ธรรมะจากพระสูตร Dhamma from Sutta

ตติยเสขสูตร ว่าด้วยเสขบุคคล


กลุ่มไตรปิฎกสิกขา



[๕๒๗] ภิกษุทั้งหลาย สิกขาบท ๑๕๐ ถ้วนนี้ ย่อมมาสู่อุทเทสทุกกึ่งเดือน
ที่กุลบุตรทั้งหลายผู้ปรารถนาประโยชน์ศึกษากันอยู่
ภิกษุทั้งหลาย สิกขาบท ๑๕๐ นี้ทั้งหมด ถึงการรวมลงในสิกขา ๓ นี้
สิกขา ๓ อะไรบ้าง คือ อธิสีลสิกขา อธิจิตตสิกขา อธิปัญญาสิกขา
สิกขาบท ๑๕๐ นี้ทั้งหมด ถึงการรวมลงในสิกขา ๓ นี้แล


ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ทำให้บริบูรณ์ในศีล
ทำพอประมาณในสมาธิและทำพอประมาณในปัญญา
เธอย่อมล่วงสิกขาบทเล็กน้อยบ้าง ย่อมออกจากอาบัติบ้าง
ที่เป็นเช่นนั้นเป็นเพราะเหตุอะไร
เพราะในการต้องอาบัติและการออกจากอาบัติเล็กน้อยนี้ เราไม่กล่าวความเป็นไปไม่ได้
แต่ว่าสิกขาบทเหล่าใดเป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ สมควรแก่พรหมจรรย์
เธอเป็นผู้มีศีลยั่งยืน มีศีลมั่นคง ในสิกขาบทเหล่านั้น สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย
ภิกษุนั้นเป็นสัตตักขัตตุปรมะ เพราะสิ้นสังโยชน์ ๓
ท่องเที่ยวไปในเทวโลกและมนุษยโลก ๗ ชาติเป็นอย่างมาก ก็ทำที่สุดทุกข์ได้
ภิกษุนั้น เป็นโกลังโกละ เพราะสิ้นสังโยชน์ ๓ ท่องเที่ยวไป ๒ หรือ ๓ ชาติ ก็ทำที่สุดทุกข์ได้
ภิกษุนั้น เป็นเอกพีชี เพราะสิ้นสังโยชน์ ๓ เกิดเป็นมนุษย์อีกชาติเดียว ก็ทำที่สุดทุกข์ได้


ภิกษุนั้น เป็นสกทาคามี เพราะเพราะสิ้นสังโยชน์ ๓
เพราะราคะโทสะโมหะเบาบาง มาสู่โลกนี้อีกคราวเดียว ก็ทำที่สุดทุกข์ได้


ภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ทำให้บริบูรณ์ในศีล
ทำให้บริบูรณ์ในสมาธิ ทำพอประมาณในปัญญา
เธอย่อมล่วงสิกขาบทเล็กน้อยบ้าง ย่อมออกจากอาบัติบ้าง
ที่เป็นเช่นนั้นเป็นเพราะเหตุอะไร
เพราะในการต้องอาบัติและการออกจากอาบัติเล็กน้อยนี้ เราไม่กล่าวความเป็นไปไม่ได้
แต่ว่าสิกขาบทเหล่าใดเป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ สมควรแก่พรหมจรรย์
เธอเป็นผู้มีศีลยั่งยืน มีศีลมั่นคง ในสิกขาบทเหล่านั้น สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย
ภิกษุนั้น เพราะสิ้นสังโยชน์ที่เป็นไปในส่วนเบื้องต่ำ ๕
เป็นอุทธังโสโตอกนิฏฐคามี (ผู้มีกระแสในเบื้องบนไปถึงอกนิฏฐภพ)
เป็นสสังขารปรินิพพายี (ผู้ปรินิพพานด้วยต้องใช้ความเพียรเรี่ยวแรง)
เป็นอสังขารปรินิพพายี (ผู้ปรินิพพานด้วยไม่ต้องใช้ความเพียรนัก)
เป็นอุปหัจจปรินิพพายี (ผู้ปรินิพพานเมื่ออายุพ้นกึ่งแล้วจวนถึงที่สุด)
เป็นอันตราปรินิพพายี (ผู้ปรินิพพานในระหว่างอายุยังไม่ถึงกึ่ง)


ภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ทำให้บริบูรณ์ในศีล
เป็นผู้ทำให้บริบูรณ์ในสมาธิ เป็นผู้ทำให้บริบูรณ์ในปัญญา
เธอย่อมล่วงสิกขาบทเล็กน้อยบ้าง ย่อมออกจากอาบัติบ้าง
ที่เป็นเช่นนั้นเป็นเพราะเหตุอะไร
เพราะในการต้องอาบัติและการออกจากอาบัติเล็กน้อยนี้ เราไม่กล่าวความเป็นไปไม่ได้
แต่ว่าสิกขาบทเหล่าใดเป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ สมควรแก่พรหมจรรย์
เธอเป็นผู้มีศีลยั่งยืน มีศีลมั่นคง ในสิกขาบทเหล่านั้น สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย
ภิกษุนั้นเพราะกระทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุตติปัญญาวิมุตติอันหาอาสวะมิได้
เพราะสิ้นอาสวะทั้งหลาย ด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยตนเองเข้าถึงอยู่ในปัจจุบัน


ภิกษุทั้งหลาย อย่างนี้แล ภิกษุผู้ทำเพียงบางส่วน ย่อมให้สำเร็จได้เพียงบางส่วน
ผู้ทำบริบูรณ์ ย่อมให้สำเร็จได้บริบูรณ์ เราจึงกล่าวว่าสิกขาบททั้งหลายหาเป็นหมันไม่.


ตติยเสขสูตร จบ



(ตติยเสขสูตร พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต
พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่มที่ ๓๔)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP