สารส่องใจ Enlightenment

วิถีแห่งชีวิต (ตอนที่ ๑)



พระธรรมเทศนา โดย พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน)
เทศน์อบรมคณะนักศึกษา ณ วิทยาลัยครูอุดรธานี จ.อุดรธานี
แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๑๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒




วันนี้เป็นวันอุดมมงคลที่ต่างท่านที่เป็นนักศึกษา
ได้มีโอกาสมาพบปะและฟังธรรมะคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ซึ่งอาตมาจะได้อธิบายให้ฟังตามสมควรแก่เวลา
หากมีความพลั้งพลาดด้วยประโยคแห่งธรรมะหรือคำพูดใดๆ ก็ดี
หวังว่าคงได้รับอภัยจากท่านผู้ฟังโดยทั่วกัน
เพราะอาจารย์ก็เป็นพระป่า โดยมากก็อยู่แต่ในป่า
ไม่ค่อยมีโอกาสได้เข้าสังคมที่ท่านนิยมมาแล้วเพียงไร
ฉะนั้นการพูดทุกๆ ประโยคอาจจะมีความคลาดเคลื่อนไปได้
จึงขออภัยจากบรรดาท่านนักศึกษาทั้งหลายด้วย



คำว่านักศึกษาก็รู้สึกว่าเป็นที่ซาบซึ้งถึงจิตถึงใจแล้ว
เพราะหลักวิชาทุกๆ แขนงที่เราทั้งหลายได้ศึกษามา
เป็นเครื่องชี้แนวทางให้เราได้ทราบวิถีแห่งชีวิตหรือความเป็นไปของเราเป็นประจำ
เพราะโลกมนุษย์เราไม่เหมือนบรรดาสัตว์ทั้งหลาย
ย่อมมีกฎเกณฑ์มีระเบียบ มีธรรมมีวินัยเป็นเครื่องอยู่อาศัย
เป็นเครื่องปกครอง ทำให้มีความร่มเย็นเป็นสุข
ถ้าหากปราศจากกฎข้อบังคับหรือระเบียบวินัยแล้ว
มนุษย์เราจะทำความกระทบกระเทือนกันยิ่งกว่าบรรดาสัตว์เสียอีก
เพราะฉะนั้นนักปราชญ์ทั้งหลายที่เป็นบรรพบุรุษ
จึงได้มีกฎเกณฑ์ระเบียบขนบธรรมเนียมประเพณีไว้
สำหรับให้กุลบุตรสุดท้ายภายหลังได้ประพฤติปฏิบัติดำเนินตามจะเป็นไปเพื่อความราบรื่น



คำว่าหลักวิชาที่เราทุกๆ ท่านได้ศึกษามา
ล้วนแต่เป็นหลักวิชาที่ชี้แนวแห่งชีวิตและความประพฤติทุกด้าน
ให้เป็นไปเพื่อความเรียบร้อยราบรื่นแก่ตัวของเราและสังคมทั่วๆ ไป
นอกจากนั้นยังเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติบ้านเมืองอีกด้วย เพราะการศึกษาด้วยดีนี้
เพราะเราเมื่อได้รับการศึกษาด้วยดีแล้ว
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราจะทำอันเป็นไปในเข็มทิศแห่งการศึกษานี้
ย่อมจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อยไม่พลั้งพลาด
การศึกษาจึงเป็นของดีที่เราทุกๆ ท่าน จะต้องมีความรักในการศึกษา
การศึกษานั้นเป็นภาคที่ให้เรารู้วิธีดำเนินและประพฤติปฏิบัติอย่างไร
ต่อจากนั้นก็เป็นภาคปฏิบัติ เมื่อเราเรียนแล้วไม่ปฏิบัติตาม
สิ่งที่เรียนมาก็เป็นโมฆะไม่ค่อยจะได้รับประโยชน์เท่าที่ควร
เพราะฉะนั้นภาคการศึกษากับภาคปฏิบัติท่านจึงให้เป็นคู่เคียงกันไป



เวลานี้เรากำลังมารับการอบรมศึกษา เพื่อรู้วิธีปฏิบัติ
เช่นเราจะดำเนินไปในทางสอนคน เช่นสอนเด็ก
คือเราเป็นครู เราจะต้องรู้วิธีและวิชาที่จะนำไปสอนเด็กด้วย
ความรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเด็กเราจะต้องทราบไว้ทุกระยะทาง
ไม่เช่นนั้นก็จะไม่เป็นไปเพื่อความราบรื่นและดีงามสำหรับเด็ก
ก่อนที่เราจะเป็นผู้ใหญ่จำเป็นต้องเป็นเด็กไปก่อน
คือได้รับการศึกษาให้เป็นไปพอสมควร
ซึ่งท่านทั้งหลายก็ดำเนินไปตามทางแถวนั้นเหมือนกัน
ฉะนั้นจงเป็นผู้ตระหนักในการศึกษา ๑ ในภาคปฏิบัติ ๑
ทั้งสองประเภทนี้ถ้าหากว่าแตกแยกกันแล้ว การงานจะไม่เป็นชิ้นเป็นอัน



เพราะเหตุใดเล่า เพราะว่าคนเรามีตั้งแต่ความรู้แต่ไม่มีการงาน ผลของงานก็ไม่เกิดขึ้น
เมื่อความรู้มีแล้วด้วย การประกอบหน้าที่การงานต้องเป็นไปตามเข็มทิศ
คือความรู้วิชาที่ศึกษามาด้วย ผลของงานก็ตกออกมาเป็นชิ้นเป็นอัน
แต่อย่างไรก็กรุณาอย่าได้ลืมว่าธรรมกับโลกนั้นเป็นของที่แยกกันไม่ได้แต่ไหนแต่ไรมา
คำว่าธรรมหรือคำว่าศาสนา บางท่านอาจจะไม่เข้าใจเท่าไรนัก
เพราะไม่มีโอกาสที่จะศึกษาเล่าเรียนในทางนั้น เนื่องจากเวล่ำเวลาไม่ค่อยเพียงพอ
ดังนั้นในโอกาสนี้จะขออธิบายให้บรรดาท่านผู้ฟังทั้งหลายได้ทราบเท่าที่ควร



คำว่าธรรม หรือคำว่าโลกกับธรรมนั้น เป็นความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องซึ่งกันและกัน
คำว่าโลกก็คือหมู่คน จะอยู่โดยลำพังคนเดียวก็ตาม หลายคนก็ตาม
ที่มีอาชีพต่างๆ กัน ตามเรื่องของคนที่เป็นฆราวาสเหย้าเรือน
นี่ท่านเรียกว่าโลก เมื่อรวมกันเป็นกลุ่มแล้วเรียกว่าโลก
คำว่าธรรมนั้น ได้แก่ข้อประพฤติปฏิบัติที่โลกหรือบุคคลแต่ละคนจะนำไปประพฤติ
เมื่อแปลให้ได้ความแล้ว ธรรมแปลว่าสิ่งที่ดีงามคือการกระทำก็ดี
การพูดก็ไพเราะเพราะพริ้ง การคิดทางด้านใจก็ไม่เป็นไปเพื่อความอิจฉาบังเบียดเป็นต้น
หรือในทางที่เรียกว่าธรรม



เราผู้อยู่ในโลกก็เหมือนกับเราอยู่ในธรรม
เพราะความสุขความเจริญเป็นสิ่งที่เราทุกๆ คนต้องการ
แต่ไม่ทราบจะปฏิบัติตนอย่างไรบ้าง จึงจะให้ถูกกับความต้องการของตน
ข้อนี้ต้องได้รับการศึกษา ส่วนสำคัญก็คือธรรม
ถ้าหากว่าเป็นขนมก็ต้องมีน้ำสำหรับเชื่อมให้มีรสมีชาติ
นี่ธรรมะก็เหมือนกัน แม้จะมีความรู้มากมายในทางโลกที่เราเรียนมา
แต่ถ้าขาดธรรมะแล้วก็เหมือนกับว่าขนมบางประเภทที่ขาดน้ำเชื่อม
ย่อมไม่มีรสอร่อยพอที่จะรับประทาน ธรรมะย่อมมีลักษณะเช่นนั้นเหมือนกัน
ยิ่งสมัยทุกวันนี้มีคนจำนวนมากและมาจากสถานที่ต่างๆ รวมกัน
เรื่องขนบธรรมเนียมความประพฤติทุกด้านก็ย่อมเป็นเหตุให้คละเคล้ากันไป
หากผู้ที่ไม่ได้คิดอ่านไตร่ตรองและผู้ไม่มีธรรมเป็นเครื่องยับยั้งน้ำใจด้วยแล้ว
จะเป็นเหตุให้เสียได้อย่างรวดเร็ว



อุปมาแล้วก็เหมือนกันกับรถที่มีแต่คันเร่งอย่างเดียว
ไม่มีเบรกซึ่งควรจะใช้ในกาลที่จำเป็น
ตามธรรมดาของรถที่ตกเข้ามาในเมืองไทยของเราก็ดี
จะตกมาในเมืองไหนก็ดี หรือจะมาจากเมืองใดก็ดี
เขาย่อมทำให้ครบมูลทุกส่วนของรถ ควรแก่การขับขี่ได้อย่างสะดวกสบาย
สำคัญอยู่ที่ผู้ขับรถจะเป็นบุคคลเช่นใดเท่านั้น
นี้เราก็เป็นคนหนึ่งซึ่งเทียบกับคนขับรถ
ที่จะดัดแปลงตนเองเป็นเช่นเดียวกับบุคคลที่ขับรถให้เป็นไปเพื่อความราบรื่น
ตามธรรมดาของรถทุกๆ คันย่อมมีทั้งคันเร่งและเบรกพร้อมกันเสร็จ
ผู้ที่จะขับขี่ไปในทางใดต้องการความรวดเร็วหรือช้า
หรือจะหยุดพัก เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา เครื่องที่จะบังคับมีอยู่ภายในรถนั้นเสร็จ
นอกจากเจ้าของจะปฏิบัติไม่ถูกต้องตามหลักของผู้ขับรถเท่านั้น นี่เป็นหลักสำคัญ



เราที่เป็นคนขับรถต้องเป็นผู้ระมัดระวัง
ไม่เพียงแต่ว่าเป็นถนนหนทางแล้วก็เหยียบคันเร่งเรื่อยไปเท่านั้น
บางทีรถอาจสวนมา บางทีคนหรือสัตว์เดินตัดหน้าก็มี
แล้วบางทีเป็นที่ที่มีคน สี่แยกซึ่งควรจะรอควรจะหยุดรถอะไรทำนองนี้
เราต้องได้ระวัง ตาก็ต้องดี จิตใจก็ต้องได้คิดอยู่เสมอ
มีความระเวียงระวัง ไม่เช่นนั้นก็เป็นอันตราย
เรื่องเบรกกับคันเร่งและพวงมาลัยเราจะเผลอไปไม่ได้
ในกาลเช่นไรซึ่งควรจะใช้สิ่งทั้ง ๓ ประการนี้อย่างใดอย่างหนึ่ง เราต้องได้นำมาใช้ทันที
เมื่อเป็นเช่นนั้นรถที่เราขับขี่ไปก็เป็นไปเพื่อความสะดวกและปลอดภัย



ข้อนี้เป็นเครื่องเทียบอุปมาให้เราท่านทั้งหลายได้ทราบว่า
การครองตัวที่จะให้เป็นไปเพื่อความราบรื่น
ในโลกที่มีคนจำนวนมากและมีขนบธรรมเนียมต่างๆ กัน
เราต้องมีทั้งพวงมาลัย คือการมองซ้ายมองขวา
เรียกว่าการไตร่ตรองด้วยความคิดอ่านที่เห็นว่าเป็นประโยชน์
การยับยั้งตัวไม่ให้ผลุนผลันไปตามสิ่งที่มายั่วยวน อันจะทำตัวให้มีความเสียหาย
และคันเร่งได้แก่รีบประพฤติปฏิบัติตนให้เป็นไปในทางที่ดี
มีความขยันหมั่นเพียรต่อหน้าที่การงาน
สิ่งใดที่จะเป็นหายนะทั้งแก่ตนและส่วนรวมตลอดครอบครัวและวงศ์สกุล
สิ่งนั้นให้เราทราบว่าเป็นเหมือนยาพิษเครื่องสังหารตนทั้งผู้อื่นด้วย
นี่เรียกว่าหลักวิชาที่เราเรียนมา เมื่อเราเรียนมาแล้วเราต้องปฏิบัติตัวให้ดีเช่นนี้



ถ้าหากว่าขาดธรรมะคือ การยับยั้ง การไตร่ตรองหาเหตุผลที่ควรหรือไม่ควรแล้ว
ความรู้วิชาที่เรียนมามากน้อยนั้น
ไม่สามารถที่จะทำประโยชน์ให้แก่บุคคลผู้ไม่มีธรรมะนั้นได้เลย
เพราะฉะนั้นธรรมะจึงเปรียบเหมือนกับว่าคันเร่งของรถ เบรกของรถ พวงมาลัยของรถ
เราเป็นผู้ขับรถซึ่งมีธรรมทั้ง ๓ ประเภทที่เทียบกับรถนี้แล้ว
จะเป็นผู้ดำเนินตนของตนให้เป็นไปด้วยความราบรื่น
การปฏิบัติในสิ่งใดและงานใดก็ตาม ไม่ค่อยจะสำคัญยิ่งกว่างานคือการปฏิบัติต่อตนเอง
งานนี้เป็นงานสำคัญมาก หากว่าการปฏิบัติต่อตนเองไม่ถูกต้องแล้ว
เรียกว่าเราทำงานชิ้นใหญ่ๆ ให้เสียไป
งานเล็กงานน้อยงานย่อยๆ ที่ออกไปจากตัวของเรานั้น ไม่สู้สำคัญ
ถ้าตัวของเรายังดีอยู่ทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อยทุกประการ
สำคัญที่เราซึ่งเป็นต้นเหตุของงานและต้นเหตุแห่งผลของงานนี้ ต้องปฏิบัติตัวให้ดี



เฉพาะอย่างยิ่งที่อยู่ในวัยกำลังคึกคะนองนี้
รู้สึกจะเหยียบตั้งแต่คันเร่งกันเสียมากที่เราเห็นทั่วๆ ไป
แม้แต่ผู้แสดงคืออาจารย์นี้ก็เคยเป็นมาเช่นนั้นเหมือนกัน
ไม่ค่อยจะมีเวลายับยั้งชั่งตัวในวัยเช่นนั้น
ต่อเมื่อวัยได้ผ่านไปและเหตุการณ์ได้ผ่านมาผ่านไป
สิ่งเหล่านั้นที่เราได้เคยผ่านมาจะมีความเสียหายมากน้อย
เราถึงได้พิจารณาทีหลังว่าสิ่งนั้นเราไม่ควรทำ
แต่เราก็ได้ทำไปเสียแล้วด้วยความไม่ยับยั้ง หรือด้วยการขาดปัญญา
ฉะนั้นความพลั้งพลาดทั้งหลายที่เคยเป็นมา
จึงได้นำมาแสดงแก่บรรดาท่านนักศึกษาทั้งหลายให้ทราบไว้ว่า
การไตร่ตรองเสียก่อนแล้วค่อยไปค่อยมา ค่อยทำค่อยพูดนี้
เป็นสิ่งสำคัญ เป็นความจำเป็นอย่างยิ่ง



เพราะความอยากของเรานั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีเวลาบกพร่อง
ถ้าเป็นน้ำแม้ว่าน้ำในมหาสมุทรก็ยังมีเวลาลดหย่อนผ่อนตัวลงตามกาลของมัน
แต่ความอยาก ความทะเยอทะยาน ความไม่รู้จักยับยั้งชั่งตัว
ซึ่งมีอยู่ในหัวใจของเราแต่ละท่านๆ นี้ รู้สึกจะไม่มีวันลดหย่อนผ่อนผัน
หากได้รับการส่งเสริมด้วยแล้ว ก็ยิ่งจะทวีคูณขึ้นเป็นลำดับ
การส่งเสริมนั้นคืออย่างไร คือการปล่อยหรือคล้อยตามใจทุกอย่าง
โดยไม่มีเหตุผลไม่มีการยับยั้งตัวบ้าง นี้เรียกว่าปล่อยตามใจ
วันนี้เราปล่อยขนาดนี้ วันหน้าหรือกาลต่อไป
ใจซึ่งได้รับการส่งเสริมในการปล่อยตัวเช่นนี้ จะมีกำลังมากขึ้น
และชอบประพฤติตามใจตัว โดยไม่คำนึงถึงความผิดชอบชั่วดีจนทวีคูณขึ้นเป็นลำดับๆ
จากนี้แล้วก็ไม่สามารถที่จะกั้นกางหวงห้ามไว้ได้
ถ้าเป็นน้ำก็เทียบเหมือนกับน้ำมหาสมุทร ไม่มีใครจะสามารถไปทำทำนบกั้นไว้ได้เลย



ใจที่มีความฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมลืมตัวเพราะการปล่อยตามใจวันละเล็กละน้อย
ย่อมเป็นไปเพื่อความเสียหายจนถึงขั้นล่อแหลมต่ออันตราย
หรือขั้นหมดหวังในคุณค่าของตัวก็ได้
ฉะนั้นเราทุกๆ คนจึงควรสำนึกในตัวประธาน ได้แก่ตัวของเรา
นี่เป็นหลักใหญ่ของความเจริญและความเสื่อม
เป็นหลักใหญ่ของหน้าที่การงานและผลของงาน
ถ้าเราตั้งหลักนี้ไว้ด้วยดีแล้ว งานก็จะเป็นไปเพื่อความเรียบร้อย
และผลของงานก็จะมีความเจริญและชุ่มเย็น
เราได้สิ่งใดมา ด้วยการชอบธรรมหรือด้วยความชอบธรรมด้วยการปฏิบัติตัวของเราดี
สิ่งนั้นจะเป็นความชุ่มเย็น สมบัติมีมากน้อยก็เย็นใจ
ถ้าหากว่าเราได้ปฏิบัติตัวให้ผิดไปเสียเพียงเท่านี้
แม้ผลของงานอื่นๆ ที่จะปรากฏขึ้นมากน้อย
ก็ไม่สามารถที่จะทำใจของเราให้ชุ่มเย็นได้เลย
เพราะความเดือดร้อนมีอยู่ที่การกระทำผิดซึ่งเกิดจากตัวเองเพราะการขาดการไตร่ตรอง



ฉะนั้นหลักธรรมของพระพุทธเจ้าท่านจึงสอนไว้ว่า
นิสมฺม กรณํ เสยฺโย
ทุกสิ่งทุกอย่างขอให้ใคร่ครวญเสียก่อนแล้วค่อยทำลงไป
แม้จะมีความผิดพลาดก็มีจำนวนน้อย ไม่ค่อยจะผิดไปเสียเลยทีเดียว
การเลือกเฟ้นเป็นสิ่งสำคัญมาก
เช่นเราจะปลูกบ้าน ปลูกตึกปลูกตลาด ทำเลค้าขายก็ตาม
จะปลูกบ้านเรือนหรือทำเป็นไร่เป็นนาก็ตาม
เขาจะต้องเลือกเฟ้นด้วยดีว่า นี้เป็นทำเลเช่นไร
หากว่าปลูกตึกรามบ้านช่องหรือจะสร้างตลาด
เขาจะต้องหาทำเลที่เหมาะว่าเป็นที่รวมแห่งชุมนุมชนทั้งหลาย
แม้จะปลูกร้านขายผลิตสินค้าก็ตาม เขาจะต้องเลือกสถานที่
ว่าเป็นทำเลเช่นไรเมื่อปลูกไปแล้วจะขาดทุนหรือมีกำไร
จะมีความเจริญรุ่งเรืองต่อไปข้างหน้าไหม
เขาต้องเลือกเฟ้นเสียก่อน แม้ที่จะมีราคาแพงบ้างก็ยอมซื้อ
เพราะเห็นผลประโยชน์ที่จะเกิดจากสถานที่นั้นแล้วด้วยดี



การเลือกเฟ้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ
หากไม่เลือกเฟ้น เห็นเขาทำเราก็ทำ เห็นเขาไปเราก็ไป
โดยไม่คิดอ่านไตร่ตรองเสียก่อนแล้วค่อยทำนี้
อาจจะเป็นความเดือดร้อนในภายหลังก็ได้
ฉะนั้นพระพุทธเจ้าท่านจึงสอนว่าให้เลือกเฟ้นเสียก่อนค่อยทำ
ให้เราคิดดูแม้แต่อาหารในสำรับที่ยกเข้ามาถึงที่
และเป็นอาหารที่สำเร็จรูปเรียบร้อยแล้ว ควรแก่การรับประทานอย่างเต็มที่
เรายังต้องได้เลือกดูว่าอาหารประเภทใดถูกกับธาตุขันธ์และแสลงกับโรค
นอกจากนั้นยังต้องเลือกเฟ้นว่าอาหารในถ้วยในชามนี้
มีอะไรบ้างที่จะเป็นพิษภัยต่อร่างกาย ก็คือกระดูก ก้าง เหล่านี้เป็นต้น ซึ่งเป็นภัย
เราจะต้องเลือกเฟ้นและเก็บออกให้หมด จะรับประทานทั้งสิ่งเหล่านี้เลยนั้นไม่ได้
อาจเป็นภัยต่อร่างกาย อย่างมากถึงตายก็ได้
นี่เพราะความไม่ใคร่ครวญไม่เลือกเฟ้น



- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


ที่มา https://bit.ly/2Fb6KDV


แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP