จุดหมายปลายธรรม Destination@Dharmma

หากรู้สึกว่าสังคมหรือคนอื่นโหดร้าย


งดงาม
This e-mail address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it



269 destination



ภาพยนตร์เรื่องโจ๊กเกอร์ได้เข้าฉายในประเทศไทยในเดือนตุลาคม ๒๕๖๒ นี้
ซึ่งหลายท่านอาจจะได้ไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว
เพื่อน ๆ บางคนก็แนะนำให้ผมไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย
โดยแนะนำว่าวาคิน ฟีนิกซ์ แสดงได้ดีมาก ๆ
แต่ผมเองก็ยังไม่ได้ชมครับ


ตามเนื้อเรื่องย่อนั้น อาร์เธอร์ เฟลค เป็นชายคนหนึ่งที่ต้องเผชิญหน้า
กับความโหดร้ายทารุณ และสังคมที่เต็มไปด้วยการเหยียดหยาม
เขาต้องเผชิญกับเรื่องเลวร้ายต่าง ๆ นานา
จนเปลี่ยนเขาจากที่เป็นคนอ่อนแอกลายเป็นคนโหดเหี้ยม
https://www.majorcineplex.com/movie/joker
https://en.wikipedia.org/wiki/Joker_(2019_film)


ในบางความเห็นที่ review เกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้
ผู้ชมบางท่านเห็นว่าอาเธอร์เป็นคนที่น่าสงสาร
และเป็นคนธรรมดาที่โดนสังคมที่โหดร้ายบีบคั้น
ทำให้เขาต้องทำตัวร้ายเช่นนั้น
ในขณะเดียวกัน ก็มีบางท่านเห็นว่า
สิ่งเลวร้ายต่าง ๆ ที่อาเธอร์ได้ประสบนั้น
มันยังไม่ได้เลวร้ายมากพอที่จะทำให้เขาต้องเป็นคนร้ายเช่นนั้น
โดยในชีวิตจริงแล้ว ก็มีคนอื่น ๆ ที่สังคมโหดร้ายกับเขามากกว่านี้อีก


ในเรื่องทำนองนี้ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจครับ
โดยในชีวิตจริงของเรานั้น บางคนอาจจะรู้สึกว่า
ชีวิตตนเองประสบความทุกข์ยากลำบากมากมาย
เพราะสังคมโหดร้ายกับเรา หรือคนอื่นโหดร้ายกับเรา
แล้วก็ทำให้เราจำเป็นจะต้องทำเรื่องไม่ดีบางเรื่อง
ไม่ว่าจะเป็นการกระทำต่อต่อคนอื่น หรือกระทำต่อตนเองก็ตาม


แต่หากเราพิจารณาตามพระธรรมคำสอนแล้ว
สิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้นกับเรานั้น
ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เรารู้สึกว่าสังคมโหดร้ายกับเรา
หรือเรารู้สึกว่าคนอื่นโหดร้ายกับเราก็ตาม
แท้จริงแล้ว ก็ล้วนแล้วแต่เป็นผลแห่งกรรมของเราทั้งสิ้น


ใน “อภิณหปัจจเวกขณธรรมสูตร” (พระสุตตันตปิฎก
อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต) พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอนว่า
ให้พิจารณาเนือง ๆ ว่า เราเป็นผู้มีกรรมเป็นของตน
เป็นทายาทของกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด
มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย
เราจักทำกรรมใดดีหรือชั่วก็ตาม เราจักต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น
http://www.84000.org/tipitaka/read/r.php?B=24&A=2110


ดังนั้นแล้ว หากเรารู้สึกว่าสังคมโหดร้ายกับเรา
หรือรู้สึกว่าคนอื่นโหดร้ายกับเราก็ตาม
เราไม่ควรปล่อยให้ความรู้สึกนั้นครอบงำจิตใจเรา
โดยเราพึงมีความเข้าใจที่ถูกต้องว่า
สิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่เรารู้สึกว่าโหดร้ายกับเรานั้น
ล้วนแล้วแต่เป็นผลแห่งกรรมหรือเกิดจากกรรมของเราเองทั้งสิ้น


ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ในการแก้ไขสิ่งที่โหดร้ายเหล่านั้น
จึงย่อมไม่ใช่การไปทำสิ่งไม่ดี หรือทำชั่ว
เพื่อต่อสู้หรือตอบแทนกับสังคมหรือบุคคลอื่นที่เราไม่พอใจนั้น
แต่เราควรที่จะสร้างกรรมดี หรือกุศล
เพื่อที่เราจะได้รับผลแห่งกรรมดีหรือกุศลของเรานั้นในอนาคต
ดังนี้ สิ่งที่บางท่านเข้าใจว่า หากสังคมโหดร้ายหรือบีบคั้นเรามากแล้ว
ก็เป็นเหตุให้เราสามารถทำไม่ดีหรือทำชั่วได้นั้น
ย่อมเป็นความเข้าใจที่ผิดพลาด
เพราะหากยิ่งทำเช่นนั้น ก็จะยิ่งทำให้เราได้รับผลร้ายในอนาคต
หรือได้รับสิ่งที่โหดร้ายอีกในอนาคต ไม่มีทางพ้นจากวังวนนี้ไม่ได้เลย


เช่นนี้แล้ว การสร้างกรรมดีหรือกุศลย่อมเป็นหนทางที่จะทำให้
เราพ้นจากสิ่งที่เรารู้สึกว่าโหดร้ายกับเราในปัจจุบันนี้ครับ
แต่ถึงแม้ว่าเราจะทำกรรมดีหรือกุศล
เพื่อให้ได้รับผลกรรมดีในอนาคตดังที่กล่าวแล้วก็ตาม
แต่สิ่งที่ดี ๆ เหล่านั้นก็จะคงอยู่เพียงชั่วคราว
โดยหากเราพลั้งเผลอไปทำกรรมไม่ดีหรือกรรมชั่วอีกเมื่อใดแล้วก็ตาม
เราก็ย่อมจะมีโอกาสได้รับผลกรรมไม่ดี หรือสิ่งที่โหดร้ายอีกเช่นเดิม
แต่หากเราไม่ต้องการที่จะประสบกับสิ่งเหล่านี้อีกเป็นการถาวรแล้ว
ย่อมมีเพียงหนทางเดียวเท่านั้นคือ การเจริญไตรสิกขา
เพื่อความหลุดพ้นออกจากสังสารวัฏนี้ครับ



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP