วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

ศิวาดล ๔๕



cover siwadol

ชลนิล


(ต่อจากฉบับที่แล้ว)



บทที่ ๒๖



            กลับไปวันนี้ พยายามสยบเพ็ญแข กับปิศาจนายทองให้ได้เร็วที่สุด

            เหตุผลที่ครูแกลงสั่งอย่างนี้เมื่อเช้า เพราะเป้าหมายแรกหลังจากสำเร็จเวทขั้นสูงสุดของจอมมารทั้งสอง คือคู่อริผู้มีความแค้นยาวนานเกินกว่าครึ่งศตวรรษ

            ...ปู่เผด็จ ปู่คงคา...

            พิจิก เมษาฟังคำสั่งด้วยความเข้าใจลึกซึ้ง คนที่ตั้งคำถามน่าสนใจขึ้นมาคืออาจารย์อา...ตี๋เล็ก

            “ทวดวางแผนให้พวกพี่เขาแล้วเหรอ...หรือว่าจะให้เดินดุ่มไปท้าสู้กับป้าเพ็ญแข ปิศาจนายทองอะไรนั่นเลย”

            ครูแกลงยิ้ม หันไปถามสองหนุ่มสาว

            “พวกเธอมีแผนอะไรดี ๆ มาเสนอมั้ย?”

            แรกทีเดียวพิจิก เมษาคิดง่าย ๆ ตรงไปตรงมาอย่างตี๋เล็กพูด บุกเข้าไปลุยกับสองจอมมารแบบม้วนเดียวจบ ปลดปล่อยดลดารา และวิญญาณทุกดวงที่ถูกล่ามตรวนเรียบร้อยเป็นอันเสร็จภารกิจ

            พอมองในมุมกลับ หากตนเองเป็นป้าเพ็ญแข ปิศาจนายทอง ซึ่งคอยตั้งรับอยู่ศิวาดลด้วยศักยภาพสูงสุดจอมเวท จะปล่อยให้ทายาทศัตรูบุกเข้าไปท้าสู้อย่างง่ายดาย ตรงไปตรงมาเช่นนั้นหรือ...?

            ...แน่นอน ไม่มีทาง...

            พิจิกคิดแผนตั้งรับในมุมปิศาจนายทองได้เจ็ดแปดอย่าง เมษาสามารถวางแผนแทนป้าแมว...เพ็ญแขได้อีกไม่น้อยกว่าห้าหกวิธี ซึ่งแต่ละวิธีล้วนเป็นเรื่องน่าหวาดระแวง ชวนขนลุก เสียวสันหลังทั้งนั้น

            ตอนนี้มองเห็นชัด การเดินดุ่มเข้าไปท้าสู้สองจอมมารร้ายเป็นเรื่องไร้เดียงสาเกินไป ฝ่ายนั้นสามารถวางกับดักเล่นงานพวกตนได้ไม่น้อยกว่าสิบวิธี ไม่นับว่ายังมีแม่บ้านเข็มทอง ลูกจ้างคนงานในศิวาดลเป็นตัวประกันอีกมากมาย

            ครูแกลงมองสีหน้าสองหนุ่มสาว คาดเดาออกว่าทั้งคู่วางแผนตั้งรับ สร้างกับดักแทนฝ่ายตรงข้ามได้หลายวิธี จึงเอ่ยปากถามเบา ๆ

            “ในแผนการ กับดักที่เธอคิดแทนพวกเขา...มีวิธีไหนมั้ย ที่เตรียมไว้ใช้รับมือคนอื่น ที่ไม่ใช่ผู้ทรงเวทอย่างพวกเธอ!”

            เพียงเท่านี้ ประกายความคิดสองหนุ่มสาวสว่างวาบ สามารถคิดแผนการบุกอีกแบบ ที่ตนนึกไม่ถึงมาก่อน

            “จริงสิครับ...เรายังมีไพ่ลับอยู่” พิจิกนึกได้

            “ตามตำราแล้ว ป้าแมวกับปิศาจนายทองน่าจะเริ่มเตรียมพิธีส่ง ‘ของ’ มาทำร้ายปู่ตั้งแต่ตอนทุ่มนึง” เมษาพูดขึ้น

            “การทำลายพิธีส่ง ‘ของ’ ไม่จำเป็นต้องใช้เวทมนตร์ลี้ลับอะไรเลยก็ได้” พิจิกเสริม

            “ถ้าเราสองคนยอมเป็นตัวล่อ แกล้งไปติดกับดัก ให้ฝ่ายนั้นประมาท...ไพ่ลับของเราก็น่าจะทำลายพิธีส่งของได้ไม่ยากเท่าไหร่” หญิงสาวขยายแผนการ

            สีหน้าครูแกลงราบเรียบ ไม่แสดงความรู้สึกชัดเจน ทั้งไม่ชมเชยและไม่เอ่ยปากสนับสนุนแผนการนี้

            ‘ไพ่ลับ’ ได้รับการติดต่อให้มาหา พูดคุยอย่างเป็นทางการเมื่อสามสี่วันก่อน



- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -



            ...สามสี่วันที่แล้ว...

            นายศิวาไม่แปลกใจที่สารวัตรธงรบมาขอพบ แต่ประหลาดใจอย่างยิ่ง เมื่อเจ้าตัวบอกแต่แรกว่า ไม่มีเจตนาพูดถึงเรื่องคืนงานเปิดรั้วศิวาดล ที่เขาถูกกล่าวหาว่าจารกรรมข้อมูลทางธุรกิจ

            “เรื่องที่ผมจะพูด มันเกี่ยวกับงานคืนนั้น และภาพที่แสดงบนเวทีเหมือนกัน แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับเรือนพระยาคงเวทที่คฤหาสน์ศิวาดลสร้างทับอยู่...” สารวัตรธงรบเปิดประเด็น

            “ครับว่ามาเลย” นายศิวาตอบรับ สังเกตนายตำรวจหนุ่มจะมาไม้ไหน

            “คุณศิวาจำอาจารย์หนุ่มสองคนที่มาปราบผีเรือนพระยาคงเวทบนเวทีได้มั้ย” นายตำรวจหนุ่มพูดต่อ พยายามเข้าประเด็น

            “จำได้...แต่สารวัตรต้องการบอกอะไรผม” นายศิวามองอีกฝ่ายอย่างไม่แน่ใจ

            “คุณจะเชื่อมั้ยว่า หมอผีทั้งสองมีตัวตนจริง และมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้”

            นายใหญ่ศิวาดลนิ่งฟัง ไม่แสดงอาการตอบรับ ตื่นเต้น สงสัยอะไร

            “แล้วคุณอยากบอกอะไรผม” นายศิวาย้ำคำถามเดิม

            สารวัตรธงรบถอนใจเบา ๆ ลอบสังเกตอากัปกิริยามหาเศรษฐีรายนี้ รู้ว่าฝ่ายนั้นสนใจเรื่องที่ตนพูด แต่สงวนท่าทีเพราะตนเองมีบาดแผลให้ระวังตัวพอสมควร

            “ผมอยากบอกว่า...อาจารย์ปราบผีทั้งสองท่านนั้น ต้องการพบคุณ!” นายตำรวจหนุ่มพุ่งเข้าประเด็น

            “เพื่ออะไร” นายศิวาแกล้งถามไว้เชิง

            “ด้วยเหตุผลที่คุณก็น่าจะเข้าใจ” สารวัตรหนุ่มตอบซ่อนนัย

            สองสายตาสบกัน ต่างก็มีชั้นเชิง บทสรุปอยู่ที่...ใครต้องการประโยชน์จากอีกฝ่ายมากกว่ากัน



            “คุณจะนัดให้พวกเขามาหาผมเหรอ” นายศิวาเอ่ยอย่างรักษาหน้าตนเอง มหาเศรษฐีติดอันดับประเทศ มักมีคิวนัดยาวเหยียด

            “เปล่า” สารวัตรธงรบตอบสั้น ๆ “คุณต่างหากต้องไปพบกับพวกท่านเอง...วันนี้!”

            หากผู้พูดเป็นบุคคลอื่น ไม่ใช่นายตำรวจที่เคยเข้าไปทำคดีในศิวาดล มีแบคอัพเป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ระดับสูง คงโดนมหาเศรษฐีรายนี้ไล่ตะเพิดออกไปนานแล้ว

            “เพราะอะไร...ผมถึงต้องไปหาพวกเขา” นายศิวาถามเสียงเรียบ แสดงความรู้สึกไม่พอใจออกมาให้เห็นทางแววตาชัดเจน

            นายตำรวจหนุ่มยิ้มไม่ใส่ใจ ประกายตาจริงจังก่อนยิงด้วยประโยคสำคัญ

            “เพราะผู้เฒ่าสองท่านนี้ สามารถกำราบคนที่ทำของใส่ภรรยาคุณทุกคนจนตาย ปลดปล่อยดวงวิญญาณพวกเธอออกจากตรวนอาคม และสามารถกำจัดเจ้าปิศาจร้ายที่สิงอยู่ในศิวาดลได้”

            ศิวานิ่งอั้น สิ่งที่ดลดาราแสดงให้เห็นในนิมิตคืนนั้น บอกให้ทราบชัดถึงสาเหตุการตายแท้จริงของเธอ รายา พรนรี รวมถึงพยาบาลโสภี ว่าเป็นฝีมือใคร และพวกเธอถูกจองจำ พันธนาการลำบากแค่ไหน

            ที่สำคัญ...ตัวจริงและเจตนาแท้ของ ‘เจ้าที่’ ปิศาจนายทองคืออะไร

            มันเป็นเรื่องที่เขามั่นใจว่า ต่อให้นายตำรวจหนุ่มได้เห็นการแสดงบนเวทีละเอียดชนิดไม่ตกหล่น ก็ไม่มีทางรู้เรื่องเหล่านี้ได้

            ตั้งแต่นายศิวารู้ความลับ ความเป็นไปแท้จริงของศิวาดลทั้งหมดแล้ว เรื่องหนึ่งที่ต้องการกระทำอย่างยิ่งคือหาอาจารย์ดีมาปราบ ‘เจ้าที่’ ปิศาจนายทอง และหาวิธีแก้แค้น ‘คุณ’ หรือป้าแมว จอมเวทร้ายที่สังหารเมียเขาทุกคนด้วยอาคม

            ...แล้วจู่ ๆ สารวัตรธงรบก็เดินมาบอกว่าอาจารย์ดีระดับเคยปราบปิศาจตนนี้ ได้เรียกเขาไปพบวันนี้ เขาจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ ไม่สนใจเพื่อรักษาหน้า แล้วทิ้งโอกาสสำคัญนี้ได้หรือ...



            นายศิวายอมขึ้นรถตามนายตำรวจหนุ่ม โดยไม่พาลูกน้องผู้ติดตามไปสักคน ขับออกต่างจังหวัด โดยใช้ความเร็วเต็มที่ ไม่เกินสามชั่วโมงก็ถึงจุดหมาย

            ด้านหน้าสถานที่นั้นเป็นตึกแถวกลางเมือง ขายสมุนไพรจีน พอเดินตัดทะลุตึกเข้าไปจะพบบ้านสองชั้นร่มรื่นซ่อนอยู่ด้านหลัง

            ภายในห้องรับแขกมีชายชราสามคน และหนุ่มสาวอีกหนึ่งคู่รออยู่...

            “ครูแกลง ปู่เผด็จ ปู่คงคา...” สารวัตรธงรบเริ่มแนะนำท่านผู้เฒ่าก่อน จากนั้นชี้ไปทางสองหนุ่มสาว

            “สองคนนี้คุณอาจรู้จักแล้ว...พิจิก เมษา เป็นหลานปู่เผด็จ ปู่คงคา เข้าไปทำงานในศิวาดลเพื่อสืบหาร่องรอยของปิศาจที่นั่น” นายตำรวจหนุ่มอธิบายภารกิจแค่ส่วนเดียว

            “ผมควรตกใจใช่มั้ย” นายศิวามองหน้าพิจิก เมษาแล้วพูดกึ่งประชด

            “ต้องขอโทษคุณศิวาด้วยครับ” พิจิกยกมือไหว้ “ผมทำตามคำสั่งปู่”

            พูดจบก็โยนความผิดให้ท่านผู้เฒ่าหน้าตาเฉย

            “หนูก็เหมือนกันค่ะ” เมษารีบตามน้ำ

            หญิงสาวไม่ได้ทำงานใกล้ชิด คุ้นเคยกับนายศิวามากนัก ฝ่ายนั้นจึงไม่รู้สึกอะไร

            ส่วนพิจิกเคยช่วยชีวิตนายใหญ่ศิวาดล อีกทั้งโดนซักถาม สืบประวัติอย่างละเอียด แต่เขาตอบเลี่ยงอย่างฉลาด จนอีกฝ่ายยังไม่รู้จักตัวจริง ทำให้ตอนนี้นายศิวาเสียความรู้สึกอยู่บ้าง

            “ผมต้องขอโทษแทนหลานชายด้วยเหมือนกัน” ปู่เผด็จสังเกตอากัปกิริยามหาเศรษฐีออกจึงเอ่ยปากเบี่ยงเบนความสนใจ

            “ที่เราทำทั้งหมดนั้น ส่วนหนึ่งมันเป็นประโยชน์กับคุณ และดวงวิญญาณที่ถูกกักขังในศิวาดลทั้งหมดด้วย” ปู่คงคาเสริม

            เมื่อคนรุ่นพ่อ รุ่นลุงเอ่ยปากกับนายศิวาเช่นนี้ ด้วยมารยาทสังคม จึงต้องยอมอภัย ไม่ถือสาสองหนุ่มสาว แล้วหันมาพูดจากับบุคคลที่ตั้งใจมาหา

            “คุณปู่ทั้งสอง คืออาจารย์ที่มาปราบผี เรือนพระยาคงเวท...” นายศิวาถามกึ่งขอคำยืนยัน

            ภาพที่แสดงบนเวทีคืนนั้นยังติดตาทุกฉากทุกตอน ชายชราตรงหน้ามีเค้าสองจอมเวทหนุ่มอยู่หลายส่วนจริง ๆ

            “ใช่” ปู่เผด็จตอบ แล้วหันไปทางผู้อาวุโสสูงสุด “และนี่คืออาจารย์ของเราสองคน...ครูแกลง”

            นายศิวารีบหันไปยกมือไหว้อีกครั้ง ยามที่ดวงตาสบกับนัยน์ตาอ่อนโยน นุ่มนวล จิตใจบังเกิดความเยือกเย็น ผ่อนคลายลงง่ายดาย...รู้แก่ใจชัด...ผู้อาวุโสสูงสุดที่นี่ ไม่ธรรมดา!

            “สบายใจเถอะ ทุกคนที่นี่ ไม่มีใครหวังร้ายกับคุณเลย” ครูแกลงเอ่ยประโยคแรก มุ่งขจัดความแคลงใจมหาเศรษฐีให้สิ้นไป

            “ครับ...” นายศิวาตอบรับ น้ำเสียงอ่อนลง

            การพูดคุยซักถามดำเนินไปอย่างราบรื่น นายศิวารู้เบื้องหลังของ ‘เจ้าที่’ ป้าแมว และแพรพลอยมาจากดลดาราก่อนแล้ว จึงไม่ยากที่จะรับฟังเรื่องของสองผู้เฒ่าตอนไปปิดผนึกอาคมเมื่อหกสิบปีก่อน และเหตุการณ์พลาดพลั้งเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว จนถึงการเข้ามาสืบหาร่องรอยโดยสองหนุ่มสาวในปัจจุบัน

            เมื่อสองฝ่ายเกิดความเข้าใจตรงกัน เรื่องที่จะคุยต่อจึงง่ายดาย

            “ตอนนี้พวกคุณก็รู้แล้วว่าป้าแมว คือผู้ทรงเวทในเงา คู่กับปิศาจนายทอง ซึ่งเป็น ‘เจ้าที่’ มาหลอกลวงผม” นายศิวาพูด

            “เป้าหมายของพวกเขา นอกจากจะแก้แค้นตาแก่สองคนอย่างเราแล้ว ก็ยังมีคุณ และศิวาดลทั้งหมด” ปู่คงคาเสริม

            นายศิวาถอนใจ เรื่องนี้ไม่เกินคาดคิด

            “ตอนนี้พวกคุณมีแผนการยังไง แล้วจะให้ผมทำอะไรบ้าง” นายใหญ่ศิวาดลเอ่ยถาม

            “ขอดูเหรียญที่ห้อยคอคุณหน่อยได้มั้ย” ครูแกลงชี้ไปที่เหรียญอักษรโบราณห้อยคอ

            นายศิวาถอดสร้อยให้ผู้อาวุโสโดยไม่ลังเล

            “คุณได้เหรียญนี้มาจากไหน...อย่างไร?” ครูแกลงพิจารณาเหรียญอักษรโบราณในมือแล้วเอ่ยถามเรื่อย ๆ

            นายศิวาเกือบหลุดปากตอบ ก่อนชะงักนึกได้...เขาบอกเรื่อง ‘เจ้าที่’ ปิศาจนายทองกับคนเหล่านี้ก็จริง แต่ยังไม่ได้เล่าถึง ข้อตกลงลับเพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กัน...

            ต่อให้ในงานเลี้ยงคืนนั้น ดลดาราเปิดเผยเรื่องจารกรรมข้อมูลของเขาออกมาหมดแล้ว อีกทั้งยังพูดเป็นนัยว่า...นายศิวาได้รับการช่วยเหลือแต่ละครั้ง ต้องแลกด้วยชีวิตเมียตัวเอง มันก็ไม่อาจใช้เป็นหลักฐาน ยืนยันความจริงอะไรได้

            หากเขาเปิดเผยเรื่องข้อตกลงกับเจ้าที่ โดยมีเหรียญอักษรโบราณเป็นสื่อ เครื่องมือเชื่อมโยง มันหมายถึงว่า เขายอมรับเรื่องที่ดลดาราแสดงให้ดูบนเวทีเป็นความจริง...

            ถ้าเป็นอย่างนั้น พวกตำรวจคงไม่จำเป็นต้องเสียเวลาหาหลักฐานเอาผิดเขาให้เหนื่อยเลย...

            ท่านผู้เฒ่าจ้องหน้ามหาเศรษฐีวัยกลางคน รู้สึกถึงความอึดอัด อาการปิดบังปมความลับในใจ จึงบอกให้คลายใจ

            “ถ้าไม่สะดวกใจ ยังไม่ต้องพูดก็ได้...”

            ได้ยินอย่างนี้ นายศิวาค่อยโล่งอก...ครูแกลงพูดต่อ

            “เท่าที่เราสัมผัสดู พบว่าเหรียญนี้มันเป็นสื่อ...สะพานเชื่อมระหว่างคุณกับปิศาจร้ายในศิวาดล...มันอาจให้ผลประโยชน์แก่คุณมากมาย แต่ก็น่าจะเรียกค่าตอบแทนสูงพอกัน”

            วาจาเสียดแทงอย่างจัง นายศิวาพยายามฝืนเก็บงำสีหน้า อาการ ไม่ยอมแสดงออกให้รู้

            “ผมควรทิ้งมันไปเลยใช่มั้ยครับ” นายใหญ่ศิวาดลถาม

            ครูแกลงสบตาอีกฝ่ายด้วยแววอ่อนโยน รู้เท่าทัน...ขนาดเปิดโอกาสอย่างนี้ นายศิวายังไม่ยอมพูดออกมาเอง ผู้อาวุโสจึงไม่คิดไล่ต้อนให้ยอมรับ

            “ฝากไว้กับเราก่อนก็ได้” สายตาครูแกลงเพ่งมองเหรียญนั้นลึกซึ้ง “มันอาจใช้ประโยชน์กับทางเราได้”

            “อย่างนั้นก็ดีครับ” นายศิวารู้สึกวางใจผู้อาวุโสกว่าเดิม “นอกจากเรื่องนี้ มีเรื่องอะไรอีกมั้ย”

            “คุณควรระวังตัว การทำเฉย ไม่รู้เรื่องอะไรอาจเป็นเกราะป้องกันตัวคุณได้ดีที่สุด” ครูแกลงบอก



            ถึงตรงนี้นายศิวาได้โอกาสวกเข้าประเด็นสำคัญ ที่ทำให้ตนยอมตามมาถึงที่นี่

            “แล้วคุณปู่ทั้งสองจะไปจัดการป้าแมว กับปิศาจเจ้าที่นั่นเมื่อไหร่”

            “ฉันสองคนแก่เกินไปแล้ว” ปู่เผด็จเป็นฝ่ายพูดบ้าง

            “คนที่จะช่วยคุณคือหลานสองคนนี่ต่างหาก” ปู่คงคาชี้มาทางสองหนุ่มสาว

            คราวนี้นายศิวาจ้องมองพิจิก เมษาอย่างไม่เชื่อสายตา เขาไม่แปลกใจที่ทั้งคู่ไม่ใช่คนขับรถ แม่ครัวธรรมดา แต่ถ้าบอกว่าสองหนุ่มสาวหน้าตาทันสมัยแบบนี้เป็นหมอผี...อาจารย์ฝีมือดีที่สามารถปราบป้าแมว ผู้ใช้อาคมสังหารภรรยาเขา และปิศาจนายทอง ผีร้ายที่ครอบงำศิวาดลมานาน มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อเกินไป

            “สองคนนี้” นายศิวาไม่ปิดบังความรู้สึกตน “ผมคิดว่าพวกเขา เป็นแค่สายสืบ แอบเข้ามาหาข่าวในศิวาดลเท่านั้น”

            “เป็นสายสืบที่พอจะปราบผีได้บ้างครับ” พิจิกพูดยิ้ม ๆ

            เมษาไม่พูดอะไร ชินเสียแล้วกับสายตาประหลาดใจ วาจาไม่เชื่อถือเช่นนี้

            “ปิศาจนายทอง ‘เจ้าที่’ ที่นั่นร้ายกาจมาก” นายศิวาเคยเจออิทธิฤทธิ์มาแล้ว “ส่วนป้าแมวก็มีอาคมโหดเหี้ยมขนาดนั้น...แค่พอปราบผีได้บ้าง...อาจไม่พอ”

            ที่พูดเช่นนี้เพราะห่วงความปลอดภัยของตน เมื่อไหร่ที่สองฝ่ายเปิดฉากโจมตี เท่ากับเป็นการเปิดเผยจุดยืนตนเอง หากฝ่ายพิจิก เมษาชนะก็ดีไป ถ้ามันกลับเป็นตรงข้าม...สองมารร้ายนั่นต้องพุ่งเป้ามาที่เขาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

            “เชื่อมือพวกเขาเถอะ” คราวนี้ครูแกลงออกปากรับรอง “ส่วนจะเริ่มต้นเมื่อไหร่ เราจะบอกทางคุณเอง...ถึงตอนนั้น อาจขอความร่วมมือด้วย”

            “ได้ครับ” นายศิวามั่นใจท่านผู้เฒ่าตรงหน้า แต่ยังไม่มั่นใจสองหนุ่มสาวคู่นี้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์

- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -



            หลังจากนายศิวากลับมากรุงเทพได้สองสามวัน ลูกน้องก็เข้ามารายงานข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับแพรพลอย ทำให้อารมณ์โกรธพุ่งขึ้นแตะขีดสูงสุด อยากไปเผชิญหน้าหญิงสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยา ไม่คิดว่าเธอจะแทงข้างหลังกันอย่างนี้ ในใจอยากพูดจากันให้แตกหัก เอาเรื่องเต็มที่ แต่พอนึกถึงคำเตือนของครูแกลงที่บอกว่า...

            การทำเฉย ไม่รู้เรื่องอะไรอาจเป็นเกราะป้องกันตัวคุณได้ดีที่สุด

            นายศิวาค่อยได้สติ สงบใจ นึกถึงงานใหญ่ที่รออยู่ ข่มโทสะในใจลงไป

            ...ทว่า...หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง บททดสอบความอดกลั้นก็ตามมา...

            “คุณศิวาคะ...พลอยเอง...งานยุ่งหรือเปล่า” แพรพลอยโทรศัพท์มาหา

            ...แค่ได้ยินเสียงเธอ โทสะข้างในพลุ่งพล่านอีกครั้ง...

            “ฮือ...ยุ่ง” เขาพยายามตอบสั้นที่สุด

            “ยุ่งจนไม่มีเวลากลับบ้านเลยหรือคะ” หญิงสาวออดอ้อนตามสาย

            ฟังอย่างนี้แทบอยากระเบิดอารมณ์ใส่...ตอบกลับไปว่า...

            “ศิวาดลเป็นของเธอแล้ว...ฉันจะกลับไปทำไมอีก!”

            วาจาที่พูดได้จริงกลับเป็น...

            “รอให้งานซาอีกสักพัก เรื่องวุ่นหมดไปก่อน ผมค่อยกลับไปนะ”

            “เรื่องวุ่นอะไรคะ...ไม่มีแล้ว” แพรพลอยตอบกลั้วหัวเราะ “เหตุการณ์ในคืนงานวันนั้นก็ไม่มีใครติดใจอะไรอีก ทุกคนคิดว่ามันเป็นแค่การแสดงเท่านั้นเอง”

            ศิวาถอนใจ...แพรพลอยพูดง่าย บอกกับทุกคนว่ามันเป็นแค่การแสดง จัดฉากสร้างความตื่นเต้น เพื่อให้เกิดประเด็นพูดถึง สร้างความสนใจเท่านั้น คนที่จัดอีเวนท์ก็รับสมอ้าง ว่าเป็นฝีมือพวกตนเอง แม้กระทั่งฉากปิศาจดลดารา รายา พรนรีลงจากเวที...

            คนส่วนใหญ่อาจเชื่อตามคำกล่าวอ้างของแพรพลอย ทีมจัดอีเวนท์ แต่นายตำรวจอย่างผู้การพฤกษ์ไม่มีทางปล่อยให้เรื่องนี้หายไปง่าย ๆ แน่นอน

            “นั่นแหละ นอกจากเรื่องงานคืนนั้น ก็ยังมีเรื่องที่ทำงานผม เรื่องตามจับคนจ้างวานมือปืน...หลายเรื่องเลย” ศิวาตอบเลี่ยง

            “เอ...หลายเรื่องที่คุณว่ามานี่...มันรวมถึงเรื่องเด็กของคุณมาบล็อกเมลที่พลอยส่งออกไป แล้วเอามาให้คุณดูหรือเปล่าคะ” แพรพลอยพูดเหมือนชวนคุยธรรมดา

            นายศิวานิ่ง ดวงตาทอประกายกร้าว กัดฟันแน่นข่มอารมณ์

            “พลอยพูดเรื่องอะไร” เขาแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง

            “คุณทราบเรื่องดีค่ะ...ไม่ต้องมาโกหกพลอย” เสียงแพรพลอยเปลี่ยนไป แสดงชัดว่าไม่ต้องมาเสแสร้ง ปิดบังกันอีกต่อไป

            “ถ้าเป็นเมลที่คุณ ‘ขุด’ ข้อมูลความผิดของผม ส่งไปให้ตำรวจน่ะ...ผมเห็นแล้ว” น้ำเสียงศิวาเยือกเย็นผิดคาด

            “น่าเสียดายนะคะ...” แพรพลอยพูด จงใจเว้นวาจา ไม่บอกว่าเสียดายเรื่องอะไร

            เสียดายที่เมลนั้นไม่สามารถไปถึงตำรวจนักข่าว เพราะโดนสกัดกั้นก่อน หรือเสียดายที่ถูกนายศิวาจับได้...

            “คุณทำอย่างนั้นทำไม” ศิวาไม่อ้อมค้อม

            “นั่นสิ พลอยทำไปทำไมนะ” หญิงสาวโยกโย้

            “ถ้าคุณต้องการอะไรก็บอกมา...ผมให้ได้ทั้งนั้น แม้แต่เรื่องหย่า!” ศิวาเปิดประเด็นใหม่

            “ตอนนี้พลอยยังไม่อยากหย่ากับคุณหรอกค่ะ...พลอยแค่อยากให้คุณยอมรับในความผิดที่ตัวเองก่อเท่านั้นเอง” แพรพลอยพยายามพูดให้เห็นว่าการกระทำของตนเป็นสิ่งถูกต้อง เหมาะสม

            “คุณพูดเหมือนนางเอกเกลี้ยกล่อมให้คนร้ายกลับใจเลยนะ” ศิวะประชด

           “พลอยทำสิ่งที่ถูกต้องอยู่นะคะ” หญิงสาวแกล้งยืนยันด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ

            ไฟโกรธในใจศิวาถูกโหมกระพือรุนแรงแทบดับไม่อยู่ อยากฆ่าผู้หญิงร้ายกาจปลายสายคนนี้ให้ดับดิ้นคาตา

            ดลดาราพูดถูก...แพรพลอยเป็นตัวอันตราย...

            กับบุคคลอันตรายเช่นนี้ การตอบโต้ด้วยความรุนแรงเป็นเรื่องอันตรายยิ่งกว่า...

            “เอาเถอะ...ครั้งนี้ผมจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นในเรื่องที่คุณทำ...ต่อไปผมขอร้อง...มีอะไรมาบอกกันตรง ๆ อย่าทำกันอย่างนี้อีก”

            “แหม...ก็คุณไม่กลับมาที่นี่ พลอยจะมีโอกาสคุยกับคุณได้ยังไงคะ” วาจาไม่ปกปิดร่องรอยประชดประชันเหน็บแนม แฝงด้วยความเย้ยหยันที่เขาไม่กล้ากลับไปศิวาดล

            “เอาเถอะ...ผมว่างเมื่อไหร่ เราจะได้มีเวลาคุยกันจริง ๆ จัง ๆ สักที” เขาสงบอารมณ์ก่อนพูด

            “ค่ะ...พลอยจะรอ” ปลายน้ำเสียงนั้นมีกระแสท้าทาย ดูถูก ขบขันอย่างที่คนทั่วไปก็รู้สึกได้

            ศิวาวางสายด้วยอารมณ์โกรธจนมือไม้สั่น...รู้เดี๋ยวนั้นเองว่า แพรพลอยประกาศศึกกับตนเองแล้ว



(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP