จุดหมายปลายธรรม Destination@Dharmma

กำลังของมาตุคาม


งดงาม
This e-mail address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it



225 destination



ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน อธิบายว่า
คำว่า “มาตุคาม” แปลว่า ผู้หญิงหรือเพศหญิง
หรือเป็นคำที่พระใช้เรียกผู้หญิง
ดังนั้น ชื่อบทความที่ว่า “กำลังของมาตุคาม” นี้

ก็แปลว่า “กำลังของผู้หญิง” นั่นเอง
ซึ่งในคราวนี้ เราจะมาสนทนากันในเรื่องกำลังของผู้หญิงครับ


พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอนว่า รูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัส
ที่จะสามารถครอบงำจิตบุรุษได้มากที่สุด คือ
รูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัสของสตรีนั่นเอง
โดยในพระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาตร ได้อธิบายว่า
“ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นรูปอื่นแม้อย่างหนึ่ง
ที่จะครอบงำจิตของบุรุษตั้งอยู่เหมือนรูปสตรีเลย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย รูปสตรีย่อมครอบงำจิตของบุรุษตั้งอยู่ ฯ


ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นเสียงอื่นแม้อย่างหนึ่ง
ที่จะครอบงำจิตของบุรุษตั้งอยู่เหมือนเสียงสตรีเลย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เสียงสตรีย่อมครอบงำจิตของบุรุษตั้งอยู่ ฯ


ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นกลิ่นอื่นแม้อย่างหนึ่ง
ที่จะครอบงำจิตของบุรุษตั้งอยู่เหมือนกลิ่นสตรีเลย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย กลิ่นสตรีย่อมครอบงำจิตของบุรุษตั้งอยู่ ฯ


ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นรสอื่นแม้อย่างหนึ่ง
ที่จะครอบงำจิตของบุรุษตั้งอยู่เหมือนรสสตรีเลย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย รสสตรีย่อมครอบงำจิตของบุรุษตั้งอยู่ ฯ


ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นโผฏฐัพพะอื่นแม้อย่างหนึ่ง
ที่จะครอบงำจิตของบุรุษตั้งอยู่เหมือนโผฏฐัพพะของสตรีเลย
ดูกรภิกษุทั้งหลายโผฏฐัพพะสตรีย่อมครอบงำจิตของบุรุษตั้งอยู่ ฯ
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=20&A=1&Z=41&pagebreak=0


เมื่อได้อ่านดังนี้แล้ว ท่านผู้อ่านที่เป็นสตรีบางท่านอาจจะรู้สึกดีใจ
โดยเข้าใจว่าตนเองอยู่ในสถานะที่ได้เปรียบบุรุษ
แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่นะครับ เพราะว่าในพระสูตรเดียวกันนั้น
พระผู้มีพระภาคก็ทรงสอนด้วยว่า รูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัส
ที่จะสามารถครอบงำจิตสตรีได้มากที่สุด คือ
รูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัสของบุรุษนั่นเอง
ฉะนั้นแล้วทั้งสองฝ่ายก็ไม่ได้เปรียบหรือเสียเปรียบกัน


ในอรรถกถาได้อธิบายตัวอย่างของกรณีที่รูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัสของสตรี
มาครอบงำจิตของบุรุษ (ซึ่งบางกรณีก็ถึงขนาดว่าเป็นเหตุให้ถึงตายได้เลย)
เช่น กรณีพระเถระรูปหนึ่งชื่อจิตตะ ได้แลดูพระอัครมเหสี พระนามว่าทมิฬเทวี
โดยที่พระเถระไม่สำรวม จึงหลงยึดเอานิมิตในรูปของพระอัครมเหสีนั้น
จนตนเองกลายเป็นดังคนบ้า เที่ยวพูดไปในที่ที่ตนยืนและนั่งว่า
เชิญสิ แม่ทมิฬเทวี เชิญสิ แม่ทมิฬเทวี จนกระทั่งหมู่ภิกษุหนุ่มและสามเณร
ได้เรียกท่านว่า พระอุมมัตตกจิตตเถระ (พระจิตบ้า)


หรืออีกกรณีหนึ่ง สมัยหนึ่ง พระมหาราชาทรงพระนามว่า สัทธาติสสะ
ทรงมีหมู่นางสนมแวดล้อมเสด็จมายังวิหาร
ภิกษุหนุ่มรูปหนึ่งยืนอยู่ที่ซุ้มประตูแห่งโลหปราสาท
ตั้งอยู่ในความไม่สำรวมแลดูหญิงคนหนึ่ง
ฝ่ายหญิงนั้นก็หยุดแลดูภิกษุหนุ่มรูปนั้น
ทั้งสองถูกไฟคือราคะ ที่ตั้งขึ้นในทรวงแผดเผาได้ตายไปด้วยกัน


หรืออีกกรณีหนึ่ง ปูทองตัวล่ำสันในสระได้เอาก้ามจับเท้าพระยาช้างไว้
ภรรยาของพระยาช้างทราบว่าสามีถูกปูทองหนีบ
จึงได้กล่าวเจรจากับปูทอง ปูทองได้ยินเสียงของหญิง จึงคลายการหนีบให้เพลาลง
พระยาช้างหลุดจากการหนีบได้ และได้เหยียบปูทองนั้นแหลกละเอียด


หรืออีกกรณีหนึ่ง นกยูงทองตนหนึ่งซึ่งปกติจะสวดปริตรก่อน แล้วจึงเที่ยวแสวงอาหาร
โดยนกยูงทองนั้นอยู่มาได้ตลอด ๗๐๐ ปี โดยไม่ถูกจับ
อยู่มาวันหนึ่ง นกยูงทองได้ยินเสียงนางนกยูง จึงลืมไม่ได้สวดปริตร
ทำให้ติดบ่วงของนายพรานที่พระราชาส่งไปจับนกยูงทองนั้น
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=20.0&i=1&p=2


ต่อมา เรามาดูเรื่องสตรีที่จะเป็นที่ชอบใจของบุรุษนะครับ
ใน “อมนาปสูตร” (พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค) สอนว่า
“มาตุคามผู้ประกอบด้วยองค์ ๕ ย่อมเป็นที่ชอบใจของบุรุษโดยส่วนเดียว
องค์ ๕ เป็นไฉน คือ มีรูปสวย ๑ มีโภคสมบัติ ๑ มีมารยาท ๑
ขยันไม่เกียจคร้าน ๑ ได้บุตรเพื่อเขา ๑


มาตุคามผู้ประกอบด้วยองค์ ๕ ย่อมไม่เป็นที่ชอบใจของบุรุษโดยส่วนเดียว
องค์ ๕ เป็นไฉน คือรูปไม่สวย ๑ ไม่มีโภคสมบัติ ๑ ไม่มีมารยาท ๑
เกียจคร้าน ๑ ไม่ได้บุตรเพื่อเขา ๑”
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=18&A=6295&Z=6307&pagebreak=0


ในกรณีของสตรีที่แต่งงานครองเรือนแล้ว
กำลังของสตรี ๕ ประการได้แก่ รูป ๑ โภคสมบัติ ๑
ญาติ ๑ บุตร ๑ ศีล ๑ ซึ่งกำลัง ๕ ประการนี้
ย่อมจะช่วยให้สตรีเป็นผู้สามารถอยู่ครองเรือนได้
(วิสารทสูตร พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค)
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=18&A=6467&Z=6473&pagebreak=0
และช่วยให้สามารถบังคับสามีอยู่ครองเรือนได้
(ปัสสัยหสูตร พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค)
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=18&A=6474&Z=6479&pagebreak=0
และช่วยให้ประพฤติข่มขี่สามีได้
(อภิภุยยสูตร พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค)
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=18&A=6480&Z=6488&pagebreak=0


ถามว่าในกำลัง ๕ ของสตรีที่แต่งงานครองเรือนแล้ว กำลังไหนสำคัญที่สุด?
ตอบว่า กำลังคือ ศีล สำคัญที่สุด
โดยใน “นาสยิตถสูตร” (พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค) สอนว่า
“มาตุคามผู้ประกอบด้วยกำลังคือรูป แต่ไม่ประกอบด้วยกำลังคือศีล
พวกญาติย่อมยังมาตุคามนั้นให้พินาศ คือไม่ให้อยู่ในสกุล


มาตุคามผู้ประกอบด้วยกำลังคือรูปและกำลังคือโภคะ แต่ไม่ประกอบด้วยกำลังคือศีล
พวกญาติย่อมยังมาตุคามนั้นให้พินาศ คือไม่ให้อยู่ในสกุล


มาตุคามผู้ประกอบด้วยกำลังคือรูป กำลังคือโภคะ และกำลังคือญาติ
แต่ไม่ประกอบด้วยกำลังคือศีล พวกญาติย่อมยังมาตุคามนั้นให้พินาศ คือไม่ให้อยู่ในสกุล


มาตุคามผู้ประกอบด้วยกำลังคือรูป กำลังคือโภคะ กำลังคือญาติ และกำลังคือบุตร
แต่ไม่ประกอบด้วยกำลังคือศีล พวกญาติย่อมยังมาตุคามนั้นให้พินาศ คือไม่ให้อยู่ในสกุล


แต่เมื่อมาตุคามประกอบด้วยกำลังคือรูป กำลังคือโภคะ กำลังคือญาติ กำลังคือบุตร
และกำลังคือศีล พวกญาติย่อมยังมาตุคามนั้นให้อยู่ในสกุล ย่อมไม่ให้พินาศ


มาตุคามผู้ประกอบด้วยกำลังคือศีล แต่ไม่ประกอบด้วยกำลังคือรูป
พวกญาติย่อมยังมาตุคามนั้นให้อยู่ในสกุล ย่อมไม่ให้พินาศ


มาตุคามผู้ประกอบด้วยกำลังคือศีล แต่ไม่ประกอบด้วยกำลังคือโภคะ
พวกญาติย่อมยังมาตุคามนั้น ให้อยู่ในสกุล ย่อมไม่ให้พินาศ


มาตุคามผู้ประกอบด้วยกำลังคือศีล แต่ไม่ประกอบด้วยกำลังคือญาติ
พวกญาติย่อมยังมาตุคามนั้นให้อยู่ในสกุล ย่อมไม่ให้พินาศ


มาตุคามผู้ประกอบด้วยกำลังคือศีล แต่ไม่ประกอบด้วยกำลังคือบุตร
พวกญาติย่อมยังมาตุคามนั้นให้อยู่ในสกุล ย่อมไม่ให้พินาศ”


แต่ทั้งนี้แม้ว่าภรรยาจะมีกำลังคือศีลและสามารถอยู่ในสกุลได้ก็ตาม
ก็ไม่ได้เป็นเครื่องป้องกันจะไม่ให้สามีไปนอกใจนะครับ
เพราะว่าภรรยามีศีลแล้ว ก็ไม่ได้แปลว่าสามีจะมีศีลไปด้วย
ฉะนั้นแล้ว หากสามีไม่มีศีลแล้ว ก็มีโอกาสเป็นธรรมดาที่จะประพฤติผิดศีลได้


ทีนี้ การที่จะช่วยให้คนหนึ่ง ๆ ที่ไม่มีศีลแล้วมาถือศีลนี้ มันไม่ใช่ง่ายครับ
ทางที่จะปลอดภัยกว่าก็คือ สตรีพึงเลือกคบคนที่ถือศีลอยู่แล้ว จะดีกว่า
ท่านผู้อ่านเองก็คงจะเคยเห็นตามข่าวก่อนหน้านี้นะครับ
ที่มีอยู่คู่หนึ่งคบกันใกล้จะแต่งงาน แต่ฝ่ายชายไปแอบนอกใจ
แล้วก็มาฆ่าฝ่ายหญิงตาย ซึ่งโดยสภาพเช่นนี้แล้ว
ฝ่ายหญิงไม่เลือกคบเป็นแฟนเลยจะดีเสียกว่า
ดังนั้นแล้ว มงคลชีวิตข้อแรกที่สอนว่า “ไม่คบคนพาล” นั้น
เป็นหลักชีวิตที่สำคัญมากครับ ถ้าเห็นว่าไม่มีศีลไม่มีธรรมแล้ว
พึงพยายามเลี่ยง และไม่ไปคบด้วยจะดีกว่า
ต่อให้จะรู้สึกทุกข์หรือเหงา เพราะไม่มีแฟนหรือไม่มีสามีก็ตาม
ก็ยังจะทุกข์น้อยกว่า และเสียหายน้อยกว่ามีแฟนหรือสามีเป็นคนพาลครับ



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP