สารส่องใจ Enlightenment

เว้นชั่วคือความสุข



พระธรรมเทศนา โดย หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ
วัดป่าวิเวกวัฒนาราม บ้านห้วยทราย อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร
แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๔๖




นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส (๓ จบ)
อารตี วิรตี ปาปา มชฺชปานา จ สญฺญโม
อปฺปมาโท จ ธมฺเมสุ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ ตีติ


ณ บัดนี้จะได้อธิบายในมงคล อารตี วิรตี ปาปา ผู้ละเว้นในสิ่งความชั่วทั้งหลาย
ความชั่วทางกาย

ความชั่วทางวาจา
ความชั่วทางใจ
ความชั่วทางวัตถุข้าวของ
ความชั่วทางการเคลื่อนไหวไปมาในกิริยาใดๆ
ความชั่วของการเป็นมนุษย์ ในเวลาปัจจุบันนี้


ความเป็นมงคลคือความสุข แลบุญกุศลความดีของตนจะได้เป็นผลเป็นประโยชน์
แก่ตนของตนต่อไปในภายภาคหน้า เป็นนิสัยเป็นปัจจัยต่อไป
ได้เกิดมาในโลกนี้แล้ว ได้พบปะกับพระพุทธเจ้า
พระอรหันตเจ้าทั้งหลาย พระฤาษีโยคี พระปัจเจกพุทธะ พระอริยเจ้า
ผู้ทำความดีประการใดๆ จึงจะได้หนทางแห่งธรรมะ ความพ้นทุกข์ใดๆ ไปได้


เราทุกคนผู้ยังเป็นปุถุชนอยู่ในเวลาบัดเดี๋ยวนี้
แปลว่าตกอยู่ในหลุมชั่วอันหนึ่ง คือความมืดเมาทั้งหลาย
ไม่รู้ว่ามรรคผลนิพพานหรือนรกสวรรค์ หรือดีชั่วประการใดๆ
จึงควรรู้จักตนเองบ้างว่าตนของตนเป็นอย่างใด ดีอย่างใด ชั่วอย่างใด



แต่ว่านิสัยของพวกเรามีอยู่บ้าง
มายินดีพอใจในการที่ตนของตน ต้องการอยากได้ความสุขความเจริญต่อไปในภายภาคหน้า
อันนี้เองเป็นนิสัยปัจจัยของตนทุกคนผู้ฝึกฝนกันมาแล้ว ยินดีพอใจกันมาแต่อเนกชาติ
จึงมาทำบุญ จึงมาทำความดี แต่ว่ายังไม่ได้สำเร็จเป็นพระอริยเจ้าแต่อย่างใด
จึงเรียกว่าปุถุชน ผู้ยังมีความลุ่มหลงงมงายสลับกันไปในชีวิตของตนนี้



จงพากันตั้งใจในตนของตน ในกิริยาจิตของตน เคลื่อนไหวไปมาทั้งในเวลากลางคืนแลกลางวัน
อย่าให้เป็นบาปกรรมความชั่วให้ตนของตน
เป็นมงคลคือความดี เป็นมงคลธรรมะแลความเจริญ
จึงได้ชื่อว่าเป็นผู้หาวิธีรายการที่จะให้ตนได้รับความสุขทางกาย ทางวาจา ทางใจ
ทางวัตถุข้าวของทรัพย์สินใดๆ ตลอดไปในภพชาติที่จะเกิดมาในโลก


ในเวลาบัดเดี๋ยวนี้พวกเราทุกคนยังกังวลอยู่กับการกิน การอยู่ การหา
การหลับการนอน การไปการมา การค้าขาย การงาน
การอยากได้สิ่งของประการใดๆ ตลอดไปเป็นนิจกาลอยู่ในใจ
จึงขึ้นชื่อว่าจิตของปุถุชนอยู่เช่นนี้อย่างนี้
ความปรารถนาต้องการอยากได้ในวัตถุข้าวของประการใดๆ ทุกอย่าง
จึงเป็นทางมาของการเป็นบาป เป็นกรรม จะเกิดได้ในชีวิตของตน
เพราะตัวเราเพิ่มแต่ความอยากได้อย่างเดียว
ไม่ได้คิดถึงว่าอะไรเป็นบุญอะไรเป็นบาปแต่อย่างใด



ให้พวกเราคิดนึกคิดอ่านดูว่าในชีวิตของตนบัดเดี๋ยวนี้
หลวงตาได้เตือนไว้ อารตี วิรตี ปาปา เราทุกคนให้พยายามละเว้นสิ่งความชั่วใดๆ
กาย วาจา ใจ พัสดุข้าวของประการใดอย่าให้เป็นบาป
ให้เราดูว่าความสุขของเรา อยากให้เป็นสุข ความทุกข์ของเรา อยากให้พ้นทุกข์
จึงให้ได้เป็นมงคล ได้รับพร คือบุญกุศลตลอดไปทุกลมหายใจเข้าออก
จึงได้ว่าตัวเราเป็นผู้ละเว้นสิ่งความชั่วทางกาย ทางวาจา ทางใจ ทางวัตถุใดๆ
ไม่มัวเมาเพลิดเพลินเกินไป จนเป็นบาปกรรมใดๆ ในชีวิตของตน



ตัวของเราให้ได้ชื่อว่าผู้เป็นมงคล เกิดมาเป็นมนุษย์ได้รับผลแล้ว
คือ หนึ่ง ความดีหรือบุญกุศล สอง ธรรมะ สาม ปัญญา สี่ องค์ญาณ
ห้า ความสว่างไสวในใจ หก เรารู้จักเห็นผลทั้งหลายในโลก ประการใดๆ
วันนี้ตัวเราผู้เกิดมา ได้รับผลความดีตลอดไป
เราทำความดี ละเว้นสิ่งความชั่วใดๆ เป็นหน้าที่ของเราจะได้ตั้งใจต่อไป
ไม่ได้ในชีวิตนี้ก็ได้ในชีวิตหน้า ไม่ได้ในชีวิตหน้าก็ได้ในพระพุทธเจ้าองค์ต่อไป



เราทุกคนจักเกิดมาในโลกอันนี้อีกหลายภพหลายชาติ กว่าจะได้สำเร็จชัยชนะในสิ่งความชั่วใดๆ
พ้นได้จากกรมการเวียนว่ายตายเกิด แก่ เจ็บ ตาย การอยู่ การกิน การไปการมา
ผู้พ้นไปได้ในความทุกข์ ทุกโข ทุกขัง ทุกเข
ให้เราทุกคนคิดอ่านดู ในชีวิตของคนทุกคนในตนทุกคน
อนาคตเบื้องหน้า หน้าที่ตนของตนจะเกิดในโลก
ยิ่งเราเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน เปรต ผี ตกนรก จะต้องทุกข์ยากลำบากกว่านี้อีกหลายร้อยเท่า


เราเป็นปุถุชน
หน้าที่มันต้องไปเกิด
     ในนรก
หน้าที่มันต้องไปเกิด     เป็นเปรตผี
หน้าที่มันต้องไปเกิด     เป็นสัตว์เดรัจฉาน
หน้าที่มันต้องไปเกิด     เป็นมนุษย์
หน้าที่มันต้องไปเกิด     บนสวรรค์
หน้าที่มันต้องไปเกิด     บนพรหมโลก
อันนี้เป็นกิจหน้าที่ของพวกเราทุกคน เป็นอยู่อย่างนี้ตลอดไป ต้องเป็นผู้รับวิบากใดๆ ในโลก


ส่วนพระอริยเจ้าผู้บรรลุธรรมแล้วก็พ้นไปจากวิบากการเกิดการตายในโลก
ท่านได้ค้นพบความดี คือธรรมของพระพุทธเจ้าที่พระองค์วางเอาไว้แล้ว
จึงได้ชื่อว่าเป็นตนผู้ไม่ประมาท



อปฺปมาโท จ ธมฺเมสุ เป็นตนผู้ไม่ประมาทในธรรมทั้งหลาย
ในคำสอนใดๆ อันเป็นหนทางบุญกุศลของพุทธะ
เป็นคนผู้ตั้งใจดำเนินในหนทางของพุทธะตลอดไป
จิตของท่านจึงได้รับความสะอาดปราศจากมลทินประการใดๆ
ได้ไปสู่มรรคผลนิพพาน นี่เองจึงให้พวกเราคิดอ่าน



อารตี วิรตี ปาปา เราทุกคนควรละเว้นสิ่งความชั่ว
มชฺชปานา จ สญฺญโม เราทุกคนหลีกเว้นเครื่องมอมเมาใดๆ
อปฺปมาโท จ ธมฺเมสุ เราเป็นผู้ไม่ประมาทในธรรมแต่อย่างใด



เป็นผู้ตั้งใจในความดีงามของตน
ให้ได้ชื่อว่าร่างกายเป็นมนุษย์แต่ใจเป็นเทวดา - มนุสสเทโว มนุสสเทวะ
ร่างกายเป็นมนุษย์แต่ใจเป็นเทวดา



ที่อาตมาได้แสดงในมงคลคาถา
อารตี วิรตี ปาปา มชฺชปานา จ สญฺญโม อปฺปมาโท จ ธมฺเมสุ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ
พอสมควรแก่เวลา เอวํ ก็มีด้วยประการฉะนี้



- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -- - - - - - - - - - - - - - - -


จาก พระธรรมเทศนา ของ หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ
จัดพิมพ์โดยคณะศิษย์วัดป่าวิเวกวัฒนาราม อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร
พิมพ์ครั้งที่ ๑ : กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP