วรรณกรรมนำใจ Lite Literature
ศิวาดล ๔๐
ชลนิล
(ต่อจากฉบับที่แล้ว)
พิจิก เมษาหายไปจากศิวาดลร่วมสัปดาห์แล้ว
พ่อบ้านสมยศบอกว่า ทั้งสองขอลางานเพื่อทำธุระด่วนที่บ้านเกิด ไม่มีใครติดใจสงสัย เพราะขนาดแม่บ้านใหญ่ก็ไม่ตำหนิ ว่ากล่าวอะไร
หลังจากบอกหลานชายว่ามีคนป่วยมาให้ช่วยสงเคราะห์ แม่บ้านเข็มทองก็ไม่โทรศัพท์ถามข่าว เพราะถือว่าการไม่ได้ยินข่าวร้ายก็ถือว่าเป็นข่าวดีแล้ว
ใจจริงเธอเป็นห่วงบิดา กลัวว่าจะฝืนรักษาพิจิกจนตนเองเจ็บป่วย หรือไม่ก็โดนอาคมเข้าตัว แต่การไม่ได้ข่าวจากหลานชาย พี่ชายคนโตไม่โทรมาตำหนิ แสดงว่าพ่อปลอดภัย ไม่มีปัญหา
ที่พิจิก เมษายังไม่กลับมา อาจเป็นได้ว่าต้องพักรักษาตัว ฟื้นฟูเรี่ยวแรงระยะหนึ่ง แม่บ้านเข็มทองจึงทำเฉย ไม่ขัดคำแก้ตัวแทนจากพ่อบ้านสมยศ แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรเหมือนกับคนอื่น ๆ
ทั้งที่ปกติธรรมดา หากคนงานลางานเกินสามวันโดยไม่มีเหตุผล หลักฐานไม่เพียงพอ แม่บ้านเข็มทองคงไล่ออกนานแล้ว
ส่วนลึกในใจของเธอหวังให้สองหนุ่มสาวกลับมา...ทั้งคู่เป็นความหวังเดียวที่จะช่วยดลดาราให้พ้นจากพันธนาการอันร้ายกาจได้
เหตุผลเดียวที่เธอยอมฝืนใจอยู่ศิวาดลมาร่วมสิบกว่าปี...ก็เพื่อดลดารา
เข็มทองกับดลดารามีความผูกพัน สายใยบุญคุณกันอย่างเหนียวแน่น
ตอนเข็มทองฝืนคำทัดทาน ขอร้องของพ่อไปอยู่ต่างประเทศกับสามี เธอคิดว่าชีวิตคงเต็มไปด้วยความสุข มีสีสัน พบโลกใหม่ เจอผู้คนหลากหลาย สิ่งน่าตื่นตาตื่นใจมากมาย เรียนรู้วัฒนธรรมแปลกใหม่ พ้นจากโลกเก่าซ้ำซากจำเจเสียที
ทุกสิ่งไม่เป็นอย่างคิด สามีเธอพามาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในยุโรป แรก ๆ มันน่าตื่นตาตื่นใจ แปลกใหม่ เข็มทองเที่ยวชมเมือง เรียนรู้เรื่องภาษา วัฒนธรรมเมืองนี้อย่างสนุกสนาน แต่เพียงไม่กี่ปีก็เริ่มมองเห็นตัวเองใช้ชีวิตซ้ำซากจำเจอยู่กับบ้าน
ความรู้สึกไม่แตกต่างจากเมืองไทย จังหวัดเล็ก ๆ บ้านเกิดเธอเลย
เมื่อเลือกจะมาอยู่ที่นี่แล้ว เข็มทองยอมอดทน ใช้ชีวิตน่าเบื่อโดยไม่ปริปากบ่น พยายามมีความสุขกับมันแม้ในใจผิดหวังมากมาย
ความผิดหวัง เลวร้ายไม่ได้หมดแค่นั้น พอใช้ชีวิตผ่านไปหลายปีโดยไม่มีลูก ญาติพี่น้องสามีที่อยู่บ้านเรือนใกล้เคียงก็เริ่มมองเธอแปลก ๆ บางคนไม่ชอบนิสัย การพูดจาของเธอ
เมื่อโรงงานถูกปิด สามีตกงาน อายุมากเกินกว่าจะหางานใหม่ กลายเป็นขี้เมาหยำเป กล่าวโทษทุกสิ่งรอบตัวโดยไม่เคยมองเห็นความผิดตนเอง
สุดท้ายสามีกลายเป็นอีกคน ไม่ใช่ฝรั่งตัวโต อารมณ์ดีอย่างเคยอีกแล้ว
ชีวิตแร้นแค้นลำบาก ต่อให้มีเงินช่วยเหลือสวัสดิการก็ไม่เพียงพอ เขาเริ่มมองว่าชีวิตที่ล้มเหลว มาจากภรรยาชาวเอเชียที่เข้ากับญาติพี่น้องไม่ได้อย่างเธอ
เข็มทองเริ่มโดนสามีซ้อม ทารุณทุกครั้งที่เมามาย เธอพยายามต่อสู้ ร้องขอความช่วยเหลือ แต่มันยิ่งทำให้เขาเลือดขึ้นหน้า ทำร้ายเธอหนักขึ้น โดยไม่มีเพื่อนบ้าน ญาติพี่น้องใกล้เคียงให้ความสนใจดูดำดูดีเลย
เธอพยายามหาทางหนีหลายครั้ง แต่ไม่สำเร็จ ถูกสามีจับได้ก่อนออกจากเมืองทุกที
ทุกครั้งที่สามีออกจากบ้าน เข็มทองพยายามวางแผนหนีด้วยวิธีการต่าง ๆ แต่ไม่เคยสำเร็จ มารู้ทีหลังว่าเป็นเพราะคนข้างบ้าน ญาติพี่น้องเขาคอยรายงานความเคลื่อนไหวของเธอให้รู้ตลอด
พอมาถึงครั้งสุดท้าย เข็มทองวางแผนรอบคอบ รอจนคนข้างบ้านออกไปตลาดสักพัก จึงนำกระเป๋าที่แอบซ่อนไว้ออกมา เตรียมตัวหนีอีกครั้ง
โชคร้ายสามีเธอมีเหตุให้กลับบ้านพอดี...คราวนี้เขาลงมือทำร้ายเธอรุนแรงอย่างขาดสติ หวังให้ถึงขั้นตาย
คนที่มาช่วยชีวิตเข็มทองไว้คือดลดารา...ศิลปินสาวไส้แห้งเพิ่งมาเช่าห้องบ้านข้าง ๆ ได้ยินเสียงทะเลาะทุบตี แต่เจ้าของบ้านบอกว่าไม่ให้ยุ่งเกี่ยว เป็นเรื่องของสามีภรรยา
ดลดาราอดทนฟังเสียงทะเลาะทุบตีอยู่พักใหญ่ ตั้งใจวางเฉย แต่พอได้ยินเสียงเข็มทองกรีดร้อง ด่าทอเป็นภาษาไทยรัว ๆ จึงอดรนทนไม่ไหว เลือดขึ้นหน้า ตัดสินใจบุกเข้าไปช่วยอย่างไม่เกรงกลัวใคร
สองสาวต่างวัยช่วยกันจัดการฝรั่งตัวโตจนสลบเหมือด รีบเก็บข้าวของหนีขึ้นรถไฟ แล้วเปลี่ยนขบวน เลือกหลบไปอยู่เมืองอื่นทันเวลา โดยฝ่ายสามีไม่อาจแกะรอยตามมาได้
ดลดารากับเข็มทองตระเวนทั่วยุโรป เปลี่ยนเมืองที่อยู่ไปเรื่อย ๆ พยายามทำงานหาเงินปะทังชีวิตพอให้อยู่รอด อดมื้อกินมื้อบ้างก็ยังพอทนไหว
ทั้งคู่มีจุดหมายต่างกัน...ดลดาราตั้งใจตระเวนวาดภาพไปทั่ว โดยนำเสนอมุมมองใหม่ เพื่อนำผลงานไปแสดงโชว์ หวังให้มีคนเห็นความสามารถของเธอ
ส่วนเข็มทอง เธอไม่สามารถกลับบ้านเกิด เพราะศักดิ์ศรี ความอับอายค้ำคออยู่ จึงเดินทางตามดลดารา ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ทำงานหาเงิน ย้ายเมืองไปมา เพื่อไม่ให้สามีตามตัวเจอ
เวลาผ่านไปเป็นปี ๆ ผลงานดลดาราเริ่มเป็นที่สนใจขายได้ สะสมชื่อเสียงบารมีทีละน้อย ทั้งคู่เริ่มมีชีวิตดีขึ้น ย้ายไปอยู่เมืองใหญ่ ผู้คนมากมาย จนเข็มทองหมดความหวาดกลัวสามีเธอในที่สุด
เมื่อดลดารามีชื่อเสียงระดับหนึ่ง พบรักกับศิวาที่กรุงโรม ทั้งสองมีแผนการกลับไปแต่งงานอยู่กินที่เมืองไทย
ดลดาราชวนเข็มทองกลับเมืองไทยด้วยกัน ซึ่งเวลานั้นเข็มทองอิ่มตัวกับชีวิตไกลบ้าน เข้าใจเหตุผลที่พ่อห้ามปรามตนเองแล้ว โหยหาบ้านเกิดอยากกลับคืนรัง...ที่ยอมอยู่ต่างประเทศนานขนาดนี้ก็เพื่อดลดาราคนเดียว
เมื่อได้รับคำชวน เข็มทองจึงไม่ปฏิเสธ
ความลำบากยากเข็ญชนิดเคยแบ่งเศษขนมปังกินด้วยกันมาแล้ว ทำให้เข็มทอง ดลดาราสนิทสนม ผูกพันกันยิ่งกว่าพี่น้อง ยิ่งอยู่ไกลบ้านไกลเมือง เห็นกันแค่สองคน ฝากชีวิตไว้ให้กันและกัน ทั้งคู่จึงเป็นเหมือนเพื่อนตาย
เมื่อดลดาราเจอปัญหาน่ากลัว ที่เข็มทองรู้สึกว่ามันอาจมีอันตรายถึงชีวิต เธอจึงยอมฝืนความละอายใจ ลดทิฐิไปขอร้องบิดาให้มาช่วยเหลือ...น่าเสียดายที่พลาดโอกาสนั้นไป
พอดลดาราเสียชีวิต ดวงวิญญาณทนทุกข์ทรมานไม่ได้รับอิสระ เข็มทองก็ยอมอยู่ศิวาดลเป็นสิบปี พยายามร่ำเรียนอาคมมาช่วยเหลือ ปลดตรวนอาคม
ถึงวันนี้ เริ่มมองเห็นความหวังช่วยดลดาราขึ้นมารำไร เข็มทองจึงไม่ลังเลที่จะส่งพิจิกไปให้บิดาช่วยเหลือ โดยหวังว่าพวกเขาจะกลับมาอีกครั้ง
...เพราะในวันนี้...ศิวาดล...เริ่มไม่เหมือนเดิมแล้ว...
- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -
ภายนอกศิวาดลดูปกติ ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง
ทุกคนที่อยู่ภายในย่อมรู้สึก สถานที่แห่งนี้เปลี่ยนไป ตั้งแต่คืนวันงานเปิดรั้วศิวาดล
บรรยากาศอึมครึม หม่นมัวคล้ายมีสายหมอกที่มองไม่เห็นโรยตัวบาง ๆ ทั้งวันทั้งคืน หลายครั้งที่พวกคนงานเดินอยู่คนเดียว แล้วรู้สึกมีลมเย็นวูบพัดผ่าน เหมือนใครบางคนเดินสวนไปมา
ช่วงเวลาโพล้เพล้ ลูกจ้าง คนงานหลายคนมองเห็นเงาร่างวอบแวบของคนโบราณเปลือยอก นุ่งผ้าหยักรั้ง ไม่ก็ผู้หญิงห่มสไบยืนอยู่ตามเงาใต้ต้นไม้ มุมตึก หรือกระทั่งสุดทางเดินห้องพักตนเอง
พวกลูกจ้างสาวทำความสะอาดตึกใหญ่มักมาเล่าสู่กันฟังไม่ขาดสาย ถึงสายตาเร้นลับที่แอบมองจากซอกมุมมืด บนเพดาน กระทั่งจากรูปภาพที่ประดับฝาผนัง ชวนให้ขนลุกซู่ขึ้นมาเฉย ๆ
เหล่าลูกจ้าง คนงานล้วนอยู่ในอาการหวั่นไหว หวาดกลัวลึก ๆ ไม่แน่ใจในสิ่งที่ประสบอยู่ประจำวัน และไม่มั่นใจกับอนาคตที่จะเกิดขึ้นในศิวาดล
การแสดงโชว์คืนวันเปิดรั้วศิวาดล อาจเหมือนเล่นกล ใช้มนตร์มายา แต่เรื่องราวที่ทุกคนรับรู้ ทำให้เกิดความคลางแคลงไม่เชื่อถือในตัวนายศิวาอย่างช่วยไม่ได้
ผู้การพฤกษ์สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สืบสวนหาหลักฐานเกี่ยวกับคดีจารกรรมข้อมูลของนายศิวาทันที
ส่วนตัวเจ้าของศิวาดล...ตั้งแต่ออกจากห้องจัดเลี้ยงคืนนั้น สีหน้าดูปกติอย่างยิ่ง ไม่สนใจเรื่องราวตนเองที่ถูกเปิดเผย ไม่ไถ่ถามว่าใครเป็นคนจัดการแสดงชุดนี้ และไม่ยอมบอกว่าวิญญาณอดีตภรรยาทั้งสามทำอย่างไรกับตนเอง
เขากลับไปนอนคอนโดกรุงเทพ โดยไม่สนใจแพรพลอย ภรรยาคนปัจจุบัน
หลังจากวันนั้นก็เรียกประชุมทีมทนายความ ทีมประชาสัมพันธ์ และทีมผู้บริหารเตรียมรับมือ ผลจากการแสดงเปิดโปงคืนนั้น
โชว์ในห้องจัดเลี้ยงศิวาดลบอกเล่าเรื่องราวที่ถูกปกปิดหลายอย่าง คลับคล้ายละครฉากหนึ่ง ซึ่งมันไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานทางกฎหมายได้เลย แต่ศิวาเชื่อว่า หลังจากทุกคนได้ชมมันแล้ว ความเชื่อถือในตัวเขาย่อมลดลง อาจมีผลถึงขั้นสืบสวนหาหลักฐานมาดำเนินคดีด้วยซ้ำ
นอกจากนั้น ภาพนิมิตที่อดีตภรรยาทั้งสามแสดงให้ดู บอกถึงความเป็นมาเป็นไปของแพรพลอยหลายเรื่อง...แพรพลอยเข้ามาในชีวิตเขาได้อย่างไร...เหตุใดตนเองจึงเซ็นโอนศิวาดลให้เธอง่ายดายนัก
ศิวาจึงเรียกทีมนักสืบ ให้สืบเรื่องราวเกี่ยวกับแพรพลอยทั้งหมด ประชุมทีมกฎหมายเพื่อหาหนทางนำศิวาดลกลับมา รวมถึงเตรียมรับมือตำรวจในเรื่องการสืบสวนที่จะมาถึง
ส่วนทีมประชาสัมพันธ์ ต้องตั้งรับกับข่าวลือ ผลจากการแสดงโชว์ ทีมบริหารหาวิธีรับผลกระทบจากตลาดหุ้น ปัจจัยด้านลบต่าง ๆ ที่จะมาถึงบริษัท
ศิวาไม่หนีไปไหน ตั้งมั่นพร้อมรับผลกระทบทุกอย่างที่จะเข้ามา...อาณาจักรของเขาต้องไม่ล่มสลายเพียงชั่วข้ามคืนแน่นอน
- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -
ปลายนิ้วแพรพลอยกดปุ่มคีย์บนแป้นคอมพิวเตอร์อย่างคล่องแคล่ว ข้อมูลบนจอเปลี่ยนไปมารวดเร็ว ดวงตาหญิงสาวจ้องมองหน้าจออย่างมีสมาธิ ทำงานด้วยความชำนาญ ผิดกับลักษณะบอบบาง อ่อนแอของนักแสดงสาวขี้โรค
พอข้อมูลเตรียมไว้ครบถ้วน แพรพลอยกดส่งทันที
“งานเข้าแล้วล่ะ...นายศิวา!” หญิงสาวเผยรอยยิ้มมุมปาก
ปลายทางข้อมูลเหล่านั้นคือตำรวจและนักข่าว
นายศิวา นักธุรกิจใหญ่ มักทำผิดกฎหมายหลายอย่าง ทั้งหลีกเลี่ยงภาษี ปกปิดอำพรางข้อมูล รวมถึงหลักฐานการจารกรรมข้อมูลบริษัทต่าง ๆ
แพรพลอยสามารถ ‘ขุด’ ข้อมูลเหล่านั้นออกมาทั้งหมด แล้วนำมันส่งไปให้ตำรวจ นักข่าวโดยไม่มีใครสืบสาว ย้อนหาตัวตนของเธอได้
ที่จริง เธอทำอย่างนี้มานานแล้ว ตั้งแต่นายศิวาขอให้ ‘เจ้าที่’ ช่วยเหลือครั้งแรก
ป้าแมวสั่งให้ปิศาจนายทองออกไปล้วง ขโมยความลับบริษัทคู่แข่งนายศิวาได้ก็จริง แต่คนที่นำข้อมูลเหล่านั้นมาลงรายละเอียดเพื่อใช้เป็นหลักฐานสำคัญ หรือนำพาสเวิร์ดที่ปิศาจนายทองขโมยจากในหัวคู่แข่งไปใช้เจาะข้อมูลลับสุดยอด ล้วนเป็นฝีมือแพรพลอยทั้งสิ้น
แพรพลอยรู้จักนายศิวานานแล้ว ตั้งแต่เขาได้เป็นเจ้าของที่ดินพระยาคงเวท
เธอใช้เวลารอคอยร่วมสิบปี กว่าจะได้เป็นนายหญิงที่นี่ และใช้เวลาต่อมาอีกไม่กี่เดือนก็ได้เป็นเจ้าของศิวาดล รวมถึงที่ดินเดิมพระยาคงเวททั้งหมด
“ที่นี่คือแผ่นดินบรรพบุรุษของเรา...ต้องนำมันกลับมาให้ได้” ป้าเพ็ญแข หรือป้าแมวที่ทุกคนรู้จัก พร่ำสอนตอกย้ำเธอมาตลอด
ป้าเพ็ญแขเป็นพี่สาวคนละแม่กับพ่อของเธอ...รับเลี้ยง ดูแลตั้งแต่เธออายุสิบกว่าขวบ ตอนที่พ่อตาย และถูกแม่เลี้ยงเอาเปรียบ เบียดเบียนทุกอย่าง
“ชีวิตแกก็เหมือนชั้น...นังพลอย” ป้าเพ็ญแขเคยบอกเช่นนั้น “ที่จริงชั้นเกลียดพ่อแก เกลียดย่าแกเข้ากระดูก...แต่พอมาเห็นชีวิตแกเป็นอย่างนี้ มันก็อดช่วยเหลือไม่ได้...แกกับชั้นมันเหมือนกัน...ชีวิตเหมือนกัน สายเลือดเดียวกัน เลยทิ้งกันไม่ลง”
แพรพลอยรับการเลี้ยงดูจากป้าเพ็ญแข รวมถึงถูกถ่ายทอดความคิด ปณิธานที่จะนำที่ดินพระยาคงเวทกลับมาให้ได้เช่นกัน
“บรรพบุรุษเราสืบเชื้อสายมาจากผู้ดีเก่า เป็นถึงพระน้ำพระยามีชื่อเสียง เราต้องภูมิใจ และพยายามรักษาสมบัติของท่านไว้ให้ได้”
สมบัติชิ้นอื่นเกินกำลังเหนี่ยวรั้งกลับคืน ส่วนที่ดินพระยาคงเวทอยู่นอกเมือง ราคาไม่สูงมาก ซ้ำยังเป็นบ้านเกิดเพ็ญแข บรรพบุรุษอยู่กันมานาน มีความทรงจำดี ๆ มากมาย จึงต้องนำกลับมาให้ได้
แพรพลอยเริ่มเข้าหา ใกล้ชิดนายศิวาตั้งแต่ได้เป็นเจ้าของศิวาดล ความที่เขามีดลดาราอยู่แล้ว หนำซ้ำทั้งคู่รักกันมาก เขาจึงไม่เหลือบแล มองเห็นผู้หญิงธรรมดาอย่างเธอ
นั่นเองคือเงื่อนไขที่ ‘เจ้าที่’ หรือปิศาจนายทอง บอกว่าต้องการ ‘ของมีค่า’ เป็นการแลกเปลี่ยนความช่วยเหลือ
นั่นเองคือเหตุผลที่ดลดาราต้องตาย
หากดลดารายังอยู่...แพรพลอยไม่มีโอกาสเป็นนายหญิงศิวาดล ไม่มีทางครอบครองแผ่นดินเดิมได้
แพรพลอยรู้ว่าป้าเพ็ญแขมีวิชาอาคมไม่ธรรมดา อีกทั้งยังสามารถติดต่อดวงวิญญาณปิศาจร้าย ‘เจ้าที่’ ศิวาดล แต่ไม่เคยคาดคิดว่าจะสามารถใช้วิชาอาคมฆ่าคนแนบเนียนขนาดนี้
หมดดลดารา หนทางเข้าถึงนายศิวาก็ยังไม่ราบรื่น ขนาดแพรพลอยเริ่มเป็นดารามีคนรู้จัก หนุ่ม ๆ ขายขนมจีบเป็นแถวยาว เธอก็ยังไม่อยู่ในสายตามหาเศรษฐีผู้นี้ เพราะเขาสร้างกำแพงความเป็นส่วนตัวสูงมาก เปิดรับเฉพาะคนที่ใช่จริง ๆ
ศิวาเลือกผู้หญิงอย่างรายา...พรนรี โดยมองไม่เห็นความมีตัวตนของแพรพลอย...
ดังนั้นผู้หญิงที่ขวางทางการเป็นนายหญิงศิวาดลจึงถูก ‘เก็บ’ ด้วยวิธีไร้ร่องรอยไม่เหมือนใคร
หลังจากพรนรีตาย...ป้าเพ็ญแขบอกว่า...
“ถ้าไม่ได้ด้วยเล่ห์กล เสน่ห์หญิงจริง ๆของแก มันก็ต้องใช้มนตร์คาถากันแล้ว” ป้าเพ็ญแขมองหล่อนอย่างสมเพช “ผู้หญิงอย่างแกมันไม่มีเสน่ห์ ไม่ใช่สเป็คของมัน ฉันเลยต้องเหนื่อยหน่อย”
แพรพลอยอยากจะเถียงว่า ไม่ใช่หล่อนไม่มีเสน่ห์ แต่เพราะหล่อนไม่เคยรักนายศิวาเลยต่างหาก เมื่อใจไม่รู้สึกจริง จะสามารถสื่อใจต่อกันได้อย่างไร...ทุกสิ่งที่ทำไปก็เพราะคำสั่งป้าเพ็ญแขเท่านั้น
ญาติผู้ใหญ่คนนี้ฉุดหล่อนออกมาจากอุ้งมือนรกของแม่เลี้ยง ช่วยให้มองเห็นอนาคตเป็นผู้เป็นคนขึ้นมา สิ่งใดที่ควรกระทำเพื่อตอบแทนบุญคุณ ล้วนยินยอม
ถึงอย่างนั้นแพรพลอยก็มีเป้าหมายของตนเองว่า...เมื่อใดหล่อนทำความฝันของป้าเพ็ญแขสำเร็จ ก็จะขอโบยบินสู่โลกกว้าง มีอิสระทำทุกอย่างตามใจต้องการ โดยไม่ต้องมีใครบงการ ชี้นำอีกต่อไป
เรื่องทำเสน่ห์ หลอกผู้ชายมาลุ่มหลง พร่ำรักจนหัวปักหัวปำ ดูเป็นเรื่องของคนโบราณ พูดกันลอย ๆ ไม่น่าเชื่อถือ แต่ป้าเพ็ญแขสามารถทำสิ่งเหลือเชื่อนี้ได้
แพรพลอยเป็นนายหญิงศิวาดล...จากนั้นค่อยก้าวมาเป็นเจ้าของตัวจริงของศิวาดลในที่สุด
ในเมื่อทำเสน่ห์ให้นายศิวาหลงรักจนยอมแต่งงานได้ จะยากอะไรหากเพิ่มเสน่ห์อีกหน่อยให้เขาโอนสมบัติสำคัญเป็นชื่อเธอ
หลังจากเป็นเจ้าของศิวาดล แผนขั้นต่อไปคือค่อย ๆ ถ่ายโอนสมบัติของเขาทีละอย่าง แปรเปลี่ยนเป็นของเธออย่างเงียบเชียบ ไม่กระโตกกระตากให้ใครรู้
ทว่า...มีบางคนรู้ความลับนี้...พยาบาลโสภี...ญาติห่าง ๆ ที่ตั้งใจใช้บังหน้า เพื่อจะได้สวมบทบาทคนป่วย สร้างภาพผู้หญิงอ่อนแอของเธอให้น่าเชื่อถือมากขึ้น
พยาบาลโสภีสอดรู้เกินไป...รู้ว่าแพรพลอยไม่ได้ป่วย แถมยังระแคะระคายอีกว่าเธอมีแผนกลืนกินสมบัตินายศิวา
แพรพลอยต้องรีบจัดการผู้หญิงคนนี้ก่อนเธอจะปากสว่าง
พยาบาลโสภีตายด้วยอาคมป้าเพ็ญแข ส่วนคนจัดฉากใส่ยานอนหลับในแก้วนม และใช้บารมีปิดคดีรวดเร็วคือแพรพลอย
แผนการทุกอย่างไปได้สวย โดยเฉพาะเมื่อผีดลดาราและอดีตเมียนายศิวาออกมาแฉความผิดสามีตนเอง มันเป็นตัวเร่งให้แผนการแพรพลอยดำเนินเร็วขึ้นกว่าเดิม
แพรพลอยส่งข้อมูลความผิดต่าง ๆ ของบริษัทและตัวนายศิวาให้กับทางตำรวจกับนักข่าวเรียบร้อย จากนั้นโอนเงินสดที่ตนยักยอกจากสามีไปเข้าบัญชีในธนาคารต่างประเทศเป็นจำนวนมากอย่างปลอดภัย
ป้าเพ็ญแขอยากได้ศิวาดล แพรพลอยพร้อมโอนให้เธอทุกเมื่อ เพื่อจะได้หมดหนี้บุญคุณกัน ก่อนจะทำตามความฝันตนเอง ติดปีกบินไปเสวยสุขต่างประเทศ ใช้ชีวิตเป็นนกอิสระ ไม่มีพันธนาการใดผูกมัดอีกแล้ว
แต่นั่น...ต้องหลังจากนายศิวาโดนจับ และอาจเสียชีวิตในคุกโดยไม่ทราบสาเหตุ...
แผนการทั้งหมดวางไว้เรียบร้อย สมบูรณ์แบบ นายศิวาไม่มีทางดิ้นรนต่อสู้...ตราบใดเขายังอยู่ใต้อำนาจป้าเพ็ญแข และปิศาจ ‘เจ้าที่’ ตนนั้น
- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -
บ้านพักส่วนตัวแม่ครัวใหญ่...ป้าแมว ดูเผิน ๆ ไม่ต่างจากบ้านหลังน้อยทั่วไป ภายในมีข้าวของเครื่องใช้พอสมควร ทุกอย่างจัดเรียงเป็นระเบียบ ลงตัวเรียบกริบ ไม่มีส่วนใดขาด หรือเกินความจำเป็น
หากผู้ทรงเวทอย่างพิจิก เมษามายืนหน้าบ้าน คงมองเห็นหมอกสีเทาจางปกคลุมทั่วอาณาเขต มีเหล่าภูตผี รวมทั้งดลดารา รายา พรนรี โสภียืนโอบล้อมเป็นชั้น ๆ แต่ละตนสีหน้าราบเรียบ ไม่แสดงความรู้สึก ดวงตาเหลือกค้าง นิ่งเป็นหุ่น เรี่ยวแรงพลังถูกดูดออกไปทีละน้อยไม่หยุดยั้ง
หมอกภายในบ้านยิ่งหนาแน่น เข้มข้น มีการไหลเวียนของกระแสพลังงานมืดแบบขุ่นคลั่ก เชื่องช้า หากคนธรรมดาหลงเข้ามาต้องเกิดอาการอึดอัด กระสับกระส่าย คลื่นเหียนแทบอยากออกไปอาเจียนนอกบ้าน
ห้องป้าแมววางตั่งไม้ไว้ตัวเดียว เจ้าของห้องนั่งขัดสมาธิตัวตรงอยู่บนนั้น นัยน์ตาหลับสนิท ใบหน้าสีแดงคล้ำอมดำดูน่าสะพรึง ทั้งร่างมีไอสีเทาเย็นยะเยือกลอยบาง ๆ แผ่ความหนาวจับใจ
มุมห้องปรากฏชายร่างเล็ก บอบบาง สวมเสื้อขาว กางเกงแพรท่าทางขี้โรคยืนเป็นเงาเลือนราง ตรงท่อนขาของเขามีรอยปื้นดำผิดปกติ ใบหน้าสีแดงระเรื่อ นัยน์ตาเบิกโพลง ทำให้ดวงหน้าที่ควรจะดูดี กลับน่าหวาดกลัวเป็นพิเศษ
หลายคืนก่อนป้าแมวโดนอาคมย้อนกลับได้รับบาดเจ็บ ปิศาจนายทองโดนดินกลางเรือนซัดใส่พร้อมอาคมปิดผนึก ต่อให้ขจัดออกเกือบหมด ก็ยังมีส่วนท่อนขาที่สลัดไม่หลุด สร้างความทรมานจนต้องหาทางล้างอาคมฝ่ายตรงข้ามทิ้งไปให้ได้
เหตุที่พลาดพลั้ง เสียทีเช่นนี้ เพราะทั้งคู่ยังไม่สำเร็จอาคมขั้นสูงสุดของพระยาคงเวท
ป้าแมว...เพ็ญแขเคยวางแผนไว้ เมื่อไรสำเร็จอาคมจะออกไปตามล่าสองผู้เฒ่าเพื่อล้างแค้น แต่ยังไม่ทันถึงขั้นสูงสุด ศัตรูก็ส่งหลานชาย หลานสาวมายังศิวาดลก่อน
การปะทะเมื่อไม่กี่คืนที่แล้ว อาจบอกว่าตนเป็นฝ่ายกำชัย สองเฒ่ากับหลานชายไม่น่ารอดชีวิต เหลือแค่หลานสาวซึ่งไม่คณนามือ
ทั้งสองยังไม่ออกไปตามล่าใคร ปิดตัวขจัดอาคม รักษาอาการบาดเจ็บเงียบ ๆ มองหาสาเหตุที่พวกตนไม่สำเร็จวิชาขั้นสูงสุดเสียที
หลายวันผ่านมาป้าแมวออกไปเรือนครัวแค่ตอนเช้า สั่งงานผู้ช่วยแม่ครัวแล้วกลับเข้าบ้านส่วนตัว ไม่มีใครกล้าวุ่นวายถามไถ่
อาการบาดเจ็บจากอาคมย้อนกลับรักษาไม่ยาก แค่วันสองวันก็หาย ป้าแมวยังไม่รักษาอาการตัวเอง พบว่าเมื่อตนบาดเจ็บเช่นนี้ เกิดความน่าสนใจบางอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อนตั้งแต่ฝึกอาคมเวทมนตร์
พอพบข้อสงสัยชวนให้ฉุกใจคิด จึงไปยังศาลาแปดเหลี่ยมเรือนลับปิศาจนายทอง
“คุณทอง...เป็นยังไงบ้าง” ส่งเสียงถามแผ่วเบา รู้ว่าอีกฝ่ายย่อมได้ยิน
“เศษอาคมแค่นี้ ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก” คำตอบมาเพียงเสียง แสดงรอยอหังการ “ที่พลาดเพราะแกล้งหย่อนฝีมือล่อลวงมันเท่านั้น”
เพ็ญแขฟังแล้วไม่ขัด...คืนที่ฝ่ายตรงข้ามมาปิดผนึกอาคม ตนวางแผนให้ปิศาจนายทองออมมือจริง เพื่อล่อลวงพวกมันติดกับดัก แต่ถ้าฝีมือปิศาจนายทองกล้าแข็งจริง ดินกลางเรือนพร้อมด้วยอาคมปิดผนึก ย่อมไม่มีผล ไม่อาจทำร้ายได้แม้รอยฝุ่นติดปลายเท้า
“ดิฉันรู้สึกว่าการบาดเจ็บของเราครั้งนี้ น่าจะเป็นประโยชน์” เพ็ญแขรีบเข้าประเด็น
“ประโยชน์ยังไง” ผู้มาแค่เสียงแสดงความสงสัย
“ประโยชน์ในการใช้ฝึกฝน จนสำเร็จอาคมขั้นสูงได้”
“ไหน...ลองอธิบายมาสิ” ปิศาจนายทองให้ความสนใจ...
เพ็ญแขอธิบายช้า ๆ แสดงภาพให้เห็นจากจิตสู่จิต
พอได้ยินคำอธิบาย เห็นภาพ ปิศาจนายทองนิ่งงันครู่ใหญ่ ตาสว่าง เข้าใจเส้นทางอาคมกระจ่างชัด นึกตำหนิตนเองที่โง่งม ไม่เห็นเรื่องนี้มาตลอดนับร้อยปี
“ดี...เรามาลองฝึกฝนด้วยกัน!” คราวนี้ปิศาจนายทองปรากฏกายขึ้นตรงหน้า
เพ็ญแขยิ้มรับ...นี่เป็นเหตุผลที่เธอมาหาคุณทอง...ญาติผู้ใหญ่ ครูสอนอาคมตน...
การฝึกเพื่อให้ถึงขั้นสูงสุดครั้งนี้ ควรร่วมมือในสถานที่เดียวกัน จึงสามารถขจัดอาการบาดเจ็บ ล้างอาคมและฝึกฝนจนสำเร็จได้ในคราวเดียว
(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)
< Prev | Next > |
---|