ดังตฤณวิสัชนา Dungtrin's Answer

ถ้าตัดสินใจแยกทางกับสามีที่ไม่ซื่อสัตย์ จะเป็นบาปต่อลูกไหม



ถาม – ถ้าคู่ครองของเรานอกใจและทำร้ายจิตใจมาตลอด
เราควรอดทนและวางเฉยเพื่อลูก
หรือควรตั้งใจรักษาศีลให้มั่นคงเพื่อให้คู่ที่ศีลไม่เสมอกันแยกจากไป
แบบไหนจึงจะเป็นการแก้ปัญหาชีวิตคู่อย่างถูกต้อง
และหากเลือกที่จะแยกทาง จะเป็นบาปต่อลูกไหมคะ



จริงๆ ผมเป็นคนบอกไว้ตั้งแต่เขียนหนังสือรักแท้มีจริงนะ
ซึ่งหลายคนทดลองดูแล้วก็เห็นผลตามนั้นนะครับ
คือถ้าอยากเลิกจากคู่เวร หรือว่าอยากที่จะอยู่บนเส้นทางคนละวงโคจรกันนี่นะ
เขาทำชั่วอย่างไร เราทำดีแบบที่เป็นตรงกันข้ามให้ครบทุกข้อ
แล้วมันจะเห็นผลในเวลาไม่นาน ใจมันจะแยกห่างออกจากกัน
เพราะว่าคนที่ศีลไม่เสมอกันขนาดที่ดำกับขาว
มันจะอยู่ด้วยกันไม่ได้ เขาก็อยู่ไม่ได้ เพราะว่าทนแรงผลักไม่ไหวนะ



ขั้วตรงข้ามทางธรรมชาติ
มันเป็นอะไรที่มีแรงผลัก มีแรงดึงดูดอยู่จริง ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้
อย่างตอนผมเขียนไว้ก็ให้เงื่อนไขไว้นะ
ว่าถ้าไม่ได้มีเหตุปัจจัยอื่น เช่นว่าที่มันนอกเหนือการควบคุมนะ
เช่นที่เขายังอยากจะอยู่ตรงนี้เพื่อเอาผลประโยชน์อะไร
อันนี้บางที มันก็พูดง่ายๆ ว่าเรารับประกันไม่ได้นะ
ว่าเราทำตัวแบบหนึ่งแล้ว มันจะเวิร์กหรือเปล่า
สำหรับคู่ส่วนใหญ่มันก็เวิร์ก เท่าที่ฟังเขาเล่ามานี่เห็นผลหมด เห็นผลตรงกันหมด
บางคนใช้เวลาสั้น บางคนใช้เวลายาวหน่อยหลายปีหน่อยนะ
แต่ในที่สุดแล้วก็มีเหตุปัจจัยผลักดันให้เกิดความเอือมระอาที่จะมาทนอยู่กับเราไปเอง



ไปลองดูก็ได้ ใครก็แล้วแต่นะ ที่กำลังเอือมระอาสุดขีด
แต่เจ้ากรรมนายเวรที่มีตัวตนอยู่ตรงหน้านี่ ไม่ยอมเลิกราสักที
ก็ลองดูว่าเขาทำอะไรที่มันเป็นลบ ชอบพูดจาโว้กว้าก ชอบโกหกนะ
เราทำให้มันเป็นตรงข้ามให้หมดเลย
จนกระทั่งเกิดขั้ว ขั้วภายในนะที่ดูดกันไม่ติด ในที่สุดเขาจะจากไปเอง
แต่ไม่รับประกันเพราะแต่ละคน คือใช้ความพยายามก็ไม่เท่ากัน
แล้วอดทนใช้ระยะเวลาแค่ไหนก็ไม่เท่ากัน
แล้วก็ทำจริงหรือเปล่า แบบบอกว่านี่ทำแล้วลองแล้ว
สำรวจเข้าไปจริงๆ หลายๆ คนไม่ได้ทำให้เป็นตรงข้ามนะ
ยังกลมกลืนไปกับเขาอยู่ ยังมีโทสะ ยังมีการอาละวาดกลับอะไรแบบนี้


ทีนี้มาตอบตัวคำถามนะ
คือคนเราถ้ายังอยู่ตัวคนเดียว มันจะไม่สงสัยเลยล่ะ
แต่พอมีลูกปุ๊บ มันจะเกิดคำถามขึ้นมาในใจทันทีนะ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่รักลูกมากๆ เห็นแก่ลูกมากๆ
มันจะเกิดความรู้สึกแคร์ และความแคร์นี่มันทำให้สงสัย
ว่าสิ่งที่เราตัดสินใจไปหรือว่าเลือกที่จะเอาเส้นทางแบบนี้
มันผิดหรือถูก มันเป็นบาปหรือเป็นบุญ แล้วก็บาปจะไปตกกับลูกไหม



ผมขอให้แง่คิดง่ายๆ อย่างนี้นะ คนเราทุกคน ทั้งตัวเราและตัวลูก
มีวิบากกรรมที่ถูกวางแผนไว้ค่อนข้างจะแน่นอน
อย่างถ้าดูในตามโหราศาสตร์นะ
บอกไว้เลย บอกว่าถ้าเกิดฤกษ์นี้ พ่อแม่ต้องหย่ากัน
ถ้าเกิดฤกษ์นี้ พ่อแม่อยู่ด้วยกันไปนานๆ เลย
มีชีวิตไปจนกระทั่งโตขึ้นมาพ่อแม่ก็ยังอยู่ด้วยกัน และยังมีชีวิตอยู่อย่างเป็นสุข
อันนี้ไม่จำเป็นต้องไปเชื่อโหราศาสตร์นะ
แต่ผมยกตัวอย่างว่าศาสตร์แห่งโหรหรือว่าศาสตร์แห่งดวงดาว
เขาอธิบายเรื่องวิบากกรรมได้จริงนะ
แปลว่าวิบากออกแบบไว้แล้วตั้งแต่แรกว่า
เกิดมาแล้วจะได้อยู่กับพ่อแม่นานแค่ไหน หรือไม่อยู่กับพ่อแม่เลยตั้งแต่ต้น
หรืออยู่กับพ่อแม่ไปจนกว่าจะตายจากกัน



ถ้าหากว่ามีเหตุ คือของเก่าของลูกนี่จะต้องมาอยู่กับพ่อแม่ที่แตกแยกอยู่แล้วนะ
เหตุปัจจัยที่มันเกิดขึ้นกับตัวเรา มันก็คือเราจะต้องแยกกับสามีหรือภรรยา
หรือถ้าดวงของลูกบอกว่าได้อยู่กับพ่อแม่จนโต
ก็จะมีความรู้สึกเห็นแก่ลูก ทนทุกอย่าง
กัดลิ้นจนเลือดนี่ไหลลงคอตัวเองนี่นะ
ทนอยู่จนลูกโต แล้วถึงค่อยให้รู้ว่าพ่อแม่ทะเลาะกัน
หรือว่าไม่สามารถอยู่ด้วยกันตั้งนานแล้ว แต่ว่าเห็นแก่ลูกนะ
อันนี้ใจของเราเป็นอย่างไร มันก็สะท้อนสิ่งที่เป็นวิบากของลูกนั่นแหละ


ถ้าเราใช้วิธีแบบที่ผมว่านี่นะ
คือทำความเข้าใจว่าชายหญิงหรือว่าคู่ที่มาประกบกันนี่
ต่างฝ่ายต่างเป็นขั้ว แล้วก็ดูดติดกันด้วยแรงกรรมบางอย่างในอดีตนะ
แล้วก็รวมทั้งความจงใจ เจตนา ความอยากในปัจจุบันนะ
ขั้วนี้ ไม่จำเป็นต้องดูดติดกันเสมอไป มันสามารถมีแรงผลักได้
ซึ่งแรงผลักมีทั้งแรงผลักแบบดีกับแรงผลักแบบร้าย
แรงผลักแบบร้ายคือทะเลาะกัน ตีกันจนตาย แล้วแยกจากกัน
อาจจะแยกจากกันด้วยความบาดเจ็บทางใจบาดเจ็บทางกาย
หรือตายจากกันด้วยการทำร้ายกัน



หรือแยกจากกันในทางดี ด้วยการที่ฝ่ายหนึ่งนะเข้าใจธรรมะ
เข้าใจธรรมะของแรงดึงดูดสองขั้ว
พยายามที่จะทำตัวเป็นตรงกันข้ามกับอีกฝ่ายหนึ่ง
ด้วยเจตนาว่าขอให้เลิกแล้วต่อกัน
ขอให้ออกห่างจากกัน ขอให้ไม่ต้องอยู่ด้วยกันอีกนะ
ด้วยแรงบุญที่สามารถปฏิบัติเป็นตรงกันข้าม
กับบาปกรรมนานาชนิดที่เขาก่อขึ้นมา
เขาไปนอกใจ เรามีใจอยู่ใจเดียวเลยเสมอ ไม่มีความคิดประชด
ไม่มีใจอยากไปเอาอะไรอย่างอื่นมานะ ให้มาเป็นส่วนเกินชีวิตเพิ่มขึ้นไปอีก
หรือว่าเขาโกหกเป็นประจำ เราพูดความจริง แม้แต่คำอะไรเล็กๆ น้อยๆ
ไม่มีเลยที่เราจะพูดไม่จริง นี่เป็นตรงข้ามกันให้หมด



จนกระทั่งในที่สุดนะ ด้วยแรงใจที่เจตนาที่จะแยกออกจากกันอยู่แล้ว
แล้วก็การกระทำลงทุนลงแรงด้วยบุญใหม่จริงๆ นี่นะ
ในที่สุดมันเกิดแรงผลักแบบดี แยกออกจากกันด้วยดีได้
ตรงนี้ก็เป็นอีกชั้นหนึ่ง เป็นอีกเจตนาหนึ่ง ที่จะเป็นสิทธิ์ของเรา
แล้วก็เป็นวิบากของลูก
คือเราพิจารณาแล้วว่าอยู่ด้วยกัน แล้วเผลอๆ ลูกจะบาดเจ็บเยอะกว่าที่จะแยกกัน
เห็นจริงๆ นะ ไม่ใช่แกล้งเห็น ไม่ใช่แกล้งเข้าข้างตัวเองนะ
ถ้าเห็นอย่างนั้นจริงๆ แล้วทำไป มันก็ไม่เป็นไร
มันเป็นสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นในวิถีชีวิตของลูกอยู่แล้ว
เส้นทางเขาออกแบบมาอยู่แล้วถึงได้มาอยู่กับพ่อแม่คู่นี้นะ
ก็ให้มองอย่างนั้นไปก็แล้วกัน



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP