สารส่องใจ Enlightenment

ตั้งอยู่ในความเมตตา (ตอนที่ ๑)



พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม
วัดแพร่ธรรมาราม อ.เด่นชัย จ.แพร่




โลโกปัตถัมภิกา เมตตา – เมตตาเป็นธรรมเครื่องคํ้าจุนโลก


การภาวนา การปฏิบัติธรรม พระพุทธเจ้าท่านให้เราทุกท่านทุกคนตั้งอยู่ในความเมตตา
เมตตาตนเองด้วยการนำตนเองประพฤติปฏิบัติธรรม เมตตาคนอื่นรักคนอื่น
เพราะเราทุกคนล้วนมีความทุกข์ทางกาย ทุกข์ทางใจ
ทุกข์ในการดำรงชีพ ทุกข์จากญาติพี่น้องวงศ์ตระกูล
ทุกคนต้องได้รับความรักความเมตตาจากเรา
ทุกท่านทุกคนต้องกลับมาดูตัวเองว่าตนเองมีเมตตาหรือยัง
เพราะว่า
“เมตตาธรรมเป็นเครื่องค้ำจุนโลก”
ตัวเองก็ได้เป็นผู้ที่มีความสุขก่อนคนอื่น คนเราถ้าไม่มีเมตตามันมีความทุกข์มาก
คนเราถ้าไม่มีเมตตา มองดูอะไรมันก็ขวางหูขวางตาไปหมด
ใครทำอะไรก็ไม่ถูกอกถูกใจ


พระพุทธเจ้าที่ได้เป็นพระพุทธเจ้าก็เพราะท่านมีพระเมตตาธิคุณ
มีพระกรุณาธิคุณ มีพระปัญญา พระบริสุทธิคุณ



ที่เราอยู่ในวัด อยู่ในครอบครัวของเรา อยู่ในที่ทำงาน หรือว่าเราอยู่ในที่ทุกหนทุกแห่ง
ประการแรกต้องมาเริ่มต้นอยู่ที่เราต้องมีความเมตตา
ที่เรามีชีวิตอยู่ได้ก็เพราะเราได้รับความเมตตาจากคุณพ่อคุณแม่ผู้มีพระคุณทั้งหลาย
ทุกคนจึงจำเป็นต้องได้เจริญเมตตามากๆ
ถ้าเรามีเมตตา ทุกๆ คนก็รักเรา สัตว์ต่างๆ นานาก็รักเรา
พวกเพื่อนฝูงหมู่คณะรุ่นพี่รุ่นน้องก็รักเราหมด
สิ่งที่ทุกคนต้องการในโลกนี้ก็คือความเมตตา
แม้แต่พวกภูตผีปีศาจ พวกเทวดาเขาก็รักเคารพนับถือผู้ที่เมตตา



ดูตัวอย่างพระเทวทัตผู้ที่มีความโกรธ มีความพยาบาท
ให้เขาปล่อยช้างตกมันให้มาทำร้ายพระพุทธเจ้า แต่ช้างไม่ทำร้ายพระพุทธเจ้าเลย
กลับวิ่งมาแล้วก็มาหมอบลงที่พระบาท ถวายความเคารพพระพุทธเจ้า
เพราะเหตุใด
? เพราะพระพุทธเจ้าท่านมีเมตตา


ความเมตตานี้จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ
ถ้าครอบครัวเรามีคนคนหนึ่งที่เป็นคนมักโกรธอารมณ์ร้อน
เจ้าอารมณ์ โมโหร้าย ไม่มีความเมตตา
ครอบครัวนั้นต้องได้รับความลำบากแน่นอน

ตัวเราเองไม่มีเมตตา ตัวเราก็ลำบาก ในโลกนี้ใครบ้างจะมารักเรา
ใครจะรักเรา นับถือเรา ถ้าเราไม่มีเมตตา



โลกนี้กำลังลุกร้อนเป็นไฟ เพราะสาเหตุที่สังคมไร้ความเมตตา
ถ้าในครอบครัวก็เป็นครอบครัวแตกแยกบ้านแตกสาแหรกขาด มีปัญหาหย่าร้าง
พ่อก็ไปทางหนึ่ง แม่ก็ไปทางหนึ่ง ลูกก็ไปทางหนึ่ง
มันเป็นสิ่งที่อเนจอนาถ เป็นสิ่งที่ตกนรกทั้งเป็น
ถ้าเป็นประเทศก็ทำแต่สงคราม มีการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น แย่งเก้าอี้แย่งยศตำแหน่ง
แบ่งพรรคแบ่งพวก มีการชุมนุม มีการเดินขบวนนั่งขบวน



ครั้งพุทธกาลพระภิกษุธรรมกถึกกับพระวินัยธรทะเลาะวิวาทกันเรื่องเพียงเล็กน้อย
เกี่ยวกับเข้าไปในห้องน้ำแล้วเทน้ำจากภาชนะไม่หมด เอาเหลือไว้
พระวินัยธรก็บอกว่ามันไม่ถูก เดี๋ยวยุงมันจะมาไข่ เดี๋ยวลูกยุงจะเกิด
อย่างนี้ไม่ถูก มันผิดพระวินัย
ทางฝ่ายพระธรรมกถึกก็ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจไม่มีเจตนา ทะเลาะกันเป็นเรื่องใหญ่
ต่างคนต่างก็มีลูกศิษย์ลูกหาเยอะ
พระพุทธเจ้าเมตตาบอกให้หยุดทะเลาะวิวาทกันถกเถียงกัน ก็ไม่ยอม



สุดท้ายพระพุทธเจ้าก็ทรงทรมานโดยปลีกหนีไปอยู่ป่า
พวกช้างพวกลิงพวกสัตว์ป่านานาพันธุ์เขาก็มาถวายอุปัฏฐากพระพุทธเจ้า
ชาวบ้านก็รู้ข่าวรู้เรื่องรู้ราวเข้าก็สไตรค์กันไม่ถวายอาหารบิณฑบาต
สุดท้ายทีนี้มันหิว คิดได้ ถึงไปขอขมาพระพุทธเจ้า อาราธนาพระพุทธเจ้ากลับมา
นี่มันก็สาเหตุจากไม่มีความเมตตานะ



การแตกแยกหรือว่าแตกความสามัคคีกัน
ถือว่าเป็นบาปใหญ่บาปหนัก เป็นอนันตริยกรรม
อนันตริยกรรมถือว่าเป็นบาปใหญ่ ห้ามสวรรค์ ห้ามมรรคผล ห้ามนิพพาน
อนันตริยกรรมนี้สาเหตุมาจากความโกรธ ความพยาบาท
ทิฐิมานะมาก เจ้าอารมณ์ มีอัตตามีตัวมีตนมาก



ถ้าเราไม่มีเมตตาปรานี
จะเป็นเหตุเป็นปัจจัยนำความทุกข์ทั้งหลายทั้งปวงมาให้ตนเองและผู้อื่น
เห็นไหมประเทศที่เขาทำศึกสงคราม
ฆ่ากันเองภายในประเทศตายเป็นล้านๆ อย่างเช่นประเทศเขมร
สาเหตุมาจากขาดความเมตตาแท้ๆ
แบ่งพรรคแบ่งพวก คนอื่นเขาไม่มีความเห็นเหมือนเราฆ่ามันให้หมด
ทั้งที่คนที่เราฆ่าก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นญาติพี่น้องภายในประเทศของตัวเอง
ทิฐิมานะนี้มันอันตรายมากจริงๆ นะ มันมีอัตตามีตัวมีตน



ในหลวงของเราท่านมีเมตตามากๆ
ท่านถึงเหมาะสมที่จะเป็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ท่านไม่เคยแบ่งพรรคแบ่งพวกชนชาติศาสนา มีแต่ความรักความเมตตา



โอวาทขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ที่มาตรัสรู้ในโลกนี้
ก็ได้ตรัสพุทธภาษิตไว้ว่า
“สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง คือ การไม่ทำบาปทั้งปวง”
ให้ทุกคนตั้งอยู่ในความเมตตา การไม่คิดร้าย การไม่พูดร้าย การไม่ทำร้าย



ผู้ที่จะเป็นพระที่แท้จริง เป็นเณรแท้จริง เป็นแม่ชีแท้จริง ต้องเป็นผู้ที่เมตตา
ถ้าเราต้องการเป็นอริยเจ้าต้องเจริญเมตตาให้มาก
มันจะเป็นอริยเจ้าได้อย่างไร เพราะมันไม่มีเมตตาเสียเลย มีความเห็นแก่ตัวอย่างสุดๆ
เมื่อเมตตาเราไม่มี สิ่งต่าง ๆ ที่มันเป็นคุณธรรมมันก็เกิดขึ้นไม่ได้

ถ้าเป็นพระ เป็นชี เป็นญาติโยม ทุกๆ คนต้องพากันเจริญเมตตา
เพราะคนที่ไม่เจริญเมตตามันเครียด ชีวิตมันทั้งเคียดทั้งแค้น มันพยาบาท
หัวใจมันมียักษ์ มีแต่มาร มีแต่ผี มีแต่มหาโจรอยู่ข้างใน


ความเมตตานี้จำเป็นมากที่ทุกคนจะต้องมี
ดูตัวอย่างพระพุทธเจ้าท่านบำเพ็ญพระบารมี
เมื่อครั้งเสวยชาติเป็นสุวรรณสามท่านก็เจริญเมตตามาก
เลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ตาบอดอยู่ในกลางป่าเขาลำเนาไพร
มีสิงสาราสัตว์เป็นเพื่อน ไปที่ไหนมีสัตว์ป่านานาพันธุ์เต็มไปหมด
จึงเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้กษัตริย์ที่ล่าสัตว์ยิงด้วยลูกศร
ด้วยความเมตตา ท่านไม่ได้โกรธไม่ได้อาฆาตพยาบาท
ท่านตรัสว่า ใครหนอยิงเรา พ่อแม่เราตาบอดใครจะเลี้ยงดูอุปัฏฐาก
ท่านไม่ได้พูดเรื่องเจ็บเรื่องปวด คิดถึงแต่พ่อแต่แม่ว่าใครจะอุปัฏฐากพ่อแม่
ผลที่สุดสุวรรณสามก็พ้นจากภัยอันตราย ลูกศรก็ไม่สามารถทำอันตรายได้
เพราะพลังแห่งความเมตตา



การเจริญเมตตาก็ต้องพยายามฝึกใจตัวเอง
อย่าไปดูคนอื่น ให้ดูตัวเอง
ให้เราคิดเสมอว่าเราตื่นขึ้นมานี้เราจะให้เมตตาแก่ใครบ้าง
เราถือคติในใจว่าเราเกิดมาเพื่อเป็นผู้ให้ผู้เสียสละ มาละความเห็นแก่ตัว
มาให้ความสุขตัวเองด้วยการเจริญเมตตา
มาให้ความสุขคนอื่นด้วยการเจริญเมตตา

ถ้าเราไปเพ่งโทษคนอื่นว่าคนนั้นทำดีทำไม่ดี ความคิดอย่างนี้มันไม่ถูก
พระพุทธเจ้าท่านก็ปรับอาบัติ การมองเพ่งโทษคนอื่นต้องอาบัติ
ถ้าเรามองดูคนอื่นเพื่อจะช่วยเหลือ เพื่อสงเคราะห์ เพื่ออนุเคราะห์
ถึงเป็นบุญเป็นกุศล



ทุกๆ คนที่มันมีปัญหาน่ะ ทั้งพระทั้งโยมมันไม่ใช่มาจากคนอื่น มาจากตัวเรานี้เอง
ตัวเองจะพยายามไปเพ่งโทษไปแก้ไขคนอื่น
มันจะไปแก้คนอื่นได้อย่างไร ตัวเองยังแก้ไขตัวเองยังไม่ได้
ถ้าเรามันมีปัญหาในใจ อย่าคิดว่าคนโน้นคนนี้ทำให้มีปัญหานะ
มันเป็นความคิดเห็นผิด เป็นการเข้าใจผิด
ในโลกนี้สิ่งภายนอกนี้มันไม่มีปัญหา จิตใจของเราต่างหากมันมีปัญหา
มันหลง มันชอบไปดูดีดูชั่วดูผิดดูถูกของคนอื่น
พระพุทธเจ้าท่านไม่ให้เราไปดูผิดดูถูกของคนอื่น
“คนอื่นจะดีจะชั่วก็ช่างของเขา เราไม่เกี่ยว”
นักปฏิบัติธรรม ถ้าไปดูผิดดูถูกของคนอื่น มันไม่ถูก
“มันผิด!”


ผู้มีเมตตาต้องมองดูตนเอง แก้ไขตนเอง
ถ้าเรามองข้างนอกฟุ้งซ่าน มุ่งไปตั้งแต่ภายนอก
มันจะไปจัดการคนอื่น แก้ไขคนอื่น มันไม่ถูก มันต้องแก้ไขตนเองถึงจะถูก

“มันจะแก้ไขภายนอกได้อย่างไร ตัวเองก็ยังเอาตัวเองไม่รอดอยู่แล้ว”
คนเราถ้าไม่มองดูตัวเอง มันก็ไปว่าคนอื่นผิด
เหมือนเจ้าของอาหารเก็บอาหารไว้ไม่ดี สุนัขมากิน ก็ไปตีสุนัขว่าสุนัขมันแย่
ที่แท้จริงเรามันแย่กว่าสุนัขเพราะเราเก็บอาหารไว้ไม่ปลอดภัย
เรามันปัญญาสู้สุนัขไม่ได้ เราจะไปโทษสุนัขได้อย่างไร
“คนที่ฉลาดเขาพยายามแก้ที่ตัวเองไม่ต้องไปแก้คนอื่น มันเสียเวลา”


สรุปแล้วปัญหาต่างๆ มันไม่ได้เกิดที่คนอื่น มันเกิดที่ตัวเรา
เพราะเราเกิดมาก็ต้องพบเจอสิ่งต่างๆ เจอคนดีไม่ดี สารพัดที่จะเจอ
เพราะเราเกิดมาก็ต้องมีปัญหาอย่างนี้
ถ้าเราไปโทษอย่างนั้น อย่างนี้ มันจะยุติธรรมเหรอ
?


ไม่ยุติธรรม... คนเรามันชอบว่าให้ผู้อื่นนะ
ฝนไม่ตกก็ไปว่าให้ฝน ฝนตกมากก็ไปว่าให้ฝนอีก
แดดไม่ออกก็ไปว่าให้แดด มันมีแต่ว่าให้คนอื่นทั้งนั้น
ถ้าไม่ได้ว่าให้คนอื่นทั้งนั้น ถ้าไม่ได้ว่าให้คนอื่น ไม่ได้นินทาคนอื่นมันจะแน่นหน้าอก
เพราะความเคยชินที่เราชอบไปแก้ไขคนอื่น



- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -- - - - - - - - - - - - - - - -


คัดจาก “สมบัติของพ่อ เล่มที่ ๒” พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม


แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP