ดังตฤณวิสัชนา Dungtrin's Answer

ทำอย่างไรให้การอธิษฐานต่างๆ นั้นสัมฤทธิ์ผล



ถาม – มีปัจจัยใดที่จะช่วยให้การอธิษฐานต่างๆ นั้นได้ผลตามที่ตั้งใจไว้
และควรหลีกเลี่ยงการอธิษฐานในเรื่องใดบ้างคะ



หลักการอธิษฐานง่ายๆ เลยคือ ตั้งใจทำแล้วทำให้ได้
เอามาตามลำดับขั้น อย่าไปมองนะว่ามีพิธีรีตองอะไรที่จะทำงานใหญ่ให้สำเร็จ
อย่างตั้งใจว่าจะนู่นเลยนะ บางคนนี่คิดอธิษฐานอยากนู่นอยากนี่
ว่าเกิดชาติหน้าฉันใดนะ ขอให้เป็นอย่างนั้น อย่างนี้
ซึ่งมันไม่รู้ว่าจะเอาอะไรมาพิสูจน์นะ ยังไม่ถึงชาติหน้ามันก็มองไม่เห็น
หรือบางคนนะ อันนี้ที่เคยได้ยินมากับหูเลยนะ
ตั้งใจไว้ล่วงหน้าว่าหลังจากได้บรรลุโสดาปัตติผลนะ
จะทำนู่นจะทำนี่ จะเกิดอีกเจ็ดชาติ จะเกิดอีกสามชาตินะ
อยากจะท่องเที่ยวไปแบบนางวิสาขา ตะลุยสวรรค์ทุกชั้นเลย
แล้วค่อยไปให้ถึงมรรคผลนิพพานขั้นสูงสุด เป็นพระอรหันต์บนสวรรค์อะไรไปแบบนั้น



คือพอตั้งใจอะไรที่มันจะสัมฤทธิ์ผลในชาติต่อไป
อาจจะโอเค บางคนรู้หลักจริงๆ แล้วก็มีตาทิพย์ มีญาณทิพย์
สามารถทราบอนาคตของตัวเองได้ อันนั้นก็เป็นอีกกรณีหนึ่ง
แต่ส่วนใหญ่มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ คนเราไม่สามารถคาดเดาได้
ไม่สามารถคะเนได้ว่าอนาคตของตนเองนี่จะเป็นไปอย่างไรนะครับ
แต่เราสามารถที่จะเลือกได้ว่าจะเป็นคนดีหรือคนชั่ว
จะเป็นผู้ที่อยู่บนเส้นทางของความสว่างหรือเส้นทางของความมืด อันนี้เลือกได้



แล้วถ้าหากว่าจะเป็นผู้ที่มีความสำเร็จในการอธิษฐาน
คือตั้งใจจะทำอะไรแล้วทำให้ได้นะ
ขอให้ไต่มาตามลำดับ อย่าไปกระโดด อย่าทำแบบก้าวกระโดด
อย่าทำแบบที่ตั้งใจโน่นตั้งใจนี่ แบบที่มันใหญ่เกินตัวนะครับ

อยากจะให้มันเกิดผลอย่างนั้นอย่างนี้ แบบที่ไม่สามารถคาดเดาได้แน่นอน
เริ่มจากมีการตั้งใจทำอะไรเล็กๆน้อยๆ
เช่น วันนี้ตั้งใจจะตื่นเช้าขึ้นมาใส่บาตร แล้วทำให้ได้
อย่าล้มเลิกกลางคันไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นนะ
ยกเว้นแต่มันสุดวิสัยจริงๆ และเรายังคงมีความผูกความตั้งใจไว้ว่า
ถึงแม้จะมีเหตุติดขัดก็ต้องทำให้ได้


ถ้าสมมติวันนี้ตั้งใจว่าจะตื่นเช้าขึ้นมา
เสร็จแล้วปรากฏว่าที่ต่างจังหวัดมีญาติไม่สบายด่วน
จะต้องไปตั้งแต่กลางคืนอะไรแบบนี้ ก็ไปนะ
อย่าเป็นคนใจไม้ไส้ระกำนะ ประเภทที่ว่าฉันจะทำบุญก่อนแล้วค่อยไป
ญาติบอกว่ากำลังป่วยหนัก ขอทำบุญก่อนตอนเช้าแล้วเก้าโมงค่อยไปอะไรแบบนี้
ก็ให้ไปหาญาติเลย แต่ว่าเราผูกความตั้งใจไว้ว่า
นี่การทำบุญตอนเช้าจะยังไม่เลิกรานะ ต้องทำให้สำเร็จให้ได้ วันนี้ไม่ได้ พรุ่งนี้ต้องได้
ด้วยเหตุติดขัดจริงๆ แต่เหตุติดขัดเหลือวิสัยประเภทที่ว่า โอ๊ย
! ขี้เกียจตื่นนะ
เหตุติดขัดแบบนี้ ไม่ใช่ข้ออ้างที่ผู้ประสบความสำเร็จในการอธิษฐานจิตเนี่ยจะมาใช้กัน


อย่างบางคนนี่ถึงขนาดที่ว่าเกิดป่วยไข้กะทันหัน แทบจะลากสังขารมาไม่ไหว
ก็อุตส่าห์ลงมาทำกับข้าวตั้งแต่ตีสี่ตีห้า เพื่อไปถวายพระ
ตั้งใจไว้แล้วว่าจะใช้ฝีมือของตัวเองนี่แหละปรุงอาหาร
เพื่อที่จะถวายเป็นภัตตาหารแก่พระสงฆ์ในช่วงเช้านะ
ก็ตั้งใจทำ ถึงแม้จะลากสังขารไม่ไหว
ปรากฏว่ามีปาฏิหาริย์ คือตอนแรกที่เหมือนจะลากสังขารไม่ไหวนะ
พอกระเสือกกระสนลงมาจนได้ พอถวายพระเท่านั้นอาการป่วยไข้หายเลย
นี่ก็เป็นความมหัศจรรย์ของกองบุญกองกุศลที่ตั้งใจทำแล้วทำให้ได้
หรือที่มันยากขึ้นมากว่านั้นนิดหนึ่ง
เมื่อกี้พูดถึงการถวายภัตตาหารตอนเช้านะ ไปทำบุญใส่บาตร
อันนั้นเขาเรียกว่าเป็นบุญในระดับของทาน
ถ้าเขยิบขึ้นสูงนิดหนึ่ง เขยิบขึ้นสูงกว่าเดิมคือบุญในระดับการรักษาศีล
นี่อย่าดูเบานะแค่ตั้งใจว่าวันนี้จะไม่โกหก ต้องไม่โกหกให้ได้
นั่นนะได้บุญยิ่งกว่าทำทาน



คำว่า บุญ ในที่นี้ ระดับของบุญ
ไม่ใช่ว่าความสว่างความเจิดจ้าอะไรจะมากกว่าการใส่บาตรนะ
แต่เป็นบุญของการพัฒนาจิต การรักษาจิต การที่จะทำมหาทาน
คำว่ามหาทานนี่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ว่าหมายถึงผู้ที่ตั้งใจรักษาศีล
ตั้งใจที่จะมีชีวิตอยู่โดยไม่เบียดเบียนใครในโลก
การรักษาศีลก็คือการไม่เบียดเบียนกันนั่นเอง

การไม่ก่อเวร การไม่ก่อภัย การไม่เอาคืนถึงแม้ว่าจะมีเหตุยั่วยุให้เอาคืน
นี่การรักษาศีลนะ มันก็คือการตัดเวรนั่นเอง
มันก็คือการที่เรามีชีวิตอยู่อย่างผู้ปราศจากเวร
ผู้ปราศจากเวรย่อมเป็นผู้ที่จะพ้นจากวงโคจรของเวรของภัย



ถ้าหากว่าเราตั้งใจว่าวันนี้จะไม่ฆ่าสัตว์แม้แต่ตบยุง
วันนี้จะไม่ลักทรัพย์ แม้กระทั่งคิดนะว่าจะไปเอาเปรียบคนอื่นเขา ในขณะที่เขาไม่รู้เนื้อรู้ตัว
เราจะไม่ประพฤติผิดทางเพศนะ ลูกเขาเมียใครหรือว่าสามีของใคร ผัวของใคร
เราจะไม่ตั้งใจที่จะเอามาเป็นของของตน คือไปประพฤติผิดทางเพศ
คำว่าประพฤติผิดทางเพศนั้นก็คือล่วงเกินกันทางประเวณีนะ
คืออย่างแค่คิดนี่ไม่เป็นไร คือยังไม่เกิดอะไรขึ้น
แต่ตั้งใจว่าจะทำ ตั้งใจว่าจะเอาจริง นั่นแหละเริ่มด่างพร้อยแล้ว
แล้วถ้าหากว่าทำสำเร็จถึงขั้นที่มีอะไรกันจริงนะ
แบบผิดๆ นะ เป็นของของคนอื่นเขา นี่อย่างนี้เรียกว่าละเมิดศีล
เราจะไม่ทำ เราจะไม่คิด เราจะไม่ตั้งใจนะ
ถ้าเกิดความตั้งใจขึ้นมาแล้วก็ล้มเลิกเสียกลางคันได้
อย่างนี้เรียกว่า ไม่ใช่เป็นผู้ที่มีความเหลาะแหละโลเล
แต่เป็นผู้ที่มีความเด็ดเดี่ยวในการเอาชนะกิเลสนะครับ



แล้วถ้าตั้งใจว่าวันนี้จะไม่ไปพูดโกหก หรือว่าพูดนินทาว่าร้ายใคร
ไม่ไปพูดคำหยาบ ไม่ไปพูดส่อเสียด
หรือว่าแม้กระทั่งการพูดเพ้อเจ้อพล่ามไปเรื่อย ไหลไปเรื่อยนะ
โดยที่ไม่หยุด ไม่มีอาการของคนที่มีสติสตัง
นี่อย่างนี้เราจะไม่เอา เราจะไม่ทำ ตั้งใจทำแล้วทำให้ได้
นอกจากนั้นข้อสุดท้ายก็คือตั้งใจว่าจะไม่กินเหล้าเมายา ไม่เสพยาอียาบ้านะ
ไม่เอาอะไร ไม่รับสารอะไรที่มันบั่นทอนสติ มันบั่นทอนสัมปชัญญะ



ถ้าหากว่าตั้งใจทำแล้วทำได้ นี่แหละเรียกว่าเป็นผู้มีสัจจะบารมี
เป็นผู้ที่ทำบุญด้วยการรักษาสัตย์ สัจจะวาจานะ ตั้งใจทำอะไรแล้วทำได้
ในทางที่เป็นบุญในทางที่เป็นกุศลในทางที่มีความสว่าง
อย่างนี้มันจะมีกำลังของผู้มีสัจจะมากขึ้นเรื่อยๆ
อย่างนี้แหละนะ ก็จะทำให้เป็นผู้ตั้งใจทำอะไรแล้วทำสำเร็จ
ผู้ที่เริ่มต้นด้วยบุญ ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่มีความสว่างเป็นทุนหนุน
มีทุนหนุนหลังนะเป็นความสว่างเป็นความมีอำนาจ
ในทางที่จะทำอะไรได้สำเร็จด้วยทานด้วยศีลอย่างนี้นะ
พอเราริเริ่มโครงการบุญ ตั้งใจจะทำอะไร
ในทางที่จะพัฒนาให้จิตวิญญาณของตัวเองก้าวหน้าขึ้น
ในที่สุดแล้วก็จะเป็นผู้ที่มีใจใหญ่ เป็นผู้ที่มีบุญใหญ่
เป็นผู้ที่มีกองหลังหนุนหลังอย่างยิ่งใหญ่นะครับ
แล้วตัวนี้แหละที่มันจะก่อให้เกิดความสำเร็จไม่ว่าจะทำอะไร



แล้วก็สิ่งที่ควรเลี่ยงก็คือ ง่ายๆ เลยตั้งใจจะทำอะไร
ในทางที่ดีในทางที่เป็นบุญเป็นกุศลแม้แต่เล็กๆ น้อยๆ อย่าดูเบา
ให้ทำให้สำเร็จลุล่วงให้จงได้

นี่แหละสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงนะครับ
ไม่ต้องไปทำพิธีรีตองอะไรทั้งสิ้น พิธีรีตองที่ดีที่สุดนะก็คือใช้ใจ
อาศัยกำลังใจ ตั้งใจทำอะไรที่ดี แล้วทำให้ได้
แต่ถ้าตั้งใจทำอะไรที่เลวแล้วล้มเลิกให้ได้ อันนี้แหละก็จะเป็นบุญเป็นกุศลเช่นกัน
มีความเป็นผู้ที่ประกอบความดีสำเร็จเช่นกันนะครับ


แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP