สารส่องใจ Enlightenment

วิธีปฏิบัติเพื่อลดโทสะและราคะ



วิสัชนาธรรม โดย หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต
วัดบรรพตคีรี (ภูจ้อก้อ) อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร




ปุจฉา (๑) โดยปกติผมเป็นคนใจร้อนมากๆ ชอบวู่วามและควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยได้
แต่หลังจากที่ผมได้มาฟังหลวงปู่เทศน์และได้อ่านหนังสือที่หลวงปู่กรุณามอบไปให้แล้ว
ทำให้ตัวเองรู้สึกว่าใจเย็นขึ้น มีความสุขมากขึ้น
แต่ผมคิดว่ายังไม่พอ ยังต้องเยือกเย็นและสุขุมกว่านี้อีก
หลวงปู่กรุณาชี้แนะให้ผมด้วย



วิสัชนา (๑) เมื่ออ่านหนังสือแล้วใจเย็น มีความสุขมากขึ้น
แต่ก็ยังไม่พอเพราะเหตุว่ากิเลสของเรายังไม่ขาด
แต่เป็นเพียงปีติยินดีแล้วเกิดดับไป ณ ที่นั้นเอง
เพราะธรรมส่วนนี้มันอยู่ใต้อำนาจอนิจจังอยู่ แต่ก็ยังดีกว่าที่ยังไม่เจอซักทีเลย
มันต้องอาศัยทำบ่อยๆ ให้เป็นข้อวัตร เดี๋ยวดีจะบวกดีขึ้นทวี
ผู้พ้นไปแล้วนั้นไม่ใช่ว่าจะทำครั้งเดียวแล้วพ้นจากกิเลสทั้งปวงไปเลย
เพราะอบรมบ่มนิสัยมาหลายภพจนนับไม่ไหวแล้วจึงพ้นไปได้
เรามาพูดเอาแต่เบื้องปลาย
ก็คล้ายกับว่าเพิ่งเกิดมาพบพระพุทธศาสนาในชาติปัจจุบันเท่านั้น
ไอ้ที่แท้มันมาพบพระพุทธศาสนาจนเกือบนับไม่ไหวแล้ว
พูดเท่านี้ก็คงรู้จักความหมายกันแล้ว



ในข้อที่ว่าชอบวู่วามนั้น
มันเป็นคนมีปัญญาแล้ว ถ้าหากว่ามันเห็นว่าไม่มีประโยชน์มันก็วางไปเอง
ถ้ามันเห็นว่ามีประโยชน์อยู่มันก็วางไม่ได้
แต่มันถึงกับจะฆ่าจะตีเขาได้หรือไม่ ข้อนี้เป็นส่วนตัวต้องรู้อีก
ถ้ามันหมายจะฆ่าจะตีเขาได้ก็ส่อแสดงให้เห็นว่ามันยังมีกิเลสมากอยู่
เราต้องพิจารณาตนอย่างนี้
ใครๆ ในโลกก็เหมือนกัน ถ้าหากว่าเห็นว่า โลภ โกรธ หลง มันเป็นของอร่อยอยู่
มันก็ลดตำแหน่งไม่ได้ มันต้องสังเวยเป็นอาหารของกิเลส
สิ่งเหล่านี้มันจะขาดตัวไปได้ก็ต้องพระอรหันต์เท่านั้น




- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -



ปุจฉา (๒) เมื่อก่อนผมตั้งเป้ากำจัดความโกรธมากกว่าเพื่อน
ตอนนี้ก็สมใจบ้างแล้ว (ตามที่เรียนรายงานหลวงปู่ข้างต้น)
ต่อไปคงเป็นราคะทางเพศ เพราะออกมาเต้นมากกว่าเพื่อน อย่างนี้จริงไหมครับ



วิสัชนา (๒) เออ...เมื่อความโกรธเบาลงแล้ว ราคะก็เบาลงไปในตัวด้วย
ความหลงในชั้นนี้ก็เบาไปในตัวด้วย
คำว่าราคะเบา คือไม่สามารถล่วงละเมิดกามารมณ์บุคคลที่มีผู้หวงแหน
เว้นไว้แต่ภรรยาหรือสามีของตน
แม้ภรรยาหรือสามีของตน ถ้าเราหย่าร้างไปแล้วไปข่มขืนเขาที่เขาไม่พอใจ
ก็ขัดข้องในศีลข้อกาเมฯ ทั้งนั้น ไม่ใช่สุปฏิปันโน (โสดาบัน) อีกล่ะ



ที่ถามว่าราคะมันออกมาเต้นรำบ่อย ข้อนี้จริงเฉพาะผู้มีราคะเป็นเจ้าเรือน
ถ้าท่านผู้มีโทสะเป็นหัวหน้าเป็นเจ้าเรือนอยู่ในใจ
มันก็เอาโกรธออกมาเต้นระบำก่อนเพื่อนสำหรับคนนั้น
และถ้าหากว่าท่านผู้เป็นศรัทธาจริต มันก็เอาความเชื่อมาเต้นระบำออกหน้า
ส่วนความเชื่อนั้นจะแยบคายในสิ่งที่ควรเชื่อหรือไม่ควรเชื่อ
มันก็ขึ้นอยู่กับสติปัญญาของแต่ละรายของท่านผู้นั้นๆ



ถ้าหากว่าท่านผู้เป็นพุทธจริต เมื่อได้ยินได้เห็นได้ฟังสิ่งใด
ความเข้าใจของท่านตามเป็นจริงมันก็เปิดหน้าฉากออกมาเต้นระบำ
และถ้าหากว่าเป็นโมหจริตก็เอาความหลงๆ ลืมๆ และไม่เข้าใจในเรื่องนั้นๆ ง่าย
ออกมาเต้นระบำก่อนอารมณ์ทั้งปวง เหล่านี้เป็นต้น



วิธีเจริญกรรมฐานเหล่านี้
ผู้มีราคะจริตออกมาบังคับก่อนให้เป็นไปตาม
ก็ต้องพิจารณาสิ่งที่เป็นของสกปรกโสมมสกลร่างกาย
พร้อมทั้งอาการ ๓๒ พร้อมด้วยซากศพทั้งปวง
อันใดอันหนึ่งที่เห็นชัดว่าเป็นปฏิกูลมาแก้ และบรรเทาในกิเลสพรรณนั้น
แล้วจึงพิจารณาไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาภายหลัง



ถ้าหากว่าศรัทธาจริต เชื่อง่ายก็เจริญอนุสติ ๑๐
นับแต่พุทธา
, ธัมมา, สังฆา, สีลา, จาคา, เทวดา, กายคตา, อุปสมา
ที่ว่าอักษรย่อก็คงจะเข้าใจบ้าง... ที่อธิบายมานี้ก็พอสังเขปเท่านั้น
จะให้อธิบายมากก็จะกลายเป็นคัมภีร์วิสุทธิมรรคทั้งเล่มไป


- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -- - - - - - - - - - - - - - - -


คัดจาก หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต ตอบปัญหาธรรมะ ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๕๓


แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP