่างจากนอนหลับ

            พยุหะไม่ได้หลับ แต่ไม่สามารถปลุกตนเองให้ตื่นได้ ทั้งที่มัจจุราชลำตัวดำเมื่อมกำลังเกาะอยู่บนผนัง เหนือศีรษะไม่กี่ฟุต

            มันเลื้อยลงมาอย่างย่ามใจ เตรียมพุ่งฉกเข้าใส่ ชายหนุ่มรวบรวมสติปลุกตัวเองด้วยใจเข้มแข็ง มั่นคง

            ...ตื่น...ตื่น...ตื่น...!

            ร่างกายชาดิก ขยับไม่ได้ ภาพที่เห็นชัดเจนเหมือนจริงจนน่ากลัว ระยะห่างร่นลงมาเหลือไม่กี่คืบ แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น

            ประตูห้องทำงานเปิดออก แม่บ้านประจำสตูดิโอห้องอัดเสียงเข้ามาทำหน้าที่ตน

            “กรี๊ดดดดด...” เสียงกรีดร้องดังสนั่น เมื่อเธอเห็นอสรพิษตัวใหญ่เกาะอยู่บนผนัง ห่างจากศีรษะเจ้านายเพียงเล็กน้อย

            ...พรวด...พยุหะได้สติลุกพรวด กระโดดห่างจากเก้าอี้นวม แล้วหันกลับมองผนังทันที

            ...ไม่มีอสรพิษร้าย...

            “ร้องทำไมป้า” ชายหนุ่มสะกดน้ำเสียงราบเรียบ เอ่ยถามแม่บ้านกลางคนที่หลับหูหลับตากรีดร้องไม่หยุด

            “งูค่ะคุณพายุ...งูตัวใหญ่”‘พายุ’ เป็นชื่อที่คนทั่วไปเรียกขานแทนชื่อจริง

            “งูที่ไหน” พยุหะลงเสียงหนัก ดุจริงจัง ทำให้อีกฝ่ายได้สติ หันไปมองบนผนังอีกที

            บนผนังปราศจากอสรพิษ แม่บ้านทำใจกล้าเข้าไปชะโงกดูบนโต๊ะ เก้าอี้นวม พื้นรอบ ๆ พอไม่เห็นร่องรอยของมันค่อยถอนใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งอก มองหน้าเจ้านายอย่างรู้สึกกระดาก

            “ขอโทษนะคะคุณพายุ ตะกี้ป้าเห็นงูตัวใหญ่น่ากลัวจริง ๆ มันเกาะบนผนังเลยหัวคุณนิดเดียว”

            “ตาฝาดน่ะป้า” พูดเน้นคำดังจะย้ำกับตนเองเช่นกัน “แล้วเข้ามามีธุระอะไร ยังไม่ถึงเวลาทำความสะอาดนี่”

            ชายหนุ่มจงใจเปลี่ยนเรื่อง

            “คือ...มีแขกมาขอพบ ป้าให้รอที่ห้องรับแขก แล้วตั้งใจเข้ามาตามคุณนี่แหละ”

            “ขอบคุณครับ...เดี๋ยวผมออกไป ป้ารีบไปบอกคนข้างนอกก่อนแล้วกัน ว่าตะกี้ไม่มีเรื่องอะไร เสียงร้องของป้าน่าจะทำให้แขกขวัญหนีหมดแล้ว”

            “ค่ะคุณพายุ”

            แม่บ้านรีบออกจากห้อง ต่อให้ห้องทำงานพยุหะจะบุนวมเก็บเสียงอย่างดี แต่เสียงกรีดร้องเมื่อครู่น่าจะลอดออกไปสร้างความตกใจให้กับคนในสตูดิโอเหมือนกัน

            ลับร่างแม่บ้าน พยุหะรีบเดินหาเจ้าอสรพิษร้ายทุกซอกทุกมุมในห้องอย่างละเอียด มันอาจตกใจเสียงแม่บ้านแล้วเลื้อยหลบไปซ่อนตามเครื่องดนตรี ข้าวของอันมากมายในห้องก็ได้

            ชายหนุ่มใช้เวลาไม่นานค้นหาอาคันตุกะไม่ได้รับเชิญ จนมั่นใจว่ามันไม่ได้อยู่ในห้องนี้ ไม่มีร่องรอยใดแสดงว่ามันเคยเลื้อยผ่านช่องระบายอากาศเข้ามาเลย

            เขาอาจจะฝัน...แม่บ้านตาฝาด...เหตุใดสองคนต่างสถานการณ์ ถึงมองเห็นสิ่งเดียวกันได้




- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            แขกพยุหะไม่ใช่คนแปลกหน้า เป็นลูกค้าเก่าที่มีงานใหม่มาเสนอ

            “เพลงโฆษณา” นี่คืองานของชายหนุ่ม “เป็นสินค้าตัวใหม่ของบี.บี.พรอม เขาจะทำเป็นซีรีย์สามตอน เพื่อใช้โฆษณาแป้งหอมสามกลิ่น สามฤดู...”

            คำอธิบายตามมายืดยาว พยุหะรับฟังพลางหยิบสินค้าตัวอย่างทั้งสามขึ้นมาดมเปรียบเทียบ แล้วเปิดดูภาพรายละเอียดข้อมูลผลิตภัณฑ์

            “จะใช้เพลงเมื่อไหร่?” ถามเช่นนี้แสดงว่าชายหนุ่มสนใจงานที่เสนอ ทำให้ทีมลูกค้าแอบโล่งอก เพราะคิดว่านักแต่งเพลงหนุ่มชื่อดังคนนี้คงเล่นตัว ไม่ก็ซักถามข้อมูลงานมากมายอย่างเคย

            ‘พยุหะ’ โปรดิวเซอร์นักแต่งเพลงชื่อดัง ถูกเรียกขานในวงการว่าเป็น ‘ศิลปินอัจฉริยะ’ เล่นเปียโนได้ตั้งแต่ห้าหกขวบ พอนิ้วยาวจับคอร์ดกีตาร์ได้ก็สามารถหยิบมาเล่นเองโดยไม่ต้องมีคนสอน นอกจากนั้นยังเล่นดนตรีได้ทุกชนิด เพียงแค่สังเกต มองดูคนอื่นเล่นแค่ครั้งเดียว

            อายุสิบสี่แต่งเพลงเสนอค่ายใหญ่หลายค่าย โดนปฏิเสธพร้อมปรามาสด้วยว่าเพลงแบบนี้ไม่มีทางดัง เป็นแค่ฝีมือของ ‘เด็กชาย’ อ่อนโลก

            ด้วยความเสียดายเพลงที่แต่ง เขาจึงนำมาแปลงเป็นดนตรีบรรเลง มิกซ์กันหลายชิ้น โดยเล่นเครื่องดนตรีเองทุกชิ้น แล้วใช้กล้องวิดีโอตัวเล็กถ่ายภาพวิว ผู้คน ตัดต่อเป็นมิวสิควิดีโอลงในยูทูป

            ผ่านไปสามปี พยุหะอายุสิบเจ็ด ดนตรีบรรเลงพร้อมมิวสิควิดีโอชวนเพลินตาเป็นที่สนใจในวงกว้าง มีการแชร์ต่อกันเป็นหลักหมื่นหลักแสน ทำให้มีการตามหาตัวคนแต่งเพลง ทำมิวสิควิดีโอกันใหญ่

            พยุหะรู้สึกสบายใจกับค่ายเพลงเล็ก ๆ ค่ายหนึ่ง จึงตกลงใจขายเพลงให้ศิลปินในค่ายนั้น ส่งผลให้มันกลายเป็นเพลงดังชั่วข้ามคืน

            จากนั้นเขากลายเป็นนักแต่งเพลงประจำค่าย จนเลื่อนขึ้นเป็นโปรดิวเซอร์มือทองในเวลาต่อมา

            บทเพลงที่ผ่านฝีมือแต่งและโปรดิวซ์โดยพยุหะติดหู ติดตลาด ครองใจผู้ฟังมาตลอดหลายปี สร้างศิลปินประดับวงการมากมาย เพราะคัดเลือกและอ่านศิลปินขาด รู้ว่าใครมีแววดัง ใครเหมาะกับเพลงประเภทไหน ทำให้ค่ายเพลงเล็ก ๆ มีชื่อเสียงเบียดค่ายใหญ่ สร้างรายได้ทำผลกำไรดี ทั้งที่อยู่ในยุควงการเพลงตกต่ำแบบนี้

            ด้วยความที่นิสัยเงียบ ๆ เก็บตัวไม่สุงสิงใคร คนนอกย่อมไม่คิดว่าโปรดิวเซอร์เพลงชื่อดังจะยังหนุ่มขนาดนี้ อายุเพียงยี่สิบหกยี่สิบเจ็ดปีอยู่ในวงการเพลงมาถึงสิบปีแล้ว

            ส่วนคนในวงการจะเล่าลือ รับรู้กันว่าโปรดิวเซอร์หนุ่ม ‘ติสต์แตก’ ขนาดไหน ต่อให้บอกว่ามีสตูดิโอรับอัดเสียง อัดเพลง รับแต่งเพลง พัฒนาศิลปิน รวมถึงแต่งเพลงโฆษณา แต่ขอเป็นคนเลือกงาน เลือกตัวศิลปินที่จะร่วมงานเอง ส่วนงานนอก ประเภทแต่งเพลงประกอบโฆษณา ยังต้องพิจารณาบริษัท ดูสินค้า และดูอารมณ์ตัวเองด้วยว่าอยากทำหรือไม่

            การที่พยุหะเพียงแค่ดูรูปลักษณ์สินค้า ฟังคอนเซปต์งานคร่าว ๆ แล้วเอ่ยถามกำหนดใช้เพลงเลยเช่นนี้ ทำให้ลูกค้าที่มาโล่งใจกว่าครึ่ง

            “คงจะประมาณสองสัปดาห์...ตอนนี้ทางเรากำลังประชุมเรื่องหาตัวพรีเซนเตอร์อยู่ ส่วนพวกครีเอทีฟวางสตอรี่บอร์ด เตรียมงานต่าง ๆ แปดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว”

            พยุหะนิ่งชั่วขณะ คำว่า ‘พรีเซนเตอร์’ สะกิดใจเขาขึ้นมา จู่ ๆ ก็หลุดปากโดยไม่ตั้งใจ

            “น่าจะใช้ลุย...รอยเธียรนะ” หลุดชื่อนี้แล้ว คนพูดเองยังตกใจ

            ชายหนุ่มเคยเห็น ‘เจ้าพ่อพรีเซนเตอร์’ ผู้มีตำแหน่งสามีแห่งชาติในโฆษณาหลายชิ้น ทั้งยังชมภาพยนตร์สร้างชื่อเสียงที่ดังไกลถึงต่างประเทศของเขา แต่ไม่เคยใส่ใจ ไม่คิดว่าต้องมาร่วมงานกัน

            ชื่อลุย...รอยเธียร หลุดมาเหมือนมีคนอื่นพูดแทน

            “ลุย...รอยเธียรเหรอ...” ลูกค้าทวนคำอย่างสนใจ พวกเขาได้ยินกิตติศัพท์ความตาถึงในการมองศิลปินของโปรดิวเซอร์คนนี้มาแล้ว

            การใช้เจ้าพ่อพรีเซนเตอร์อย่างรอยเธียรมาเป็นตัวเอกในโฆษณาสินค้าชิ้นใหม่ เป็นเรื่องน่าสนใจ เพียงมีปัญหาขัดข้องบางอย่าง

            “ลุยเขางดรับงานหลายเดือนแล้ว ตั้งแต่เข้ากรมไปเป็นทหาร...ข่าวว่าแม่เขาปฏิเสธไปหลายงานเป็นเงินก็หลายล้านอยู่ เพราะเจ้าตัวบอกว่าอยากขอพักงานอีกยาว...แต่ยังไงทางเราจะเอาชื่อนี้ไปเสนอที่ประชุม ถ้าบอร์ดเห็นด้วยก็จะลองไปตื้อเขาดูสักที”

            พยุหะขยับปากจะปฏิเสธว่าไม่จำเป็น บอกว่าเขาเผลอหลุดปากพูดไปอย่างนั้นเอง แต่นิ่งไว้ ไม่เห็นประโยชน์อะไรจะพูดมากกว่านั้น

            บางคน...หากถึงเวลาต้องพบกัน...หลบเลี่ยงอย่างไรย่อมหนีไม่พ้น




- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            งานอีเวนท์ฉลองชัยทำยอดขายสินค้าเกินเป้าของบริษัทบี.บี.พรอม.ประสบความสำเร็จงดงาม

            เจ้าภาพจัดงานในห้างสรรพสินค้าชื่อดัง เช่าพื้นที่เต็มฟลอร์ ผู้บริหารระดับสูงมากันครบ มีดารานายแบบดังอย่างรอยเธียรเป็นสีสัน เรียกเหล่าแฟนคลับคึกคัก นักข่าวเต็มงานห้างแทบแตก

            หลังเสร็จงานอีเวนท์ รอยเธียรถูกนักข่าวรุมล้อมสัมภาษณ์หลายเรื่อง ทั้งแผนงานในอนาคต เรื่องราวระหว่างเป็นทหาร ผลงานที่กำลังจะทำ สารพัดคำถามท่วมท้นสมกับที่เจ้าตัวงดออกสื่อมานานถึงครึ่งปี

            ชายหนุ่มตอบสัมภาษณ์กระชับได้ใจความ ใส่ลูกเล่นลูกหยอดพองาม กระทั่งมีทีมงานมากระซิบเรียก จึงขอตัวเพื่อเข้าไปพบปะผู้บริหารบี.บี.พรอม.ในห้องวีไอพีตามคำเชิญ




- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            อาคารจอดรถ

            รอยธาราและเหล่าแฟนคลับกำลังรอเซอร์ไพรส์ศิลปิน เนื่องในโอกาสปลดประจำการและออกงานอีเวนท์แรก แต่งานจบร่วมชั่วโมง ยังไม่เห็นรอยเธียรกลับมาที่รถ

            “น้องน้ำคะ ลองโทรถามเพื่อนหนูดีมั้ย ว่าทางบริษัทเขามีโปรแกรมอะไรต่อหรือเปล่า ทำไมดึงน้องลุยไว้นานจัง” แฟนคลับอาวุโสบอกอย่างร้อนใจ

            “รออีกเดี๋ยวดีมั้ยคะ น้ำเกรงใจเพื่อน ถ้าให้ไปวุ่นวายถามโน่นนี่เขามากจะโดนผู้ใหญ่ตำหนิเอา ยิ่งเป็นแค่เด็กฝึกงานกึ่งพาร์ทไทม์อยู่ด้วย”

            แฟนคลับอาวุโสถอนใจ แววตาแสดงความหงุดหงิดแบบปิดไม่มิด

            ไม่มีแฟนคลับคนไหนรู้ว่า ‘น้ำ’ ประธานกลุ่มเป็นน้องสาวรอยเธียร นั่นเพราะเธอกับบิดาไม่ยอมออกสื่อมาตั้งแต่ไหนแต่ไร

            คนส่วนใหญ่รู้แค่รอยเธียรเป็นลูกชายรอยจันทร์ อดีตนักแสดงสาวผู้โด่งดัง คนรุ่นก่อนอาจยังพอทราบว่าบิดาเขาคือ ‘เธียร นาคพิทักษ์’ ผู้เคยเป็นลูกชายมหาเศรษฐีติดอันดับประเทศ ซึ่งดำเนินธุรกิจผิดพลาดจนต้องนำทรัพย์สมบัติแทบทั้งหมดชดใช้หนี้สิน

            รอยธาราเป็นประธานแฟนคลับแต่ในนาม หน้าที่จริงคือ ‘ทัพหน้า’ นำเชียร์ศิลปิน ตามถ่ายรูปกิจกรรมต่าง ๆ ที่รอยเธียรไปออกงานเพื่อนำมาเผยแพร่ในกลุ่ม ช่วยประชาสัมพันธ์ตัวศิลปินอีกแรง

            ทีมสนับสนุนแบบแฟนคลับตัวจริงเสียงจริงส่วนใหญ่เป็นบรรดาพวกป้า ๆ แม่ ๆ ผู้อาวุโส ซึ่งทำตัวเป็น ‘ทัพหลัง’ คอยช่วยค่าใช้จ่าย วางแผนแนะนำกึ่งสั่งการให้พวกสาว ๆ แรงดีไปออกหน้าเชียร์ศิลปินแทนตนเอง

            แฟนคลับอาวุโสท่านนี้ก็เป็นหนึ่งใน ‘ทัพหลัง’ ประธานแฟนคลับอย่างรอยธาราต้องเกรงใจ

            “น้องน้ำขา...ป้าว่าลองโทรถามเพื่อนดีกว่า สงสารพวกน้อง ๆ ที่นั่งรอไม่รู้กำหนดการแน่นอนแบบนี้”

            “ค่ะ” เมื่อทัพหลังมาบอกอีกครั้ง หญิงสาวจึงไม่อาจขัดใจ

            รอยธารากดโทรศัพท์หามัชฌิมา

            ช่วงปิดเทอม มัชฌิมาทำงานพิเศษที่บริษัทบี.บี.พรอม. เป็นเด็กฝึกงานกึ่งพาร์ทไทม์ในแผนกประชาสัมพันธ์ มีหน้าที่เกี่ยวกับอีเวนท์นี้โดยตรง

            “มา...ตอนนี้พี่ลุยทำอะไรอยู่” รอยธารากระซิบกระซาบถาม

            “กำลังคุยกับคุณบรรพต ประธานกรรมการฯ” มัชฌิมาตอบเสียงกระซิบ บอกให้ทราบว่าตนไม่สะดวกคุย

            “อีกนานมั้ย”

            “ดูจากกำหนดการแล้วไม่เกินครึ่งชั่วโมง”

            “โอเค...ขอบใจจ้ะ”

            วางสายอย่างคลายใจ กำลังจะหันไปบอกกลุ่มแฟนคลับ สายตามองออกไปนอกอาคารจอดรถ เห็นบนท้องฟ้าปรากฏกลุ่มก้อนดำทะมึนของฝูงอีกา บินเกาะกลุ่มมาทางห้างสรรพสินค้าอย่างมีเป้าหมายชัดเจน




- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            หลังปลดประจำการ รอยเธียรตั้งใจพักงานในวงการสักปี เพื่อดูใจตนเองว่าอยากทำอะไรจริง ๆ การบอกแม่ว่าอยากไปหาหลวงน้า มันไม่ใช่แค่ความคิดถึง หรือพบความฝันอันน่าตื่นเต้นชวนประหลาดใจ แต่เพื่อใช้เวลานั้นอยู่กับความสงบสงัด ดูตัวเองให้ชัด เชื่อว่าผู้อยู่ในผ้ากาสาวพัสตร์จะช่วยแนะนำตนเอง อย่างที่เคยชี้ทางถูกต้องดีงามให้มาตลอด

            การหลุดปากรับงานอีเวนท์เอาใจมารดา เป็นการตัดสินใจผิดพลาดประการแรก ส่วนประการที่สองคือการมาทำงานโดยไม่ให้มารดาคอยประกบเป็นผู้จัดการส่วนตัวอย่างเคย

            ดังนั้น หลังเลิกอีเวนท์ทางทีมงานเรียนเชิญให้พบปะผู้บริหารในห้องวีไอพี เขาจึงยอมเข้าไปโดยดี ไม่อยากเสียมารยาท

            กลายเป็นว่า...ที่นั่นจัดงานเลี้ยงเครื่องดื่มภายใน เพื่อตอบแทนทีมงาน แขกรับเชิญและผู้บริหาร

            รอยเธียรเป็นจุดสนใจ ทุกคนเข้ามาดื่มแสดงความยินดี พูดคุยทักทาย ไม่เว้นแม้แต่เจ้าของบริษัทอย่างบรรพต

            เมื่อซีอีโอระดับสูงเชิญชวนชายหนุ่มเป็นพรีเซนเตอร์แป้งหอมสามฤดู ผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ของบริษัท เขาจึงหาวิธีปฏิเสธอย่างลำบาก

            “ผมเพิ่งปลดทหาร ยังไม่พร้อมหรอกครับ”

            “โธ่ ไม่พร้อมได้ยังไง ลุคของคุณตอนนี้เข้ากับคอนเซ็ปต์เราเลย”

            “ยังไงคงต้องรอให้ผมยาวก่อนนะครับ หัวเกรียนแบบนี้ไม่เหมาะเป็นพรีเซนเตอร์แน่”

            “ไม่จริงหรอก ทางครีเอทีฟ ทีมงานประชุมกันแล้ว บอกว่าอยากได้ผู้ชายลุคดูแมน ๆ เท่ ๆ ผมเกรียนยิ่งดี มันแสดงเสน่ห์ความเป็นผู้ชายออกมาเต็มที่ ซึ่งตรงกับบุคลิกตอนนี้ของคุณเลย”

            รอยเธียรทำอะไรไม่ได้มากกว่ายิ้มรับ

            ปกติรอยจันทร์จะเป็นด่านหน้าคุยงานแทนลูกชาย งานไหนเขาไม่อยากรับ ผู้เป็นมารดามีสารพัดวิธีปฏิเสธแบบบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น ต่อให้อีกฝ่ายมีลูกตื้อ หรือลิ้นคารมในการหว่านล้อมแค่ไหน เจอมืออาชีพอยู่ในวงการไม่ต่ำกว่าสามสิบปีแบบนี้ ก็ต้องยอมแพ้

            และเมื่อรอยเธียรโดนซีอีโอระดับสูงยอมลดตัวมาเชิญชวน หว่านล้อมขนาดนี้ ก็ยอมตกปากรับคำในที่สุด

            “ครับ...ยังไงรบกวนคุณบรรพต ให้ลูกน้องส่งรายละเอียดสัญญางานมาให้คุณแม่ผมดูอีกทีแล้วกัน”

            “ได้เลย ดีใจจริง ๆ ที่ได้ร่วมงานกับดาราดังอย่างคุณอีก” พูดจบพร้อมยื่นมือออกมา

            รอยเธียรค้อมศีรษะให้เกียรติก่อนยื่นมือบีบกระชับ แทนคำมั่นสัญญา

            ชั่วขณะเกิดสัมผัสระหว่างมือ ในหัวชายหนุ่มปรากฏแสงแวบวาบ สว่างจ้า เกิดนิมิตภาพปีกขนาดมหึมาโบกสะบัด ส่งรังสีบาดลึกพุ่งเข้ามาทิ่มแทง

            ชายหนุ่มตั้งสติ คลายมือออกอย่างไม่มีพิรุธ มองใบหน้าซีอีโออาวุโสชัด ๆ หาร่องรอยผิดปกติในนั้น

            ...นี่เป็นครั้งที่สองแล้ว ที่สัมผัสพิเศษเตือนถึงความไม่ชอบมาพากลของบุคคลนี้...

            “อะไรน่ะ” แขกในห้องวีไอพีอุทานขึ้น

            ทุกคนให้ความสนใจ ไม่เว้นแม้แต่ดาราหนุ่ม ประธานบริษัท

            ห้องวีไอพีอยู่ชั้นบนสุดห้างสรรพสินค้า พื้นที่กว้างพอจัดงานเลี้ยงเล็ก ๆ ผนังนอกตัวอาคารเป็นกระจกนิรภัยใส มองเห็นวิวด้านนอกกว้างขวางกระจ่างชัด

            นั่นทำให้ทุกคนเห็นกลุ่มก้อนดำมืด หนาตาของฝูงอีกาตัวใหญ่บินตรงมายังห้องนี้อย่างตั้งใจแสดงแสนยานุภาพ ข่มขวัญ

            มันไม่หยุดแค่นั้น ชั่วเวลาไม่ถึงเสี้ยววินาที อีกาชุดแรกก็จู่โจมพุ่งเข้าใส่กระจก เสียงกึงกังดังระรัว

            ชุดแรกจู่โจมไม่สำเร็จก็โฉบออก ปล่อยให้ชุดสองเข้าชนกระจกตามมา จะงอยปากแหลมคม เจาะกระจกอย่างไม่หวั่นเกรง ดูดุดันชวนสยดสยอง

            ชุดสองออก ชุดสามเข้ามาแทนที่ คนในห้องต่างตะลึงงันทำอะไรไม่ถูก เริ่มไม่มั่นใจว่ากระจกนิรภัยห้องวีไอพีจะต้านทางจะงอยปากปักษาเหล่านี้นานแค่ไหน

            หากพวกมันบุกเข้ามาในห้องสำเร็จ...อะไรจะเกิดขึ้น











บทที่ ๓



            ก่อนเกิดเหตุฝูงอีกาโจมตี

            มัชฌิมาอยู่เคาน์เตอร์บาร์ คอยบริการเครื่องดื่มแขกรับเชิญ ทีมงาน ผู้บริหาร สายตาเธอจ้องมองชายหนุ่มที่เพิ่งเข้ามาในงานเป็นจุดเด่นสายตาทุกคนตั้งแต่ก้าวแรก

            พนักงานรุ่นพี่บอกให้เธอนำเครื่องดื่มไปเสิร์ฟเขา

            “ขอบคุณครับ” เขาขอบคุณอย่างมีมารยาท พอเห็นใบหน้าเธอชัด ก็เผยรอยยิ้มกว้าง ทักทายพอได้ยิน

            “น้องมานี่เอง มาฝึกงานหรือทำพาร์ทไทม์”

            “ทั้งสองค่ะ” หญิงสาวตอบ

            รอยเธียรทำท่าจะคุยกับหล่อนอีกสองสามคำ ผู้บริหารแทรกเข้ามาดึงตัวก่อน

            มัชฌิมากลับเคาน์เตอร์บาร์ด้วยรอยยิ้ม ลักยิ้มผุดพรายอารมณ์ดี เธอไม่นึกน้อยใจที่ได้รับคำทักทายเพียงเท่านี้ แค่รู้ว่าเขาจดจำได้ ไม่เคยเมินเฉยก็ยินดีพอแล้ว

            เธอพบรอยเธียรครั้งแรกตอนเริ่มเป็นสาว อายุสิบเอ็ดสิบสองปี ช่วงที่เขาเป็นบอยแบนด์ชื่อดังวง Three-Rex

            ตอนนั้นเป็นเวลาเลิกเรียน มัชฌิมากับรอยธารากำลังเดินคุยกระจุ๋งกระจิ๋งลงจากตึกเรียนเตรียมกลับบ้าน พบเด็กหนุ่มร่างสูงสวมหมวกกันน็อค ขับมอเตอร์ไซค์มาจอดเทียบข้างตึกเรียน

            “ไอ้เตี้ย...ขึ้นรถ...แม่ให้มารับ” เขาเปิดหน้ากากเรียกสั้น ๆ น้ำเสียงคุ้นหู

            ทีแรกไม่รู้เรียกใคร จนรอยธาราถอนใจเฮือกใหญ่ ทำตาขวาง เดินเข้าไปหาค่อยรู้ว่าเขาเรียกเพื่อนเธอ

            มัชฌิมาเดินตามเพื่อนด้วยความเป็นห่วงกึ่งอยากรู้ พอเห็นเด็กหนุ่มใกล้ ๆ ก็ตกใจ

            “น้ำ...นี่พี่ลุย...วง Three-Rex” มัชฌิมาตื่นเต้นแทบกรี๊ดลั่นตามประสาเด็กสาว ที่จู่ ๆ นักร้องดังในดวงใจปรากฏกายต่อหน้าแบบไม่ทันตั้งตัว

            รอยธาราเพิ่งนึกได้ว่ามีเพื่อนมาด้วย รีบหันไปจุ๊ปาก พูดรัวเร็ว

            “อุ๊ย...มา...อย่าบอกใครนะ นี่พี่ชายน้ำเอง...เป็นความลับ เดี๋ยวคืนนี้ค่อยโทรคุยกัน”

            เด็กสาวอยากงอนเพื่อนที่อมพะนำ ไม่เคยบอกว่าตนเองเป็นน้องสาวนักร้องดัง บอยแบนด์ในดวงใจเธอ ตั้งใจคืนนั้นจะไม่ยอมโทรหา ไม่คุยด้วย อดใจไม่ไหวกลับเป็นฝ่ายโทรก่อนเสียเอง

            “น้องมาเหรอครับ” เสียงนุ่ม ๆ รับสายแทนรอยธาราทำให้เด็กสาวดีใจจนพูดไม่ออก “ไอ้เตี้ย...เอ๊ย...เจ้าน้ำโดนแม่สั่งให้ล้างจาน...มีธุระอะไรฝากพี่ไว้ก่อนมั้ย หรือจะคุยกับพี่แทนก็ได้นะ”

            ได้ยินอย่างนี้ใจเต้นแรงแทบหลุด หัวใจจะวายเป็นลมตายคาโทรศัพท์ ไม่รู้ควรตอบเขาอย่างไร ถือโทรศัพท์มือสั่นด้วยความปลาบปลื้มยินดี

            เสียงรอยธาราแว่วเข้ามาในสาย

            “ไอ้พี่บ้า แอบคุยโทรศัพท์เค้าได้ไง ไม่มีมารยาท เอาคืนมานะ”

            เสียงหัวเราะขำขันหยอกล้อ เสียงโวยวายโต้เถียงแบบไม่จริงจังนักแว่วมาพอให้รู้ว่าบรรยากาศปลายสายเป็นอย่างไร สุดท้ายรอยธาราชิงโทรศัพท์คืนสำเร็จ

            “โทษทีจ้ะมา ไอ้พี่บ้ามันแกล้งน้ำน่ะ” รอยธาราอธิบาย

            หลังจากวันนั้น มัชฌิมาได้สิทธิพิเศษซึ่งเพื่อนคนอื่นไม่มี นั่นคือได้ไปเที่ยวบ้านรอยธารา รู้จักพ่อแม่ พี่ชายเธอ บางครั้งทำงานกลุ่มร่วมกันที่นั่น จนสนิทสนมคุ้นเคยพอสมควร

            รอยธารารู้ว่าเพื่อนสนิท ‘ปลื้ม’ พี่ชายตนมากแค่ไหน บางครั้งยังหยอกล้อยกให้เป็น ‘แฟน’ ด้วยซ้ำ

            แท้จริงรู้ว่า มัชฌิมาจะมีความสุข สบายใจเมื่อได้มองเขาอยู่ห่าง ๆ มากกว่าใกล้ชิดสนิทสนมผูกสัมพันธ์ลึกซึ้ง อีกทั้งรู้นิสัยพี่ชายตน ต่อให้หว่านเสน่ห์สาว ๆ ไปทั่วแค่ไหน ก็ยากหาคนเป็นที่หนึ่งในหัวใจได้

            ทั้งคู่พบกันไม่บ่อยนัก รอยเธียรจดจำเพื่อนน้องสาวได้เสมอ ส่วนมัชฌิมามีความสุขที่ได้มองเขาห่าง ๆ ไม่เข้าใกล้เกินไปจนหัวใจหวั่นไหวอ่อนแอ




- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            ก่อนรอยธาราโทรศัพท์ถามถึงความเคลื่อนไหวพี่ชายในห้องวีไอพี ภาพ ‘นิมิตอนาคต’ ฝูงอีกาดำทะมึนบินมาจู่โจมปรากฏขึ้นในหัวมัชฌิมา

            ภาพนิมิตดับ เพื่อนโทรมาถามถึงกำหนดการพี่ชายพอดี ทำให้ไม่มีสมาธิตอบคำถาม สมองกังวลครุ่นคิดว่าจะป้องกันเหตุการณ์อนาคตอย่างไร

            คำแนะนำจากป้าพันเกลียวผุดขึ้น

            ...รู้ทันใจ...เกิดสติสมาธิ...จะมีปัญญาแก้ไข...

            หญิงสาวสูดลมหายใจลึก ๆ ขับไล่ความฟุ้งซ่านในหัวออกไป หากปล่อยให้คลื่นความคิดสับสนวนเวียนในหัวแบบนี้ ย่อมไม่มี ‘กำลัง’ รู้ทันใจได้

            จังหวะใจผ่อนคลาย มองเห็นความกังวล หวาดกลัวในใจชัดเจน...สติเกิด...ความกังวลดับ...จิตเป็นสมาธิชั่วขณะ เห็นนิมิตต่ออีกช่วงหนึ่ง

            ฝูงอีกากระหน่ำจิกผนังกระจกเอาเป็นเอาตาย ระลอกแล้วระลอกเล่า ไม่นานกระจกแตก พวกมันกรูเข้ามาเป็นลูกคลื่นสีดำสนิท ผู้คนในห้องวีไอพีแตกตื่นทำอะไรไม่ถูก ไม่คิดว่านกพวกนี้จะทำลายกระจกนิรภัยได้

            เหล่าอีกาเข้ามาได้ก็พุ่งจู่โจมสู่เป้าหมายสำคัญ...รอยเธียร

            มัชฌิมาถอนจิตจากนิมิต ช่วงเวลาที่อีการะลอกแรกโจมตีนอกกระจกพอดี ผู้คนในห้องวีไอพีตกใจ ไม่ถึงกับหวาดกลัว คิดว่ากระจกนิรภัยน่าจะป้องกันสัตว์ปีกเหล่านี้ได้

            หญิงสาวมองเห็นรอยเธียรยืนมองฝูงอีกานอกกระจกด้วยแววตาแปลก ซีอีโอบรรพตขยับตัวออกห่าง ทำท่าเหมือนตกใจฝูงอีกา เดินตรงไปประตูทางออกโดยไม่มีใครสังเกตเห็น

            ช่วงเวลาที่ทุกคนสนใจดูฝูงอีกา มัชฌิมาก้าวเข้าไปหาชายหนุ่ม กระซิบบอกเสียงไม่ดังนัก

            “พี่ลุยคะ รีบออกจากห้องเถอะค่ะ พวกมันมุ่งเป้ามาหาพี่โดยตรงเลย”

            พูดแล้วไม่แน่ใจเขาจะเชื่อหรือไม่ บางทีอาจซักถามวุ่นวายด้วยความสงสัย กว่าเข้าใจกันก็ไม่ทันกาลแล้ว

            ผิดคาด รอยเธียรหันมายิ้ม พยักหน้าแล้วรีบออกจากห้องวีไอพีพร้อมเธอโดยไม่เอ่ยปากถามสักคำ



            หลังจากนั้นไม่นาน กระจกแตกดังเพล้ง ตามด้วยเสียงกรี๊ด...หวีดร้องดังระงม ผู้คนแตกตื่นสับสน ทำอะไรไม่ถูก คนอยู่ใกล้ประตูได้สติ เปิดประตูวิ่งหนีก่อน จากนั้นคนอื่นก็กรูเบียดเสียดหนีตามกันออกมา

            อีกาฝูงนั้นแห่บินตามผู้คนออกมานอกห้อง กระจายว่อนทั่วห้างสรรพสินค้า เสียงขยับปีกดังพึ่บพั่บหนาตาราวกับผ้าม่านสีดำคลี่คลุมทั่ว

            พวกมันบินทุกทิศทุกทาง เหมือนกำลังควานหาเป้าหมายด้วยเจตจำนงแรงกล้า เสียงร้องก๊าก๊าก๊าดังลั่น ผสานกับเสียงหวีดร้องผู้คนรับกันเป็นทอด ๆ คนในห้างแตกตื่นความวุ่นวายกระจายทั่ว

            เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรับคำสั่งให้จัดการฝูงนกสีดำโดยด่วน

            อีกาโดนฟาดตี ถูกยิงด้วยปืนช้อตไฟฟ้า ผ้าใบผืนใหญ่คลุมดัก ก็ยังจัดการไม่หมด จนกระทั่งเวลาผ่านไปพักใหญ่ ฝูงอีกาที่เหลือกว่าครึ่งไม่พบร่องรอยเป้าหมาย พวกมันจึงบินร่อนออกจากห้างราวกับได้ยินคำสั่งถอยทัพ

            ไม่มีใครรู้ว่าอีกาเหล่านี้เฮี้ยนอะไรขึ้นมา หรือมี ‘ใคร’ บังคับบงการ จึงเข้ามาจู่โจม และจากไปโดยทิ้งปริศนาไว้ให้ขบคิดเช่นนี้



(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP