ธรรมะจากพระสูตร Dhamma from Sutta

มูลสูตร ว่าด้วยมูลเป็นต้นแห่งกรรม


กลุ่มไตรปิฎกสิกขา



[๑๘๙] ภิกษุทั้งหลาย ถ้าว่าพวกอัญญเดียรถีย์ปริพาชกพึงถามอย่างนี้ว่า
อาวุโสทั้งหลาย ธรรมทั้งปวงมีอะไรเป็นมูล มีอะไรเป็นแดนเกิด
มีอะไรเป็นเหตุเกิด มีอะไรเป็นที่ประชุมลง มีอะไรเป็นประมุข
มีอะไรเป็นใหญ่ มีอะไรยิ่งกว่า มีอะไรเป็นแก่น
เธอทั้งหลายถูกถามอย่างนี้แล้ว
พึงพยากรณ์แก่อัญญเดียรถีย์ปริพาชกเหล่านั้นว่าอย่างไร.


ภิกษุเหล่านั้นกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ธรรมแห่งข้าพระองค์ทั้งหลายมีพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นมูล
มีพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นผู้นำ มีพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นที่พึ่งอาศัย
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอประทานพระวโรกาส
ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าจงอธิบายเนื้อความแห่งภาษิตนี้ให้แจ่มแจ้งด้วยเถิด
ภิกษุทั้งหลายได้ฟังจากพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว จักทรงจำไว้.


พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย
ถ้าเช่นนั้นเธอทั้งหลายจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว
ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย
ถ้าว่าพวกอัญญเดียรถีย์ปริพาชกพึงถามอย่างนี้ว่า
อาวุโสทั้งหลาย ธรรมทั้งปวงมีอะไรเป็นมูล มีอะไรเป็นแดนเกิด
มีอะไรเป็นเหตุเกิด มีอะไรเป็นที่ประชุมลง มีอะไรเป็นประมุข
มีอะไรเป็นใหญ่ มีอะไรยิ่งกว่า มีอะไรเป็นแก่น
เธอทั้งหลายถูกถามอย่างนี้แล้ว
พึงพยากรณ์แก่พวกอัญญเดียรถีย์ปริพาชกเหล่านั้นอย่างนี้ว่า
อาวุโสทั้งหลาย ธรรมทั้งปวงมีฉันทะเป็นทูล มีมนสิการเป็นแดนเกิด
มีผัสสะเป็นเหตุเกิด มีเวทนาเป็นที่ประชุมลง มีสมาธิเป็นประมุข
มีสติเป็นใหญ่ มีปัญญาเป็นยิ่ง มีวิมุตติเป็นแก่น
ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายถูกถามอย่างนี้แล้ว
พึงพยากรณ์แก่อัญญเดียรถีย์ปริพาชกเหล่านั้นอย่างนี้.


มูลสูตร จบ



(มูลสูตร พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่มที่ ๓๗)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP