วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

ศิวาดล ๒๙



cover siwadol

ชลนิล



(ต่อจากฉบับที่แล้ว)



            ภาพบนเวทีเปลี่ยนไปอีกแล้ว คราวนี้ปรากฏเป็นหญิงสาวใส่ชุดนอนกำลังวิ่งหัวซุกหัวซุน บนทางเดินกว้างชั้นสามของศิวาดล เบื้องหลังนั้นมีเงาดำทะมึน บิดเบี้ยวน่าพรั่นพรึงเคลื่อนตามมาอย่างหมายเอาชีวิต ใบหน้าเธอตื่นตระหนก หวาดกลัว ไม่มีเสียงกรีดร้อง ปากคอจุกตันเหมือนโดนมือที่มองไม่เห็นบีบเค้น

            เธอวิ่ง วิ่ง วิ่งไม่คิดชีวิต มองเห็นบันไดทางลงอยู่ข้างหน้า พยายามเร่งฝีเท้าหนีเงาสยดสยองด้านหลัง แข้งขาปัด ๆ พันกันบังคับไม่อยู่

            พอถึงบันไดก็กระโจนพรวดพราดลง จังหวะผิดพลาด สะดุดขาตนเองล้มหน้าคว่ำกลิ้งลุ่น ๆ อย่างไม่อาจคาดเดาชะตากรรม

            ศิวารู้จักผู้หญิงคนนี้ดี...รายา ภรรยาคนที่สอง

            หลังสูญเสียดลดารา จิตใจศิวาหม่นมัว ทอดอาลัยกับชีวิตรักการครองคู่ มุ่งมั่นทุ่มเทให้กับงานจนธุรกิจเจริญก้าวหน้า ทั้งธุรกิจเก่าและตัวใหม่ สร้างรายได้มหาศาลขึ้นแท่นติดมหาเศรษฐีระดับท้อปของประเทศ

            การตายของดลดาราสร้างบาดแผลลึก ยากเยียวยา ความรักที่มีต่อเธอเป็นเรื่องจริง ผู้หญิงคนนี้มีความมหัศจรรย์ สร้างความรู้สึกแปลกใหม่ในหัวใจไม่รู้เบื่อ เป็นผู้หญิงที่เคียงข้างเขาอย่างเหมาะสม ลงตัว

            กระทั่งยามเสียชีวิต เธอยังสู้จนถึงวินาทีสุดท้าย

            ศิวาเชื่อว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนทดแทนดลดาราได้ ไม่มีใครเข้าไปอยู่ในหัวใจเขาอีกแล้ว

            ผ่านไปสองสามปี เวลาช่วยเยียวยาหัวใจ พร้อมกับการได้พบ ‘รายา’ สตรีนักธุรกิจผู้มีมันสมองปราดเปรื่อง เฉียบคมเรื่องธุรกิจจนเขานึกนิยม ยกย่อง...นั่นช่วยให้หัวใจถูกเปิดออกมาอีกครั้ง

            ครั้งนี้มันไม่ใช่ความรักอย่างที่เคยมี...รายาเข้ามาในช่วงชีวิตที่เขาเทหัวใจให้กับงาน เธอเป็นผู้หญิงที่สร้างความทึ่ง ก่อให้เกิดความนิยมชมชอบตามมา

            ศิวาต้องการเปลี่ยนแปลงตนเอง ไม่อยากจ่อมจมกับเรื่องเก่า อยากก้าวข้ามความรักและความรู้สึกผิดเดิมไปให้หมด เชื่อว่ารายาจะเป็นคนช่วยดึงเขาออกมาจากวังวนเหล่านั้นได้

            การแต่งงานครั้งที่สองปลุกชีวิตให้สดใส รายาเป็นนายหญิงคนใหม่เฉิดฉายไม่แพ้ดลดารา นำความเปลี่ยนแปลง แปลกใหม่มาสู่ศิวาดล ปลุกความเงียบเหงาให้กลับมีชีวิต ปลุกความซึมเซาให้ร่าเริงอีกครั้ง

            ศิวาสบายใจ มีความสุขขึ้น สามารถลืมเลือนเรื่องเก่าได้บ้าง จนกระทั่งมีโอกาสขยายธุรกิจตัวใหม่ ซึ่งท้าทายความสามารถอย่างยิ่ง

            รายาเป็นตัวตั้งตัวตี สนับสนุนให้เขาบุกตลาด เจาะเข้าไปมีส่วนแบ่งให้ได้ เพราะหากทำสำเร็จ ธุรกิจโดยรวมของนายศิวาจะเข้มแข็ง มั่นคง ติดอันดับหนึ่งในห้าของประเทศได้ทันที

            แรกสุดศิวายังเข็ดขยาดต่อ ‘เจ้าที่’ กลัวฝ่ายนั้นจะมาสร้างพันธะสัญญาอันร้ายกาจอีก ตั้งใจอย่างมั่นคงแล้วว่าจะไม่ไปขอความช่วยเหลือจากฝ่ายนั้นเด็ดขาด ต่อให้ธุรกิจตัวใหม่จะมีอุปสรรคปัญหามากแค่ไหน หรือมันจะล้มครืน พังพาบไปเลยก็ยอม

            ตลอดการทำธุรกิจตัวใหม่นี้ ศิวาไม่ได้รับการติดต่อจากเจ้าที่ ส่วนตัวเขาก็พยายามเลี่ยงไม่เฉียดใกล้เรือนลับ คิดว่าเมื่อตนไม่เข้าไปขอความช่วยเหลือ ฝ่ายนั้นคงไม่มาสนใจวุ่นวายอะไร...

            ธุรกิจตัวใหม่ประสบความสำเร็จเกินคาด เพราะเจ้าของธุรกิจเจ้าตลาดเดิมเกิดสะดุดขาตัวเอง เพลี้ยงพล้ำถูกจับได้เรื่องสินค้าไม่มีคุณภาพ อีกทั้งยังมีสารพิษเกินค่ากำหนด และการพยายามให้สินบนเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเพื่อปิดข่าว

            นายศิวาจึงได้ครอบครองส่วนแบ่งตลาดรวดเร็วกว่าแผนที่วางเอาไว้

            ค่ำคืนแห่งการฉลองชัยของศิวากับรายา เป็นคืนสุดท้ายที่ทั้งคู่ได้อยู่ร่วมกัน...

            กลางดึกคืนนั้น รายาเกิดอุบัติเหตุตกจากบันไดชั้นสาม คอหักตายคาที่ในชุดนอน!

            ตำรวจสันนิษฐานว่าอาจเกิดจากอาการมึนเมาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ดื่มฉลองตอนหัวค่ำ

            ศิวารู้ดีว่ามันไม่ใช่ เพราะคืนเดียวกันนั้น เขาหลับสนิทตั้งแต่หัวถึงหมอนโดยไม่เกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เลย



            ในความฝัน เขากลับมาเรือนพระยาคงเวทอีกครั้ง ณ ระเบียงนอกชานเดิม ท่ามกลางเหล่าภูตผี และผู้ทรงอำนาจบนตั่ง

            “พอใจกับความสำเร็จที่ได้รับหรือไม่” คำถามด้วยเสียงกระหึ่ม กลั้วหัวเราะ

            “ครับ” เขาตอบอย่างงุนงงแกมหวาดกลัว

            “เช่นนั้นข้าคงเรียกของตอบแทนตามสัญญาได้แล้วกระมัง”

            “ของตอบแทน...สัญญาอะไร” ศิวาใจไม่ดี รู้สึกถึงลางร้าย

            “สัญญาที่เอ็งเคยให้ไว้ยังไง กล้าตระบัดสัตย์รึ” คำพูดแฝงรอยโทสะ

            “งานครั้งนี้ผมไม่ได้สัญญา รับปากอะไรกับท่านเลยนะครับ” ศิวารีบพูด

            “แค่เอ็งรับปากครั้งแรกก็เพียงพอแล้ว”

            อีกฝ่ายพูดเช่นนี้ ใจเขาหายวูบ

            “แสดงว่า...ที่พวกนั้นเกิดปัญหาอย่างหนัก...เป็นเพราะท่าน” ศิวาไม่อยากเชื่อ

            “เอ็งคิดว่าจู่ ๆ หลักฐานความผิดพวกมันจะโผล่มาเองงั้นรึ” น้ำเสียงบอกความขำขัน

            “แต่...คราวนี้ท่านไม่ได้ให้ข้อมูลผมเพื่อล้มฝ่ายตรงข้าม” เขาพยายามเถียง

            “ข้าจะให้ข้อมูลเอ็งไปจัดการ หรือให้คนอื่นจัดการ ผลก็คือข้าช่วยเหลือเอ็งอยู่ดี...บิดพลิ้วไม่ได้”

            ศิวาอยากจะเอ่ยปากว่าครั้งนี้เขาไม่ได้ขอร้อง ขอความช่วยเหลืออะไรเลย ไม่น่านับอยู่ในสัญญา แต่ก็รู้ว่าไม่มีประโยชน์ อีกฝ่ายจงใจผูกมัดเขาแน่นอนแล้ว

            “ครับ...” เขาเอ่ยปากอย่างอับจน “แต่ผมขอร้อง ท่านจะเอาอะไรจากผมก็ได้ ขอแค่รายา...อย่าเอาตัวเธอไปเลย”

            หึหึหึ...เสียงหัวเราะขำขัน บอกความรู้สึกเย้ยหยัน

            “ช้าไปแล้ว”

            เจ้าที่พูดเพียงเท่านั้น ทุกสิ่งรอบตัวก็ดับมืด...

            ศิวาตื่นขึ้นมาเพื่อพบศพรายา...นอนตายตรงชานบันได



            บนเวทีถูกปกคลุมด้วยหมอกขาวอีกแล้ว...คราวนี้ศิวารู้ว่าเป็นเหตุการณ์ใด

            ยามค่ำ ในห้องผู้ป่วยมีแสงไฟสลัว พรนรีลุกพรวดจากเตียง ลืมตาโพลงเหลียวมองรอบกายอย่างตระหนก มืออุดหูแน่นไม่ต้องการได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง แต่แล้วเหมือนเสียงนั้นยังก้องกังวานซ้ำ ๆ ในหู จนเธอกระวนกระวาย กระสับกระส่าย ทนไม่ไหวต้องลุกพรวดไปนั่งกอดเข่าตัวสั่นงันงกอยู่มุมห้อง

            สุดท้าย หญิงสาวคล้ายตกในมนตร์สะกด ลุกจากมุมห้อง ดึงผ้าปูที่นอนออกมาลากเป็นเส้นยาว แล้วคล้องไว้กับลูกกรงหน้าต่าง ทำเป็นบ่วงขนาดพอเหมาะ...

            ภาพจางหายเพียงเท่านั้น...แค่บอกให้รู้ วิธีการตายของพรนรีเป็นอย่างไร



            หลังจากสูญเสียรายาโดยไม่ทันคาดคิด รู้ว่าเกิดจากฝีมือเจ้าที่ซึ่งตนเคารพ ยำเกรง ศิวาได้แต่เจ็บแค้นในใจไม่อาจมีวาจาบอกกล่าวใคร ทำได้เพียงมุ่งมั่นขยายธุรกิจตนจนประสบความสำเร็จ ติดอันดับหนึ่งในห้ามหาเศรษฐีของไทยสำเร็จ

            ชีวิตรุ่งเรืองทว่าเงียบเหงา ว้าเหว่ ผู้หญิงหลายคนอยากก้าวเข้ามาเป็นนายหญิงศิวาดลคนใหม่ ศิวากลับไม่กล้าเปิดหัวใจรับใคร กลัวชะตากรรมพวกเธอจะซ้ำรอยเดิม

            เวลานั้น...พรนรีก้าวเข้ามาอย่างถูกที่ถูกเวลา เธอเป็นสาวน้อยสดใส สบายใจเมื่ออยู่ใกล้ ปลุกหัวใจอันเหน็บหนาวของเขาให้อบอุ่นขึ้นมา จนเกิดความกล้าหาญ ก้าวเข้าสู่ประตูวิวาห์อีกครั้ง

            เมื่อพรนรีเข้ามาเป็นนายหญิงคนใหม่ ความที่อายุน้อยกว่าภรรยาคนเก่าที่ผ่านมา เธอจึงวางตัวอ่อนน้อม เป็นกันเองสามารถเป็นที่รักของหลายคนในเวลาอันสั้น

            ศิวาคิดว่า...เมื่อเขาไม่คิดขยายธุรกิจ หรือทำสิ่งใดที่ต้องใช้ความช่วยเหลือจากเจ้าที่...ฝ่ายนั้นคงไม่มารบกวนตนและภรรยา

            เขารู้ตัวว่าคิดผิดเมื่อเข้าสู่เดือนที่สามของการแต่งงาน

            พรนรีเล่าความฝันถึงเรือนพระยาคงเวท ผู้คนแต่งกายชุดโบราณ เสียงข่มขู่อันน่ากลัว

            นายศิวาไปยังเรือนลับ เพื่อพูดจาไถ่ถาม ขอร้องอีกฝ่ายอย่ารุกรานภรรยาตน...

            ...ไม่มีสัญญาณตอบรับ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงปาฏิหาริย์ต่อหน้า หรือการปรากฏตัวพูดคุยในฝันอย่างเคย...

            คราวนี้ศิวาฮึดสู้ ไม่ยอมปล่อยให้ตนเองตกอยู่ใต้อำนาจสิ่งเร้นลับอีกต่อไป เขาทุ่มเทเงินทองเต็มที่สั่งให้คนติดต่อ เสาะหาผู้มีวิชาอาคมต่าง ๆ แอบมาทำพิธีสะกด ควบคุมจัดการเจ้าที่ และเหล่าบริวารให้สิ้นซาก โดยไม่มีใครรู้

            สิ่งที่ได้รับกลับทำให้พรนรีตกอยู่ในอันตรายกว่าเดิม เธอมองเห็นภูตผี วิญญาณทั้งยามหลับยามตื่น ศิวาพยายามปลอบว่าเป็นภาพหลอน ทำท่าไม่ใส่ใจเพื่อให้หญิงสาวรู้สึกเชื่อถือตามเขาด้วย

            ส่วนลึกในใจกลับหวาดหวั่น เพราะหมอผี ผู้ทรงอาคมทั่วสารทิศที่ว่าจ้างด้วยราคาแพงทุกราย โดยอิทธิฤทธิ์เจ้าที่จัดการจนแตกกระเจิงหนีกลับในสภาพดูไม่ได้สักราย

            ศิวาเลือกหนทางสุดท้าย จัดทำบุญบ้านครั้งใหญ่ นิมนต์พระอาจารย์ชื่อดังมาประพรมน้ำมนตร์ทั่วคฤหาสน์ หวังให้พรนรีสบายใจ และเผื่อเจ้าที่จะมีความยำเกรงในผ้าเหลืองบ้าง

            สิ่งที่ย้อนกลับมายิ่งรุนแรงกว่าเดิม พรนรีเห็นศิวาดลกลายเป็นเรือนพระยาคงเวททั้งกลางวันแสก ๆ ภูตผีดาหน้ามาข่มขู่หมายเอาชีวิต

            นั่นทำให้เส้นใยสติของเธอขาดผึง...ถูกนำส่งโรงพยาบาลทันที

            ศิวาแอบหวังว่า เมื่อพรนรีออกไปอยู่นอกศิวาดลแล้วจะปลอดภัย ที่ไหนได้...ภาพปรากฏกลางเวทีเวลานี้ กำลังแสดงให้เห็น...อำนาจมนตร์ดำสามารถเอื้อมไปปลิดชีวิตเธอได้อย่างไร



            หลังจากภาพบ่วงผูกคอจางหาย บนเวทีมืดสนิท ละอองไอเย็นแผ่ออกมามากกว่าเดิม เสียงดนตรีบรรเลงแว่วพาจิตใจผู้ชมเลื่อนลอย ตกอยู่ในอำนาจไม่เป็นตัวของตัวเอง

            จิตใจศิวาก็มืดมิดไม่ผิดกับบนเวทีนั้น

            การตายของพรนรีบอกให้รู้ ชีวิตเขาไม่เหมาะกับการครองคู่ เป้าหมายเดียวที่กระทำได้นั่นคือ...ต้องเป็นมหาเศรษฐีติดอันดับโลกให้ได้เท่านั้น!

            ศิวาเริ่มทำธุรกิจแบบสัตว์ร้าย คนเข้มแข็งอยู่รอด คนอ่อนแอกลายเป็นเหยื่อ

            ในเมื่อเขาไม่อาจเอาชนะเจ้าที่ได้ เช่นนั้นก็ขอใช้อำนาจเจ้าที่เป็นบันไดสู่ความร่ำรวยสูงสุดให้ได้ ต่อให้แลกกับสิ่งใดในศิวาดลอีกก็ยอม

            ตลอดหลายปีหลังเป็นโสด ศิวาได้รับข้อความการช่วยเหลือเป็นระยะ บางครั้งก็ได้รับข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจ ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ แผนการตลาดได้ทันท่วงที หรือไม่จู่ ๆ คู่แข่งก็เกิดพลาดพลั้ง ดำเนินแผนผิดอย่างไม่น่าเป็นไปได้ บางทีตัวผู้บริหารก็เกิดล้มป่วยกะทันหันจนบริษัทรวนเร
            
            ทั้งหมดนี้เป็นการช่วยเหลือจากสิ่งมองไม่เห็นโดยไม่ต้องสงสัย
            
            ค่าตอบแทนที่ ‘เจ้าที่’ นำไปในแต่ละครั้งคราวนี้ เป็นแค่ของมีค่าเล็กน้อยในพิพิธภัณฑ์ส่วนตัวเท่านั้น ซึ่งมูลค่ามันน้อยกว่าผลตอบแทนที่เขาได้รับหลายเท่าตัว
            
            ศิวาเปลี่ยนไปแล้ว เขาไม่ใช่ผู้ชายที่มีหัวใจคนเดิม กลายเป็นสัตว์ร้ายนักธุรกิจ ผู้มีหน้ากากมากมาย ใช้กับทุกคนรอบตัว เพื่อให้ได้ผลประโยชน์สูงสุดจากคนเหล่านั้น

            กับลูกน้องคนงาน เขาเป็นเจ้านายใจนักเลง ให้ค่าตอบแทนเต็มที่หากอีกฝ่ายยอมขายชีวิต ทำงานถวายหัว ส่วนคนอื่น ไม่ว่าเป็นนักธุรกิจคู่ค้า นักธุรกิจคู่แข่ง ผู้มีอำนาจในสังคม ลูกค้าคนสำคัญ ศิวาก็จะมีใบหน้าหลากหลาย เปลี่ยนใช้กับคนเหล่านั้นอย่างเหมาะสม โดยไม่รู้สึกเสแสร้ง แกล้งทำเลยสักนิด

            ศิวาวันนี้ จึงไม่ใช่นายศิวา...ผู้ชายที่สบตากับดลดาราหน้าน้ำพุเทรวี จนเกิดความรักแรกพบอีกต่อไปแล้ว



            ความมืดบนเวทีจางลง ดนตรีแผ่วเบา เสียงบรรยายเดิมแทรกขึ้นมา

            “อาถรรพณ์ของศิวาดลคือ...” เสียงบรรยายอ่อนล้า เหนื่อยหน่าย “นายหญิงที่นี่...ไม่เคยมีบั้นปลายที่ดีสักคน!”

            เสียงดนตรีคั่น จังหวะเร่งเร้ากระตุ้นความรู้สึกผู้ฟังให้เกิดความสนใจกว่าเดิม

            “นั่นเพราะ...” วาจาคมกร้าวบอกความร้าวลึก “ชีวิตพวกเธอ เป็นแค่บันได ก้าวไปสู่ความสำเร็จของสามีเท่านั้น”

            น้ำเสียงกราดเกรี้ยว อารมณ์ผู้บรรยายพลุ่งพล่าน

            “ชีวิตพวกเธอ เป็นแค่สิ่งแลกเปลี่ยนกับของเหล่านี้...”

            เวทีสว่าง ฉายภาพห้องทำงานนักธุรกิจใหญ่...นายศิวา

            ศิวาเขม้นมองอย่างตั้งใจ สังหรณ์ส่วนลึกบอกถึงลางร้าย ปนเปกับความรู้สึกคลี่คลาย ไขปมข้อสงสัยบางอย่างที่เขาไม่อาจหาคำตอบมาได้เนิ่นนาน

            ประตูห้องเปิด...เลขานายศิวาที่เคยทำงานเมื่อสิบกว่าปีก่อนเดินเข้ามาวางจดหมายบนโต๊ะ แล้วเดินกลับไปด้วยกิริยาลอย ๆ ไม่รู้สึกตัว ลักษณะอย่างคนโดนสะกดจิต

            ภาพถูกเร่งให้เร็วขึ้น...ประตูเปิดอีกครั้ง เลขาของศิวาที่ทำงานต่อจากคนแรกเดินมาแทนที่ นำซองเอกสารปึกใหญ่มาวางบนโต๊ะ แล้วเดินออกไป อาการถูกสะกดจิตแบบคนแรก

            ต่อมา...เลขาคนปัจจุบัน วางเอกสารอย่างเดิมแล้วเดินจากด้วยลักษณะไม่ต่างจากสองคนแรก

            ศิวารู้แล้ว ที่มาของจดหมาย เอกสารลับบนโต๊ะเป็นอย่างนี้เอง...เขาไม่อาจหาตัวผู้ส่งได้ เพราะคนส่งจดหมาย เอกสารล้วนโดนสะกดจิต กระทำโดยไม่รู้ตัว



            ละอองควันขาวลอยคลุ้ง ห้องทำงานถูกแช่นิ่งเหมือนภาพถ่าย

            เสียงบรรยายลอยออกมา

            “ทุกคนคงอยากรู้ สิ่งที่อยู่ในซองเหล่านั้นคืออะไร?”

            สิ้นเสียง ภาพเปลี่ยน กลายเป็นเอกสารถูกคลี่วางบนโต๊ะทีละแผ่นทีละหน้า สับเปลี่ยนข้อมูลรายละเอียดไปเรื่อย ๆ ด้วยจำนวนมากมาย

            คนที่เป็นนักธุรกิจ ตำรวจย่อมดูออก เอกสารเหล่านั้นเป็นข้อมูลลับทางธุรกิจของบริษัทต่าง ๆ ที่เคยเป็นคู่แข่งนายศิวา ตัวเอกสารบางชิ้นบอกรหัสผ่าน การเข้าถึงข้อมูลความลับที่ยากมีคนล่วงรู้

            ทั้งหมดนี้เป็นการจารกรรมข้อมูลที่กระทำต่อเนื่อง ยาวนาน หากภาพที่ปรากฏบนเวทีเป็นเรื่องจริง มีหลักฐานสามารถจับต้องได้ นายศิวาจะโดนข้อหาขโมยข้อมูลบริษัทคู่แข่งอย่างเลี่ยงไม่ได้ทันที

            แสงบนเวทีหรี่ลง ภาพถูกเบลอจางไม่ชัดเจน ดนตรีบรรเลงแว่วคลอเสียงบรรยาย

            “ศิวา...คุณใจร้ายเหลือเกิน” น้ำเสียงเศร้า แฝงความคับแค้น เจ็บปวด

            “ชีวิตพวกเรา...มีค่าเป็นแค่บันไดให้คุณเหยียบขึ้นไปสู่ความสำเร็จเท่านั้นเองหรือ?”

            สิ้นเสียง ไฟทั้งห้องดับพรึบ อากาศหนาวจนเย็นเยียบ บรรยากาศเต็มไปด้วยความอึดอัด หนาแน่น

            และแล้ว...แสงไฟสลัวส่องลงมาบนเวทีอีกครั้ง คราวนี้ปรากฏร่างหญิงสาวสามคนยืนเรียงกันอย่างชวนขนลุก

            ดลดารา รายา พรนรี อดีตภรรยาทั้งสามของนายศิวากำลังยืนบนเวทีในสภาพก่อนเสียชีวิต แต่ละคนดูน่าหวาดกลัว สยดสยอง ชัดเจนจนไม่มีใครเชื่อว่าเกิดจากการฉายภาพโฮโลแกรม

            ทุกคนเห็นรายละเอียดการแต่งกาย สีหน้า และแววตาอันขุ่นเคือง เจ็บปวดของพวกเธอกระจ่างชัด

            ทั้งสามกำลังขยับตัว เดินลงจากเวทีมาแล้ว...







บทที่ ๑๘



            ก่อนถึงคืนวันงานเปิดรั้วศิวาดล...ดลดารามีเรื่องบางอย่างขอร้องกับ ‘คุณ’

            ‘คุณ’ คือผู้ทรงเวทในเงาอีกคน ซึ่งมีแต่ภูตผีในบ้าน กับ ‘นายท่าน’ หรือคุณทองเท่านั้นที่รู้จักตัวตนจริง

            หากนับวิชาอาคม เล่ห์เหลี่ยมกลอุบาย ความฉลาดแหลมคมแล้ว นายท่าน...คุณทองยังห่างชั้นจาก ‘คุณ’ เป็นช่วงตัว เพียงแต่ ‘คุณ’ นับถือนายทองเป็นดังญาติผู้ใหญ่ ให้ความเคารพมานานจึงยอมอ่อนข้อให้หลายครั้ง

            ‘คุณ’ อยู่เบื้องหลังจดหมายทุกฉบับที่ส่งให้นายศิวา

            ‘คุณ’ อยู่เบื้องหลังการตายของนายหญิงศิวาดลทุกคน

            ปิศาจนายทองเก่งกาจแค่ไหน ก็มีขอบเขตอำนาจแค่ในศิวาดลเท่านั้น

            ‘คุณ’ ทำเหรียญอาคมรูปตัวอักษรโบราณให้นายศิวาสวมใส่ แกล้งลวงให้รู้สึกว่ามันเป็นเครื่องรางป้องกันภูตผี ช่วยให้แคล้วคลาดภยันตรายต่าง ๆ กระตุ้นสังหรณ์ให้รู้สึกถึงเหตุร้ายที่จะเกิด

            ในความเป็นจริง เหรียญนี้คือสะพานข้ามกำแพงมนตราชั่วคราว ให้ปิศาจนายทองออกไปทำงานนอกศิวาดลเป็นครั้งคราว

            แต่ละครั้งที่นายศิวาเกิดกิเลสโลภะแรง ๆ ต้องการขยายกิจการเอาชนะศัตรูคู่แข่งในสนามการค้า กิเลสนั้นจะส่งพลังงานผ่านเหรียญ สร้างสะพานข้ามกำแพงชั่วคราว เปิดโอกาสให้ปิศาจนายทองออกไปทำหน้าที่สายสืบ ผู้ก่อกวน หรือกระทั่งเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการตายคู่แข่งนายศิวามาตลอด

            ปิศาจนายทองจะถ่ายทอดข้อมูลลับ สิ่งที่ตนสืบรู้จากคู่แข่งนายศิวา ให้กับ ‘คุณ’ ในรูปแบบที่รู้กันเฉพาะ หลังจากนั้น ‘คุณ’ จะจัดการทำให้มันเป็นเอกสารข้อมูลที่สามารถใช้งานได้จริง นายศิวาอ่านเข้าใจ



            สมัยเป็นมนุษย์ ดลดาราไม่เคยยอมแพ้ใครง่าย ๆ พอกลายเป็นผีในโซ่ตรวนนายทอง เธอยอมรับสภาพแค่ภายนอก ส่วนลึกในใจพยายามหาวิธีเอาตัวรอดทุกวิถีทาง เธอจึงมีแผนการที่ภูตผี ผู้คนไม่ล่วงรู้หลายอย่าง

            ถามว่า...เธอโกรธแค้นนายศิวา สามีตนเองแค่ไหน?

            ตอนแรกอาจโกรธแค้น เจ็บปวดบ้างที่เขาลืมเลือนเธอรวดเร็ว สามารถแต่งงานกับรายาได้ในเวลาไม่กี่ปี พอรายาตาย เขาก็ใช้เวลาอีกไม่กี่ปีเพื่อมีพรนรี...

            มันน่าเจ็บปวดใจก็จริงแต่กาลเวลา และการอยู่โลกหลังความตายทำให้ต้องยอมรับมัน

            พอเห็นเขาตกอยู่ใต้อำนาจบงการของนายทอง กับ ‘คุณ’ มาตลอดสิบกว่าปีอย่างนั้น ส่วนลึกเธอก็ยังเสียใจ กังวล เป็นห่วงไม่น้อย

            จนกระทั่งศิวาเปลี่ยนไปในทางเลวร้ายหลังพรนรีตาย และแต่งงานใหม่นำแพรพลอยเข้าบ้าน

            ดลดารารู้สึกว่า...เธอปล่อยให้ศิวาเป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว

            เธอแค้นเขาก็จริง แต่ในความแค้นมีความรัก!



(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)


Kesara
About the author:


แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP