ดังตฤณวิสัชนา Dungtrin's Answer

เราสามารถแผ่บุญกุศลให้กับวิญญาณที่ไม่เคยรู้จักกันได้หรือไม่



ถาม - ดิฉันได้ดูข่าวเกี่ยวกับผู้หญิงที่ถูกทำร้ายอย่างทารุณจนต้องจบชีวิตลง
เกิดความรู้สึกสงสารมากจึงอยากแผ่บุญกุศลให้ โดยที่ดิฉันไม่รู้จักเธอมาก่อน
แบบนี้สามารถทำได้หรือไม่ แล้วเธอจะได้รับบุญกุศลนี้ไหมคะ


การอุทิศส่วนกุศล ส่วนใหญ่ถ้าหากว่าจะพูดกันในระดับของชาวบ้านธรรมดา
คนที่เป็นญาติใกล้ชิดสนิทกัน
ราวกับว่าพอนึกถึงกันแล้วสามารถคุยกันได้ตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่
อย่างนี้มันมีสิทธิ์มากกว่าคนอื่น มีสิทธิ์มากกว่าเพื่อน
แต่ถ้าหากว่าเป็นคนไม่รู้จักกันเลย
กระแสเมตตาของเรายังออกไปเป็นห้วงๆ มีกำลังอ่อนอยู่ ก็อาจจะได้บ้าง
ถ้าสมมติรวมกันเยอะๆ หลายๆ คนพอดูข่าวแล้ว แหม สงสารจัง
อยากแผ่เมตตาให้เขาได้มีความสุข อยากให้เขาเลื่อนภพ เลื่อนภูมิ
กระแสความเย็น กระแสความสว่างอาจจะมีมากพอที่เขาจะรู้สึกได้



ขอให้นึกถึงตอนที่คุณเข้าไปในที่ชุมนุมชนนะ
แล้วมีการโห่ร้อง มีการแซ่ซ้องสรรเสริญบุคคลคนเดียว
คุณจะรู้สึกถึงความชื่นบาน รู้สึกถึงความสดชื่นรอบๆ บริเวณนั้น
ราวกับว่ามีแสงสว่างเกิดขึ้น รู้สึกได้ด้วยใจ ไม่ใช่เห็นได้ด้วยตานะ
อะไรแบบนั้นแหละเป็นทำนองเดียวกัน
ถ้าหากว่ามีการนำเสนอข่าวที่น่าสงสาร แล้วผู้คนพากันรู้สึกแบบคุณ
แล้วก็อยากจะให้เขาได้ไปดี มีความสุข อยากช่วยเหลือเกิน
ความสว่างของผู้คนเป็นล้านๆ นี่นะ ที่ได้เกิดขึ้นพร้อมๆ กันในเวลาเดียวกัน
มันช่วยได้จริงๆ มันทำให้เขาเกิดความรู้สึกตื่นขึ้นมาได้จริงๆ
แต่จะทำให้หลุดจากกรงของวิบากกรรมที่เขาขังตัวเองไว้ด้วยกรรมเก่าหรือเปล่า
อันนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ความเย็นความสว่างที่มันเกิดขึ้นน่ะ เขาได้แน่นะ



แผ่เมตตานี่ ถ้าคุณเห็นจริงๆ มันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากนะ
แล้วสรุปมันง่ายๆ นิดเดียว คีย์เวิร์ดมีอยู่นิดเดียว
กำลังความสว่างนั้นเพียงพอที่จะกระตุ้นให้วิญญาณเกิดความสว่างตามหรือเปล่า
ถ้าหากว่ามีความสามารถจะสว่างตามแรงกระตุ้นที่ส่งมาได้ อันนั้นโอเค
พระบางท่านมีฌานสมาบัติ มีความบริสุทธิ์สูงส่งของเรื่องการรักษาศีล
คือแค่แผ่เมตตาไปนิดเดียว วิญญาณถึงกับตื่น แล้วก็เลื่อนชั้น เลื่อนภูมิก็มี
ถ้าไม่ใช่วิญญาณที่ติดบาป ติดกรรมอะไรมากมาย
ก็สามารถสว่าง แล้วรู้สึกเย็นโล่ง รู้สึกว่า เออ มันนึกออกว่าบุญกุศลเป็นอย่างไร
ระลึกได้ว่าเราเคยทำบุญอะไรไว้บ้าง



ขอให้ลองนึกดูง่ายๆ ถ้าคุณตื่นมากำลังสะลึมสะลือ
ใครมาชวนทำบุญ คุณก็คงทำหน้าบอกบุญไม่รับ อย่างนี้นะ
มันนึกไม่ออกว่าจะไปทำบุญทำกุศลให้มันสว่างขึ้นมาได้อย่างไร มันงัวเงีย มันโมโหอยู่
แต่ถ้าหากว่าคุณตื่นขึ้นมางัวเงียๆ นะ แล้วมีการไชโยโห่ร้อง
หรือว่าญาติพี่น้องพากันแห่เข้ามาหา มาแสดงความยินดี หน้าตาแต่ละคนสดใส
กำลังใจที่ได้จากพี่น้องอันเป็นที่รักหรือว่าบุคคลอันเป็นที่รัก
ทำให้เกิดความสดชื่น ลืมความง่วงได้ แล้วก็มีกำลังใจมากพอที่จะไปร่วมยินดี
ร่วมความรู้สึกเป็นกุศลกับเหล่าพี่น้องอันเป็นที่รักได้
อย่างนั้นแหละทำนองเดียวกัน อันนี้แค่เปรียบเทียบเฉยๆ



แต่ว่าในโลกวิญญาณหลังความตาย มันเป็นอะไรที่
เอาง่ายๆ เลย เราสามารถจะทำให้เขาออกจากความมืดได้หรือเปล่า
ถ้าหากว่ากำลังของเรา ความสว่างของเรานี่มีมากพอ
มีความคงที่ มีความคงเส้นคงวา มีความหนักแน่น
มีพลังยิ่งใหญ่มากพอที่จะครอบงำความมืดของเขา ขจัดความมืดให้เขาได้
นั่นแหละ ถึงจะโอเคนะ
แล้วก็เรื่องของการคุยกับวิญญาณ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ
ไม่เหมือนคนคุยกับคนแบบมีเหตุมีผลนะ
คือวิญญาณถ้าตายลงไปด้วยขณะจิตแบบใด ก็จะเกิดสัญญา
จะเป็นกุศลสัญญา หรือว่าอกุศลสัญญา
ก็ขึ้นอยู่กับการปรุงแต่งของใจในช่วงสุดท้าย
ถ้าหากว่ามันปรุงแต่งแล้วเกิดกุศลจิตหรือว่าอกุศลจิตนะ
สืบต่อจากช่วงที่ตายดับไปจากความเป็นมนุษย์
จิตดวงแรกที่เกิดขึ้นด้วยกุศลหรือว่าอกุศลนั้น
จะเป็นตัวชี้เลยว่าเขาจะยึดอะไรเป็นหลัก
อย่างถ้าส่วนใหญ่ พวกเปรตนี่ที่ถือกำเนิดขึ้นด้วยอกุศลสัญญา อกุศลจิตนะ
หรือว่ากรรมวิบากฝ่ายมืด เขาบันดาลให้ปฏิสนธิจิตเกิดขึ้นด้วยความมืด
โอกาสที่เขาจะยึดกับความรู้สึกร้ายๆ หรือว่าสัญญาเก่าร้ายๆ
ความรู้สึกที่ไม่ดีทั้งหลาย มันก็จะเหนียวแน่น
โอกาสที่ใครจะไปแผ่เมตตา จะไปคุยให้รู้เรื่อง มันยากมาก ยากมากๆเลย
มันไม่เหมือนกับมนุษย์คุยกับมนุษย์ อันนี้พูดถึงโดยคร่าวๆ



แต่ว่าถ้าหากเรามีความสงสารใคร แล้วใจเราอยากช่วยเขาจริงๆ อย่างแรง
อันนั้นคนที่ได้แน่ๆ คือเราเอง
คือเราจะเป็นพวกไม่ดูดาย เราจะเป็นพวกที่มีความกรุณา
คือเมตตาต่างกับกรุณาตรงนี้ เมตตานี่คิดอยากให้มีความสุข
แต่ว่ากรุณานี่อยากช่วย อยากลงมือช่วย ช่วยให้เขาพ้นทุกข์
ช่วยให้เขาได้ดีขึ้น ช่วยให้เขาได้มีสภาพที่มันไม่ต้องน่าเวทนาอย่างที่เป็นอยู่
อยากลงมือจริงๆ คือไม่ใช่เอาแต่คิดอย่างเดียว
ลักษณะที่เราได้อุทิศส่วนกุศลให้เขานี่นะ มันเป็นการสร้างกรุณาบารมี
ยิ่งถ้าหากว่าเราเข้าใจจริงๆ ว่าจะสร้างความสุขไว้ในตัวเองอย่างไร
จะสร้างกุศลขึ้นมาในตัวเองอย่างไร
จะเริ่มต้นด้วยการไปใส่บาตร หรือว่าจะมาสวดมนต์อิติปิโสฯ
หรือว่าจะคิดตั้งใจว่าวันนี้จะมีแต่พูดดีกับดี ไม่โกหก ไม่พูดหยาบ ไม่ทำร้ายจิตใจใครนะ
แล้วตั้งสัจวาจาว่าจะรักษาแบบนี้ให้ได้ตลอดวัน
แล้วสามารถทำได้ นั่นก็เป็นกุศลอย่างใหญ่หลวงแล้ว
สามารถที่จะอุทิศบุญ อุทิศกุศล อุทิศความสว่าง
ไปให้กับคนที่เรามีความเมตตาสงสารเขาได้แล้วนะครับ



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP