ธรรมะจากพระสูตร Dhamma from Sutta

ตติยปฏิปทาสูตร ว่าด้วยปฏิปทาเพื่อให้สิ้นอาสวะ


กลุ่มไตรปิฎกสิกขา



[๑๗๐] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่
ณ ที่พักก่อด้วยอิฐชื่อนาทิกะ ณ ที่นั้นแล
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วว่า พระเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย มรณสติอันบุคคลเจริญแล้ว
กระทำให้มากแล้ว ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก หยั่งลงสู่อมตะ
มีอมตะเป็นที่สุด เธอทั้งหลายย่อมเจริญมรณสติหรือหนอ.


เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้แล้ว
ภิกษุรูปหนึ่งกราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ย่อมเจริญมรณสติ.
ภ. ภิกษุ ก็เธอเจริญสมณสติอย่างไร.
ภิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในการเจริญมรณสตินี้
ข้าพระองค์มีความคิดอย่างนี้ว่า
โอหนอ เราพึงเป็นอยู่คืนหนึ่งวันหนึ่ง
พึงมนสิการถึงคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า
เราได้กระทำคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นอันมากหนอ
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์เจริญมรณสติอย่างนี้แล.


ภิกษุแม้อีกรูปหนึ่งกราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าอย่างนี้ว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แม้ข้าพระองค์ก็เจริญมรณสติ.
ภ. ภิกษุ ก็เธอเจริญมรณสติอย่างไร.
ภิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในการเจริญมรณสตินี้
ข้าพระองค์มีความคิดอย่างนี้ว่า
โอหนอ เราพึงเป็นอยู่ตลอดวันหนึ่ง
พึงมนสิการถึงคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า
เราได้กระทำคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นอันมากหนอ
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์เจริญมรณสติอย่างนี้แล.


ภิกษุแม้อีกรูปหนึ่งกราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าอย่างนี้ว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แม้ข้าพระองค์ก็เจริญมรณสติ.
ภ. ภิกษุ ก็เธอเจริญมรณสติอย่างไร.
ภิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในการเจริญมรณสตินี้
ข้าพระองค์มีความคิดอย่างนี้ว่า
โอหนอ เราพึงเป็นอยู่เพียงครึ่งวัน
พึงมนสิการถึงคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า
เราได้กระทำคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นอันมากหนอ
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์เจริญมรณสติอย่างนี้แล.


ภิกษุแม้อีกรูปหนึ่งกราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าอย่างนี้ว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แม้ข้าพระองค์ก็เจริญมรณสติ.
ภ. ภิกษุ ก็เธอเจริญมรณสติอย่างไร.
ภิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในการเจริญมรณสตินี้
ข้าพระองค์มีความคิดอย่างนี้ว่า
โอหนอ เราพึงเป็นอยู่เพียงชั่วเวลาบริโภคบิณฑบาตมื้อหนึ่ง
พึงมนสิการถึงคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า
เราได้กระทำคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นอันมากหนอ
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์เจริญมรณสติอย่างนี้แล.


ภิกษุแม้อีกรูปหนึ่งกราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าอย่างนี้ว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แม้ข้าพระองค์ก็เจริญมรณสติ.
ภ. ภิกษุ ก็เธอเจริญมรณสติอย่างไร.
ภิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในการเจริญมรณสตินี้
ข้าพระองค์มีความคิดอย่างนี้ว่า
โอหนอ เราพึงเป็นอยู่ชั่วเวลาบริโภคบิณฑบาตครึ่งหนึ่ง
พึงมนสิการถึงคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า
เราได้กระทำคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นอันมากหนอ
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์เจริญมรณสติอย่างนี้แล.


ภิกษุแม้อีกรูปหนึ่งกราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าอย่างนี้ว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แม้ข้าพระองค์ก็เจริญมรณสติ.
ภ. ภิกษุ ก็เธอเจริญมรณสติอย่างไร.
ภิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในการเจริญมรณสตินี้
ข้าพระองค์มีความคิดอย่างนี้ว่า
โอหนอ เราพึงเป็นอยู่ชั่วเวลาเคี้ยวข้าว ๔-๕ คำแล้วกลืนกิน
พึงมนสิการถึงคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า
เราได้กระทำคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นอันมากหนอ
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์เจริญมรณสติอย่างนี้แล.


ภิกษุแม้อีกรูปหนึ่งกราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าอย่างนี้ว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แม้ข้าพระองค์ก็เจริญมรณสติ.
ภ. ภิกษุ ก็เธอเจริญมรณสติอย่างไร.
ภิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในการเจริญมรณสตินี้
ข้าพระองค์มีความคิดอย่างนี้ว่า
โอหนอ เราพึงเป็นอยู่ชั่วเวลาเคี้ยวข้าวได้คำหนึ่งแล้วกลืนกิน
พึงมนสิการถึงคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า
เราได้กระทำคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นอันมากหนอ
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์เจริญมรณสติอย่างนี้แล.


ภิกษุแม้อีกรูปหนึ่งกราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าอย่างนี้ว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แม้ข้าพระองค์ก็เจริญมรณสติ.
ภ. ภิกษุ ก็เธอเจริญมรณสติอย่างไร.
ภิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในการเจริญมรณสตินี้
ข้าพระองค์มีความคิดอย่างนี้ว่า
โอหนอ เราพึงเป็นอยู่ชั่วเวลาหายใจเข้าแล้วหายใจออก
หรือหายใจออกแล้วหายใจเข้า พึงมนสิการถึงคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า
เราได้กระทำคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นอันมากหนอ
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์เจริญมรณสติอย่างนี้แล.


เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลอย่างนี้แล้ว
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสกะภิกษุเหล่านั้นว่า
ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุใดเจริญมรณสติอย่างนี้ว่า
โอหนอ เราพึงเป็นอยู่ตลอดคืนหนึ่งวันหนึ่ง
พึงมนสิการถึงคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า
เราได้กระทำคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นอันมากหนอ
ภิกษุใดเจริญมรณสติอย่างนี้ว่า โอหนอ เราพึงเป็นอยู่ตลอดวันหนึ่ง
พึงมนสิการถึงคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า
เราได้กระทำคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นอันมากหนอ
ภิกษุใดเจริญมรณสติอย่างนี้ว่า โอหนอ เราพึงเป็นอยู่ครึ่งวัน
พึงมนสิการคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า
เราได้กระทำคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นอันมากหนอ
ภิกษุใดเจริญมรณสติอย่างนี้ว่า
โอหนอ เราพึงเป็นอยู่ชั่วเวลาบริโภคบิณฑบาตมื้อหนึ่ง
พึงมนสิการถึงคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า
เราได้กระทำคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นอันมากหนอ
ภิกษุใดเจริญมรณสติอย่างนี้ว่า
โอหนอ เราพึงเป็นอยู่ชั่วเวลาบริโภคบิณฑบาตครึ่งหนึ่ง
พึงมนสิการถึงคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า
เราได้กระทำคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นอันมากหนอ
และภิกษุใดเจริญมรณสติอย่างนี้ว่า
โอหนอ เราพึงเป็นอยู่ชั่วเวลาเคี้ยวข้าวได้ ๔-๕ คำแล้วกลืนกิน
พึงมนสิการถึงคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า
เราได้กระทำคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นอันมากหนอ
ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านี้เรากล่าวว่าเป็นผู้ประมาทอยู่
เจริญมรณสติเพื่อความสิ้นอาสวะช้า.


ภิกษุทั้งหลาย ส่วนภิกษุใดเจริญมรณสติอย่างนี้ว่า
โอหนอ เราพึงเป็นอยู่ชั่วเวลาเคี้ยวข้าวคำหนึ่งแล้วกลืนกิน
พึงมนสิการถึงคำสอนพระผู้มีพระภาคเจ้า
เราได้กระทำคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นอันมากหนอ
และภิกษุใดเจริญมรณสติอย่างนี้ว่า
โอหนอ เราพึงเป็นอยู่ชั่วเวลาหายใจเข้าแล้วหายใจออก
หรือหายใจออกแล้วหายใจเข้า
พึงมนสิการถึงคำสอนพระผู้มีพระภาคเจ้า
เราได้กระทำคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นอันมากหนอ
ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านี้เรากล่าวไม่ประมาทอยู่
ย่อมเจริญมรณสติเพื่อความสิ้นอาสวะ
ภิกษุทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า
เราทั้งหลายจักไม่เป็นผู้ประมาทอยู่ จักเจริญมรณสติเพื่อความสิ้นอาสวะ
ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แล.


ตติยปฏิปทาสูตร จบ



(ตติยปฏิปทาสูตร พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่มที่ ๓๗)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP