วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

ศิวาดล ๔๒



cover siwadol

ชลนิล

 



(ต่อจากฉบับที่แล้ว)



            การคาดเดาเหล่านี้ไม่ผิดพลาด เพราะแค่สองหนุ่มสาวก้าวลงจากรถมาถึงศิวาดลไม่กี่นาที แพรพลอยก็ส่งคนมาตามตัวเมษาแล้ว

            “หนูลางานไปตั้งหลายวันแบบนี้ คุณพลอยเธอว่าอะไรบ้างมั้ยคะ” เมษาถามแบบพาซื่อ ไม่รู้เรื่องอะไร

            “เธอไม่ได้ว่าอะไรหรอก แค่ถามถึงนิดหน่อย คุณแม่บ้านเธอก็ออกรับให้...วันนี้ไม่รู้เธอนึกอะไรขึ้นมา ลงมาบอกพี่ถึงห้องครัวเลยว่า ช่วยมาถามคุณสมยศหน่อยว่าเมษามาหรือยัง...ถ้ามาตอนไหนให้ขึ้นไปหาเลย”

            “ตอนนี้เลยหรือคะ” เมษาแกล้งถามหน้าตาตื่น มองสายฝนกระหน่ำอย่างเห็นว่าเป็นอุปสรรคน่ากลัว

            “อือ...ถ้ามาแล้วขึ้นไปให้เธอเจอหน้าหน่อยก็ดี คงยังไม่ได้ใช้งานอะไรหรอก...ถือว่าเรากลับมาแล้วก็ไปบอกกล่าวเจ้าของบ้านเท่านั้นเอง”

            “ค่ะ” เมษาตอบรับแกล้งทำหน้าจ๋อย

            พิจิกลอบถอนใจ มองตามเงาหลังเมษาที่เดินกางร่มตามแม่แววไปคฤหาสน์ศิวาดลด้วยความเป็นห่วง กังวลจาง ๆ

            “คงไม่มีอะไรหรอกน่า...” พ่อบ้านสมยศ ผู้ยืนฟังเงียบ ๆ มาตลอดพยายามเอ่ยปากให้ชายหนุ่มสบายใจ

            “ครับ” ชายหนุ่มตอบรับแล้วถามต่อ “จริงสิ...ตอนนี้คุณแม่บ้านใหญ่แกอยู่ไหนครับ”

            “น่าจะไปดูที่เรือนครัวนะ...แต่ไม่แน่หรอก ฝนตกหนักอย่างนี้ แกอาจอยู่ตึกใหญ่ก็ได้”

            “ขอบคุณครับ” พิจิกตอบรับ

            เขาตั้งใจจะไปเตือนคุณแม่บ้านใหญ่ให้ระวังตัวแทนครูแกลง เพราะรู้ว่าเธอคงไม่สนใจเปิดดูข้อความในโทรศัพท์แน่

            พ่อบ้านใหญ่พยักหน้ารับคำขอบคุณ แล้วเดินกลับไปยังที่พักตน

            พิจิกยังยืนอยู่ที่เดิม มองม่านฝนปกคลุมไปทั่ว ตั้งใจว่าจะไปหาแม่บ้านใหญ่ที่เรือนครัว เพราะถ้าเธออยู่ตึกใหญ่ เมษาคงหาวิธีเตือนเธอได้อยู่แล้ว

            กางร่มเตรียมออกจากสำนักงานไปยังเรือนครัว สายตาแลเห็นแม่บ้านเข็มทองเดินกางร่มมาพอดี ลักษณะท่าทางการเดิน กระแสความรู้สึกที่แผ่กระทบสัมผัสภายใน บอกให้ชายหนุ่มรับรู้ทันทีว่า...แม่บ้านใหญ่กำลังเจอเรื่องหนักหนาสาหัสเอาการ...

            พิจิกสงบใจยืนรอที่ชายคาสำนักงาน จนกระทั่งแม่บ้านใหญ่มายืนตรงหน้า ใบหน้านั้นซีดเผือดปราศจากสีเลือด ริมฝีปากซีดจางออกเขียว นัยน์ตาเลื่อนลอย ไร้ความรู้สึก ร่างยืนตรงแน่วราวกับหุ่นยนต์

            จิตสัมผัสของเขารู้สึกถึงกระไออาคมที่แปรเป็นกลุ่มควันสีเทาครอบคลุมเหนือศีรษะแม่บ้านเข็มทอง ริมฝีปากซีดเขียวขยับช้า ๆ

            “กลับมา...แล้วเหรอ” คำพูดหลุดจากปาก ทว่าวาจานั้นไม่ได้มาจากแม่บ้านใหญ่

            ร่างผอมสูงเดินเข้ามาใกล้พิจิก ขนาดอยู่ใต้ชายคาสำนักงานเธอยังไม่ยอมหุบร่ม ปล่อยให้หยาดน้ำหยดลงมาเป็นระยะ ชายหนุ่มสังเกตเห็นข้อมือที่จับคันร่มกำลังเกร็งแน่น แขนเสื้อทั้งหมดแดงฉานด้วยเลือด

            การคาดเดาของครูแกลงแม่นยำยิ่ง...ฝ่ายนั้นทำอะไรกับแม่บ้านเข็มทองกันแน่...




- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            ชั้นสามคฤหาสน์ศิวาดล

            เมษาขึ้นบันไดมาถึงกึ่งกลางปีกตึกสองด้าน หันมองปีกตึกฝั่งดลดารา จิตสัมผัสภายในไม่อาจรับกระแสการมีอยู่ของวิญญาณดวงนั้นได้เลย

            ใจกังวลเล็กน้อย ตั้งแต่ผ่านรั้วศิวาดล สัมผัสม่านหมอกแห่งภูตร้าย เห็นสมุนปิศาจนายทองหลบเร้นทั่วใต้ม่านพิรุณ แต่กลับไม่รู้สึก สัมผัสถึงดลดารา รายา พรนรี และพยาบาลโสภีเลย

            ถอนใจเบา เลี้ยวไปทางปีกตึกฝั่งแพรพลอย เดินบนหินอ่อน เสียงเท้ากระทบพื้นเบา ๆ รู้สึกเหมือนครั้งแรกที่เข็นรถอาหารมาส่ง ผิดแค่ครั้งนี้เธอเดินตัวเปล่า กระเป๋าส่วนตัววางไว้ในครัว หากเกิดเหตุฉุกเฉินต้องรับมือด้วยสมองและสองมือตน

            มาถึงหน้าประตูห้องแพรพลอย ยกมือเคาะเบา ๆ สองสามครั้ง ความเงียบปรากฏครู่ใหญ่ ก่อนมีคำตอบจากภายใน

            “เข้ามาได้...”

            ประตูเปิด เมษาก้าวผ่านด้วยอาการเตรียมพร้อม เผชิญหน้าทุกสิ่งที่กำลังเฝ้ารอ...




- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            ...ก่อนหน้านี้ไม่ถึงชั่วโมง...

            แม่บ้านเข็มทองเดินกางร่มไปตรวจเรือนครัวตามปกติ

            วันนี้ดูแปลก เพราะเรือนครัวมีแค่ป้าแมว...แม่ครัวใหญ่คนเดียว ผู้ช่วยแม่ครัวทั้งหลาย หายหน้าไปจนหมด

            “คนอื่นหายไปไหน” แม่บ้านเข็มทองถามด้วยน้ำเสียงเรียบ ตามปกติของเธอ

            หากเป็นเมื่อก่อน ป้าแมวคงหน้าเสีย ละล่ำละลักตอบด้วยท่าทางกระสับกระส่ายกลัวความผิด

            ครั้งนี้แกแค่เงยหน้ามองด้วยแววตาเฉยชา

            “ฉันให้พวกมันกลับไปเอง” วาจาห้วนผิดเคย

            แม่บ้านใหญ่ชะงัก จ้องมองฝ่ายตรงข้าม ประเมินว่าจะมาไม้ไหน

            “งานเสร็จแล้วหรือ” คำถามง่าย สายตาคอยสังเกตปฏิกิริยาอีกฝ่ายอย่างไม่พลาด

            “เสร็จแล้ว...มีอะไรจะถามอีกมั้ย” ป้าแมวยืดตัวตรง เผชิญหน้าอย่างไม่เกรง

            “มี...” แม่บ้านเข็มทองเห็นท่าทางเช่นนั้น จึงยิงคำถามสำคัญ “...เลิกเล่นละครตั้งแต่เมื่อไหร่?”

            แววตาป้าแมวฉายรอยประหลาดชั่วแวบ ก่อนแสยะยิ้ม

            “นังผีดลดาราคงบอกล่ะสิ ว่าฉันเป็นใคร” เรื่องนี้ไม่ยากที่จะเข้าใจ

            “นอกจาก ‘คุณทอง’ ก็มี ‘คุณ’ ที่ควบคุมภูตผี ผู้คนในบ้านหลังนี้ไว้”

            “แต่ฉันก็ไม่ได้ควบคุม ทำอะไรเธอนะ” พูดเหมือนทวงบุญคุณ

            “อาจเพราะ ‘คุณ’ กำลังรอเวลา” แม่บ้านใหญ่รู้ทัน

            ป้าแมวเผยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม

            “ถ้าเข้าใจอย่างนั้น ก็น่าจะรู้ว่าฉันใจดีแค่ไหน ที่ปล่อยให้แก ‘แอบ’ ทำพิธีปลดตรวนอาคมให้พวกผีนั่นเกือบทุกเดือน โดยไม่ทำอะไรเลย”

            “คุณคงอยากเห็นฝีมือของฉันมากกว่า เพราะต่อให้ปลดตรวนได้จริง พวกคุณก็ไม่ปล่อยคุณดล กับผีตนอื่นรอดไปอยู่ดี” วาจาตอบทันกัน

            “ฉันเห็นแล้ว...ฝีมือเธอก็...ไม่เลว” ป้าแมวยิ้มเยาะ “ถึงจะปลดตรวนอาคมไม่ได้ แต่ตอนนั้นอาคมของฉันก็ทำอะไรเธอไม่ได้เหมือนกัน”

            “ขอบคุณ” แม่บ้านเข็มทองบอกเรียบ ๆ ความหมายที่ต้องการสื่อไม่ได้ตรงกับวาจาเลย

            “ไม่ต้องขอบคุณหรอก...” สีหน้าป้าแมวเปลี่ยนไป “ฉันบอกว่า...ตอนนั้นทำอะไรเธอไม่ได้...ก็จริง...แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว”

            วาจาแสดงลางร้าย

            แม่บ้านเข็มทองถอยหลังหนึ่งก้าว เตรียมพร้อมอัตโนมัติ

            “ไม่เหมือนเดิม...แล้ว...ฉันต้องกลัวคุณด้วยมั้ย” น้ำเสียงยังมั่นคง

            “ท่าทางเธอ...เหมือนกำลังกลัวฉันอยู่นะ” ป้าแมวยิ้มเยาะดวงตาวาวโรจน์ราวสัตว์ร้าย

            “ใช่...ฉันกลัวคุณจริง ๆ”

            แม่บ้านเข็มทองพูดเหมือนยอมรับ มองเห็นฝ่ายตรงข้ามลงมือแล้ว...ลงมืออย่างไรไม่ทราบ เธอรู้สึกถึงกระแสพลังงานอันรุนแรง มืดดำ ถาโถมมาเหมือนคลื่นคลั่ง ทะเลบ้า ซัดสาดไม่หยุด แล้วร่างกายเธอแผ่คลื่นบางอย่างออกมาปกป้องคุ้มครองอย่างเป็นธรรมชาติ

            ตำราอาคมที่เคยอ่านกล่าวถึงการทำร้ายด้วยมนตร์ดำแบบนี้ แต่เข็มทองไม่เคยสนใจฝึกฝนวิธีต่อสู้เอาชนะ ใจมุ่งมั่นแค่วิชาที่สามารถปลดตรวนอาคมเท่านั้น พอเจอสุดยอดไสยเวทเล่นงานกันแบบตรง ๆ เช่นนี้ จึงนึกหาวิธีตอบโต้เอาตัวรอดไม่ทัน

            ยังดีที่แม่บ้านเข็มทองมี ‘ของเก่า’ บางอย่าง ก่อสร้างเป็นปราการกั้นมนตร์มืดโดยธรรมชาติ ซึ่งก่อนหน้านี้มันปกป้องเธอจากปิศาจนายทอง และป้าแมว...ผู้ทรงเวทในเงามาตลอด

            ทว่าวันนี้ ฝ่ายตรงข้ามเปลี่ยนไป เหนือชั้นกว่าเดิม พลังมืดที่แผ่ออกมาร้ายกาจรุนแรงจนยากหยั่งคาด แค่อำนาจจิตอันแข็งแรง กำแพงกั้นอาคมโดยอัตโนมัตินี้ คงไม่อาจต้านทานมันได้อีกแล้ว

            แม่บ้านใหญ่ตั้งสติ รู้ว่าตนเองไม่มีทางต่อสู้ฝ่ายตรงข้ามได้ ป้าแมววันนี้ไม่เหมือนที่เคยเห็นมาตลอดสิบปี แม่ครัวใหญ่ดูทรงพลัง อำมหิตน่ากลัว แววตามืดดำหยั่งลึก หากคนทั่วไปสบตาด้วยอาจเสียสติ หมดการควบคุมตนเอง

            เข็มทองถอยหลังหาทางหลบหนีออกจากเรือนครัว แม่ครัวยิ้มมุมปากอย่างรู้ทัน เพียงแม่บ้านเข็มทองถอยหลังแค่ก้าวสองก้าวก็เหมือนปะทะกำแพงที่มองไม่เห็น ขยับไปทางซ้ายขวาล้วนปิดตันโดนปิดล้อมทุกด้าน

            “ฉันเพิ่งเคยเห็นคนมีพลังจิตแข็งแรงเป็นธรรมชาติจนสามารถสร้างเกราะป้องกันตัวเองอย่างเธอได้เป็นคนแรก” ป้าแมวพูดช้า ๆ เหมือนชวนคุย “เมื่อก่อนฉันอาจทำอะไรเธอไม่ได้...แต่ตอนนี้เชื่อมั้ยว่าเกราะนี้ไม่น่าปกป้องเธอได้เกินหนึ่งนาทีหรอก”

            ผู้ทรงเวทฝ่ายมืดพูดไม่ผิด แค่ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น แม่บ้านเข็มทองสัมผัสถึงแรงสะเทือนเข้าถึงตัวเป็นระลอกใหญ่ แต่ละระลอกเพิ่มความหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ หวังทำลายเกราะคุ้มภัยให้พังราบในพริบตา

            ด้วยสติที่ยังแจ่มใส ขจัดความกลัวในใจ ในเมื่อสู้ด้วยอาคมไม่ได้ ต้องลองหาวิธีอื่น...

            สายตามองเห็นมีดทำครัววางอยู่ใกล้มือ จึงรวบรวมเรี่ยวแรง คว้ามันไว้อย่างรวดเร็ว สำรวมจิตด้วยกำลังมุ่งมั่นแรงกล้าแล้วขว้างใส่ป้าแมวเต็มแรง

            ...แกร๊ก...มีดทะลุกำแพงที่มองไม่เห็น ป้าแมวหลบวูบ มันจึงพลาดเป้าไปโดนผนังด้านหลังทันที

            ดวงตาจอมเวทมืดฉายรอยกราดเกรี้ยว ดุดัน

            “อ้อ...ชอบของมีคมอย่างนั้นเหรอ...” วาจาแฝงเยาะหยัน

            แม่บ้านใหญ่รู้สึกเหมือนมีพลังมหาศาลทุ่มเข้าใส่เต็มแรง กำแพงพังทลายร่างหงายหลังล้มตึง เจ็บปวดทั้งตัว

            ป้าแมวถือมีดเดินเข้ามาใกล้ แสยะยิ้มน่ากลัว ก้มตัวลงมาห่างจากเธอไม่กี่คืบ มองเห็นดวงตาฉายแวววิปลาส ผิดจากคนทั่วไป

            ปลายมีดจ่อลำคอแม่บ้านใหญ่ โดยเจ้าตัวไม่อาจขยับหนี หลบหลีกได้เลย

            ชั่วขณะที่มีดจะปาดลำคอเรียกเลือด แววตาป้าแมวแปรเปลี่ยนฉับพลัน คล้ายรับกระแสคลื่นบางอย่าง รู้ถึงการมาเยือนของบุคคลที่รอคอย

            “พวกมันมาแล้ว” น้ำเสียงกระหยิ่มดีใจ มือชะงักขยับมีดออกมา กลอกดวงตาแสดงอาการครุ่นคิด วางแผนในใจ

            “เอาอย่างนี้ดีกว่า...” แผนการใหม่ถูกเพิ่มเติมสด ๆ ร้อน ๆ

            พลังงานมืดดำแผ่วูบเข้าใส่แม่บ้านเข็มทอง...นับจากเวลานั้น เธอไม่มีสติ ไม่รู้ว่าตนเองกำลังทำอะไร...ไม่รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามจัดการกับเธออย่างไร




- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            ห้องรับแขกแพรพลอยโล่งว่าง ปราศจากเจ้าของเสียงขานรับ เมษาจึงส่งเสียงเรียกเอง

            “คุณพลอยคะ...คุณพลอย...”

            เงียบ...ไม่มีเสียงตอบ ไม่มีอาการเคลื่อนไหว หญิงสาวจึงเดินไปรอบห้องรับแขก กวาดตามองหานายหญิงศิวาดล ใจครุ่นคิด อีกฝ่ายกำลังวางแผนอะไร

            คุณพลอย...คุณพลอย...คุณพลอย...” เมษาลองเรียกอีกครั้ง คราวนี้เสียงหล่อนสะท้อนก้องฟังแปลก เหมือนมีบุคคลอื่นตะโกนล้อเลียน รับกันเป็นทอด ๆ

            หญิงสาวชะงักเท้า สำรวมจิตในสมาธิชั่วครู่ สังเกตความผิดปกติภายในห้อง

            ฮิ...ฮิ...ฮิ...ยังไม่ทันรับรู้ถึงสิ่งแปลกปลอม เสียงหัวเราะแหลมสูง บาดหูแว่วเข้ามากวนสมาธิ

            เมษายืนนิ่งไม่เหลียวมองหาต้นเสียง จิตสัมผัสแผ่กระจายรอบตัว บอกได้ว่าคลื่นเสียงนี้มาจากอีกมิติ...โลกหลังความตาย

            นอกจากเมษาแล้ว ห้องนี้ไม่มีมนุษย์คนอื่น แพรพลอยไม่อยู่ในห้อง เธอคงได้รับคำสั่งจากป้าแมวให้เรียก ล่อลวงเมษาขึ้นมาบนนี้ เพื่อก้าวสู่กับดักที่ตระเตรียมไว้ แล้วหลบออกไป

            เสียงหัวเราะฮิ...ฮิ...ฮิ...ดังสะท้อนไปมาจากทุกทิศทุกทาง จากนั้นเจ้าของเสียงค่อยปรากฏ เป็นผู้หญิงตัวเขียวซีด สวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง บนใบหน้ามีบาดแผลเหวอะหวะ รอยเลือดแห้งกรังเกาะเป็นก้อน

            ต่อมาเป็นร่างผู้ชายแขนขาดห้องร่องแร่ง เสื้อผ้ายับยู่ยี่ ขากางเกงขาดเป็นทางยาวเผยแผลฉกรรจ์เลือดไหลนองพื้น

            คุณพลอย...คุณพลอย...คุณพลอยยยยยย” เสียงผู้หญิงสลับผู้ชายตะโกนล้อกันไปมา ลากเสียงเหยียดยาวหวังสั่นประสาทอันแข็งแกร่งให้คลอนแคลน

            เมษากวาดตามองรอบห้อง พบผีเด็กเกาะตรงหน้าต่าง คนแก่ผอมแห้งผิวเหี่ยวย่นนั่งกอดเข่าสั่นงันงกอยู่มุมห้อง ผู้หญิงอุ้มลูกน้อยพยายามเห่กล่อมให้หยุดร้อง ทั้งที่เลือดโชก แดงฉานทั่วร่าง

            เมื่อมองไปตามผนัง เพดาน ก็เห็นดวงวิญญาณคนตายหลายรูปแบบลอยเกลื่อน เต็มไปหมด...

            ภูตผี ดวงวิญญาณเหล่านี้ไม่เคยเข้ามาในศิวาดล เพราะมีกำแพงอาคมกั้นไว้...หรือต่อให้ไม่มีกำแพง พวกมันก็คงไม่แห่กันมามากมายขนาดนี้

            การที่ห้องแพรพลอยกลายเป็นแหล่งชุมนุมผีข้างถนน พวกตายจากอุบัติเหตุ ถูกฆาตกรรม เหล่านี้ แสดงว่ามีคนใช้อาคมดึงดูดภูตผีเตรียมไว้ล่วงหน้า พอรู้ว่าหล่อนเข้าศิวาดล ก็สั่งดำเนินแผนทันที

            ...มันคือกับดัก...ด่านแรกก่อนเข้าถึงตัวจอมเวทฝ่ายมืดทั้งสอง...



            ใจรู้อย่างนั้น ความหวาดกลัวกลับไม่บังเกิด หนำซ้ำยังมีรอยยิ้มขำขันบนใบหน้า...

            จำได้ว่า ตอนพาพิจิกไปหาครูแกลง ก็เจอผีข้างถนนร้องเรียกตลอดทาง เพราะรถโดนวางยา อาคมดึงดูดภูตผี

            หลังจากนั้นเมษาก็ลืมเรื่องนี้สนิท มัวแต่กังวลเรื่องรักษาปู่ และศึกษาอาคมจากครูแกลง

            กระทั่งเมื่อเช้าก่อนขึ้นรถ ตี๋เล็กเดินมาบอก...

            “ผมล้างอาคมเรียกผีที่ติดรถพวกพี่หมดแล้วนะ สบายใจได้”

            นั่นแหละ เมษาค่อยนึกออก

            “อ๋อ...ขอบคุณนะ” พูดพลางยิ้มให้เด็กหนุ่ม “อาจารย์อา...”

            เด็กหนุ่มหัวเราะก๊าก แถมแซวปิดท้าย

            “คนเป็นแฟนกันนี่ ชอบเล่นมุกเสี่ยว ๆ เหมือนกันเลยนะ”

            คราวนี้เมษาไม่เถียง แก้ความเข้าใจผิด พิจิกหลิ่วตาให้เด็กหนุ่มเป็นเชิงรู้กัน ขณะหญิงสาวประจำที่คนขับ...มุ่งหน้าสู่ศิวาดล...




- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            การระลึกถึงเรื่องเมื่อเช้าทำให้อารมณ์ดี ยิ้มออกแม้อยู่กลางดงภูตผี วิญญาณเร่ร่อน

            ป้าแมว...เพ็ญแขน่าจะรู้ ภูตผี ปิศาจเหล่านี้ทำอะไรเมษาไม่ได้ เหตุใดจึงเกณฑ์มากันมากมายขนาดนี้

            เสียงหัวเราะจากเหล่าผีข้างถนน ดังก้องสะท้อนไปมาภายในห้องรับแขกแพรพลอย น้ำเสียงยิ่งนานยิ่งชวนขนหัวลุก แต่ละตนเริ่มขยับเขยื้อนเดินไปมา บ้างก็จงใจปรี่มาหาเมษาด้วยเจตนาหวังให้หวาดกลัว

            เมษาขมวดคิ้ว รำคาญขึ้นมาแล้ว

            “หัวเราะหาเตี่ยแกหรือไง!”

            ...กริบ...เสียงหัวเราะขาดหาย ผีตัวที่มุ่งมาหาหญิงสาวรีบชะงัก เลือนหายราวกับพบสิ่งน่าหวาดกลัวเหนือกว่า

            ...กริ๊ก...มีเสียงล็อคกุญแจดังจากประตูหน้าห้อง

            เมษาหันขวับ รีบกลับไปบิดตัวล็อค พยายามเปิดประตูออก ผลคือมันไม่ขยับ ประตูล็อคจากข้างนอก ไม่สามารถเปิดออกได้

            ...กับดักนี้ไม่ได้ล่อมาให้ผีหลอก...แต่ตั้งใจขังหญิงสาวไว้ในห้องนี้มากกว่า...

            จอมเวทสาวถอนใจ บานล็อคประตูแค่นี้ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธอ...ลุงชาติเคยสอนวิชาสะเดาะกุญแจให้ตั้งแต่วัยรุ่น ตอนลอบเข้าศิวาดลในคืนที่สองก็ใช้วิชานี้ จนลงไปถึงชั้นใต้ดินมาแล้ว

            ขณะหญิงสาวกำลังมองหาอุปกรณ์ช่วยสะเดาะกุญแจ กลางหลังรู้สึกเย็นวูบ สัมผัสความแปลกเปลี่ยนที่เกิดขึ้นในฉับพลัน

            เหลียวหลังกลับ ยืนอึ้งตะลึงชั่วครู่ ภูตผี วิญญาณเร่ร่อนยังอยู่พร้อมหน้า สิ่งต่างออกไปคือ...ที่นี่ไม่ใช่ห้องของแพรพลอยอีกต่อไป

            พื้นห้องปูด้วยไม้กระดานแผ่นใหญ่ ผนังเป็นไม้ประกบเข้ารูปแสดงถึงฝีมือช่างรุ่นเก่า เงยหน้ามองเห็นขื่อ คานทำจากไม้ทั้งท่อน เข้าเดือยล็อคแข็งแรง สมบูรณ์ไร้ที่ติ

            เมษาเข้าใจแล้ว ป้าแมวดึงดูด ชักนำผีข้างถนน วิญญาณเร่ร่อนมามากมายเพื่ออะไร...การอยู่รวมกันหนาแน่นของสิ่งต่างภพ จะทำให้เกิดมวลอากาศประหลาดกว่าปกติ ก่อให้เกิดบรรยากาศพิเศษเฉพาะ คนธรรมดาไม่มีจิตสัมผัสยังรู้สึกเสียวสันหลัง เย็นวูบไม่มีเหตุผล เหมือนเดินอยู่กลางป่าช้าน่ากลัวในสมัยก่อน

            สำหรับจอมเวทด้านมืด สามารถใช้บรรยากาศพิสดารนี้มาสร้างภาพลวงตาเสมือนจริง เพื่อกักขังผู้มีอาคมด้วยกันได้

            เมษาเหลียวกลับมาทางประตูที่ถูกล็อคอีกครั้ง...คราวนี้มันหายไปแล้ว กลับกลายเป็นประตูไม้แบบเก่า กำลังเปิดอ้า มองออกไปเห็นทางเดินกลางเรือน ทอดยาวไปยังห้องหับต่าง ๆ

            ...ที่นี่...เรือนพระยาคงเวท...




- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            เสียงครืนครางคำรณจากฟ้าฝนดังเข้ามาถึงในห้องพยาบาล พิจิกไม่สนใจดินฟ้าอากาศภายนอก สติสมาธิอยู่กับงานตรงหน้า

            ร่างแม่บ้านใหญ่นอนเหยียดยาวบนเตียงคนป่วย แขนถูกวางพาดในท่าเหมาะสม ชายแขนเสื้อถูกถลกขึ้นจนถึงต้นแขน เผยบาดแผลค่อนข้างลึก ยาวตั้งแต่ต้นแขนจนเลยข้อศอก...โชคดีไม่โดนจุดสำคัญ

            ...คนที่สามารถสะกดแม่บ้านจิตแข็ง ทำร้ายเธอรุนแรงขนาดนี้ ในศิวาดลไม่น่ามีเกินสองคน...

            มันน่าจะเป็นการต้อนรับทายาทสองผู้เฒ่า...อีกครั้ง!

            พิจิกพยายามห้ามเลือด เย็บแผลอย่างระวัง เขาถอนอำนาจสะกดของผู้ทรงเวทในเงาออกไปแล้ว แต่ปล่อยให้แม่บ้านเข็มทองอยู่ในอาการหลับลึก เพื่อสะดวกแก่การรักษาพยาบาล

            ขอบคุณพยาบาลโสภีที่ตระเตรียมหยูกยา อุปกรณ์เย็บแผล ทำแผลไว้พร้อมสรรพ ช่วยให้ชายหนุ่มได้ใช้ประโยชน์เป็นครั้งที่สองแล้ว

            เย็บแผลเสร็จ พิจิกค่อยใช้อำนาจจิตตน ดึงแม่บ้านใหญ่ขึ้นมาจากอาการหลับลึก



(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP