สารส่องใจ Enlightenment

ผู้ที่ละกิเลสได้แล้วจะทราบได้ด้วยตนเองใช่ไหม



วิสัชนาธรรม โดย หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต
วัดบรรพตคีรี (ภูจ้อก้อ) อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร




ปุจฉา - จริงๆ แล้วผมอยากทราบว่าท่านที่ละกิเลสได้แล้วในชั้นนั้นๆ
ท่านตั้งชื่อว่าพระโสดาฯ สกทาคาฯ อนาคาฯ ได้เองทางบัญญัติ โดยไม่มีคนบอกได้ไหม
โดยที่ไม่เคยรู้จักบัญญัติมาก่อนเลย ไม่มีใครบอกด้วย ส่วนผลการปฏิบัติทางจิตนั้นไม่สงสัย


วิสัชนา - ท่านผู้พ้นกิเลสไปเป็นชั้นๆ ท่านก็รู้ของท่านเอง ไม่ใช่คนอื่นจะไปบัญญัติให้
และท่านก็ไม่ค่อยรับคะแนนจากท่านผู้ใดด้วย
ท่านจะใส่ชื่อของท่านว่าพระโสดาบัน สกทาคา อนาคา อรหันต์หรือไม่ก็ตาม
ท่านไม่ได้เป็นห่วงในการใส่ชื่อลือนาม
และไม่คอยมองหนทางให้ท่านผู้ใดมาให้คะแนนและบุบหรือติเตียน
เพราะท่านไม่ปฏิบัติเพื่อโลกธรรม ๘ คือ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุขภายนอก
ถ้าหากว่าจิตใจขององค์ท่านยังห่วงในลาภ ยศ สรรเสริญภายนอก
จะใส่ชื่อลือนามว่าพระโสดาบันนั้นได้อย่างไร
จะใส่ชื่อว่าผู้เห็นธรรมเบื้องต้นอย่างไรได้...ข้อนี้ขอให้ใคร่ครวญให้ดี



ข้ออื่นยังมีอยู่อีก ปฏิบัติพระพุทธศาสนา
ถ้าจิตใจหนักไปทางวัตถุนิยม ไม่มุ่งอุดมคติคือพระนิพพาน ก็เป็นโลกีย์ปฏิบัติใช่ไหม...
จะชื่อว่าได้ดวงตาเห็นธรรมนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้
อนึ่ง ธรรมพิเศษที่ควรรู้ ปัจจัย ๔ อันมีมาในทางพระพุทธศาสนาในทางที่ชอบ
ขอให้มีความเข้าใจว่า สำหรับไว้บูชาโลกุตรธรรมเท่านั้น
ไม่ได้หมายความว่าจะเอาไว้บูชากิเลส



เมื่อปัญญาอันล่วงหน้าขวางทิฏฐิอันเห็นชัดของเจ้าตัวแล้ว
เจตนาและสติปัญญาก็คงดิ่งถึงพระนิพพานไปเป็นลำดับ
ธรรมดาคนเราย่อมมีสิทธิ์รู้เอง เราทำงานได้ขนาดไหนก็ต้องรู้ตัวทั้งนั้น
โลภ โกรธ หลงของเราเบาไปขนาดไหนก็ต้องรู้ตัวทั้งนั้น
หรือหากว่าไม่เบา หรือหากว่าขบถคืนวิธีไหนหรือไม่ ทั้งหลายแหล่
ต้องเป็นผู้มีสิทธิ์รู้ตัวทั้งนั้น มิฉะนั้นแล้วก็จะสุ่มสี่สุ่มห้า
มีเงินเพียงสองสตางค์ก็จะสำคัญตัวว่ามีตั้งสองล้าน


พระพุทธศาสนาปฏิบัติสบายมากเพราะเอาตนเป็นพยาน เรียกว่าตนสอนตนก็ถูก
ผู้อื่นมาสอนก็เอาของเราสอนเราชี้ใส่หัวใจเรา ชี้ใส่ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจเราอีกด้วย
ชี้ใส่หนังหุ้มอยู่โดยรอบด้วย นี้เรียกว่าเอาของเราสอนเรา
เพราะบอกเราอาบน้ำ ถ้าเราไม่อาบแล้ว
ท่านจะยอมเป็นบ๋อยมาอาบให้ก็ย่อมเป็นไปไม่ได้



เมื่อท่านละได้อยู่ในชั้นไหนๆ ท่านจะรู้ปริยัติก็ตามหรือไม่รู้ก็ตาม
มีผู้บอกก็ตาม ไม่มีผู้บอกท่านก็ตาม
ธรรมะอยู่ในชั้นนั้นชั้นนี้พร้อมทั้งกิเลสของเจ้าตัวที่มันเบาลงเป็นลำดับ
ขาดไปไม่ขบถคืนในตอนไหน ชั้นใดๆ ท่านก็ดูตัวท่านทั้งนั้น
ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วก็เรียกว่าปฏิบัติแบบบ้าๆ


- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


คัดจาก หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต ตอบปัญหาธรรมะ ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๕๓


แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP