วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

เถ้าน้ำค้าง ๒๑



Tao Nam Kang - front re


ชลนิล




(ต่อจากฉบับที่แล้ว)



            บูรพาขับมอเตอร์ไซค์มาถึงบ้าน อดสงสัยไม่ได้ที่เห็นรถยนต์บิดาจอดอยู่นอกรั้ว ปกติถ้าพ่อกลับบ้านมักจะจอดรถไว้ข้างในเรียบร้อย ดูท่าอย่างนี้ คงแวะมาทำธุระก่อนออกไปข้างนอกอีกครั้งกระมัง

            “เออ...ไอ้บู มาก็ดีแล้ว มาช่วยพ่อดูอะไรนี่หน่อยสิ” คงเดชเห็นลูกชายเข้าบ้านก็รีบเรียกอย่างกระตือรือร้น

            “หวัดดีพ่อ มีอะไรให้ดูล่ะ” บูรพาเห็นพ่อนั่งรอที่ระเบียง ท่าทางมีเรื่องอัดอั้นเต็มทน

            “นี่...ดูนี่ก่อน” พ่อยื่นนิตยสารฉบับหนึ่งมาให้ “ใช่ไอ้หนุ่มที่มานอนค้างบ้านเราหรือเปล่า”

            บูรพาหยิบนิตยสารขึ้นมาดู ขมวดคิ้วก่อนเงยหน้ามองบิดา

            “พ่ออ่านหนังสือพวกนี้ด้วยเหรอ” ชายหนุ่มเฉไฉ ไม่อยากตอบ

            “เฮ้ย...ไม่ใช่ของพ่อ ของน้อง...เขา” พ่ออ้อมแอ้มเอ่ยชื่อผู้หญิงไม่เต็มเสียงนัก “หนังสือเพิ่งออกวันนี้ พอเห็นก็รีบเอามาให้แกดูนี่ไง”

            “อ้อ...ถ้าไม่มีเรื่องอยากถาม ผมก็คงไม่รู้นะว่าพ่อเข้ากรุงเทพแล้ว” บูรพาบ่น

            “เพิ่งเข้ามาวันนี้แหละ” พ่อตอบไม่เต็มเสียงนัก “แกอย่าเฉไฉน่า ช่วยดูทีสิ แล้วบอกว่าใช่หรือเปล่า”

            “พ่อมาสนใจเรื่องพวกนี้ทำไมเล่า” บูรพาวางหนังสือประเภทซุบซิบดาราที่มีรูปหน้าปกเป็นภาพแอบถ่ายลงบนโต๊ะ

            ฉบับนี้มีรูปเด่นสะดุดตาคือภาพมาตา นักร้องดังกำลังกอด และหอมแก้มหนุ่มหล่อผมยาวกลางลานจอดรถ

            “ก็อยากรู้นี่หว่า” พ่อพูดอย่างอดไม่ได้ “เห็นเงียบ ๆ เฮี้ยว ๆ ท่าทางเป็นพวกรักศักดิ์ศรี ไม่น่าเป็นไอ้พวกแมงดาเลย”

            “เห็นรูปแค่นี้ ทำไมพ่อถึงคิดไกลไปโน้นเลยล่ะ” บูรพาแย้ง

           “โธ่เอ๊ย ดูก็รู้ ผู้หญิงแก่กว่าตั้งเยอะ ถึงจะสวยก็เถอะ...มันเองก็ยังหนุ่มแน่น ไม่มีทางรักจริงหรอก ที่คบกันแบบนี้ ก็ตั้งใจเกาะผู้หญิงกินแหละว้า” พ่อพูดใส่อารมณ์เต็มที่

            “ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงแล้วพ่อไปโกรธเขาทำไม โดมมันไม่ใช่ลูกพ่อสักหน่อย ถ้าผมทำ พ่อค่อยด่าก็ได้” บูรพาย้อน

            คงเดชถอนใจเฮือกใหญ่ ได้สติ ถามใจตนเอง ทำไมถึงเกิดอาการโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงขนาดนี้ เมื่อเห็นภาพเด็กหนุ่มที่เคยอาศัยอยู่บ้านสองสามวันไปกอดกับนักร้องดัง...แล้วทำไมถึงคิดไกลขนาดที่ว่าเขาเป็นแมงดาเกาะผู้หญิงกิน ทั้งที่ไม่มีเนื้อความในข่าวบอกอะไรทำนองนั้น

            “เพราะพ่อถูกชะตากับมันมั้ง” คงเดชพูดจากใจจริง “ถึงไม่ค่อยได้พูดจากันมาก แต่พ่อก็คิดว่าดูคนไม่ผิด ไอ้หนุ่มนั่นมันน่าจะเป็นนักสู้ เป็นคนหัวดื้อเหมือนพ่อ จนพ่อชอบนิสัยมัน รู้สึกดีกับมัน พอเห็นรูปนี้เลยเหมือนถูกหักหลัง เหมือนเราเป็นคนโง่ ถูกเด็กคราวลูกตบตาให้คิดว่าเป็นคนดีอยู่ตั้งนาน”

            บูรพามองพ่อ แววตาอ่อนใจปนขบขัน พ่อเป็นคนโผงผาง ตรงไปตรงมา คบคนง่าย รักใครรักจริง หากถูกชะตากันแล้วก็จะมองกันในแง่ดีเสมอ พอถูกหักหลังจึงเกลียดจริงเหมือนกัน

            “ลูกชายกอดแม่ ให้แม่หอมแก้ม มันผิดตรงไหนพ่อ” บูรพาพูดเรียบ ๆ

            “หา..แกพูดอะไรนะ” คงเดชไม่เข้าใจคำพูดลูกชาย

            “โดมเป็นลูกของมาตา” ชายหนุ่มตอบตรง ส่งผลให้บิดาอึ้ง ตาโต อ้าปากค้าง

            “เฮ้ย แม่นักร้องคนนี้มีลูกโตเป็นหนุ่มขนาดนี้เชียวเหรอ”

            บูรพาคร้านจะพูดย้ำยืนยัน ขี้เกียจเปิดอินเตอร์เนต ค้นประวัติมาตาให้พ่อดูเป็นหลักฐาน

            “แล้วแกรู้ได้ยังไง เด็กคนนั้นบอกแกเหรอ” พ่อหันมาซักฟอกเขาแทน

            ชายหนุ่มไม่ตอบ เลี่ยงเดินเข้าบ้าน ไม่วายที่พ่อยังเดินตาม ซักไซ้เอาความจริงเพิ่มเติมให้ได้

           “ผมจะรีบไปทำงาน วันนี้ทำเป็นวันสุดท้ายแล้วด้วย ไม่อยากเข้างานสาย” บูรพาบอกปัด

            เขาทำงานพิเศษเป็นวันสุดท้าย เพราะปีการศึกษานี้เรียนหนัก แถมยังมีวิทยานิพนธ์ โปรเจกต์ขอจบที่ต้องทำส่ง จนไม่มีเวลาเหลือทำอะไรอย่างอื่นมากนัก

            “อ้าว...” พ่อยืนงงหน้าห้อง เมื่อลูกชายปิดประตูเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า

            “นี่แกจะไม่บอกจริง ๆ ใช่มั้ย” พ่อตะโกนถาม

            “เลิกงานผมจะกลับมาเล่าให้ฟังแล้วกัน...พ่อรออยู่บ้านนี่แหละ” ชายหนุ่มตอบจากในห้อง

            “ไม่ได้ คืนนี้พ่อมีนัด” พ่อไม่กล้าพูดมาก

            “งั้นก็ตามใจพ่อเถอะ” บูรพาเห็นเป็นเรื่องธรรมดาเสียแล้ว ที่พ่อจะมีบ้านหลังอื่นไว้พักพิง หลังกลับจากต่างจังหวัด

            เขาได้ยินเสียงพ่อบ่นงึมงำห่างออกไป ค่อยโล่งอก ขนาดคนไม่สนใจวงการบันเทิงอย่างพ่อ ยังมีปฏิกิริยาต่อภาพโดม – มาตาขนาดนี้ แล้วคนอื่นที่เห็นล่ะ จะรู้สึกอย่างไร ทั้งกลุ่มแฟนคลับและผู้ชายตัวจริงของมาตา

            ทั้งหมดเขายังไม่ห่วงเท่าเด็กหนุ่มคนนั้น ยิ่งตอนนี้เซ็นสัญญาเป็นนักร้องค่ายเพลงใหญ่ที่เป็นคู่แข่งกับค่ายของแม่ตัวเอง ไม่รู้ว่าต้องรับแรงกดดันขนาดไหน จะมีอะไรร้ายแรงหรือไม่...

 

- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            บูรพาทำงานพิเศษที่ร้านไอศกรีมชื่อดังในห้างสรรพสินค้า ช่วงเย็นถึงหัวค่ำจะมีลูกค้าเข้าร้านมาก ทำงานแทบไม่ได้พัก ยิ่งวันนี้ทำงานวันสุดท้าย จึงต้องขยันขันแข็งเป็นพิเศษ

            ใกล้เวลาห้างปิด ลูกค้าซาลงเกือบหมด ชายหนุ่มเก็บแก้ว ชามไอศกรีมเข้าที่ทางเรียบร้อย มีเวลาว่างพอจึงหลบมุมมาโทรศัพท์

            “ลาน เห็นนิตยสาร...ฉบับนี้หรือยัง” บูรพาโทรหาเพื่อนสนิท

            “นี่แก คิดว่าฉันจะยอมเสียเงินซื้อหนังสือซุบซิบ ภาพหลุดดาราพวกนี้มาอ่านหรือไง” ลานน้ำค้างแหวมาตามสาย

            “เออ ไปหาดูตามแผงซะ แต่ถ้าขี้เกียจก็ลองเข้าไปในเว็บไซด์ก็ได้ คิดว่าน่าจะมีรูปโพสต์ลงในเน็ตแล้วล่ะ” ชายหนุ่มบอก

            “รูปอะไร” ลานน้ำค้างสงสัย

            “รูปโดมกับมาตาไง”

            พอได้ยินอย่างนี้ ความทรงจำหญิงสาวค่อยชัดเจน...ลานจอดรถของซูเปอร์มาร์เก็ต หล่อนเห็นมาตากอดและหอมแก้มโดม โดยมีปาปารัชชี่แอบถ่ายรูปได้

            “แล้วจะทำยังไงดีล่ะ” หญิงสาวพูดราวกับตนเองมีส่วนรับผิดชอบต่อเรื่องนี้

            “จะให้ทำยังไง มันไม่ใช่หน้าที่เรา...คนที่ต้องแก้ข่าวคือมาตา แต่คนที่น่าเป็นห่วงคือโดม”

            ลานน้ำค้างถอนใจ สงสารเด็กหนุ่มอย่างบอกไม่ถูก หลังจากภาพนี้ถูกตีพิมพ์ เขาต้องเป็นที่รู้จักกว้างขวาง ค่ายเพลงที่มาตาสังกัดอยู่ มีชื่อเสียงเรื่องการรักษาภาพพจน์นักร้อง ทางนั้นย่อมจัดงานแถลงข่าว เคลียร์ปัญหาแน่

            จากนั้น...อะไรจะเกิดขึ้นกับโดม?

            “เอ่อ ฉันจะลองโทรหาโดมดูนะ เผื่อจะช่วยอะไรเขาได้บ้าง”

            พอลานน้ำค้างพูดเช่นนั้น บูรพาอึ้งชั่วขณะ หัวใจปลาบแปลบไร้สาเหตุ...รู้ว่าหล่อนจริงใจ เป็นห่วงทุกคนรอบข้าง แต่ลึกภายในใจ เขาไม่อยากให้หล่อนเป็นห่วงโดมขนาดนั้น

            “ก็...ดี” บูรพาฝืนใจพูด “ลองโทรดู เผื่อจะช่วยอะไรเขาได้บ้าง”

            บูรพาวางหูโทรศัพท์ นึกขันแกมเยาะตนเอง ที่สามารถพูดอะไรที่ขัดแย้งกับความรู้สึกในใจได้ขนาดนั้น



 - - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            “หมายเลขที่ท่านเรียก...ขณะนี้ยังไม่เปิดใช้บริการ...”

            นี่เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ยากจะนับ ที่ลานน้ำค้างได้ยินเสียงยายคนนี้...ฟังแล้วนึกพาล อยากถามสวนไปบ้าง

            “...ถ้าเปิดใช้บริการเมื่อไหร่ ก็แมสเสจมาบอกด้วยนะยะ!”

            อารมณ์ขุ่นขวางด้วยความอยากช่วยเหลือ พูดคุยกับโดม แต่ทำไม่ได้ เข้าใจว่าเด็กหนุ่มคงปิดโทรศัพท์ หลีกเลี่ยงปัญหาการตอบคำถาม

            แต่ทำอย่างนั้นก็เท่ากับปิดโอกาสคนที่หวังดี อยากช่วยเหลือเขาเช่นกัน

            ลานน้ำค้างกดโทรศัพท์อีกครั้ง...เป็นครั้งสุดท้าย และได้คำตอบเช่นเดิม จนถอดใจ ยอมรับความจริง

            ...เป็นห่วงไปก็เท่านั้น...ตัวเองทุกข์ใจเปล่า ๆ...ช่วยเขาไม่ได้แล้วตัวเองต้องโมโห ร้อนใจขนาดนี้ นับว่าไม่เข้าท่าเอาเสียเลย

            ยิ่งเห็นตัวโทสะโผล่ขึ้นมาตอนโทรไม่ติด ก็เห็นว่า ความปรารถนาดีของตนสามารถถูกพลิกเปลี่ยนเป็นอารมณ์ร้ายได้ภายในชั่วพริบตา

            สุดท้ายก็ยอมแพ้...

            เอาเถอะโดม...ถ้าต้องการความช่วยเหลือเมื่อไหร่ สามารถโทรมาหาพี่ได้ทุกเมื่อนะ...

            หญิงสาวฝากวาจาไว้กับสายลม...


- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -



            ผลเลือดลานน้ำค้างอยู่ตรงหน้าหมอน่าน มันเป็นความจริงที่เขาไม่สามารถเปลี่ยนแปลง แม้ใจหายวาบ แต่ก็ต้องยอมรับ สิ่งสมควรทำเวลานี้ไม่ใช่พยายามหลีกเลี่ยงหนีมัน แต่ต้องก้าวไปเผชิญหน้า แก้ไขอย่างเต็มกำลัง


            คุณหมอหนุ่มเลือกที่จะโทรไปหาคุณดาริกาก่อน

            “สวัสดีครับคุณน้า” เขาพยายามรักษาน้ำเสียงให้เป็นปกติ

            “จ้ะน่าน มีอะไร โทรมาหาน้าถึงโรงเรียนเชียว” เสียงรับสดใสแกมแปลกใจเล็กน้อย

            “มีธุระนิดหน่อยครับ” น่านตั้งสติก่อนพูดต่อ “พรุ่งนี้คุณน้าพอจะพาเจ้าลานมาหาผมที่โรงพยาบาลได้ไหมครับ”

            “มีอะไรหรือเปล่าน่าน” คุณดาริกาเริ่มกังวล

            “เมื่ออาทิตย์ก่อน ลานเขามาตรวจร่างกาย แล้วตอนนี้ผลออกมาแล้ว...” หมอน่านหยุดคิดหาคำพูดต่อขณะที่คุณดาริกาตั้งสติรอฟัง

            “...ผมเลยอยากให้คุณน้าพาเจ้าลานมาฟังผลพร้อมกัน”

            “ผลตรวจร่างกาย...มีปัญหา...ใช่ไหม” คุณดาริกาถามอย่างเกรง ๆ

            “ครับ” หมอน่านตอบสั้น ๆ

            “ลานป่วยเป็นโรคอะไร” คำถามตรง จนคนเป็นหมอลำบากใจที่จะตอบทางโทรศัพท์

            “พรุ่งนี้มาดูผลพร้อมกับลานดีมั้ยครับ ผมจะอธิบายให้ฟังทีเดียวเลย”

            “น่าน...” เสียงคุณดาริกาอ่อนลง มีกระแสอ้อนวอนอยู่ในนั้น “ลานไม่ได้เป็นโรคร้ายแรงอะไรใช่มั้ย”

            หมอน่านหยุดคิดชั่วขณะก่อนตอบ

            “ผมเชื่อว่ารักษาได้ครับ”

            “จ้ะ...น้าเชื่อใจน่าน”

            ถึงคุณดาริกาจะพูดเช่นนั้น แต่เจ้าตัวไม่ใช่คนโง่ หากไม่ใช่โรคร้ายแรง มีหรือหมอน่านจะโทรหา บอกให้เธอพาลานน้ำค้างไปโรงพยาบาล...

            “แล้วน่านบอกเจ้าลานหรือยัง”

            “ยังครับ ผมตั้งใจโทรบอกคุณน้าก่อน แล้วค่อยบอกลานทีหลัง”

            “ไม่ต้องหรอก” คุณดาริกาพูดหนักแน่น “เรื่องนี้น้าจัดการเอง จะบอกให้เขาพาน้ามาโรงพยาบาลก็แล้วกัน ไม่อยากให้รู้ล่วงหน้าว่าเป็นเรื่องของตัวเอง เดี๋ยวจะวิตกกังวลเปล่า ๆ”

            ถึงตอนนี้คุณดาริกาทำได้เพียงพยายามปกป้องความรู้สึกลูกสาวไว้จนถึงวินาทีสุดท้าย

            “ครับ คุณน้า” หมอน่านเข้าใจ

            หากเป็นคนไข้อื่น เขาจะนัดวันฟังผลเลือดแล้วบอกกันวันนั้นเลย แต่ลานน้ำค้างตรวจเลือดแบบไม่ผ่านระบบถูกต้องของโรงพยาบาล เขาต้องรับผิดชอบเอง ถ้าผลเลือดปกติก็ดีไป ไม่ต้องพูดมาก พอเห็นผลเช่นนี้ ก็ต้องหาวิธีพูดไม่ให้หวั่นไหวเกินไป

  

- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            วันนี้เป็นวันอังคาร ปันปันจะได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว ถ้าเป็นเมื่อก่อน เด็กหญิงจะดีใจ พูดจาแจ้ว ๆ ยิ้มหน้าบานไม่ยอมหุบแก้มทั้งวัน แถมมีทั้งแม่และพี่ชายมารับด้วย ยิ่งทำให้ความดีใจเพิ่มเป็นทวีคูณ

            แต่ปันปันกลับยิ้มไม่ออก ใจห่อเหี่ยว รู้ว่าโอกาสเจอ “พี่ลาน” คงหมดลงวันนี้เหมือนกัน

            ใจหาย เสียดายอย่างบอกไม่ถูก หนูน้อยไม่เคยคุ้นเคยถูกชะตากับใครมากเท่าพี่สาวคนนี้เลย เวลาที่ได้พบกันช่างน้อยเหลือเกิน

            กำหนดออกจากโรงพยาบาลของปันปันเป็นช่วงบ่าย ต้องรอให้คุณหญิงรัดเกล้าสะสางงานที่บริษัทเรียบร้อยก่อน ช่วงเช้าถึงเที่ยงเด็กหญิงจึงว่างไม่รู้จะทำอะไร ขี้เกียจนั่ง ๆ นอน ๆ ในห้อง จะแอบหนีไปเที่ยวเล่นข้างนอกก็ยาก มีคุณพยาบาลพิเศษคอยดูแลใกล้ชิดขนาดนี้

            พอเบื่อมากเข้าก็อ้อนคุณพยาบาลให้พาไปหาคุณหมอน้ำทิพย์

            “เดี๋ยวปันปันจะไม่ได้เจอคุณหมอแล้ว ปันปันต้องไปลาคุณหมอก่อนใช่มั้ยคะ” เด็กหญิงให้เหตุผล

            เท่านี้ เจ้าตัวเล็กก็เดินจูงมือคุณพี่พยาบาลออกมาเดินนอกห้องได้ ระหว่างทางก็หาเรื่องเถลไถลไปเรื่อย ๆ

            เดินมาได้หน่อยก็รู้สึกแปลก... ใจวูบ สัมผัสกระแสบางอย่างที่คุ้นเคย ในใจรู้ว่ามีใครบางคนอยู่ใกล้...คนนั้นอยู่ไม่ห่างเลย

            “ไปทางนี้ก่อนนะคะคุณพี่พยาบาล” ปันปันดึงมือพยาบาลไปอีกทาง ที่ไม่ใช่ห้องหมอน้ำทิพย์

            “คุณหมอไม่ได้อยู่ทางนั้นนะคะน้องปันปัน” พยาบาลพิเศษค้าน พยายามฉุดมือตัวกวนมาอีกทาง

            “มาก่อนนะ...แป๊บเดียวเอง ปันปันไม่เถลไถลหรอก” เจ้าตัวน้อยพูดหน้าซื่อ

            พยาบาลสาวกลั้นยิ้ม...ที่บอกว่าไม่เถลไถลน่ะ...ตอนนี้มันเกินกว่านั้นแล้ว...บอกจะไปหาหมอน้ำทิพย์ แต่แม่คุณเล่นพาเดินเที่ยวซะรอบตึก

            “ค่ะ ไปก็ได้ ไม่เถลไถลจริง ๆ นะ”

            “จริง ๆ ซี่” เด็กหญิงยืนยัน

            ปันปันฉุดมือคุณพยาบาลเดินไปตามทางที่ตนเองรู้สึก...ยิ่งนานยิ่งใกล้จุดหมายในใจเรื่อย ๆ จนกระทั่งมองเห็นผู้หญิงสองวัยเดินคู่กันอยู่บนระเบียงทางเดิน

            “พี่ลาน!” ปันปันร้องลั่น ดีใจ รีบปล่อยมือพยาบาลแล้วโผไปหาหญิงสาวที่ตนเองรอคอย

 

            ลานน้ำค้างชะงักเมื่อได้ยินเสียงเรียกคุ้นหู ยังไม่ทันตั้งตัวก็เห็นร่างเล็ก ๆ โผเข้ามาหา จึงย่อตัวลงโอบรับเจ้าตัวน้อยอย่างเต็มแรง

            “พี่ลาน...พี่ลาน...คิดถึงจังเลย ปันปันคิดถึงพี่ลาน...” ปันปันส่งเสียงแจ้ว ๆ กอดรัดคอหญิงสาวเสียแน่นจนแทบหายใจไม่ออก ดวงหน้าน้อยยิ้มกว้าง นัยน์ตาใสทอประกายพราว

            “ปันปันหรือจ๊ะ ตายแล้ว พี่เกือบจำไม่ได้ ทำไมแข็งแรงจังหือ...รัดคอพี่จนหายใจไม่ออก” หญิงสาวทักทายแกมหยอกล้อ

            คุณดาริกายืนมองลูกสาวกับเด็กหญิงอย่างงง ๆ...

            ลานน้ำค้างกับมารดามาหาหมอน่านตามนัด แต่หญิงสาวไม่รู้ว่าจุดประสงค์จริงคือมาฟังผลตรวจร่างกายของตน

            ทั้งสองขึ้นตึกเพื่อไปหาหมอน่าน จู่ ๆ ก็มีเด็กหญิงตัวน้อยโผเข้ามาหาลานน้ำค้างด้วยท่าทางดีใจเต็มที่ ทำให้คุณดาริกาต้องหยุดรอชั่วขณะ

            หลังจากหญิงสาวกับเจ้าตัวเล็กทักทายกันจนหายคิดถึงแล้ว ลานน้ำค้างก็แนะนำมารดาตนให้ปันปันรู้จัก

            “นี่คุณแม่พี่จ้ะ ปันปัน”

            “สวัสดีค่ะ” ปันปันย่อตัว ยกมือไหว้สวย

            “สวัสดีจ้ะ หนูชื่อปันปันหรือคะ” คุณดาริกาก้มตัวทักทายตอบ

            “ค่ะ...ปันปันกำลังจะออกจากโรงพยาบาลวันนี้แล้ว ดีใจจังเลยได้เจอกับพี่ลานอีก”

            เด็กหญิงพูดกับคุณดาริกาด้วยเรื่องราวที่เธอไม่เข้าใจ ความที่เป็นครู จึงพอรู้ว่าเด็กมักพูดในสิ่งที่ตัวเองเข้าใจ แล้วก็คิดว่าผู้ใหญ่น่าจะเข้าใจเหมือนกัน

            ลานน้ำค้างหันมามองมารดา ยิ้มน้อย ๆ ก่อนอธิบายสั้น ๆ

            “น้องปันปันเป็นคนป่วยที่นี่ค่ะแม่...ลานมาเจอน้องเขาคราวก่อน ได้พูดคุยสนิทกัน วันนี้น้องเขาจะออกจากโรงพยาบาลแล้ว...ก็ได้เจอลานพอดี”

            “อ๋อ” คุณดาริกาเพิ่งเข้าใจ

            “พี่ลานไปห้องปันปันก่อนได้มั้ย” เด็กหญิงรบเร้า

            “เอ่อ...พี่มีธุระ ต้องไปกับคุณแม่จ้ะ” ลานน้ำค้างบอก

            “นะ...นะ แป๊บเดียวเอง” ปันปันเขย่ามือเว้าวอน

            ลานน้ำค้างลังเลใจ ตอบไม่ถูก คุณพยาบาลเลยช่วยพูดให้

            “อ้าว ไหนน้องปันปัน บอกว่าจะไปลาคุณหมอน้ำทิพย์ก่อนไงคะ”

            “เดี๋ยวค่อยลาก็ได้” เด็กหญิงทำหน้าเง้า “ปันปันกลับบ้านตอนบ่าย ยังมีเวลาตั้งเยอะ พี่ลานไปห้องปันปันก่อน ปันปันมีของจะให้ด้วยล่ะ”

            ลานน้ำค้างกระอักกระอ่วน ทำตัวไม่ถูก เงยหน้ามองมารดาเพื่อขอความเห็น

            “ลานไปกับน้องก่อนก็ได้ลูก เดี๋ยวแม่ไปหาน่านเขาเอง เสร็จแล้วลานค่อยตามไป”

            พอคุณดาริกาพูดเช่นนั้น หญิงสาวค่อยยิ้มออก

            “งั้นพี่ไปแป๊บเดียวจริงนะปันปัน” ลานน้ำค้างบอกเด็กน้อย “เสร็จแล้วพี่ต้องพาคุณแม่ไปหาหมอ”

            “แป๊บเดียวจริงจริ๊ง...ปันปันไม่โกหก...รับรองจ้า” เด็กหญิงพยายามทำเสียงให้น่าเชื่อถือ คุณพยาบาลฟังแล้วยังอดยิ้มไม่ได้

            เรื่องที่ปันปันรับรองนี่ เชื่อถือไม่ค่อยได้เท่าไหร่ เพราะเดี๋ยวเดียวเจ้าตัวก็ลืมเสียแล้ว


- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            ห้องปันปันอยู่ไม่ไกล มา “แป๊บเดียว” ถึง แต่ใช่ว่าลานน้ำค้างจะปลีกตัวได้ทันที เจ้าตัวเล็กรีบไปค้นรูปที่ตนเองวาดมาอวดหญิงสาว เสร็จแล้วก็เลือกรูปสวยที่สุดให้ลานน้ำค้างไว้เป็นที่ระลึก

            “ขอบใจนะจ๊ะ” ลานน้ำค้างรับรูปนั้นมาดูก่อนชมตามมารยาท “ปันปันวาดรูปสวยจังเลย”

            เจ้าตัวเล็กยิ้มแก้มปริ เกือบหลุดปากบอกไปแล้วว่า อยู่โรงพยาบาลทั้งวัน ไม่มีอะไรทำนอกจากวาดรูปกับดูการ์ตูน ขืนวาดไม่สวยก็แย่แล้ว

            ลานน้ำค้างพับรูปเก็บใส่กระเป๋า ก่อนจะปลีกตัวลา

            “งั้นพี่ไปหาแม่ก่อนนะจ๊ะ เสร็จแล้วจะแวะมาอีกที ปันปันกลับบ้านตอนบ่ายใช่มั้ยเอ่ย”

            “ค่ะ...ตอนบ่ายทั้งแม่ ทั้งพี่ปอนจะมารับปันปันด้วย เดี๋ยวพี่ลานมาอีกทีแล้วอยู่รอเลยสิ...ปันปันอยากให้พี่ลานได้เจอแม่ปันปันกับพี่ปอนจังเลย”

            ลานน้ำค้างแอบยิ้มแหย ๆ นึกในใจ...พี่คงไม่กล้าอยู่รอจนเจอแม่กับพี่ชายปันปันหรอกจ้ะ...

            “งั้นพี่ไปก่อนนะจ๊ะ คงไปไม่นานหรอก เสร็จแล้วจะกลับมาหาปันปันอีกที”

            “สัญญานะ” เด็กหญิงชูนิ้วก้อย ขอคำสัญญาทันที

            ลานน้ำค้างหัวเราะเบา ๆ กำลังจะยื่นนิ้วไปเกี่ยวก้อยสัญญา โดยมีคุณพยาบาลเป็นพยานยืนยัน...แต่แล้วประตูห้องคนไข้ก็เปิดออกมาก่อน

            คนที่เดินเข้ามานั้น เป็นบุคคลที่ลานน้ำค้างไม่อยากเจอในเวลาเช่นนี้เลย

            “พี่ปอน!” ปันปันหันไปเห็นพี่ชาย จึงร้องอย่างดีใจ ลืมเรื่องเกี่ยวก้อยสัญญาทันที

            “พี่ปอน พี่ปอน...ปันปันเจอพี่ลานแล้วล่ะ...เจอแล้ว พี่ลานคนนี้ไง สวยมั้ยล่า...ปันปันหาเจอเองด้วยนะ”

            ปันปันรีบวิ่งเข้าไปหาพี่ชาย พูดจาเหมือนกำลังอวดตุ๊กตาตัวใหม่

            ลานน้ำค้างใจหล่นวูบ นึกอยากหายตัวโดยเร็วที่สุด...

            เลียบเมืองยืนมองหญิงสาวที่อยู่ในห้องกับน้องสาวอย่างแปลกใจปนสนเท่ห์

            ...นี่นะ... ‘พี่ลาน’ ของปันปันที่เขาต้องเสียเวลาตามหา

            ใครจะคิดว่าอยู่ใกล้ตัวแค่นี้...ผู้ช่วยเลขาของมารดาเขาเอง...



(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP