วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

เถ้าน้ำค้าง ๑๙



Tao Nam Kang - front re



ชลนิล




(ต่อจากฉบับที่แล้ว)



            “น้องสาวคุณเลียบเมือง ยังอยู่โรงพยาบาลหรือเปล่าครับ” บูรพาถามลอย ๆ

            “จ้ะ...ยังอยู่... เอ๊...น้องรู้ได้ยังไง หรือว่าลานเป็นคนบอก” พี่มุกสงสัย

            บูรพาสบตาลานน้ำค้าง ความเข้าใจตรงกัน...วันที่ลานน้ำค้างต้องการไปเยี่ยมเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ไม่กล้าเข้าไป เพราะในห้องมีแม่กับพี่ชายเธออยู่...

            นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่บูรพาพบเลียบเมือง แต่เป็นครั้งแรกที่เห็นชัดเจนขนาดนี้!

            ลานน้ำค้างกระอักกระอ่วนใจ ปกติบูรพาไม่เคยมีท่าทีประชดประชัน ไม่เคยใช้แววตาวับ ๆ เหมือนจุดประกายโทสะตลอดเวลาเช่นนี้ ...คราวก่อนที่โรงพยาบาลเขาก็เป็น ครั้งนี้ก็แทบไม่แตกต่างกัน

            ส่วนโดมเงียบกว่าที่เคยเงียบ ในความเงียบมีวาจานับล้านคำ ส่งผ่านมาทางดวงตา เป็นคำพูดที่หญิงสาวไม่กล้าแปลมันเป็นความหมาย

            เมื่อสัมผัสความรู้สึกจากชายทั้งสองชัดเจนเช่นนี้ หล่อนควรทำอย่างไร...พยายามอธิบายให้เข้าใจเช่นนั้นหรือ?

            ...ช่างมันเถอะ...คำตอบจากใจง่ายดาย

            ไม่เห็นจำเป็นต้องอธิบายอะไรมากมายเลย ทุกอย่างก็รู้กันอยู่แก่ใจ...

            เลียบเมืองไม่เคยมองหล่อนเกินไปกว่านักศึกษาฝึกงานคนหนึ่ง จำชื่อได้หรือเปล่ายังไม่แน่ใจ...เช่นเดียวกับที่ลานน้ำค้างยังมองบูรพาเป็นแค่เพื่อน มองโดมเหมือนน้องชายคนหนึ่ง...เพราะฉะนั้น ถ้าใครจะหาทุกข์มาเพิ่มให้ใจตัวเอง ก็เป็นเรื่องของคน ๆ นั้น หล่อนคร้านที่จะปั่นใจตัวเองให้ฟุ้งซ่าน วุ่นวายแล้ว...

            “แล้วเธอป่วยเป็นโรคอะไรหรือครับ” บูรพาถามเรื่อย ๆ แทนการตอบพี่มุก

            “อ๋อ...โรคหัวใจจ้ะ ต้องผ่าตัด แต่เรียบร้อยแล้ว ปลอดภัยดี ตอนนี้แค่พักฟื้น รอออกจากโรงพยาบาลเท่านั้นเอง” มุกดาตอบโดยไม่เห็นความจำเป็นต้องปิดบัง

            “ขอโทษครับ ผมต้องขอตัวไปเล่นดนตรีต่อ” โดมพูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เขาไม่สามารถนั่งอยู่... แล้วฟังเรื่องราวครอบครัวเลียบเมืองได้มากกว่านี้อีกแล้ว

            “อ้าวน้องโดม ทำไมรีบไปจังล่ะ” พี่มุกดาพูดอย่างเสียดาย

            โดมยื่นสมุดที่เซ็นชื่อคืนให้โดยไม่พูดอะไร

            “ว่าง ๆ ก็โทรหาพี่ได้นะ” บูรพาบอก

            “ครับพี่” เด็กหนุ่มรับคำ สายตาหันมามองหญิงสาวคล้ายจะรอคำพูดบางคำ

            “พี่จะรอฟังผลงานจ้ะ” ลานน้ำค้างพูดจากใจจริง พอเห็นแววตาของโดมที่มองมาราวกับตัดพ้อ ก็ทำให้หัวใจกระตุก หลุดคำพูดบางคำออกมาโดยไม่ตั้งใจ

            “มีอะไรก็โทรหาพี่ได้นะ อย่าเงียบไปเลยล่ะ” ท้ายเสียงพยายามพูดให้สดใส

            โดมพยักหน้า ดวงตาไม่ถึงกับตัดพ้อเท่าเดิม แต่ไม่มีคำว่า ‘ครับ’ อย่างเคย

            บูรพามองตามหลังเด็กหนุ่ม จากหลายสิ่งที่เห็น สังเกตทำให้พอเข้าใจความรู้สึกกันได้ น่าแปลกที่เขากลับไม่มีความแหนงใจ ขัดตา หรือรู้สึกไม่ดีอย่างใดกับโดมเลย

            อาจเพราะรู้ว่า ลานน้ำค้างไม่มีทางมองเด็กหนุ่มเกินกว่าน้องชายแน่ ๆ

            “ลาน...” เสียงบูรพาดังขึ้น

            “มีอะไร” หญิงสาวหันมาถามอย่างสงสัย

            ชายหนุ่มอึ้งไปครู่หนึ่ง ใจจริงไม่คิดอยากถามอะไร แค่อยากเรียกชื่อเธอเท่านั้น

            “เธอไปเยี่ยมลูกสาวเจ้านายหรือยัง” เป็นคำถามแรกที่เขานึกได้

            ลานน้ำค้างอ้ำอึ้ง นึกไม่ออกจะตอบอย่างไร จะบอกว่าไปแล้ว พี่มุกคงสงสัยว่าหล่อนไปเมื่อไหร่ ถ้าบอกว่ายัง... ก็เท่ากับโกหก

            “เอ่อ...” ระหว่างลังเลใจ พี่มุกก็พูดขัดขึ้นมาก่อน

            “จริงสิ...น้องลานยังไม่เคยไปเยี่ยมน้องปันปันกับพี่เลย” คนพูดไม่ทันรู้ความนัยอะไร แต่ลานน้ำค้างเหมือนได้รับนิรโทษกรรม

            ชั่วขณะที่ได้ยินชื่อปันปัน ใจก็อดหวนคิดถึงเด็กหญิงไม่ได้ และเวลานั้นเองลานน้ำค้างรู้สึกเสมือนถูกต่อขั้วสวิตซ์ เกิดการเชื่อมโยงทางจิตใจโดยไม่ทันตั้งตัว

            ภาพของปันปันแวบมาในหัว...เด็กหญิงกำลังนอนกระสับกระส่ายอยู่ในโรงพยาบาล คล้ายตกอยู่ในห้วงฝันร้าย จิตใจหมกมุ่นหวาดกลัว

            ภาพแวบนั้นหายไปชั่วเวลาไม่นาน ความรู้สึกของปันปันกลับค้างคาในใจลานน้ำค้าง ความกระสับกระส่าย กังวล ครอบคลุมจิตใจหล่อนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

            “ลาน...เป็นอะไรไป ทำไมหน้าซีดเชียว” บูรพามักเป็นคนแรกที่สังเกตความผิดปกติในตัวหญิงสาว

            “ไม่เป็นไร” ลานน้ำค้างตอบทั้งที่ใจหวิว ๆ

            มุกดาเอื้อมมือมาจับแขน บีบมือหล่อน แล้วอุทานอย่างเป็นห่วง

            “ตายแล้ว มือน้องลานเย็นเจี๊ยบเลย ไม่สบายหรือเปล่าจ๊ะนี่”

            อาการของลานน้ำค้างแย่ลงเรื่อย ๆ จนเจ้าตัวแทบทนไม่ไหว ต้องพูดเสียงแผ่ว

            “ค่ะ...เรากลับบ้านกันดีกว่านะคะ”

           บูรพาถือวิสาสะจับแขนหล่อน มองหญิงสาวอย่างเป็นห่วง สัมผัสที่ได้รับมันเย็นชืด ใบหน้าซีดผิดปกติ ตั้งแต่รู้จักกันมาลานน้ำค้างไม่เคยอ่อนแอขนาดนี้

            “กลับก็ดี แต่ยังไงต้องโทรบอกอาการพี่น่านก่อน ว่าควรทำยังไงต่อไป”

            ลานน้ำค้างขยับปากจะปฏิเสธ แต่บูรพากดโทรศัพท์ออกเสียก่อน หญิงสาวหวั่นวูบในใจ คิดว่าอาการตนเองคงไม่ธรรมดาเสียแล้ว...







บทที่ ๑๒



            ปันปันลืมตาตื่นกลางดึก ขยับตัวลุกขึ้นมองหาพยาบาลพิเศษ กลับพบบุคคลที่คิดไม่ถึงจะมาอยู่ที่นี่ ในเวลาดึกขนาดนี้

            “แม่...” เด็กน้อยส่งเสียงเรียก ผู้เป็นมารดานั่งอยู่ข้างเตียง มองมาด้วยดวงตาอ่อนโยน เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายยังอยู่ในชุดออกงาน

            “ทำไมแม่เพิ่งมาหาปันปัน” เด็กหญิงพูดแกมตัดพ้อ

            คุณหญิงยิ้มให้ลูกสาวเพลีย ๆ ช่วงวันสองวันที่ผ่านมาเธอมัวยุ่งเรื่องงานบริษัท งานสังคมจนแทบไม่มีเวลาส่วนตัว เพิ่งจะปลีกตัวมาดูลูกสาวได้ก็ตอนค่ำมืดเช่นนี้

            “ขอโทษนะจ๊ะ แม่งานยุ่งจริง ๆ” น้ำเสียงคุณหญิงบอกจริงตามนั้น

            “แม่เหนื่อยอย่างนี้ ทำไมไม่รีบไปนอน” ความที่เห็นแม่ทำงานหนักมาตลอด เด็กหญิงจึงเห็นใจ

            “แม่คิดถึงลูกนี่จ๊ะ” คุณหญิงโอบลูกสาวมากอดหลวม ๆ หอมแก้มเบา ๆ “แหม...ชื่นใจจัง”

            ปันปันหอมแก้มแม่คืน แถมด้วยรอยยิ้มสดใส ดวงหน้าเล็กแหงนมองมารดา ดวงตาใสแจ๋วมีร่องรอยครุ่นคิดชั่วขณะ ก่อนเอ่ยปากถาม

            “แม่ยังไม่เหนื่อยมากใช่มั้ยจ๊ะ”

            “พอเห็นหน้าลูก แม่ก็หายเหนื่อยแล้วล่ะ” คุณหญิงพูดแล้วยิ้มหยอกล้อลูกสาว

            “งั้นแม่นอนที่นี่กับปันปันนะ ปันปันมีเรื่องสำคัญจะบอกแม่ด้วย...” สีหน้า คำพูดเด็กหญิงไม่มีร่องรอยล้อเล่น

            “มีเรื่องอะไรหรือลูก” คุณหญิงถามเอาใจลูกสาวมากกว่าอยากรู้จริง

               “แม่ต้องระวังตัวนะ อย่าเดินทางไกล!”

            นี่คือเรื่องที่คาใจปันปันตั้งแต่ตื่นจากฝันคืนนั้น พยายามหาโอกาสบอกแม่ จนถึงตอนนี้

            “อะไรนะลูก” คุณหญิงขมวดคิ้ว “ระวังตัวอะไร? แล้วทำไมไม่ให้แม่เดินทางไกล”

            เด็กหญิงถอนใจราวกับผู้ใหญ่ ดวงตาใสกลม พยายามหาทางเลี่ยง ไม่ต้องการตอบคำถามตามตรงว่า ฝันเห็นพ่อมาเตือน กลัวแม่จะไม่เชื่อ ...

            “นะ...นะ...แม่อย่าเดินทางไกลนะ” เมื่อไม่มีวิธีไหนจะตอบคำถามได้น่าเชื่อถือ เจ้าตัวเล็กเลยใช้วิธีเซ้าซี้ ขอคำยืนยันแทนการตอบตามตรง

            “จ้า...จ้ะ ช่วงนี้แม่ยังไม่มีธุระเดินทางไกลไปไหนหรอก” คุณหญิงตอบกึ่งรับปากลูกสาว ในใจรู้สึกแปลก

            “ดีจังเลย...งั้นคืนนี้แม่นอนกับปันปันที่นี่นะ” พอคลายใจ เด็กหญิงก็เริ่มอ้อน ทำตาละห้อย

            “จ้ะลูก” เห็นอย่างนี้ คนเป็นแม่ก็ยากทำใจแข็งปฏิเสธลูกสาว

            “เล่านิทานให้ปันปันฟังด้วยนะ”

            คุณหญิงขยี้เส้นผมเจ้าตัวน้อยเบา ๆ ถ้าเป็นคนอื่นมาเรียกร้องกับเธอแบบนี้ คงโดนดุ...ได้คืบจะเอาศอก... แต่กับลูกสาวคนนี้ คุณหญิงยินดีกระทำด้วยใจเป็นสุข


   

- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            ลานน้ำค้างหน้ามุ่ย บูดบึ้ง อยากอาละวาด บูรพานำหล่อนมาโรงพยาบาลตามคำแนะนำของหมอน่าน ทั้งที่คืนนี้คุณหมอพี่ชายไม่ได้เข้าเวร แต่โทรศัพท์ฝากหญิงสาวให้กับคุณหมออีกคนเรียบร้อยแล้ว

            เพียงครั้งแรกที่ลานน้ำค้างเห็นหมอน้ำทิพย์ ก็เกิดความรู้สึกคุ้นเคย ถูกชะตาราวกับพบพี่สาวใจดีที่ตามหากันมานาน แต่ ‘พี่สาวใจดี’ คนนี้กลับซักถามอาการหล่อนอย่างละเอียด

            จากนั้นให้หมออีกคนพาไปเจาะไขกระดูก ตรวจเลือด เจ็บก็เจ็บ สงสัยว่าทำไมต้องเจาะไขกระดูก ตรวจกันละเอียดขนาดนั้น แต่ไม่กล้าบ่นเพราะเกรงใจ และรู้สึกไว้ใจหมอน้ำทิพย์อย่างไม่เคยไว้ใจใครมากขนาดนี้มาก่อน

            กว่าขั้นตอนต่าง ๆ จะผ่านพ้นเรียบร้อย เวลาก็ผ่านไปร่วมชั่วโมง

            ตอนนี้เหลือบูรพารอเป็นเพื่อน พี่มุกดากลับบ้านแล้ว ส่วนโดมไม่รู้ว่าหล่อนมาโรงพยาบาล จึงยังร้องเพลงอยู่ที่ร้าน ไม่ได้ตามมาด้วย

            ลานน้ำค้างนั่งมองคุณหมอน้ำทิพย์เขียนใบสั่งยาอย่างสนใจ ดวงตาที่อยู่หลังแว่นกรอบบางบอกความอ่อนโยน ใจเย็น ดวงหน้าเนียนใส ไร้เครื่องสำอาง เส้นผมดำขลับรวบง่าย ๆ ริมฝีปากบางพร้อมคลี่ยิ้มให้แก่ทุกคน เห็นแล้วลานน้ำค้างรู้สึกรอบตัวมีความปลอดโปร่ง เย็นสบายตามไปด้วย

            สักครู่ คุณหมอน้ำทิพย์เงยหน้ายื่นใบสั่งยาให้

            “โอ้โห ทำไมเยอะจังคะพี่หมอ” ลานน้ำค้างตาโต คำเรียกขานสนิทสนม

            “สองสามอย่างเอง เยอะแล้วหรือคะนั่น” หมอน้ำทิพย์ยิ้มอย่างเอ็นดู

            “ลานไม่สบายนิดเดียวเอง” หล่อนบ่นพึมพำ “สงสัยพี่หมอน่านต้องแกล้งให้พี่หมอสั่งยาเยอะ ๆ แน่เลย”

            “น่านเขาไม่ได้แกล้งหรอก” คุณหมอสาวแก้แทน

            “ไม่แกล้งได้ยังไง เล่นสั่งให้ลานไปเจาะไขกระดูก เจ็บจะตาย แถมยังมียาให้กินตั้งเยอะ ลานไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย” ถึงพูดอย่างนั้น เจ้าตัวก็อดใจหายเป็นวูบ

            ...การเจาะไขกระดูก มันไม่ใช่เรื่องแกล้งกันเล่นแน่!

            ดวงตาคุณหมอสาวฉายรอยเมตตา อ่อนโยน ระบายลมหายใจแผ่วเบา

            “เอาไว้น้องลานมาฟังผลตรวจเลือดอีกทีดีกว่านะคะ...พี่ว่าน่านคงจะอธิบายได้ละเอียดกว่า”

            “ลานจะเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ” คราวนี้หญิงสาวถามเสียงจริงจัง การโดนตรวจเลือด เจาะไขกระดูก แถมมีใบสั่งยามาอย่างนี้ แสดงว่าอาการป่วยของหล่อนต้องไม่ธรรมดาแน่

            “รอให้ผลเลือดออกมาก่อนดีกว่านะจ๊ะ” หมอน้ำทิพย์พูดเสียงอ่อนโยน “มากลัวล่วงหน้าอย่างนี้ มันไม่มีประโยชน์อะไรหรอก ถ้าจะป่วย ยังไงก็ต้องป่วย แต่ความเจ็บป่วยของคนเรา มันก็เป็นแค่อาการทางร่างกายเท่านั้น...อย่าให้จิตใจเราต้องเจ็บป่วยไปด้วยความกลัว ความหวาดระแวงในสิ่งที่ยังมาไม่ถึงเลย

            ลานน้ำค้างชะงัก คำพูดเรียบเรื่อยที่แฝงความหนักแน่นของหมอน้ำทิพย์กระแทกจิตใจหล่อนอย่างจัง

            “จริงด้วยนะคะ” หญิงสาวยอมรับ “เจ็บป่วยยังไง มันก็เป็นแค่อาการทางร่างกาย ถ้าจิตใจเราเข้มแข็งซะอย่าง ก็ไม่เห็นต้องกลัวอะไร”

            หมอน้ำทิพย์มองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความรู้สึกพอใจโดยไม่พูดอะไร ฝ่ายตรงข้ามเห็นคุณหมอนิ่งอยู่จึงถามต่อ

            “แต่ลานไม่รู้เหมือนกันนะ ว่าทำยังไง จิตใจมันถึงจะเข้มแข็ง สามารถเผชิญกับสิ่งต่าง ๆ ได้”

            หมอน้ำทิพย์คลี่ยิ้มสวย ดวงตามีรอยตรึกนึก หาคำตอบที่เหมาะสม

            “ต้องฝึกฝน...เรียนรู้ให้เรายอมรับกายและใจ ตามความเป็นจริง... จนหมดความดิ้นรน ขัดฝืน

            “ท่าจะยากเนอะ” ลานน้ำค้างพูดกึ่งบ่น

            “ถ้าเราค่อย ๆ เรียนรู้ไป มันก็ไม่ยากนักหรอก...น้องสนใจมั้ยจ๊ะ”

            หากเป็นคนอื่นถาม...ลานน้ำค้างคงตอบทันทีว่าไม่สนใจ!

            น่าแปลก พอคำถามนี้หลุดจากปากหมอน้ำทิพย์ กลับทำให้ลานน้ำค้างรู้สึกอยากเรียนรู้...ตอบไม่ถูกเพราะ เหตุใด?

            อาจเป็นได้ที่เห็นความสะอาดใสจากคุณหมอ แววตาอ่อนโยนนั้นมีความเย็นชวนให้อยู่ใกล้ เห็นคุณหมอเป็นคนที่มีความสุข แล้วตัวหล่อนเองก็อยากมีความสุขเช่นนั้นบ้าง

            “ค่ะ” คำตอบของลานน้ำค้าง เรียกรอยยิ้มจากคุณหมอน้ำทิพย์ขึ้นมา

            หนังสือเล่มบาง ขนาดเหมาะมือถูกหยิบจากลิ้นชักโต๊ะ ยื่นให้ลานน้ำค้าง หน้าปกพิมพ์ชื่อหนังสือเรียบง่าย...

            “ธรรมะ...มือใหม่

            ลานน้ำค้างยิ้มแหย

            “อย่างลานนี่ คงต้องเริ่มเรียนตั้งแต่ก.ไก่ เลยใช่มั้ยคะ”

            “เริ่มจากตั้งความเห็นให้ถูกตรงก่อน...จากนั้นพอมีบททดสอบมา ก็จะได้รู้ว่าเราสามารถพาสชั้นได้มั้ย”

            ลานน้ำค้างนิ่งอั้น เป็นอีกครั้งที่หมอน้ำทิพย์พูดจนหล่อนเกิดความสนใจ กระตือรือร้น อยากอ่าน อยากศึกษาหนังสือเล่มเล็กในมือ อยากรู้ว่าตนเองจะมีความสามารถพอที่จะศึกษาได้หรือไม่


   
   
- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            คนป่วยออกจากห้องได้สักครู่ หมอน้ำทิพย์ก็หยิบโทรศัพท์มากดหมายเลขถึงหมอน่าน...รอสัญญาณดังไม่กี่ครั้ง คุณหมอหนุ่มก็รับสาย

            “เรียบร้อยมั้ยทิพย์” เริ่มต้นคำถามอย่างไม่มีอารัมภบท

            “เรียบร้อยแล้ว” คำตอบสั้น ง่าย

            “ขอบใจนะ”

            “ไม่เป็นไร ตอนนี้ถ้าไม่รีบอะไรก็ปล่อยตามขั้นตอนไปก่อนแล้วกัน”

            “ได้...” หมอหนุ่มโล่งใจ

            น่านไม่แน่ใจว่าตนหวาดระแวงเกินไปหรือไม่ ผลเลือดคราวก่อนมันชวนให้สงสัยบางอย่าง จึงพยายามให้ลานน้ำค้างมาเจาะไขกระดูกตรวจดู ถ้าผลออกมาปกติ ไม่เป็นตามที่สงสัย เขาจะได้หมดกังวล สบายใจเสียที...




- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            ลงจากรถมอเตอร์ไซค์ ลานน้ำค้างไม่ลืมที่จะหันไปขอบใจเพื่อนหนุ่มก่อนเดินเข้าบ้าน พอไขประตูรั้วก็ ยังไม่ได้ยินเสียงรถเคลื่อนจากหน้าบ้าน หันกลับไปมอง พบบูรพาดับเครื่องยนต์และก้าวตามมา

            “มีอะไรเจ้าหมู”

            “จะเดินเข้าไปส่ง” เขาตอบ

            “ไม่ต้องหรอก บ้านอยู่แค่นี้ เดินสามก้าวก็ถึงแล้ว” หญิงสาวตอบอย่างไม่เห็นสำคัญนัก

            บูรพาไม่พูดอะไร กิริยายืนรอให้หล่อนไขประตูบอกชัดว่าไม่เปลี่ยนใจ...

            ภายในบ้านค่อนข้างมืด คุณดาริกายังไม่กลับจากงานชุมนุมศิษย์เก่า จึงน่าเป็นห่วงหากหญิงสาวยังไม่เข้าบ้านเรียบร้อย

            ถึงอย่างนั้นลานน้ำค้างไม่เห็นความจำเป็นที่บูรพาจะมายืนรอ แต่ถ้าเขายืนยันจะอยู่ส่งเข้าบ้าน ก็ไม่รู้สึกลำบากใจอะไร หนำซ้ำยังอบอุ่นใจด้วย

            ประตูรั้วเปิดออก หญิงสาวเดินนำหน้าเข้าบ้าน ชายหนุ่มเดินตามทิ้งระยะห่างเล็กน้อย แววตามองเบื้องหลังมีประกายของความเป็นห่วงกังวล

            ไฟหน้าบ้านสว่าง ประตูเปิดเรียบร้อย ลานน้ำค้างหันมาถามบูรพาอย่างมีน้ำใจ

            “เข้ามาในบ้านก่อนมั้ย”

            ชายหนุ่มส่ายหน้า

            “ไม่ล่ะ ดูแลตัวเองดี ๆ นะ แล้วอย่าลืมกินยาด้วย” เขาหมายถึงยาที่หมอน้ำทิพย์ให้มา

            “รู้แล้วน่า ฉันไม่ได้เป็นอะไรหนักหนาซะหน่อย”

            “นั่นแหละ ถึงจะเป็นแค่นิดหน่อยก็ต้องระวัง” พูดจบก็ถอยหลัง โบกมือ “กลับล่ะนะ เดี๋ยวจะล็อคประตูหน้าบ้านให้”

            ลานน้ำค้างมองชายหนุ่มที่เดินออกจากประตูรั้ว เห็นเขาดึงประตูปิด ล็อคกุญแจอย่างคุ้นเคย ขึ้นรถมอเตอร์ไซค์และขับจากไป...ความรู้สึกแปลก ๆ เกิดในใจ คล้ายหัวใจจะโบยบินตามไปวูบหนึ่ง

            พอได้สติก็อดประหลาดใจตนเอง มีคำถามหนึ่งเกิดขึ้น

            เหตุใดหล่อนถึงไม่เคยปล่อยให้ความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับบูรพา ก้าวข้ามเส้นแห่งมิตรภาพเสียที ทั้งที่ทุกสิ่งที่เขากระทำมาตลอด ล้วนบอกชัดถึงความรู้สึกข้างใน

               ลานน้ำค้างไม่โง่ขนาดดูไม่ออก...แต่ไม่กล้าแสดงให้เห็นว่าหล่อนรู้...เข้าใจ

            อาจเพราะเวลานี้ยังพอใจกับทุกสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน พอใจที่จะรับความรู้สึกดี ๆ จากเขาเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ กลัวว่าถ้าเปลี่ยนความสัมพันธ์ ความรู้สึก แล้วสิ่งต่าง ๆ จะต้องเปลี่ยนไป...

            หรืออาจเพราะ...เขาไม่ใช่ชายหนุ่มในแบบที่หล่อนฝันถึง!

            ยามที่เลียบเมือง ชายในฝันปรากฏตัวเป็น ๆ ขึ้นมาเช่นนี้ จึงอดคิดเปรียบเทียบกันไม่ได้...ทั้งที่ความฝันกับความจริงเหมือนอยู่กันคนละด้าน คนละโลก

            คิดมาถึงตรงนี้ก็ได้สติ อดไม่ได้ต้องถอนใจยาว คิดไม่ถึงว่าตนเองจะฟุ้งซ่านขนาดนั้น...

            เรื่องที่จะมีผู้ชายสักคนมาร่วมแบ่งปันชีวิต สุข ทุกข์ สำหรับลานน้ำค้างวันนี้ยังเร็วเกินไป เป้าหมายแท้จริงในชีวิตคือ ต้องรีบเรียนให้จบ ทำงานเป็นหลักเป็นฐาน สามารถดูแลมารดาได้โดยไม่ลำบากเดือดร้อน

            จุดหมายชีวิตของลานน้ำค้างแท้จริงมีเท่านี้ แต่เพราะจิตใจมันขยันเปลี่ยนแปลง จนทำให้บางครั้งแอบคิดไม่ได้ว่า หากมีใครสักคน เข้ามาช่วยเติมฝันให้เต็ม ชีวิตหล่อนคงสมบูรณ์เสียที

            ลานน้ำค้างไม่อาจรู้ว่า...ชีวิตที่สมบูรณ์แบบ แท้จริงไม่มี...เพราะจิตใจคนเราไม่เคยพอ...และบนเส้นทางเดินชีวิต มักพบความเปลี่ยนแปลงสม่ำเสมอ มีเรื่องราวเกินคาดหมายมายืนรอให้เผชิญไม่ขาดสาย

            เป็นบททดสอบที่มาให้เรียนรู้ “ความจริง” อย่างที่หมอน้ำทิพย์บอกนั่นเอง



(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP