วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

เถ้าน้ำค้าง ๙



Tao Nam Kang - front re


ชลนิล



(ต่อจากฉบับที่แล้ว)



            ปันปันเป็นลูกสาวของคุณหญิงรัดเกล้า เจ้านายลานน้ำค้าง อีกทั้งยังเป็นน้องสาวเลียบเมือง ผู้ชายในฝันของเธอ รูปเด็กผู้หญิงบนโต๊ะคุณหญิง ก็คือปันปัน คาดไม่ถึง บุคคลเหล่านี้จะเชื่อมโยงกันมาใกล้จนเหลือเชื่อ

            ด้วยเหตุนี้ ลานน้ำค้างจึงได้แต่ด้อม ๆ มอง ๆ แอบเยี่ยมปันปันอยู่ห่าง ๆ ไม่กล้าไปเสนอหน้าให้คุณหญิงและเลียบเมืองเห็น...

            สำหรับเธอ การได้เห็น รับรู้ว่าปันปันปลอดภัยก็ดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องเข้าใกล้มากกว่านี้ ไม่อย่างนั้น จะดูเหมือนหล่อนอาศัยเด็กเป็นสะพานเข้าหาผู้ใหญ่ ซึ่งนั่นเป็นความรู้สึกที่ลานน้ำค้างยอมรับไม่ได้




- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            เมื่อปันปันลืมตา ฟื้นจากการผ่าตัด ดีใจที่เห็นมารดาและพี่ชายนั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียง รอยยิ้มยินดีผลิบาน จากนั้นกวาดตารอบห้อง มองหาอีกคนที่เธอหวังจะเห็นอยู่ที่นี่ด้วย

            “พี่ลานล่ะคะ...พี่ลานมาหาปันปันหรือเปล่า”

            “ใครจ๊ะ พี่ลานของปันปันน่ะ” คุณหญิงรัดเกล้าถาม

            ปันปันนิ่ง นึกได้ว่าไม่เคยเล่าเรื่องพี่สาวคนพิเศษของเธอให้ใครฟังเลย

            “มีใครมาเยี่ยมปันปันอีกมั้ยคะแม่” เด็กหญิงถาม

           “นอกจากแม่กับพี่ปอนของลูก ก็มีป้าดวง คนที่บ้านเรา กับเพื่อน ๆ ของปันปันที่โรงเรียนน่ะจ้ะ เอาแจกันดอกไม้มาให้ด้วย แต่ตอนนั้นปันปันยังหลับอยู่ ทุกคนเลยไม่กล้าปลุก”

            เด็กหญิงถอนใจ แววตาผิดหวัง เลียบเมืองมองอาการน้องสาวแล้วนึกเป็นห่วง

            “ปันปันรอใครอยู่หรือเปล่า ให้พี่ไปตามมั้ย” เลียบเมืองถามน้องสาว

            “จริง ๆ นะคะ” เด็กหญิงดีใจ

            “จ้ะ เดี๋ยวพี่จะตามหาให้” เขารับปาก

            ปันปันมองพี่ชายด้วยแววตามีความหวัง ประตูห้องคนไข้เปิดออก คุณหมอสาวใบหน้าสะอาดใส เข้ามาตรวจดูแลอาการหลังผ่าตัด

            “สวัสดีค่ะหมอน้ำทิพย์” คุณหญิงทักทายก่อน ทั้งที่คุณหมอคนนี้อายุราว ๆ ลูกชายเธอเท่านั้นเอง

            คุณหมอน้ำทิพย์ อยู่ในวัยไล่เลี่ยกับเลียบเมือง ใบหน้าเธออ่อนใส ผิวขาวละเอียด ดวงตาสีน้ำตาลอ่อน ซ่อนอยู่หลังแว่นกรอบบาง จมูกปากได้รูป เส้นผมรวบง่าย อาจไม่ใช่ผู้หญิงสวยสะดุดตา แต่มีความงามที่ชวนมอง คนใกล้ชิดยากที่จะละสายตาจากเธอได้

            “น้องปันปัน สบายดีหรือยังคะ” คุณหมอถามเด็กน้อย

            “ปันปันหายแล้วใช่มั้ยคะ” เด็กหญิงถามคุณหมอแทนการตอบ

            “ต้องให้หมอรอดูอาการอีกสักระยะก่อนนะจ๊ะคนเก่ง” คุณหมอไม่โกหกคนไข้ “แล้วตอนนี้เป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหน ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า”

            “สบายดีค่ะ” ปันปันตอบพร้อมยิ้มแก้มใส

            คุณหมอรู้ทัน ตอบแบบนี้แสดงว่าอยากออกจากโรงพยาบาลเร็ว ๆ

            “เก่งจังเลย แต่ถ้าไม่สบายต้องบอกหมอก่อนนะ ไม่งั้นเดี๋ยวปันปันต้องนอนโรงพยาบาลอีกเป็นเดือนนะจ๊ะ”

            เด็กหญิงหน้าม่อย คุณหมอยิ้มอ่อนโยน ก่อนหันมามองคุณหญิงและเลียบเมือง

            “อาจารย์หมอท่านบอกว่าการผ่าตัดเรียบร้อยดีนะคะ ยังไงก็พักฟื้น รอดูว่ามีอาการอะไรแทรกซ้อนหรือเปล่า...สักระยะนึง”

            “ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณคุณหมอมากจริง ๆ ” คุณหญิงตอบ

            หมอน้ำทิพย์ทำหน้าที่ตนเองเสร็จ ก็ปล่อยให้ครอบครัวคนป่วยอยู่ด้วยกัน คุณหญิงรัดเกล้ามีงานต้องไปสะสาง จึงบอกลาลูกสาว แล้วปล่อยให้ลูกชายอยู่เป็นเพื่อนน้อง

            เมื่ออยู่กันสองคน เลียบเมืองลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียงปันปัน มือลูบผมเบา ๆ ชวนคุยกันครู่ใหญ่ ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

            “สวัสดีครับ เกรซ” เลียบเมืองทักทายหญิงสาวทางปลายสาย ปันปันแอบเบ้หน้า

            “เลียบอยู่ที่ไหน วันนี้เกรซว่าง เราไปเที่ยวกันมั้ยคะ”

            “ผมอยู่โรงพยาบาล ปันปันเพิ่งฟื้น ผมต้องอยู่เป็นเพื่อนน้อง” เขาตอบ

            “ตายแล้ว จริงสิ...เกรซลืมไปเลย งั้นเดี๋ยวเกรซจะไปเยี่ยมน้องปันปันตอนนี้เลยนะ”

            “ครับ มาได้เลย”

            หลังจากวางสาย เลียบเมืองพบใบหน้าบูดของน้องสาว เห็นอย่างนี้พอเดาออกว่าเจ้าตัวเล็กขัดใจเรื่องอะไร

            “พี่เกรซเขาจะมาเยี่ยมปันปันหรือมาหาพี่ปอนกันแน่นะ” เด็กน้อยเหน็บแนม

            เลียบเมืองหัวเราะ ยีหัวเจ้าตัวเล็กเบา ๆ

            “มาเยี่ยมปันปันสิจ๊ะ พี่ไม่ใช่คนป่วยซะหน่อย” เขาล้อเลียน

            “เฮ้อ...ทีคนอยากให้มาไม่เห็นมาเลย” ปันปันบ่นอุบอิบ

            “ใครเอ่ย?” ชายหนุ่มถาม

            “พี่ลานไงคะ ตะกี้พี่ปอนยังรับปากจะตามหาให้เลย” เด็กหญิงทวงสัญญา

            เลียบเมืองลืมไปแล้ว ทั้งที่เพิ่งคุยกันไม่ถึงชั่วโมง

            “พี่ลานคนนี้เป็นใคร? อยู่ที่ไหนจ๊ะ ใช่พยาบาลที่นี่หรือเปล่า” เลียบเมืองถามเอาใจใส่

            “ไม่ใช่สักหน่อย พี่ลานเขาเป็นผู้หญิงสวย น่ารัก ใจดี ตอนนั้นพี่เขาบอกว่ามาเยี่ยมคนไข้ทางห้องผู้ชายโน้นแน่ะ” ปันปันตอบเท่าที่รู้

            “ปันปันรู้จักพี่เขาได้ยังไง” เขาเริ่มสนใจ

            “ปันปันเจอพี่เขาวันก่อน...วันก่อนจะผ่าตัดน่ะ...คุยกันสนุกดี ตอนปันปันจะเข้าห้องผ่าตัด พี่เขาก็แวะไปให้กำลังใจด้วย” เด็กหญิงเล่าอย่างภูมิใจ

            “อ้าว แล้วพี่จะไปตามหาให้ปันปันได้ยังไง เขาทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้หรือเปล่า” ชายหนุ่มถาม

            “เปล่า...แต่พี่พยาบาลที่เข็นรถให้ปันปันเขาก็เห็นเหมือนกัน น่าจะจำได้”

            เลียบเมืองเริ่มรู้สึกว่าตนไม่น่ารีบรับปากน้องสาวตั้งแต่แรกเลย

            “ว้า...อย่างนี้พี่จะหาเขาเจอได้ยังไงล่ะ เบอร์โทรศัพท์ก็ไม่มี รู้แต่ว่าเป็นผู้หญิง ชื่อลาน...ลานอะไรก็ไม่รู้” เขาบ่น

            “พี่ลานเป็นคนสวยด้วย” ปันปันรีบเพิ่มข้อมูล

            เลียบเมืองยิ้ม ขันน้องสาว...ถ้าผู้หญิงสวยทุกคนเป็น “พี่ลาน” เขาก็คงรู้จัก พี่ลานหลายสิบคนแล้วล่ะ

            “หายากนะเนี่ย” เขาบ่น

            “ไม่รู้ล่ะ พี่ปอนรับปากแล้ว” ปันปันรีบตีขลุม

            ชายหนุ่มจนปัญญา จะปฏิเสธตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ คงต้องหาทางเลี่ยงไปก่อน

            “ถ้าพี่ลานเขาแวะมาให้กำลังใจปันปันที่หน้าห้องผ่าตัดได้ พี่ว่า...เดี๋ยวเขาก็คงแวะมาหาปันปันที่นี่แน่ ไม่ต้องห่วงหรอก”

            “จริงเหรอ” เด็กหญิงถามเพื่อความแน่ใจ

            “จริงสิ...เขารู้จักชื่อปันปัน รู้ว่าปันปันผ่าตัดเมื่อวาน ยังไงเขาก็ต้องหาได้อยู่ดีว่าปันปันอยู่ห้องไหน...พี่ว่า ปันปันรอที่นี่แหละ เดี๋ยวพี่ลานเขาก็มาหาเอง”

            “จริง ๆ นะ” ปันปันย้ำอีกครั้ง

            เลียบเมืองพยักหน้า ใจจริงไม่กล้าออกปากรับรอง เขาไม่รู้จัก ‘พี่ลาน’ อย่างปันปัน จึงไม่แน่ใจว่าผู้หญิงคนนั้นจะแวะมาเยี่ยมน้องสาวเขาหลังผ่าตัดหรือเปล่า แค่แปลกใจ ทำไมปันปันถึงชอบผู้หญิงคนนี้ ถึงขนาดให้เขาตามหา...ปันปันไม่ใช่เด็กที่สนิทกับคนแปลกหน้าง่าย ๆ

            หรือ...พี่ลานคนนี้มีอะไรดี พิเศษกว่าคนอื่น!!




- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            เช้าวันหยุด บูรพาไม่ต้องไปทำงานพิเศษ ตั้งใจอยู่บ้านเป็นเพื่อนโดมที่แข็งแรงขึ้น แต่ความคุ้นเคยกับเจ้าของบ้านยังไม่คืบหน้านัก เขาจึงคิดใช้เวลาที่มีทำความรู้จักเด็กหนุ่มนิสัยแปลกคนนี้ดูสักที

            แต่ความตั้งใจก็มีอุปสรรค เมื่อลานน้ำค้างชวนไปโรงพยาบาล...

            “ไปทำอะไร?” เขาสงสัย

            “ไปถึงก็รู้เองน่า” หญิงสาวตอบปัด ๆ

            “เกี่ยวกับ...” เขาทำเสียงเบาลง พลางมองเด็กหนุ่มที่นั่งกึ่งนอนดูทีวีที่ห้องรับแขก “แขกที่บ้านเราหรือเปล่า”

            “ไม่เกี่ยว” ลานน้ำค้างตอบ พร้อมเร่งสำทับ “รีบมาเถอะ อย่าซักไซ้มาก”

            บูรพาวางหูโทรศัพท์ เดินไปห้องรับแขก แล้วนั่งเก้าอี้ใกล้ ๆ โดม

            “โดม...วันนี้พี่จะออกไปธุระ ตอนเที่ยงอยากกินอะไรมั้ย เดี๋ยวจะซื้อมาให้”

            “ไม่เป็นไรหรอกครับ” โดมหันมาตอบ สีหน้าสดใสกว่าเดิม “ผมซื้อก๋วยเตี๋ยวที่มาขายหน้าบ้านได้”

            บูรพาพยักหน้า ไม่เซ้าซี้ อย่างน้อยเวลานี้โดมก็พูดมากกว่าคำว่า “ครับ” แล้ว

            “งั้นพี่ไปก่อนนะ”

            “ครับ”

            ชายหนุ่มลุกขึ้น ใบหน้าเกลื่อนด้วยรอยยิ้ม นี่ถ้าเขาขอซื้อคำว่า “ครับ” แบบนี้ทุกครั้งจากโดม ท่าทางจะหมดตัวแน่


 

- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            บูรพากับลานน้ำค้างไปถึงโรงพยาบาลตอนสาย ๆ หญิงสาวยังไม่ยอมบอกจุดประสงค์ของตัวเองจนแล้วจนรอด ไม่มีทีท่าตั้งใจมาเยี่ยมใครเป็นพิเศษ ไม่ได้เดินไปหาหมอน่าน แต่กลับเดินดูตามห้องผู้ป่วยพิเศษอย่างสนใจ จนกระทั่งมาถึงห้อง ๆ หนึ่ง หน้าห้องติดชื่อผู้ป่วยว่าเป็นเด็กหญิง...

            ลานน้ำค้างเห็นชื่อแล้วค่อยยิ้มออก บอกเพื่อนชายง่าย ๆ

            “หมู ช่วยแกล้งเข้าไปดูให้หน่อยสิ ว่าในห้องมีญาติคนป่วยหรือเปล่า”

            “ให้เข้าไปดูทำไม จะเยี่ยมใครก็เข้าไปเลยสิ” บูรพาสงสัย

            “น่า...ฉันไม่อยากเจอญาติเขา”

            “จะบ้าเหรอไอ้ลาน” ชายหนุ่มพูดฉุน ๆ “ถ้าแกจะมาเยี่ยมเด็กคนนี้ ก็ไม่เห็นต้องกลัวเจอญาติเขาเลยนี่”

            หญิงสาวอึกอัก กระดากที่โดนเพื่อนรู้ทัน แถมว่ากันตรง ๆ ท่าทางเช่นนี้บูรพาไม่ค่อยได้เห็นนัก

            “มีอะไร...” บูรพาจ้องตาถาม “เธอกับญาติเขามีปัญหาอะไรกัน แล้วเด็กในห้องนี้เป็นใคร”

            ลานน้ำค้างเงยหน้ามองเขา แววลังเลปรากฏในดวงตา แต่ความที่คบกันมานาน สามารถคุยได้ทุกเรื่อง หล่อนจึงยอมตอบอย่างตรงไปตรงมา

            “ปันปัน...น้องคนนั้นน่ะ ฉันอยากมาเยี่ยมเขา แต่กลัวเจอแม่กับพี่ชายเขา”

            “แม่กับพี่ชายเขาเป็นใคร...มีปัญหาอะไรกับเธอ” บูรพาถามตรง

            “แม่เขาเป็นเจ้าของบริษัทที่ฉันฝึกงานอยู่...ส่วนพี่ชายเขาก็...”

            ลานน้ำค้างน้ำท่วมปาก พูดยากเย็น ถ้าจะว่าตามจริง แค่คุณหญิงรัดเกล้าคนเดียว ยังไม่เป็นไร หล่อนพอจะกล้าเข้าไปเยี่ยมปันปันได้...ปัญหาอยู่ที่เลียบเมือง...จำได้ว่าปันปันอยากแนะนำพี่ชายคนนี้ให้หล่อนรู้จักเหลือเกิน ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง คงเป็นเรื่องน่ากระอักกระอ่วนใจ ทำตัวไม่ถูกจริง ๆ
  
            น่าแปลก...หล่อนชอบเลียบเมืองตั้งแต่เห็นแค่ในรูป เขาเป็นผู้ชายในฝัน แต่พอมีคนจะแนะนำให้รู้จัก ใกล้ชิด กลับกลัวการเผชิญหน้า

            เหตุใด จิตใจของหล่อนจึงเป็นเช่นนี้ ...

            บูรพาไม่ได้ฟังแค่คำพูดของหญิงสาว เขาดูถึงอากัปกิริยาที่แสดงออกถึงความในใจด้วย รู้จักกันมานานขนาดนี้ มีหรือไม่เข้าใจ ยิ่งลานน้ำค้างไม่สามารถพูดถึงพี่ชายเด็กในห้องมากเท่าไหร่ แสดงว่าผู้ชายคนนั้นมีอิทธิพลกับจิตใจของเธอมากเท่านั้น
 
            พอเห็นและเข้าใจความรู้สึกหญิงสาว หัวใจเขาก็เจ็บแปลบ ไร้สาเหตุ หูอื้อจนไม่อยากฟังคำพูด คำอธิบายอะไรอีก หันหน้าไปทางห้องผู้ป่วย เอื้อมมือจะเคาะประตู...

            ...ถ้าเธออยากให้เขาเข้าไป เขาก็จะเข้าไป ต่อให้หลังประตูจะมีสัตว์ร้าย หรือคำสาปใด เขาก็พร้อมจะทำตาม ความต้องการของเธอ...

            มือกำลังจะเคาะ ยังไม่ถึงประตู ก็พอดีบานประตูเปิดออกจากข้างใน มีพยาบาลกำลังเข็นรถยาสวนออกมา...

            บูรพาเบี่ยงตัวหลบให้รถเข็นยา แต่ยังมองเห็นคนที่อยู่ในห้องชัดเจนถนัดตา

            ผู้ป่วยมีคนมาเยี่ยมหลายคน แต่ละคนกำลังพูดคุยกับเด็กหญิงตัวน้อยบนเตียง ที่สะดุดตามากสุด คงเป็นชายหนุ่มร่างสูงเด่นกว่าคนอื่น รูปร่างหน้าตาดีจนผู้ชายด้วยกันยังอิจฉา กิริยาท่าทางมีเสน่ห์ เป็นธรรมชาติ น่ามอง เห็นอย่างนี้บูรพาอดเปรียบเทียบกับตนเองไม่ได้

               คนนี้ใช่ไหม...พี่ชายของปันปัน

            สายตาลานน้ำค้างอยู่ที่ใบหน้าชายหนุ่มคนนั้น บางอย่างในแววตาเธอเหมือนคมมีดกรีดใจบูรพาจนเจ็บปวด ทรมาน หัวอกมันเต้นเร่าทุกข์ทน เกินจะรับไหว

            “เห็นแล้วนี่...จะทำยังไงต่อ” บูรพาไม่คิดว่าน้ำเสียงตน จะประชด เสียดสีได้ขนาดนี้

            ลานน้ำค้างเพิ่งได้สติ ไม่ทันฟังคำพูดของเพื่อนชาย

            “ตะกี้พูดว่ายังไงนะหมู”

            บูรพาไม่คิดจะพูดซ้ำ ประตูห้องคนป่วยปิดลงแล้ว สิ่งที่ลานน้ำค้างขอให้เขาทำ คงไม่จำเป็น...ทั้งเขาและเธอได้เห็นภายในห้องคนป่วยแล้ว...แล้ว...เธอจะตัดสินใจทำอย่างไร ก็...ตามใจ

            ชายหนุ่มอยากเดินออกจากจุดที่ยืนอยู่ แต่ไม่สามารถทำได้ ขาแข็งเหมือนหิน ไปไหนไม่ได้...เพราะอะไร ตอบไม่ถูก

            “จะเข้าไปมั้ย...” เขาถามเสียงเบา

            ลานน้ำค้างถอนใจ ส่ายหน้า

            “ช่างเถอะ” พูดจบก็หันกลับ บูรพาค่อยขยับขา

            หญิงสาวเดินนำหน้าสองสามก้าวก็ชะงัก สายตาจ้องเขม็งไปยังทางเดินยาว ปลอดโล่ง เหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุด ซึมเต็มหน้าผาก

            “เป็นอะไรไปลาน” บูรพาเห็นหล่อนหยุดยืนผิดปกติ รีบเดินขึ้นไปดู

            ลานน้ำค้างไม่ตอบ หล่อนไม่สามารถตอบได้ จู่ ๆ หัวก็หมุน เกิดอาการวิงเวียนวูบวาบ ความรู้สึกตัวขาดหาย ร่างอ่อนเปียกทรุดลงรวดเร็วจนบูรพาเกือบรับไม่ทัน
        





บทที่ ๖



            ในสายตาของผู้อื่นทางเดินตรงหน้ายาว โล่งไม่มีผู้คน...สำหรับลานน้ำค้างแล้ว มันไม่ใช่...กลางทางเดินนั้น มีชายวัยกลางคนอยู่ผู้หนึ่ง...ชายที่เคยยืนอยู่หน้าห้องผ่าตัดปันปัน

            เวลานี้เขาห่างจากหญิงสาวไม่เกินสามก้าว นัยน์ตาประสานกัน มีการสื่อสารบางอย่างเกิดขึ้น...

            ภายในหัวลานน้ำค้างมีเสียงดังเปรี๊ยะ ร้อนวูบจนรู้สึกถึงเหงื่อที่ซึมออกมา ปรากฏภาพวูบวาบตรงหน้า ไม่สามารถแยกออกว่าเป็นภาพอะไร คล้ายภาพยนตร์ที่ตัดต่อ ฉายผ่านรวดเร็ว...เร็วจนดูไม่ทัน

            เกิดอาการปวดหัวเป็นริ้ว ๆ ร้อนวูบสลับหนาว ไม่เป็นตัวของตัวเอง เรี่ยวแรงหายสาบสูญ ร่างกายอ่อนเปลี้ยไม่อาจทรงตัว สติดับวูบ ความมืดปกคลุมไปหมด...มืด...

            ช่วงเวลาแห่งความมืด ไม่รู้เนื้อรู้ตัวผ่านไปนานเท่าใดไม่อาจทราบ ลานน้ำค้างได้กลิ่นแอมโมเนียฉุนเรียกความรู้สึกตัวให้กลับคืน หัวยังมึน ร่างกายล้า หัวใจเต้นดังตึก ๆ

            ลืมตาพบใบหน้าพยาบาลสาวที่มาดูแล และสีหน้าแสดงความเป็นห่วงของบูรพา

            ลานน้ำค้างขยับตัว พยายามจะลุกขึ้น

            “นอนอีกสักพักก็ได้ค่ะน้อง” พยาบาลบอก

            “ใช่...รออีกหน่อย เดี๋ยวพี่หมอก็จะมาตรวจแล้ว” บูรพาเสริม สีหน้ากังวล

            “จะมาตรวจทำไม ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย” ลานน้ำค้างเอาเสียงเข้าข่ม

            ได้ยินอย่างนี้ใบหน้าชายหนุ่มค่อยคลายลง ถึงอย่างนั้นก็ยังนึกเป็นห่วง เพราะต่อให้เจ็บหนักแค่ไหน ลานน้ำค้างก็มักบอกว่า ไม่เป็นไร” ไว้ก่อนอยู่ดี

            “น่า...นอนรออยู่นี่แหละ ไม่ใช่ห้องคนป่วย ไม่ต้องกลัวใครมาเห็นหรอก” บูรพาบอก

            ลานน้ำค้างเอี้ยวตัวมองดูรอบ ๆ ที่นี่เป็นห้องพักเล็ก ๆ คล้ายกับห้องพยาบาล ในห้องมีเพียงพยาบาลสาวกับบูรพาเท่านั้น

            “เดี๋ยวคุณหมอคงมา งั้นพี่ไปก่อนนะ” พยาบาลผู้อารียิ้มให้ก่อนลุกออกจากห้อง

            หญิงสาวมองบูรพาด้วยสายตามีคำถาม

            “ฉันมานอนอยู่นี่ได้ยังไง”

            “เธอเป็นลม” บูรพาตอบ “ฉันเลยอุ้มเธอ ตั้งใจพาไปหาหมอ หรือไม่ก็ลงไปที่ห้องฉุกเฉิน!...อย่าทำหน้าอย่างนั้นนะ ตอนนั้นมันคิดอะไรไม่ออกนี่ โชคดีเจอพี่พยาบาลคนตะกี้ แกดูแล้วเห็นว่าอาการเธอคงไม่หนักขนาดเข้าห้องฉุกเฉินหรอก เลยพามาพักที่นี่ ฉันถามถึงพี่หมอน่าน คุณพี่พยาบาลเขาเลยตามให้ แต่พี่หมอยังตรวจคนไข้อยู่ บอกว่าเสร็จแล้วจะมาดู”

            “ฉันเป็นลมนานมั้ย” ลานน้ำค้างถาม

            “ไม่นานหรอก...แต่ก็น่าเป็นห่วง” น้ำเสียงบูรพามีร่องรอยกังวล “ปกติเธอแข็งแรงจะตาย”

            ทั้งคู่คุยกันสองสามคำ หมอน่านก็เปิดประตูเข้ามา...

            “เป็นยังไง สองคนนี้ ทำไมถึงขยันมาโรงพยาบาลกันนักล่ะ”

            ลานน้ำค้างยิ้มแห้ง ๆ

            “คิดถึงพี่น่านไงคะ เลยต้องหาเรื่องมาโรงพยาบาลบ่อย ๆ”

            คุณหมอหนุ่มมองหญิงสาวที่เหมือนน้องอย่างรู้ทัน ไม่ขัดคอ นั่งลงบนเก้าอี้ แล้วซักถาม ตรวจอาการเบื้องต้น...

            ครู่ใหญ่เขาขมวดคิ้ว สงสัย

            “พี่ว่าลานน่าจะไปตรวจให้ละเอียดดีกว่านะ”

            “โหย แค่เป็นลมนิดเดียว พี่หมอถึงขนาดต้องจับลานไปตรวจร่างกายแบบละเอียดเลยหรือคะ...ไม่ไหวล่ะมั้ง” เจ้าหล่อนทำเสียงออด

            “ดีครับพี่...ผมเห็นด้วย” บูรพาสนับสนุน “ตั้งแต่รู้จักกันมา ผมก็เพิ่งเห็นลานเป็นลมก็ครั้งนี้แหละ”

            พูดแล้วเจ้าตัวก็สะดุด...นอกจากเรื่องเป็นลมครั้งแรก...บูรพาก็เพิ่งเห็นลานน้ำค้างกระดากอายผู้ชายครั้งแรกเหมือนกัน

            หญิงสาวทำปากขมุบขมิบบ่น...ไม่กล้าบอกว่าที่ตนเองเป็นลมคราวนี้ ไม่น่าเกี่ยวกับสุขภาพร่างกายหรอก มันเป็นเพราะดวงวิญญาณชายกลางคนนั้นมากกว่า

           ...ทว่า...หล่อนเคยเห็นผีมาหลายครั้ง ทำไมไม่เกิดอาการเช่นนี้?...

            “เอาอย่างนี้ เดี๋ยวเราตามพี่ไปเอาใบสั่งแพทย์ก่อน จะเขียนรายการตรวจร่างกายให้ แล้วรีบไปตรวจ เอาผลมาให้ดูเร็ว ๆ”

            “ไว้วันหลังไม่ได้เหรอคะ” ลานน้ำค้างต่อรอง

            “ไม่ได้” หมอน่านทำเสียงดุเหมือนพี่ชายกำราบน้องน้อย “ลุกไหวแล้วตามพี่ไปที่ห้องเลย บู...คอยคุมตัวไว้ด้วยนะ อย่าให้แอบหนีล่ะ”

            “ได้เลยครับพี่” ชายหนุ่มรับคำ

            ลานน้ำค้างหน้าบูด นึกไม่ถึง แค่เป็นลมนิดเดียวต้องวุ่นวายตรวจร่างกายมากมายอะไรขนาดนี้...ใจนึกอยาก บอกไปโต้ง ๆ ว่า ที่เป็นลมก็เพราะตกใจที่เห็นผีเท่านั้นแหละ...

            แต่...เท่านั้นจริง ๆ หรือ?



(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP