สารส่องใจ Enlightenment

เล่นสงกรานต์ (ตอนที่ ๒)



พระธรรมเทศนา โดย พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน)

เทศน์อบรมฆราวาส ณ สวนแสงธรรม
เมื่อวันที่ ๑๖ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๖



เล่นสงกรานต์ (ตอนที่ ๑) คลิก


งานภาวนาท่านถือว่ามีคุณค่ามีน้ำหนักมากกว่างานกุศลทั้งหลาย
แม้ท่านผู้บรรลุไปก็ต้องผ่านภาวนาเสียก่อน ผ่านภาวนาแล้วพ้นทุกข์ได้เลย
ให้พากันอุตส่าห์พยายามนะ
หลวงตาสงสารพี่น้องทั้งหลาย การพูดอย่างนี้นะหลวงตาสงสาร
คือธรรมชาติอันนี้ถูกกิเลสมันปิด
ความขี้เกียจขี้คร้าน ความไม่เอาไหน ความไม่เชื่อ เหล่านี้เป็นกิเลสทั้งนั้น
เราจะพยายามทำให้เห็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอน มันไม่อยากทำ มันกีดมันขวาง
คำว่ากีดว่าขวางคือกิเลสนั้นแหละเข้ากีดเข้าขวางไม่ให้ทำ
แต่เมื่อเราอุตส่าห์พยายาม ทำไปๆ จิตของเราจะสงบได้นะ
คือจิตธรรมดามันจะหมุนอยู่อย่างนี้
พอตื่นนอนแล้วมันจะหมุนของมันออกตลอดเวลา ไม่หยุด



ทีนี้เพื่อให้ระงับการหมุนของมันนี้
ท่านจึงสอนให้ภาวนาพุทโธ เหมือนน้ำดับไฟดับพรึบลงนี้
หรือเอาคำว่าพุทโธแทนความคิดที่เป็นฟืนเป็นไฟอันนี้ด้วยคำบริกรรมภาวนา
เอาพุทโธๆ ติด มันจะคิดไปไหนไม่ให้คิด เอาพุทโธบังคับไว้
พอพุทโธบังคับนานเข้าๆ จิตมันจะคิดไปหาฟืนหาไฟไม่ได้
มันก็ต้องยอมรับคำบริกรรม
คำบริกรรมนี้เป็นธรรมระงับดับทุกข์
ทีนี้พอบริกรรมเข้ามากๆ อันนี้จะสงบลงๆ สงบแน่ว
เรื่องราวทั้งหลายที่ยุ่งเหยิงวุ่นวายสงบไปหมด
เหลือแต่ความรู้กับธรรมอยู่ด้วยกัน สว่างไสว เย็นใจ
นี่ผลของการภาวนา เป็นของดีเยี่ยมทีเดียว



ที่หลวงตาได้มาสอนพี่น้องทั้งหลายนี้ ไม่ได้มาด้นเดาเกาหมัดสอนท่านทั้งหลายนะ
เอามาจนแทบเป็นแทบตาย บางครั้งถึงขั้นจะสลบ แต่ไม่เคยสลบก็บอกว่าไม่สลบ
ถึงจะไม่เคยสลบก็ตาม เมื่อถึงวาระที่มันจะตายจริงๆ ต่อสู้กับกิเลสตายเลย ไม่มีคำว่าถอย
เราก็ได้พยายามทำมาอย่างนี้
เรื่องคำพูดที่ว่ามันตะเกียกตะกาย ใครๆ เป็นเหมือนกันหมด
ในเบื้องต้นตะเกียกตะกาย ครั้นต่อมาล้มแล้วลุก ลุกแล้วคลานไปได้
ครั้นต่อมาก็เดินได้ ตั้งไข่ได้ ต่อมาวิ่งได้เหมือนเด็ก ถ้าเราฝึกอยู่เสมอ
นี่เราก็เคยทำมาเต็มกำลังความสามารถแล้ว
จึงมาสอนพี่น้องทั้งหลายด้วยความไม่สงสัยในธรรมพระพุทธเจ้า
เป็นธรรมสดๆ ร้อนๆ เป็นตลาดแห่งบุญแห่งกุศล แห่งมรรคผลนิพพาน สดๆ ร้อนๆ ตลอดมา



ขอให้พากันยึด อย่าปล่อยอย่าวาง เราเป็นลูกชาวพุทธ
ไม่เช่นนั้นกิเลสจะฉุดลากจมลงในกองทุกข์ มหันตทุกข์กันหมดจะไม่มีอะไรเหลือนะ
ให้เรารับผิดชอบเราเอง ฝืนเราเองจากความชั่วทั้งหลาย
แล้วอุตส่าห์พยายามทำความดีให้ได้ไปทุกวันๆ
แล้วความหวังของเราไม่ต้องบอก หากเกิดขึ้นจากการกระทำของเรา
เราจะไม่หวังมันก็รู้ขึ้นภายในใจ รู้ขึ้นๆ ภายในใจ
เพราะสร้างความดีที่จะทำให้เราสมหวัง
สร้างไปสร้างมา ความหวังก็ปรากฏขึ้น จากนั้นก็ถึงจุดที่หมาย พากันทำทุกคนนะ



พระพุทธศาสนาเลิศที่ภาวนา
การให้ทาน การรักษาศีล บริจาคทานมากน้อยนั่นเป็นกิ่งก้านสาขาของภาวนา
ภาวนานี้เรียกว่าแก่นแห่งพระพุทธศาสนา
พระพุทธเจ้าตรัสรู้จากการภาวนา พระสงฆ์สาวกตรัสรู้จากการภาวนา
ให้เราถือหลักภาวนานี้ไว้เป็นหลักเป็นเกณฑ์ ระงับดับกิเลสประเภทต่าง ๆ ก็ได้
เช่นไม่พอใจในผู้หนึ่งผู้ใด ในหญิงในชาย ในสัตว์ในบุคคล
สามีภรรยา ซึ่งเป็นเหมือนลิ้นกับฟัน มักจะกระทบกันเสมอ
สามีภรรยานี่เหมือนลิ้นกับฟัน มันคอยกระทบกันเสมอ
นี่หลวงตาพูดเพื่อให้เกียรติ สามีภรรยาซึ่งเป็นเหมือนลิ้นกับฟัน มันกระทบกันเสมอ



ถ้าให้มันเทียบกันจริง ๆ ให้เหมาะสมแล้ว สามีภรรยานี้ก็คือคู่หมากัดกัน จนเลือดสาด
แล้วทีนี้จะไปหาโทษกับใคร อันนี้ก็สามี อันนี้ก็ภรรยา อันนี้ก็ลิ้น อันนี้ก็ฟัน
กัดกันแล้วเลือดสาดก็ยอมรับเอา เจ้าของประมาท ลิ้นกับฟันกัดกันเอง
อันนี้สามีภรรยาหากมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งประมาทผิดพลาด
จึงทำให้เป็นหมากัดกัน เลือดสาดลงมา
จิตเมื่อมันมีอย่างนั้นขึ้นมานะ ไม่พอใจผู้ใด
พอเราระลึกถึงภาวนาทำจิตสงบถอยเข้ามานี่ปั๊บ
เรื่องราวทั้งหลายจะหยุด มันจะสงบเข้ามาอยู่ที่นี่
เพราะฉะนั้นการภาวนาจึงระงับเหตุการณ์ต่างๆ ได้เป็นอย่างนี้



ให้ท่านทั้งหลายจำเอาไว้นะ
เวลามันมีเหตุการณ์ต่างๆ ที่จะมาทำลายจิตใจให้เดือดร้อนวุ่นวาย
ให้ระลึกถึงพุทโธๆ อย่างน้อยพระพุทธเจ้าท่านไม่ได้โกรธนี่น่ะ
ไอ้เราทำไมโกรธแข่งพระพุทธเจ้า
จะเรียนวิชาหมาสู้พระพุทธเจ้าเหรอ ไปเห่าพระพุทธเจ้า กัดพระพุทธเจ้า
มันมีอย่างเหรอ มันก็สงบได้
เพราะฉะนั้น การภาวนาจึงเป็นธรรมสำคัญมาก
สงบอารมณ์ต่างๆ เหตุการณ์ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
พอเราระลึกถึงภาวนา อย่างหนึ่งจิตของเราสงบแล้ว
พอกระเพื่อมออกปั๊บมันจะรู้ทันที แล้วระงับตัวทันที เรื่องราวก็ไม่เกิด
นี่ละการภาวนาสำคัญอยู่มากทีเดียว



ถ้าไม่ได้ภาวนาแล้วเอะอะมันก็ออกแล้วๆ
เพราะจิตประเภทนี้มันอยู่ปากคอก พอเปิดประตูคอกมันจะออกทันทีๆ
เมื่อมีธรรมบังคับมันอยู่แล้ว จะเปิดให้ออกก็ออก ไม่เปิดให้ออกมันออกไม่ได้
เพราะธรรมบังคับไว้ด้วยจิตตภาวนา มีความรู้สึกตัว
ทีนี้จิตมีความสงบเย็นจนกระทั่งจิตเป็นฐานแน่นหนามั่นคงแล้ว ไม่ได้โกรธง่ายๆ นะ
กระทบกระเทือนอะไร ไม่ได้โกรธง่ายๆ
แม้จะมาสัมผัสก็แย็บๆ ไม่กระเทือน แล้วมันก็ระงับของมันลงไปทันที
นี่ละอำนาจแห่งธรรมรักษาใจ อย่างอื่นมารักษาใจไม่ได้นะ
ยิ่งให้กิเลสรักษาใจแล้วมันกินเลี้ยงกันเลยละ เอาใจเราไปกินเลี้ยงกินโต๊ะกันหมด
ต้องให้ธรรมรักษา พากันเข้าใจนะ



วันนี้เราก็พูดเพียงเท่านี้ เมื่อสองสามวันผ่านมานี้ก็พากันสนุกสนานทั่วประเทศไทย
เล่นว่าสงกรานต์ เล่นสงกรานต์เป็นความสนุกสนาน
การเล่นสงกรานต์ให้เป็นประเพณีอันดีงามแก่กันและกันแล้ว
มันต้องลดฐานะตำแห่งยศถาบรรดาศักดิ์ทั้งหมดลงด้วยกันโดยสิ้นเชิง
ไม่มีผู้ใหญ่ผู้น้อยยศถาบรรดาศักดิ์สูงต่ำ อวดดีอวดเด่นต่อกัน อย่างนี้ไม่มี
ถ้ามีแล้วจะขัดกัน ไม่ตรงกับว่าสงกรานต์
คือต่างคนต่างลดทิฐิมานะ สละทุกสิ่งทุกอย่าง
ไม่ให้มีค่ามีราคาในเวลาเล่นสนุกสนานกัน เขากับเราเป็นเพื่อนสนิทสนมกัน
ประสานกันด้วยการเล่นด้วยความสนุกสนาน ให้พากันจำเอาไว้



ปู่ ย่า ตา ยาย เราพาเป็นมา เป็นความประสับประสานกันได้ดี
คือเมื่อเล่นกันแล้วต้องลดทุกอย่างดังที่ว่านี้นะ
ยศถาบรรดาศักดิ์สูงต่ำอะไรไม่ยุ่งเวลานั้น
อะไรทุกอย่างถ้ามันจะเป็นฤทธิ์เป็นเดช เป็นเสี้ยนเป็นหนาม หรือเป็นเขี้ยวเป็นเขา
ให้ตัดออกหมด ให้มีตั้งแต่ความสนิทกัน ความเล่นสนุกสนานต่อกันเท่านั้น
เมื่อเป็นเช่นนั้นมันก็สมานกันได้ดี
การเล่นสงกรานต์คือความสมัครสมานน้ำใจซึ่งกันและกัน
ไม่ถือเนื้อถือตัว ไม่เย่อหยิ่งจองหอง ในเวลาเล่นสงกรานต์เช่นนั้น



ปีหนึ่งๆ จึงมีครั้งหนึ่งๆ
เพื่อให้บรรดาพี่น้องทั้งหลายประสับประสานกันด้วยความสนิทสนม กลมกลืนซึ่งกันและกัน
ให้พากันจำเอาไว้นะ ถ้าการเล่นสงกรานต์ยังมีเย่อหยิ่งจองหองต่อกันอยู่
ใครเป็นอย่างงั้นอย่าเข้าไปเล่น ขัดกับงานสงกรานต์
เขาไม่มีการยึดการถือกันเวลานั้น ต้องลดให้หมด มีแต่ความสนุกสนานรื่นเริง
และก็ได้คติจากกันมาใช้ๆ ประสับประสานกันทั่วประเทศเรา
ด้วยอำนาจแห่งการเล่นสงกรานต์ คือการประสานน้ำใจกัน ให้พากันเข้าใจ

เรื่องทองคำดอลลาร์วันนี้ไม่พูดล่ะ มันพูดเสียเหลือประมาณ ต่อไปนี้จะให้พร


- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -- - - - - - - - - - - - - - - -


ที่มา http://bit.ly/2mB8WA9


แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP