วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

ศิวาดล ๑๕



cover siwadol



ชลนิล



(ต่อจากฉบับที่แล้ว)



            หลังพบเหตุการณ์บ้านน้อยกลางป่า พิจิกส่งรายงานให้ปู่เผด็จตามปกติ คราวนี้ไม่ได้รับคำตอบ คำแนะนำใด ๆ เลย

            ผู้เฒ่าขาดการติดต่อประมาณสามสี่วัน ชายหนุ่มก็ได้รับรู้ ข้อสรุปจากทางตำรวจเองว่า...คุณโสภี เสียชีวิตจากเหตุกินยาเกินขนาด...ไม่ใช่โดนฆาตกรรมวางยาแต่อย่างใด!

            ยาที่ตรวจพบในร่างกายผู้ตาย ตรงกับสารที่พบในนมก้นแก้ว ซึ่งเป็นยานอนหลับอย่างแรง มีเก็บไว้ในห้องคุณโสภีเป็นจำนวนมาก

            ยาชนิดนี้ไม่มีในใบสั่งแพทย์ของคุณแพรพลอย เป็นยาที่คุณโสภีรับประทานประจำ เนื่องจากตนเองป่วยด้วยโรคนอนไม่หลับ...

            พิจิกนึกสงสัย...ถ้าคุณโสภีเสียชีวิตเพราะกินยาเกินขนาด เหตุใดถึงมีตะกอนยาอยู่ในแก้วนม!

            มีใครบ้างจะยอมเสียเวลาบดยานอนหลับใส่แก้วนมเพื่อดื่มเอง...

            อีกทั้งหลังกินยานอนหลับแล้วยังเดินลงมาตายกลางห้องโถงใหญ่ศิวาดลได้อีก!

            ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่า ตอนแรกสุดนั้น นมก้นแก้วไม่มีตะกอนยานอนหลับเลย

            สิ่งที่เกิดนั้น เป็นเหมือนการสร้างหลักฐานเกินความจำเป็น...

            เมื่อไม่มีใครตั้งข้อสงสัยเหล่านี้ คดีจึงถูกปิดง่ายดาย ศพถูกส่งไปบำเพ็ญพิธีทางศาสนาอย่างเรียบง่าย เนื่องด้วยไม่มีญาติพี่น้องอื่น คุณแพรพลอยผู้เป็นญาติคนเดียวจึงตัดสินใจเผาศพหลังจากฟังสวดแค่คืนเดียว

            มันเป็นการปิดคดีที่รวบรัด รวดเร็ว ทั้งที่มีช่องโหว่มากมาย...



            ส่วนอีกคดี คือการบุกยิงนายศิวาอย่างอุกอาจถึงบ้าน

            พิจิกค้นข้อมูลเครือข่ายธุรกิจของนายศิวาทั้งหมดเท่าที่พอหาได้จากอินเทอร์เน็ต ทำให้รู้ว่ามหาเศรษฐีคนนี้ ไม่ได้เป็นแค่เจ้าของธุรกิจสื่อสารรายใหญ่เพียงอย่างเดียว

            นับจากตั้งรากฐานธุรกิจสื่อสารของตนมั่นคงแล้ว นายศิวาก็สยายปีกไปสู่ธุรกิจด้านอื่น ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจอาหาร ธุรกิจก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจด้านการเงิน

            แต่ละธุรกิจที่ย่างก้าวไปถึง ล้วนมีเจ้าตลาดเก่าอยู่แล้ว นายศิวาก็มีวิธีทำงานเหนือชั้น วางแผนธุรกิจอย่างฉลาดจนสามารถแทรกตัวเข้าไปมีส่วนแบ่งตลาดในธุรกิจใหญ่ ๆ เหล่านั้นได้ภายในเวลาอันสั้น

            นั่นทำให้เขาสร้างศัตรูรอบด้าน...

            ที่รุนแรงสุด น่าจะเป็นธุรกิจก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์

            ล่าสุดบริษัทของเขาเพิ่งชนะการประมูลโครงการใหญ่มาได้ โดยเฉือนชนะคู่แข่งเพียงเล็กน้อย หนำซ้ำยังนำข้อมูลความผิดเกี่ยวกับการฮั้วประมูล และการให้สินบนใต้โต๊ะของคู่แข่ง มาให้กับทางตำรวจ ทำให้คู่แข่งเจ้าใหญ่ตกที่นั่งลำบาก คับแค้นแทบกระอักเลือด

            ไม่แปลกเลยที่ฝ่ายนั้นจะจ้างมือปืนมาสังหาร...

            ขณะนี้ทางตำรวจได้ติดตามตัวมาสอบสวน ไล่ล่ากันแล้ว

            พิจิกเชื่อว่านี่คงไม่ใช่คดีแรก และไม่มีทางเป็นคดีสุดท้าย สำหรับนายศิวาแน่นอน

            พอศึกษาข้อมูลทางธุรกิจนายศิวามากเท่าไหร่ ยิ่งมองเห็นภาพจริงของมหาเศรษฐีรายนี้ชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น

            ภาพเจ้านายใจนักเลง รักลูกน้อง เอาใจใส่ทุกคนรอบข้าง กลับมีอีกด้านที่แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นนักธุรกิจที่คม เขี้ยว มีพิษสงรอบตัวคนหนึ่งจริง ๆ

            เมื่อสองคดีให้ในเขตศิวาดลได้รับการคลี่คลาย จนน่าพอใจ ทุกคนจึงหมดปัญหา ข้อสงสัย ใช้ชีวิตตามปกติ พร้อมรับมือกับงานใหญ่ที่ใกล้มาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

            ‘งานเปิดรั้วศิวาดล’

            งานนี้นอกจากจะเป็นการเปิดสถานที่ ประชาสัมพันธ์แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในเชิงธุรกิจด้านต่าง ๆ แล้ว ยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์เชิงบวกให้เป็นที่จดจำ กลบเกลื่อนเรื่องร้ายที่เพิ่งผ่านมาให้เลือนหายจากความทรงจำผู้คนรอบด้านอีกด้วย...


- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            งานครัวบ้านใหญ่ คฤหาสน์ศิวาดลไม่หนักหนา กินแรงเท่ากับเรือนครัวด้านนอก ที่ต้องรับมือกับลูกจ้าง คนงานจำนวนมาก ถึงอย่างนั้นสิ่งที่น่าเบื่อหน่ายมีอย่างเดียวคือ ต้องเหนื่อยใจ หูล้ากับการอบรมสั่งสอน กฎระเบียบข้อบังคับ ข้อปฏิบัติตัวมากมายของที่นี่...

            หลังเกิดเหตุมือปืนบุกยิง นายศิวาออกไปทำงานข้างนอกน้อยลง จ้างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมากขึ้น ใช้บ้านตนเองเป็นสถานที่ทำงาน ติดต่อประชุมผ่านวิดีโอทางไกล มีการประชุมแบบเจอหน้ากับผู้บริหาร กรรมการบริษัทต่าง ๆ บ้างโดยใช้ห้องประชุมของศิวาดล

            นั่นทำให้ศิวาดลมีการต้อนรับแขกมากขึ้น ทั้งผู้มาเยี่ยมเยียนตามปกติ และผู้บริหารที่เข้าประชุมตามวงรอบ การต้อนรับคณะก็แตกต่างกันไป งานของลูกจ้าง คนงานเพิ่มมากขึ้น

            วันนี้เมษาได้รับคำสั่งให้จัดโต๊ะอาหาร รับรองแขกของคุณแพรพลอยที่ระเบียงชมทะเลสาบ ชั้นสองของศิวาดล

            หญิงสาวและผู้ช่วยแม่ครัวอีกคน จัดเตรียมอาหารพร้อมเสิร์ฟตั้งแต่แขกของคุณแพรพลอยมาถึง พอแขกคณะนี้ได้เยี่ยมชม พูดคุยกับเจ้าของบ้านพอสมควรแล้ว ก็ถึงเวลาอาหารกลางวันพอดี

            เมษาลำเลียงอาหารขึ้นไปบนชั้นสอง เข็นรถอาหารมาเสิร์ฟถึงโต๊ะ พอเห็นแขกของคุณแพรพลอย ก็ชะงักชั่วแวบก่อนทำตัวปกติ กลบเกลื่อนโดยไม่มีใครสังเกต สงสัย...นอกจากแขกคนนั้นเอง



            แขกคุณแพรพลอยวันนี้เป็นโปรดิวเซอร์รายการโทรทัศน์ พร้อมกับทีมงาน มาเพื่อปรึกษา พูดคุยเตรียมงานเกี่ยวกับการจะมาบันทึกเทปงาน ‘เปิดรั้วศิวาดล’ เพื่อนำไปตัดต่อออกในรายการ

            การพูดคุยเรื่องงานจบไปนานแล้ว สิ่งที่น่าสนใจต่อมาคืออาหารจากครัวศิวาดล

            “อู้หู...อาหารน่ารับประทานจัง” คุณมีน โปรดิวเซอร์สาวเอ่ยชม

            “นี่เป็นแค่ออเดิร์ฟนะคะคุณมีน...ในวันงาน พลอยจะจัดอาหารหลากหลาย น่ารับประทานกว่านี้อีก”

            นายหญิงศิวาดลโฆษณาแกมเชิญชวน

            “แหม แค่เห็นรายการออเดิร์ฟวันนี้ก็น้ำลายสอแล้ว วันจริงนี่...ต่อให้ไม่ต้องมาทำงาน มีนก็อยากมาร่วมงานด้วยเหมือนกันนะคะ”

            เสียงพูดคุยสลับเสียงหัวเราะฟังสนุกสนาน โต๊ะอาหารมีคุณแพรพลอยเป็นจุดศูนย์กลาง โปรดิวเซอร์สาวคอยซักถาม หยอดมุข หยอกล้ออย่างคุ้นเคยเป็นกันเอง ส่วนทีมงานผู้ช่วย ช่างภาพที่มาถ่ายทำเก็บสต๊อกภาพคฤหาสน์ และสถานที่ต่าง ๆ ในศิวาดล ก็รับประทานอาหารเงียบ ๆ ไม่เอ่ยปากอะไร

            โต๊ะอาหารบนระเบียงชั้นสองศิวาดล สามารถมองเห็นทะเลสาบ แนวสวนป่าอนุรักษ์ได้สวยงาม อากาศสดชื่น ลมพัดเย็นสบาย ถือเป็นสถานที่ชวนพักผ่อน เพิ่มรสชาติอาหารเป็นอย่างดี

            เมษาไม่สามารถกลับลงไปยังครัวข้างล่างได้ หญิงสาวรับหน้าที่ดูแลเสิร์ฟอาหาร เสิร์ฟน้ำให้แก่นายหญิงศิวาดล และแขกร่วมโต๊ะ ถึงเธอจะทำงานคล่องแคล่ว กระฉับกระเฉง สีหน้าอ่อนน้อมถ่อมตนตามปกติ สายตาแขกร่วมโต๊ะคนหนึ่งยังมองเห็นประกายวับ ๆ ในดวงตาเรียวรีที่หลุดออกมายามเผลอตัว

            เมื่อสังเกตให้ดีจะพบว่าสายตาลูกจ้างสาว ลอบสบกับโปรดิวเซอร์...แขกคนนั้นแทบจะทุกสองสามนาที มีร่องรอยรู้จัก คุ้นเคยอยู่ในนั้น

            ‘คุณมีน’ โปรดิวเซอร์สาว เป็นผู้หญิงสวยเก๋ ผิวขาวเนียน ตกแต่งใบหน้าดูคม เฉี่ยวแบบสาวทำงานสมัยใหม่ แต่งตัวดี มีรสนิยม ใช้เสื้อผ้า เครื่องประดับแบรนด์เนมหัวจดเท้า แต่เป็นการเลือกสี แบบและเครื่องประดับที่ลงตัวกับสไตล์ของตนเอง ช่วยเสริมบุคลิก เสน่ห์จนน่ามอง ชนิดทำให้ผู้ชายเหลียวหลังได้

            ใบหน้า ท่าทางคุณมีนดูจะมีความสุข แกมขบขันทุกครั้งยามเหลือบมองลูกจ้างสาวที่ยืนสงบเสงี่ยมอยู่ไม่ไกล เธอมักลอบส่งรอยยิ้มแปลก ๆ ผ่านไปให้เป็นระยะ

            อาหารกลางวันผ่านไปด้วยความโล่งอกของเมษา เข้าไปเก็บจานชามใส่รถเข็น เตรียมนำไปห้องครัว หูได้ยินเสียงมาแว่ว ๆ

            “คุณพลอยคะ มีนต้องขออนุญาตใช้ห้องน้ำหน่อยค่ะ” โปรดิวเซอร์สาวบอก

            “อ๋อ ได้สิคะ ไปทางนี้นะ...” แพรพลอยอธิบายทางไปห้องน้ำ

            “เอ่อ...” คุณมีนมีสีหน้างุนงง ไม่แน่ใจ เอ่ยปากอย่างลังเล “มีนว่า...ให้น้องคนนี้พาไปจะดีกว่ามั้ยคะ...กลัวหลงน่ะค่ะ”

            ‘น้องคนนี้’ คือเมษา...ผู้ช่วยแม่ครัว ผู้ทำหน้าที่...แล้วแต่เจ้านายจะสั่ง!

            “อ๋อ ได้ค่ะ” แพรพลอยไม่ขัด “เมษา พาคุณมีนไปห้องน้ำหน่อยสิ”

            “ค่ะ” ลูกจ้างสาวรับคำ
            
            แววตาโปรดิวเซอร์สาวฉายรอยขำขันแทบปิดไม่มิด รีบลุกจากเก้าอี้หันไปขอตัวกับเจ้าของบ้าน แล้วเดินตามลูกจ้างสาวด้วยอารมณ์เบิกบาน


- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            ภายในห้องน้ำ ห่างจากระเบียงชั้นสองพอสมควร

            มาถึงสถานที่ปลอดคน ปลอดสายตาบุคคลภายนอก ลูกจ้างสาวผู้เรียบร้อย สงบเสงี่ยม ปฏิบัติหน้าที่เคร่งครัด หันมามองโปรดิวเซอร์สาวตาขวาง ท่าทางเอาเรื่องเต็มที่

            “เจ้มีน...มาทำอะไรที่นี่” เสียงไม่ดัง มีรอยคาดคั้นเอาจริง

            ‘เจ้มีน’ คือ มีนา...พี่สาวแท้ ๆ ของเมษา

            “เดี๋ยว...” เจ้มีนยกมือห้ามนัยน์ตาพราวระยับ “ก่อนที่เจ้จะตอบอะไร...ขอถามก่อน ใครมันจับแกแต่งตัวทำผมแบบนี้ น้องสาวคนสวยของเจ้หายไปไหน”

            “อย่าเฉไฉนอกเรื่อง ตอบหนูมาเลยเจ้” เมษาไม่นอกเรื่องด้วย

            “อ้าว ไม่เห็นเหรอ วันนี้เจ้มาทำงานนะคะ น้องรัก มาถ่ายทำรายการน่ะ” คำตอบล้อเลียน แววตาพราวระยับ

            “เจ้เกือบทำหนูเสียงานแล้วนะ” เมษากล่าวโทษ

            “ทำเสียงานอะไร เจ้ก็อยู่เฉย ๆ ตามปกติ” คนเป็นพี่สาวเถียง

            เมษาเข่นเขี้ยว ไม่รู้จัดการพี่สาวตนเองอย่างไรดี

            “บอกมาตามตรง เจ้มาทำอะไรกันแน่” ถามหลังจากสงบสติอารมณ์ได้

            “บอกตรง ๆ เหมือนกัน...เจ้มาทำงานนี่แหละ ผู้ใหญ่ของทางช่องได้รับเชิญมางานเปิดรั้วศิวาดล พอท่านเห็นคอนเซ็ปต์ของงานก็เลยสนใจ เห็นว่าน่าจะมีสักรายการของช่องมาบันทึกเทปเอาไว้ไปออกอากาศ แล้วพอดีเหมือนกัน...ที่รายการเจ้เสนอตัวเข้าไป”

            “บังเอิญขนาดนั้นเชียว” เมษาสงสัย

            “บังเอิญจริงจริ๊ง...” อีกฝ่ายตอบเสียงสูง จงใจทำหน้าตามีพิรุธ

            “อย่าเฉไฉ ว่ามาเลย ไม่ต้องอ้อมค้อม” เมษารู้ทัน

            เจ้มีนยักคิ้ว ยิ้มอารมณ์ดี

            “ปู่บอกให้เจ้มาช่วยแก” เพียงคำแรก เมษาก็เริ่มเข้าใจ

            มีนาไม่เคยเรียนรู้เรื่องเวทมนตร์ คาถา แต่รู้ว่าปู่กับน้องสาวทำอะไรได้บ้าง เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้มีอยู่จริง เพียงแค่ตนเองไม่สนใจ ไม่คิดอยากเรียนรู้

            “ปู่ให้เจ้มาช่วยอะไรหนู” เมษาคิด อย่างมากพี่สาวคงทำได้แค่เป็นคนส่งของ ส่งข่าวเท่านั้น

            “รายละเอียดมันเยอะ ใช้เวลาคุยที่นี่ไม่พอหรอก”‘ผู้ช่วยจำเป็น’ บอกง่าย ๆ

            “เดี๋ยว...” เมษาชักสงสัย “ถ้าปู่จะให้เจ้มาช่วยหนูจริง ทำไมไม่บอกให้รู้ล่วงหน้า เมื่อคืนก่อนยังคุยโทรศัพท์กันอยู่เลย”

            มีนายิ้มเจ้าเล่ห์

            “เจ้ขอปู่เองแหละ ว่าอย่าเพิ่งบอกแก...อยากมาดูหน้าน้องสาวคนสวยตอนตกใจ ทำตัวไม่ถูก”

            “เหอะ...ถ้าหนูพลาดเพราะเจ้นะ รับรองปู่ต้องตัดเจ้ออกจากกองมรดกแน่”

            “อุ๊ย กลัวตายแหละ” มีนาหัวเราะขัน “เจ้ขอพ่อกับแม่ก็ได้...อย่างน้อยเจ้คงได้เป็นเถ้าแก่เนี้ยร้านทองสักสองสามสาขา...”

            เมษาส่ายหน้า เหนื่อยใจกับพี่สาวอารมณ์ดีคนนี้...

            สองพี่น้องนิสัยแตกต่างกันชัดเจน มีนามีความเป็นผู้หญิงสูง ช่างแต่งตัว ชอบของสวย ๆ งาม ๆ พูดจาร่าเริง อารมณ์ดีเข้าได้กับทุกคน ขณะที่เมษาห้าว แมนแบบผู้ชาย มาเรียนคณะวิศวะจึงมีแต่เพื่อนสนิทผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ทำตัวลุย ๆ ไม่ติดสวย ไม่ติดหรู ตรงข้ามกับพี่สาวแทบทุกอย่าง

            “เอาล่ะ อย่านอกเรื่องมาก ไอ้รายละเอียดที่เจ้บอกว่ามันเยอะน่ะ มีอะไรบ้าง ทำไมถึงคุยกันที่นี่ไม่พอ” เมษาเข้าประเด็น

            “สรุปสั้น ๆ ก่อนเลย” มีนาพูดเป็นงานเป็นการ “ปู่ต้องการให้เจ้มาช่วยแกในวันงานเปิดรั้วศิวาดล...รายละเอียดมันเยอะจริง ขืนอธิบายกันตอนนี้...คนข้างนอกเขาคงคิดว่าเจ้ขี้แตก ท้องเสีย เพราะอาหารชั้นดีพวกนั้นแน่”

            เมษาถอนใจ รำคาญอาการโยกโย้ของพี่สาว

            “แล้วยังไง โทรมาคุยกันคืนนี้ได้มั้ย”

            “เอางี้ดีกว่า...” มีนาหาวิธี “วันนี้แกพอจะหาเรื่องออกไปข้างนอกได้มั้ย อีกเดี๋ยวเจ้ก็เสร็จงานทางนี้แล้ว เราออกไปคุยกันข้างนอกจะสะดวกกว่า”

            เมษาเกือบหลุดปากบอกไปว่าไม่ได้...ไม่มีโอกาสเลย พอดีฉุกใจนึกได้ว่าวันนี้ครัวบ้านใหญ่ต้องออกไปซื้อของสดของแห้งของใช้เข้าครัว ซึ่งเธอน่าจะเสนอตัวรับหน้าที่นี้ได้

            “อาจจะได้นะ” เมษาแบ่งรับแบ่งสู้ “เจ้รู้จักห้าง...หรือเปล่า”

            เมษาบอกชื่อห้างสรรพสินค้าชานเมืองที่อยู่ใกล้ศิวาดลมากสุด

            “รู้จัก” มีนาตอบรับ

            ห้างสรรพสินค้านี้เป็นห้างใหญ่ จุดศูนย์รวมการค้าขายย่านชานเมือง อยู่ใกล้ถนนวงแหวน ทางยกระดับ ซุปเปอร์ไฮเวย์ ที่สำคัญไม่ไกลจากศิวาดลมากนัก

            “งั้นถ้าหนูออกไปได้...หรือไม่ได้ยังไงจะไลน์ไปบอก...ตอนนี้กรุณาออกไปทำตัวตามปกติ อย่าให้หนูเสียเรื่อง เสียแผนล่ะ”

            “ทำตัวปกติเหรอ” มีนายิ้ม “ทำตัวให้สวยตามปกติใช่มั้ย?”

            เมษาถอนใจยาว ส่ายหน้า นอกจากรูปร่างหน้าตาที่มีส่วนคล้ายกันแล้ว เธอกับพี่สาวแทบจะมีนิสัย การใช้ชีวิตแตกต่างกันคนละขั้วจริง ๆ


- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            การออกไปซื้อของเข้าครัวบ้านใหญ่ศิวาดล จะมีการจัดเวรกันไปตามวงรอบ ลูกจ้างเพิ่งมาใหม่อย่างเมษายังไม่มีเวรออกไปซื้อของ จึงมีโอกาสขออนุญาตออกไปทดลองทำหน้าที่นี้ได้

            ป้าเพลิน...แม่ครัวใหญ่เป็นคนตัดสินใจ

            “เพิ่งมาทำงานครัวบ้านใหญ่ได้ไม่เท่าไหร่เอง หาเรื่องออกไปเที่ยวแล้วเรอะ” นี่คือวาจาแรก

            “แหมป้า ให้เด็กมันออกไปเปิดหูเปิดตาบ้างก็ดีนะ จะให้มันซุกอยู่แต่ในก้นครัวแบบนี้น่าสงสารแย่” พี่แวววางตัวเป็นฝ่ายสนับสนุนเด็กใหม่

            “แน่ใจนะว่าซื้อของพวกนี้เป็น...” ป้าเพลินไม่ไว้ใจ ของใช้ เครื่องปรุงอาหารในครัวใหญ่เป็นสินค้าชั้นดี บางอย่างนำเข้าจากต่างประเทศ เด็กใหม่อาจไปซื้อมาไม่ถูกก็ได้

            “ได้ค่ะ...หนูจำได้หมดแล้วว่าในครัวเราใช้ของอะไรบ้าง แล้วเรียกชื่อว่าอะไร” เมษารีบยืนยัน

            “เอ้า...ลองดูก็ได้ ไปก็ไป อย่าซื้อของมาผิดแล้วกัน...คนขับรถเขามารอได้สักพักแล้ว”

            เมษารับรายการซื้อของชนิดยาวเหยียดจากแม่ครัวใหญ่ พร้อมการ์ดเงินสดที่ใช้ซื้อของในซุปเปอร์มาร์เกตของห้างนั้นโดยเฉพาะ เพื่อป้องกันลูกจ้างยักยอกเงินสดไปใช้ส่วนตัว



            รถจ่ายตลาดมาจอดรอด้านหลังครัวครู่ใหญ่แล้ว เมษาเดินกึ่งวิ่งไปขึ้นรถ เกรงใจคนขับต้องรอนานกว่าปกติ

            “ขอโทษค่ะ ช้าไปหน่อย” หญิงสาวพูดโดยไม่ทันมองหน้าคนขับรถ

            “ไม่หน่อยล่ะ ฉันมารอคุณผู้ช่วยแม่ครัวได้สามสิบสี่นาทีแล้ว” เสียงห้าวคุ้นหู

            เมษาเงยหน้ามองแล้วร้องอุทาน

            “ไอ้จิก!”

            “เออ ฉันเอง...จะตกใจไปไหน” ชายหนุ่มยิ้มกริ่ม นึกขันท่าทางประหลาดใจของหญิงสาว

            “วันก่อนฉันยังเห็นแกขับรถตัดหญ้าอยู่เลย” หญิงสาวพูดข่มแกมเหน็บแนม

            “เฮ้ย คนเรามันต้องมีพัฒนาการกันบ้างสิ...ตอนนี้ฉันเลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นคนขับรถจ่ายตลาดแล้ว”

            เมษาไม่รู้จะหัวเราะหรือถอนใจเฮือกใหญ่กับน้ำเสียงภูมิใจของชายหนุ่มคนนี้ดี

            น่าแปลก...วันนี้เจอแต่เรื่องคาดไม่ถึง...

            พอนึกได้ว่าตนเองมีเจตนาออกไปซื้อของในห้างฯ เพื่ออะไรก็แทบตาเหลือก...เมษามีธุระต้องออกไปคุยวางแผน เรื่องงานวันเปิดรั้วศิวาดลกับมีนา พี่สาวผู้ได้รับคำสั่งมาจากปู่คงคา

            จะเป็นอย่างไร...ถ้ามีนาต้องมาเจอกับพิจิก...หลานชายคุณปู่ข้างบ้าน...?







บทที่ ๑๐



            ห้างสรรพสินค้า

            เมษายืนยัน ต้องการเข้าไปซื้อของในห้างฯ คนเดียว ไม่ให้คนขับรถอย่างพิจิกตามไปด้วย ชายหนุ่มแย้ง...ตามหน้าที่คนขับรถจ่ายตลาด จำเป็นต้องติดตามผู้ช่วยแม่ครัวไปคอยถือข้าวของ อำนวยความสะดวกต่าง ๆ โดยไม่อาจหลีกเลี่ยง

            “ไม่ต้องเคร่งครัดขนาดนั้นก็ได้มั้ง” เมษาบอกกึ่งรำคาญ

            “ไม่ได้เคร่งครัด...แค่อยากเดินตากแอร์เล่น” พิจิกบอก

            “งั้นก็ต่างคนต่างเดินสิ ซื้อของเสร็จฉันค่อยโทรฯตามแกก็ได้”

            ถึงไม่มีความจำเป็นต้องติดต่อ สองหนุ่มสาวก็ยังมีเบอร์โทรศัพท์ของกันและกัน

            “ไม่เอา เดินคนเดียวเหงาแย่ ช่วยแกซื้อของดีกว่า” ชายหนุ่มดื้อแพ่ง

            “คนออกเต็มห้างฯ อย่าดัดจริตบอกว่าเหงา ฉันไม่อยากให้แกไปซื้อของด้วย” หญิงสาวยืนยันปฏิเสธ

            “ไม่อยากให้ช่วยซื้อของถือของก็ตามใจ...งั้นฉันเดินตามแกเล่น ๆ ก็ได้...สนุกดี”

            เจอไม้นี้เข้าเมษาอึ้ง หาวิธีขับไล่ชายหนุ่มไม่ได้ จำเป็นต้องยอมให้เขาเดินตามเข้าซุปเปอร์มาร์เกตในห้างฯด้วยกัน



            ที่จริงเมษาส่งไลน์นัดมีนาไว้ที่ร้านกาแฟในห้างสรรพสินค้า ตั้งแต่รถแล่นออกจากศิวาดล ตั้งใจพูดคุยกันให้รู้รายละเอียดแผนการของคุณปู่ก่อน แล้วค่อยออกไปซื้อของ จึงนัดเวลาพี่สาวค่อนข้างกระชั้น อีกประมาณสิบนาทีก็น่าจะถึงเวลานัดแล้ว

            คาดไม่ถึงโดนพิจิกตามเกาะเป็นปลิง สลัดยังไงไม่หลุด ไม่อยากให้เขารู้แผนการของปู่ พอกับไม่อยากให้ชายหนุ่มเจอมีนา พี่สาวเธอด้วย

            ซุปเปอร์มาร์เกตอยู่ชั้นล่างสุดของห้างสรรพสินค้า มีข้าวของเครื่องใช้อาหารแห้งเครื่องครัวครบครัน สินค้าหลายประเภทนำเข้าจากต่างประเทศ คุณภาพสูง ราคาแพง ซึ่งอยู่ในรายการที่ผู้ช่วยแม่ครัวศิวาดลต้องซื้อไปด้วย

            พิจิกบอกว่าจะเดินตามเฉย ๆ พอถึงเวลาจริงกลับทำหน้าที่เข็นรถให้เมษาซื้อข้าวของตามรายการที่ได้มา

            แรกสุดทั้งคู่พยายามทำหน้าที่ตนเองอย่างเคร่งครัด ไม่พูดจาจิกกัด หยอกล้ออย่างเคย พิจิกอดทนได้ไม่นานก็เริ่มเป็นฝ่ายแหย่หญิงสาวก่อน พอเห็นท่าทางเฉยเมยยิ่งนึกสนุก แกล้งหยิบของนอกรายการใส่รถเข็น จนหญิงสาวต้องหันมาขึงตาดุ ชี้นิ้วคาดโทษให้หยิบออก สุดท้ายอดไม่ได้สองหนุ่มสาวก็พูดจาจิกกัดหยอกล้อเชือดเฉือนกันเหมือนเดิม

            นับเป็นการจับจ่ายซื้อของที่มีรสชาติประหลาดอย่างหนึ่ง

            เดินซื้อของด้วยกันจนลืมเวลากว่าจะได้ครบตามรายการ เมษานึกกังวล สังหรณ์ใจบางอย่าง...แล้วสังหรณ์นั้นก็เป็นจริง เมื่อจู่ ๆ ได้ยินเสียงเรียกจากด้านหลัง

            “เฮ้! ว่าไง น้องเขยรูปหล่อ” เสียงมีนาดังใกล้ ๆ

            เมษาสะดุดวาบแทบอยากร้องกรี๊ด...ในที่สุด สองคนนี้มาเจอกันจนได้

            พิจิกหันขวับ พบโปรดิวเซอร์สาวยืนอยู่ด้านหลัง กางมือ อ้าแขนรออยู่...

            “อ้าว...พี่สะใภ้คนสวย มาได้ไงเนี่ย” ชายหนุ่มเข้าไปสวมกอดหญิงสาวอย่างคุ้นเคยดีใจ หัวเราะร่าเริง อารมณ์ดีเหมือนเด็กน้อยจอมซน

            เมษาอยากกุมขมับแล้วกรากเข้าไปแยกสองคนนั่น...คิดดู ขนาดเธอเป็นน้องสาวแท้ ๆ มีนายังไม่ค่อยมากอดแสดงความสนิทสนมเท่ากับน้องชายคนข้างบ้านอย่างพิจิกเลย!

            ถ้าจะว่าไปนิสัยพิจิกกับมีนามีส่วนคล้ายกันมาก ทั้งอารมณ์ดี ปากไว ช่างแหย่ ช่างแกล้ง วาจาทันกัน รับส่งลูกคู่กันดี จนพวกผู้ใหญ่มักพูดเสมอว่าพิจิกน่าจะเป็นน้องของมีนามากกว่าเมษา...

            หนุ่มสาวทั้งสองคลายอ้อมกอด หัวเราะแก่กันราวกับไม่เจอกันมายี่สิบปี ความอารมณ์ดีจนถึงขั้นเพี้ยน บ้าบอขนาดนี้ เหมือนสวรรค์จงใจให้อยู่กันคนละบ้าน เพื่อไม่ให้พ่อแม่ต้องปวดหัวเป็นสองเท่า

            “นี่...แกมากับหมวยเล็กได้ยังไง ‘คุย’ กันได้แล้วเหรอ” มีนาถามด้วยวาจาซ่อนนัย

            “โธ่...เจ้มีน ผมก็คุยกับมันออกบ่อยไป สงสัยอะไร” ชายหนุ่มเฉไฉ

            “หน็อย...อย่างนั้นมันเรียกกัดกันโว้ย...พวกแกนี่...มีอะไรบอกเจ้มาเดี๋ยวนี้” โปรดิวเซอร์สาวคาดคั้น

            “ไม่มีอะไรหรอก...ไอ้จิกมันทำงานที่เดียวกับษาน่ะ” เมษาตอบเอง

            “ทำงาน...ที่เดียวกัน...” มีนาทวนคำ แววตามีรอยครุ่นคิด

            “อ๋อ...งั้นแสดงว่า...” เพียงชั่วแวบเดียวเธอก็ได้คำตอบ

            “เอาล่ะ ไปคุยกันที่ร้านกาแฟเถอะ”

            เมษาสรุป นึกโทษตัวเองที่ไม่รีบหาจังหวะไลน์บอกพี่สาวให้รอก่อน...แต่ความจริงคือมีนาเห็นสองหนุ่มสาวตั้งแต่เข้ามาในห้างแล้ว จึงแอบเดินตามลอบสังเกตเผื่อเจออะไรดี ๆ จนพอได้จังหวะก็จงใจเข้าไปทัก ตั้งใจให้ตกใจกันทั้งคู่

            สุดท้ายคนที่ประหลาดใจกลับเป็นเธอเอง เมื่อรู้ว่าสองคนต่างรับภารกิจมาที่ศิวาดลเหมือนกัน และอยู่ในสภาพของคู่แข่ง



(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP