ดังตฤณวิสัชนา Dungtrin's Answer

การมีสติจะทำให้ได้บุญได้อย่างไร



ถาม – การที่เรามีสติจะทำให้ได้บุญได้อย่างไรคะ



อันดับแรกเลยถ้าเราคิด แค่คิดนะว่าจะมาในทางของการเจริญสติ
ก็เท่ากับมาในทางของการพ้นทุกข์แล้ว
การพ้นทุกข์นี่เป็นบุญที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เหนือบุญอื่นใดทั้งปวงนะครับ
ไม่ว่าคุณจะสร้างเจดีย์ให้เสียดเมฆนะ
หรือว่าจะปรนนิบัติรับใช้พ่อแม่ครูบาอาจารย์ไปนานสักกี่ร้อยปีก็ตาม
มันก็ทำให้ได้ผลเป็นความสุขเท่านั้น
แต่ว่าการเจริญสตินะมีผลให้ได้พ้นทุกข์ในที่สุด
ถ้าตัดสินใจแล้วที่จะเดินมาในเส้นทางของการเจริญสติ
ก็เท่ากับตัดสินใจที่จะเดินมาในเส้นทางของการพ้นทุกข์นั่นเอง



แล้วการมีสติ เอาแบบที่มันเห็นได้สั้นๆ ชัดๆ ก่อนเลย
การมีสติที่ถูกต้อง คือการเห็นว่ากายใจนี้มันไม่เที่ยง
แสดงความไม่ใช่ตัวเดิมอยู่ตลอดเวลา

เมื่อมีสติ เมื่อมีกุศลจิต สตินี่ทำให้เกิดกุศลจิต
เมื่อมีกุศลจิตแล้ว ความคิดในทางที่อยากจะไปเอาอะไรของใครเขามา
ในทางบาป ในทางอกุศล ในทางที่มันผิดศีลผิดธรรมนี่ มันก็จะไม่เกิด
หรือแม้แต่เกิดความขัดเคือง เวลาใครมาทำให้เกิดความไม่พอใจ
มันก็จะไม่โกรธขนาดที่หลงผิดคิดไปทำร้ายเขา หรือว่าไปฆ่าแกงเขา
นี่ตัวนี้มันก็คือคุณของสตินะ



การมีสติ ในทางพระพุทธศาสนา เปิดเผยว่าเป็นบุญขั้นสูงสุด
เพราะว่ามันเป็นที่รวมของบุญอื่นๆ ทั้งปวง

ขอแค่มีสติตัวเดียว ขอแค่มีสติเห็นชอบเกิดขึ้นจริงๆ
สติในการคิดนึก ในการอยากจะพูดกับใคร มันจะเป็นไปในทางดีหมด
พระพุทธเจ้าท่านเปรียบนะครับ เหมือนกับว่าสตินี่เป็นเท้าช้าง
สามารถรวมเอารอยเท้าของสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงไว้ในที่เดียวกันได้
ไม่ว่าจะเป็นเท้ากระต่าย เท้าแมว เท้าสุนัข เท้าเสือ เอามารวมลงกันได้หมดเลย
ไม่มีเท้าสัตว์ไหนที่ใหญ่ไปกว่าช้าง
อันนี้ก็เหมือนกัน ไม่มีบุญอันใดที่ใหญ่ไปกว่าสติ


พระพุทธเจ้าท่านถึงตรัสว่าบุญขั้นต่ำ บุญเบื้องล่าง ได้แก่ทาน
แม้แต่การสร้างโบสถ์วิหารให้พระทั่วทุกทิศได้มาอาศัยพำนัก
ว่าเป็นบุญที่ยิ่งใหญ่มากๆ แล้ว ก็เป็นแค่ทาน
เป็นการให้ทาน เป็นทานบารมี เป็นสิ่งที่เราจะไปได้รับผลเป็นความสุข

อย่างถ้าบริจาคอะไร ไม่จำกัดนะว่าเราจะถวายอะไรก็ตาม
ขอแค่ใจนี่มีความรู้สึกว่าเราถวายไป เพื่อที่จะให้พระพุทธศาสนาดำรงอยู่ได้
เพื่อให้พระสงฆ์ได้ทำกิจของสงฆ์ สืบสานพระพุทธศาสนาต่อไปได้
ความรู้สึกแค่นี้ที่ตั้งไว้ในทิศทางแบบนี้นะ
ไม่ว่าจะถวายอะไรไปก็แล้วแต่
นับแต่ข้าวสารแค่กำมือเดียวหรือเจดีย์ทองคำที่สูงเสียดฟ้า
อันนี้ก็เป็นทานทั้งหมดเลย เป็นบุญขั้นที่ทำให้เกิดความสุขในปัจจุบันที่ได้ให้
แล้วก็ในภายภาคหน้าที่จะมีของใช้ หรือว่าที่อยู่อาศัยแบบไหน
ผิวพรรณที่ละเอียดประณีต ตามจิตที่ประณีตในขณะถวายหรือเปล่า อะไรต่างๆ
นี่เรียกว่าบุญขั้นต่ำ


บุญขั้นกลางได้แก่การถือศีล รักษาศีล
แล้วการถือศีล รักษาศีล ที่จะให้มีอำนาจ มีพลัง มีพลานุภาพ
เหนือกว่าทานบารมีได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนักนะ
พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าศีลคือมหาทาน
เพราะว่าให้ความปลอดภัยไม่เลือกหน้า ไม่จำกัด แก่คนทั้งโลกทั้งจักรวาล

การรักษาศีลในแบบที่พระพุทธเจ้าตรัสว่าเป็นบุญขั้นกลาง
เหนือกว่าทานทั้งปวงได้
จะต้องเป็นศีลที่สามารถรักษาได้ตลอดชีวิต
คือตั้งใจว่าจะเว้นขาด ตั้งใจอย่างนี้นะ ไม่ใช่แค่ตั้งใจวันเดียวนะ
หรือว่าตั้งใจแค่ตอนที่มาขอศีลจากพระอะไรแบบนี้
แต่ต้องเป็นการตั้งใจแบบเว้นขาด
แล้วสามารถเว้นขาดได้ตลอดชีวิตจริง แม้จะมีเรื่องมายั่วยุให้ทำผิดศีล

ตรงนี้มันต้องใช้กำลังใจ มันต้องใช้ความต่อเนื่อง
มันต้องใช้ตัวตนแบบใหม่ที่ไม่เห็นแก่ตัวตนเก่า ไม่เห็นแก่หน้าตัวตนเก่านะ
ตลอดชีวิตจนกระทั่งถึงวันตาย มันถึงจะเป็นบารมีที่ยิ่งกว่าทานทั้งปวงได้


ทีนี้อย่างสติหรือบุญอันเกิดจากการภาวนาเจริญสติ
ต้องเป็นสติในแบบที่ระลึกได้ด้วย อย่างที่พูดตั้งแต่ตอนต้น
ว่าขอบเขตของกายใจนี้ นึกเข้ามาที่ตรงไหน
ที่ตรงนั้นแสดงความไม่เที่ยงให้เราเห็นได้อย่างไร
แสดงความไม่ใช่ตัวเดิม ไม่ใช่ตัวตน ให้เราเห็นได้อย่างไร

อันนี้ถ้าระลึกได้ มันถึงจะเป็นต้นทางที่จะทำให้เกิดบุญอย่างใหญ่สูงสุด
ที่คนคนหนึ่งจะสามารถทำได้ในขณะที่ยังมีชีวิตในภพภูมิของมนุษย์



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP