วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

เถ้าน้ำค้าง ๖



Tao Nam Kang - front re


ชลนิล



(ต่อจากฉบับที่แล้ว)



            ประสบการณ์เห็นโลกวิญญาณไม่ใช่เรื่องน่าเอามาสาธยายบอกเล่าให้ใครฟังมากนัก ขนาดคนสนิท คุ้นเคยอย่างแม่กับบูรพาก็รู้แค่หญิงสาวเคยเห็น “ผี” บ้างตอนเด็ก ๆ พอโตมาก็ไม่พูดเรื่องนี้กับใครอีก

            พอหญิงสาวมาพบเด็กหญิงตัวน้อยซึ่งมีประสบการณ์เหมือนกัน ทั้งคู่จึงพูดคุย บอกเล่าเรื่องราวของกันและกันให้ฟังอย่างสนุกสนาน ยิ่งนานยิ่งคุ้นเคยราวกับรู้จักกันมาเป็นปี ๆ เด็กหญิงเป็นคนกล้า ช่างพูด ส่วนลานน้ำค้างก็ ไม่ใช่คนถือตัว ถือเรื่องอายุ ทั้งสองจึงคุยกันไม่ต่างจากเพื่อนสนิท

            เวลาผ่านไปนาน รู้สึกเหมือนแค่ครู่เดียว สองสาวต่างวัยนั่งคุยกันจนลืมเวลา

            “ตายแล้ว คุยกันตั้งนาน พี่ยังไม่รู้จักชื่อน้องเลย...พี่ชื่อลานนะจ๊ะ” หญิงสาวแนะนำตัวก่อน

            “ปันปันค่ะ” เด็กหญิงตอบเสียงใส ไม่สนใจถามชื่อเต็มของลานน้ำค้างเหมือนเด็กหนุ่มอีกคน

            “ปันปัน...ชื่อน่ารักจัง แล้วปันปันไม่สบายเป็นอะไร” ลานน้ำค้างรู้สึกคุ้นกับชื่อนี้ แต่ไม่สนใจมันมากไปกว่าอยากรู้เหตุที่แม่หนูเข้าโรงพยาบาล

            พูดถึงอาการป่วย ปันปันก็หน้ามุ่ย ปากยื่น ขัดใจ

            “ปันปันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย แต่คุณหมอบอกให้มา คุณแม่ก็เชื่อหมอด้วย”

            ฟังแล้วเดาได้ว่าเจ้าตัวน้อยคงเจ้าอารมณ์ คนที่บ้านตามใจ

            “แล้วปันปันไม่สบายตรงไหนเอ่ย” หล่อนถาม น้ำเสียงเอาใจ

            “ปันปันสบายดี แต่คุณหมอบอกว่าต้องผ่า แล้วรักษาอะไรก็ไม่รู้”

            ลานน้ำค้างชะงัก มองเด็กหญิงอย่างละเอียด สังเกตจากใบหน้าค่อนข้างขาวจนเผือดซูบก็พอจะเข้าใจ ปันปันน่าจะสุขภาพไม่ดีนัก

            “น้องปันปันจะผ่าตัดวันไหนจ๊ะ” ลานน้ำค้างถาม

            “พรุ่งนี้แล้ว” พูดพลางถอนใจใจเฮือกใหญ่ ดวงตามีแววกังวล พาให้หญิงสาววิตกจนไม่รู้จะชวนคุยต่ออย่างไร

            ครู่หนึ่งเด็กหญิงหันมามอง แล้วเอ่ยปากด้วยคำพูดที่ฟังแล้วชวนขนลุก

            “ปันปันกลัว” น้ำเสียงแผ่ว “ถ้าผ่าตัดแล้วไม่ฟื้น กลายเป็นพวกที่เดินไปเดินมาอยู่ในโรงพยาบาลอย่างที่ พวกเราเห็น จะทำยังไงดีพี่ลาน

            เด็กหญิงมองหล่อนด้วยแววตาหวั่น

            “ปันปันเห็นพวกนี้จนชิน รู้ว่าพวกเขาไม่ได้มีความสุขเลย ลอยไปลอยมาเหมือนคนไม่รู้ตัว ถ้าปันปันตายแล้ว ไปเป็นแบบนั้นจะทำยังไงดี”

               การมีประสบการณ์เป็นคนเห็นผีก็นับเป็นเรื่องหนึ่ง หากให้เจ้าตัวกลายเป็น ‘ผี’ แบบที่เห็น คงไม่ใช่เรื่องน่าสนุกนัก โดยเฉพาะรู้ว่า สภาพเช่นนั้น ไม่ได้มีความสุขอะไร มีแต่ความทุกข์ หมอกมัวครอบคลุม ไม่ค่อยรู้เนื้อรู้ตัว ยากนักที่จะสัมผัสกระแสกุศล ความสุขเย็นใจ

            “ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ” ลานน้ำค้างยิ้มปลอบ ให้กำลังใจ เสียงหนักแน่นช่วยให้คนฟังคล้อยตาม “คุณหมอที่นี่เก่งมากเลยนะ แล้วที่พี่เห็นปันปันตอนนี้ก็ดูแข็งแรงดี อีกอย่างถ้าคุณหมอเขาเห็นว่าไม่ปลอดภัย เขาก็ไม่กล้าผ่าตัดน้องปันปันหรอก”

            “จริงเหรอ” เด็กหญิงย้อนถามตาแป๋ว มีความเชื่อมั่นอยู่ในนั้น

            “จริงสิ” หญิงสาวพูดหนักแน่น

            ยังไม่ทันที่ปันปันจะตอบอย่างไร ก็มีเสียงดังมาใกล้ ๆ

            “น้องปัน น้องปันปัน” พยาบาลสาวเรียก ปันปันหันไปมอง

            “หลบมาอยู่นี่เอง พี่ตามหาตัวแทบแย่” ผู้พูดถอนใจ โล่งอก

            ลานน้ำค้างยิ้มทักทายให้พยาบาลผู้มาใหม่ เด็กหญิงกลับทำหน้าบูด ขัดใจ

            “ปันปันเบื่อ ไม่อยากอยู่แต่ในห้อง ไม่เห็นมีใครมาหาเลย เหงาจะตาย” เจ้าตัวเล็กแสดงอารมณ์กระฟัดกระเฟียด

            “เดี๋ยวคุณแม่ก็มาค่ะ เพิ่งโทรบอกพี่ตะกี้เอง เรารีบกลับห้องกันดีมั้ย ไปรอคุณแม่กัน” พยาบาลสาวใจเย็น เกลี้ยกล่อม อารมณ์ดี

            “ไปก็ได้” ปันปันรีบลงจากเก้าอี้ ไม่วายหันมาบอกกับลานน้ำค้าง “พรุ่งนี้พี่ลานมาหาปันปันอีกได้มั้ย... มาก่อนปันปันจะผ่าตัดนะ”

            “ได้จ้ะ พรุ่งนี้พี่จะมาแต่เช้าเลย” หญิงสาวรับปาก

            “สัญญานะคะ” เจ้าตัวน้อยยื่นนิ้วก้อยมารอ

            ลานน้ำค้างพยักหน้า ยื่นนิ้วก้อยไปเกี่ยว รับคำสัญญา

            พยาบาลพาปันปันกลับห้อง ลานน้ำค้างมองตามด้วยความผูกพัน ทั้งที่เพิ่งเคยเจอกันเป็นครั้งแรก...พอทั้งสองลับสายตา จึงนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนเองมาโรงพยาบาลได้ จึงรีบลุก หิ้วถุงของเยี่ยม เดินไปห้องผู้ป่วยรวมโดยเร็ว




- - - - - - - - - - - - 0 0 - - - - - - - - - - - -




            ภายในห้องเรียงรายด้วยเตียงผู้ป่วย มีคนไข้ คนเยี่ยมไข้ตามเตียงต่าง ๆ หญิงสาวกวาดสายตา มองหาเตียงผู้ป่วยตามหมายเลขที่บูรพาบอกไว้ จนกระทั่งเจอ แต่เตียงนั้นว่างเปล่า ไม่มีร่างของโดม...

            ลานน้ำค้างถามพยาบาลเวร ได้คำตอบว่า คนป่วยออกจากโรงพยาบาลแล้วตั้งแต่ตอนเที่ยง ชวนให้สงสัย ไหนบูรพาบอกเพิ่งฟื้นเมื่อเช้า อาการยังไม่ดีเท่าไหร่ ทำไมออกจากโรงพยาบาลเร็วขนาดนี้

            คิดจะโทรศัพท์ถามเพื่อนหนุ่ม ซักไซ้รายละเอียดเพิ่มเติม พอดีเห็นหมอน่านกำลังตรวจคนไข้ตามเตียงต่าง ๆ ค่อยยิ้มออก ยืนรอจนเขาเดินมาใกล้

            “สวัสดีค่ะพี่น่าน” หญิงสาวเอ่ยทัก

            คุณหมอชะงัก พอเห็นว่าเป็นใครก็ยิ้มต้อนรับ

            “ว่ายังไง มาเยี่ยมคนป่วยหรือ” หมอน่านเข้าเวรเมื่อคืน จึงรู้เรื่องที่ลานน้ำค้างกับบูรพานำคนเจ็บมาส่งโรงพยาบาล

            “ค่ะ แต่คงจะผิดหวังแล้วล่ะ เพราะคนป่วยของลานกลับบ้านไปแล้ว”

            “หือ...” หมอน่านเลิกคิ้วอย่างสงสัย ก้าวยาว ๆ ไปยังเตียงคนป่วยที่ลานน้ำค้างเพิ่งดูมา พอเห็นมันว่างเปล่า จึงซักถามรายละเอียดจากพยาบาล

            สิ่งได้รู้เพิ่มเติมคือ...คนเจ็บถามหาของที่ติดตัวมาด้วย พอได้รับก็ตรวจเช็คว่ามีอะไรชำรุด สูญหายบ้าง ปรากฏว่าเรียบร้อยดี ท่าทางเขาคลายใจลง จนได้ยินว่าตอนบ่ายอาจมีตำรวจมาสอบปากคำ เขาก็รีบออกจากโรงพยาบาลทันที

            นางพยาบาลเห็นเขาหายไปพร้อมกับสมบัติส่วนตัวตั้งแต่เที่ยง พอลานน้ำค้างถามถึง ก็ตอบได้เพียง กลับบ้านแล้ว...ไม่ได้บอกว่าแอบหนีจากโรงพยาบาล

            “เราไปพาโจรที่ไหนมาส่งโรงพยาบาลหือม์...ลาน” หมอน่านถามกึ่งแหย่

            “ลานไม่รู้จักเขาละเอียดมากหรอกค่ะพี่น่าน รู้แค่ชื่อโดม เป็นนักดนตรีในร้านอาหาร แล้วก็เคยเห็นเล่นเปิดหมวกที่สวนสาธารณะแถวบ้าน เคยคุยกันจริง ๆ แค่ครั้งเดียวเอง”

            “เอาเถอะ ถ้ามีแรงหนีออกจากโรงพยาบาลได้ ก็แสดงว่าอาการไม่หนักหนาอะไร ถ้าเจอเขาอีกครั้ง ก็บอกให้ มาตรวจซ้ำอีกทีก็ดีนะ”

            “พูดยังกะลานมีดวงสมพงศ์กับเด็กคนนี้นักนี่ คงไม่มีทางเจอกันแล้วล่ะ” หญิงสาวบ่น

            “มันก็ไม่แน่หรอก” หมอน่านแย้ง “คนเรา ถ้ามันเคยมีโอกาสช่วยเหลือกันได้ ก็แสดงว่าต้องเคยเกื้อกูลกันมาก่อน เราอาจได้เจอเขาอีกก็ได้...อีกอย่าง พี่ว่าเขาไม่ใช่เด็กสักหน่อย เป็นหนุ่มรูปหล่อไม่ใช่เล่นทีเดียว ไม่สนใจเขาบ้างหรือเรา”

            ลานน้ำค้างยิ้มขัน นาน ๆ จะโดนหยอกล้อแบบนี้สักที ตั้งแต่รู้ว่าถูกจับคู่กันจากมารดาทั้งสองฝ่าย หมอน่านก็พยายามแนะนำแกมผลักไสหล่อนให้คนอื่นเรื่อย ๆ ซึ่งหญิงสาวไม่เคยถือสา ทั้งสองฝ่ายรู้แก่ใจว่าคงเป็นได้แค่พี่ น้องกันเท่านั้นเอง







บทที่ ๔



            ปันปันตามคุณพยาบาลกลับห้องคนไข้ ระหว่างทางโดนบ่น กึ่งตักเตือน เกี่ยวกับเรื่องการแอบหนีจากห้องมาเที่ยวเล่น แล้วบอกว่าพรุ่งนี้จะต้องผ่าตัด ควรระวังรักษาตัว ไม่เช่นนั้น หากเกิดปัญหาแทรกซ้อน ผ่าตัดไม่ได้ เธอก็ต้องอยู่โรงพยาบาลต่อไป

            เด็กหญิงหน้ามุ่ย ปากยื่น ไม่โต้เถียง ถึงจะรำคาญคำบ่นแกมตักเตือนเช่นนี้ เธอก็รู้ว่าผู้พูดมีเจตนาดีจริง ๆ ไม่เสแสร้ง

            นอกจากปันปันจะมองเห็นโลกหลังความตาย เธอยังสามารถสัมผัสจิตใจคนใกล้ชิดได้ รู้ว่าใครจริงใจ ใครเสแสร้ง เธอจึงพร้อมกอดใครบางคนอย่างเต็มใจ และขยะแขยงอยากผละหนีบางคน ทั้งที่เขายิ้มหวาน พูดจาดี

            กับพี่สาวเมื่อครู่ ปันปันสนิทใจรวดเร็ว ทั้งที่เพิ่งคุยกันไม่กี่คำ ยิ่งพูดจา ยิ่งคุ้นเคย อบอุ่น รู้ว่าพี่ลานเป็นคนดี มีความจริงใจ ไม่เสแสร้ง และน้ำใจกว้างขวาง

            ที่ขอร้องกึ่งนัดหมายให้พี่ลานมาเยี่ยมก่อนเข้าห้องผ่าตัด ก็เพื่อเปิดโอกาสให้พี่สาวใจดี ได้พบกับคนบางคนต่างหาก

            พยาบาลเปิดประตู พลางจูงมือเด็กหญิงเข้าห้อง ยังไม่ทันเท่าไหร่ เสียงใส ๆ ของเจ้าตัวน้อยก็ดังขึ้น

            “พี่ปอน...พี่ปอน” ปันปันดึงมือจากคุณพยาบาล รีบวิ่งไปกอดชายหนุ่มที่ยืนรอทันที

            ชายหนุ่มก้มลงรับร่างเจ้าตัวน้อยขึ้นมาอุ้ม ยิ้มสดใสใส่ดวงหน้าเล็ก ๆ ปลายนิ้วเขี่ยปอยผมยุ่ง ๆ ออก แกล้งบีบจมูกเบา ๆ

            “แอบไปซนอยู่ที่ไหนปันปัน พี่มาถึงก็หาไม่เจอ”

            “ไม่ได้ไปซน ปันปันไปเดินเล่นนิดเดียว” ปันปันเถียง

            “นิดเดียวจนต้องให้พี่พยาบาลเขาไปตามนี่นะ” ฝ่ายชายหนุ่มไม่ยอมแพ้

            “ปันปันไปเจอพี่สาวน่ารักคนนึงด้วยล่ะ” เด็กหญิงรีบเล่า “อยากให้พี่ปอนไปเจอเขาจัง”

            “นั่นแน่ วางแผนหาแฟนให้พี่อีกแล้วนะ” ชายหนุ่มดักคอ

            “ก็...ปันปันไม่ชอบพี่เกรซนี่” ปันปันพูดถึงหญิงสาวอีกคน ที่ใกล้ชิดกับพี่ชายตนเป็นพิเศษ

            ชายหนุ่มหัวเราะหึหึ ไม่ตอบคำ...ถ้าจะว่าไป น้องสาวตัวน้อยคนนี้ ไม่เคยชอบผู้หญิงที่เขาคบด้วยสักคน ไม่ว่าจะพาคนไหนเข้าบ้าน เจ้าปันปันจะบอกว่า “ไม่ชอบ” ทุกราย...

            น่าแปลก ที่สุดท้ายผู้หญิงเหล่านั้น ก็มีเหตุให้เลิกรากับเขาหมด โดยไม่เกี่ยวกับปัญหาความไม่ชอบของปันปันเลย

            “คุณแม่มาแล้ว” ปันปันตะโกนดีใจ โผจากอกเขาไปหามารดา ที่เพิ่งเข้ามาในห้อง

            “กอดเบา ๆ นะลูก เดี๋ยวเสื้อแม่ยับหมด ไปออกงานไม่ได้” คุณหญิงรัดเกล้ารับลูกสาวตัวน้อยมาจากลูกชายที่โตเป็นหนุ่ม

            “แม่จะไปไหนต่อ” ปันปันทำเสียงงอน

            “ไปทำงานจ้ะ” คุณหญิงรัดเกล้า ผู้มีวัยเลขห้าตอบลูกสาวอย่างเอ็นดู พลางหันไปถามลูกชาย “เลียบไปกับแม่มั้ยจ้ะ”

            “ไม่ล่ะครับ ผมอยู่เป็นเพื่อนปันปันดีกว่า” เลียบเมืองตอบ

            “พี่ปอนจะอยู่เป็นเพื่อนปันปันจริง ๆ น้า...” เด็กหญิงถามย้ำเพื่อความแน่ใจ...เธอเป็นคนเดียวที่ยังเรียกชื่อเล่นเลียบเมืองว่า “พี่ปอน”

            “พี่อยู่ได้ถึงตอนเย็นนะ คืนนี้พี่มีนัดกับเพื่อน” เขาตอบตามตรง

            ปันปันหน้าบูด แต่ไม่แสดงท่ากระฟัดกระเฟียด หลังจากครอบครัวนี้เหลือกันแค่สามคนแม่ลูก ทุกคนดูเหมือนจะคอยเอาใจใส่กันและกัน ไม่สร้างปัญหาให้อีกฝ่าย

            คุณหญิงรัดเกล้าแต่งงานตั้งแต่ยังสาว สามีของเธอเป็นนักธุรกิจที่เก่งกาจ สามารถสร้างฐานะครอบครัวเป็นปึกแผ่นตั้งแต่ต้นวัย คุณหญิงทำงานช่วยเหลือสังคมมาตลอด จนได้รับพระราชทานตราตั้ง

            ส่วนเลียบเมืองมีความฝันอยากเป็นนักบินตั้งแต่เด็ก ไม่คิดสืบต่อธุรกิจบิดา ซึ่งพ่อของเขาไม่ขัด ปล่อยให้เดินตามฝันจนได้เป็นนักบินรบกองทัพอากาศสมใจ น่าเสียดายที่ผู้นำครอบครัวเสียชีวิตเมื่อสามปีก่อน ทำให้เขาเริ่มลังเลกับเส้นทางเดินของตน...จะลาออกมาดูแลธุรกิจครอบครัว หรือเดินตามฝันไปเรื่อยเหมือนคนเห็นแก่ตัว

            คุณหญิงรัดเกล้าเป็นคนช่วยตัดสินใจแทน...

            “เลียบลาออกมาก่อนเถอะลูก ถ้ายังอยากบินอยู่ ก็บินเครื่องบินพาณิชย์ก็ได้

            เลียบเมืองทำตามความต้องการมารดา ลาออกมาบินเครื่องพาณิชย์ ส่วนคุณหญิงเข้าไปกุมบังเหียนงานธุรกิจแทน ครอบครัวที่ซวนเซจากการขาดเสาหลัก เริ่มเข้าที่ได้ไม่นาน ปันปันก็เกิดอาการป่วย จำเป็นต้องเข้าผ่าตัดรักษาโรคหัวใจ

            “แล้วคืนนี้ใครจะอยู่เป็นเพื่อนปันปันล่ะ” เด็กหญิงบ่น

            “ก็พี่พยาบาลไงจ๊ะ” คุณหญิงตอบ “หรือว่าอยากให้ป้าดวงมาอยู่ด้วย”

            คุณหญิงหมายถึงแม่บ้านเจ้าระเบียบ ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงปันปันอีกตำแหน่งหนึ่ง

            “ไม่เอา...” ปันปันร้องโวยวาย

            “งั้นพรุ่งนี้แม่จะมาหาแต่เช้าเลย” คุณหญิงบอก

            “พี่ปอนล่ะ” ปันปันหันไปถามพี่ชาย

            “แน่นอนอยู่แล้ว” เขายืนยัน “พี่จะไม่มาให้กำลังใจได้ยังไงจ๊ะ”

            ปันปันยิ้มแป้นเมื่อได้รับคำยืนยันจากแม่และพี่ชาย...ผู้ใหญ่ทั้งสองคนเห็นแล้วอดใจหาย ถึงหมอจะยืนยันว่าไม่มีปัญหาอะไร แต่ความเป็นห่วงก็ท่วมท้นจิตใจ เวลานี้ครอบครัวเหลือเพียงสามคน หากต้องขาดใครไป อีกคน ผู้ที่อยู่เบื้องหลังคงยากจำทำใจรับได้ ...



            ลานน้ำค้างมาที่บ้านบูรพาหลังจากพยายามโทรศัพท์แล้วไม่ติดสักที หล่อนรู้ว่าช่วงเย็นถึงค่ำ เขาต้องไปทำงานพิเศษจึงรีบมาดักเจอก่อน

            มาถึงหน้าบ้าน มองเห็นมอเตอร์ไซค์จอด แน่ใจว่ายังอยู่บ้าน จึงตะโกนเรียกเสียงดังลั่น

            “หมู...หมูโว้ย”

            ไม่นานมีเสียงตะโกนตอบ

            “เออ...ได้ยินแล้ว จะเข้ามาก็มาสิ ประตูหน้าบ้านไม่ได้ล็อค”

            เมื่อก่อนลานน้ำค้างจะถือวิสาสะเดินเข้าบ้านด้วยความคุ้นเคย พอโตมา คุณดาริกา มักเตือนบุตรสาวเสมอเรื่องความควร ไม่ควร และการรักษาระยะห่างระหว่างชายหญิง

            เสียงตะโกนตอบโต้สองหนุ่มสาวดังไปถึงหอพักที่อยู่ติดกัน เจ้าของห้องพักคุ้นเคยทั้งคู่ตั้งแต่เด็กจึงโผล่หน้ามาทักทาย

            “อ้าว...หนูลาน มาหาอาบูรพาเหรอ” อาแปะ เจ้าของห้องพักเป็นคนแก่ใจดี อารมณ์ดี

            “สวัสดีค่ะแปะ... ห้องพักยังเต็มอยู่หรือเปล่า” ลานน้ำค้างทักทาย พูดจาเหมือนคุยกันคนละเรื่อง

            “เต็มซี่ แหมน่าเสียดาย อดได้ลูกค้ารายใหม่เลย” อาแปะยิ้มตาหยี ขณะที่ “ลูกค้ารายใหม่” กำลังเดินออกมา

            ลานน้ำค้างเห็นลูกค้ารายนี้แล้วต้องชะงัก ดีใจ อดคิดไม่ได้ว่าทำไมโลกถึงกลมขนาดนี้ คนที่ไม่คิดว่าจะเจอ กลับโผล่หน้ามาให้เห็นง่าย ๆ

            “อ้าว...โดม เป็นยังไงบ้าง” หญิงสาวร้องทัก

            เด็กหนุ่มผมยาว สะพายกระเป๋าเสื้อผ้า มือหิ้วกระเป๋ากีตาร์ยืนห่างไม่เกินสามสี่ก้าวนั้น คือโดม... คนป่วยที่หนีออกจากโรงพยาบาล

            “ลาน...” คำแรกหลุดมาแบบงง ๆ ก่อนเจ้าตัวจะตั้งสติเรียกชื่อเต็มของหล่อน “ลานน้ำค้าง”

            “แหมดีจัง ยังจำชื่อกันได้” ลานน้ำค้างยิ้มดีใจปนโล่งอก เหตุที่มาบ้านบูรพา ก็เพื่อซักไซ้เกี่ยวกับโดมนี่แหละ

            โดมยืนมองหญิงสาวโดยไม่รู้จะพูด หรือทำอย่างไรต่อ ในใจนึกยินดี...ดีใจจนบอกไม่ถูก

            “จริงสิ ทำไมถึงรีบออกจากโรงพยาบาลนักล่ะ หายดีแล้วเหรอ” ลานน้ำค้างใส่ปัญหาทันที หล่อนไม่พบโดมที่โรงพยาบาล พยายามโทรถามบูรพา แต่ไม่ติด รอไม่ไหวต้องมาหาเขาที่บ้าน ไม่คาดว่าจะมาเจอโดมง่ายแบบนี้

            “คุณรู้ได้ยังไงว่าผมเข้าโรงพยาบาล” โดมย้อนถามอย่างสงสัย ถึงสภาพเขาตอนนี้จะดูสะบักสบอม มีร่องรอยถูกทำร้าย แต่ไม่น่ามีใครคิดถึงเรื่องเข้าโรงพยาบาล

            “จะไม่รู้ได้ยังไง พี่กับเพื่อนเป็นคนส่งน้องเข้าโรงพยาบาลเอง”

            โดมอึ้ง พูดอะไรไม่ออก เป็นเวลาเดียวกับบูรพาเดินออกจากบ้าน เห็นเพื่อนสาวยืนคุยกับเด็กหนุ่มที่ควรจะอยู่ในโรงพยาบาลก็นึกประหลาดใจ

            “ลาน...มีธุระอะไร อ้าวน้อง ออกจากโรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อไหร่?”



            โดมมองสองหนุ่มสาวที่จ้องหน้าเขาเหมือนต้องการคำตอบ...เรื่องหนีออกจากโรงพยาบาลวันนี้...เขาจะอธิบายอย่างไร มันเป็นเหตุฉุกละหุกที่ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อนเลย

            โดมไม่สบายใจ ที่ต้องนอนโรงพยาบาลแห่งนั้น แต่พยายามฝืนใจเพราะร่างกายล้าเต็มที พอนางพยาบาลบอกว่าตอนบ่ายจะมีตำรวจมาสอบปากคำเรื่องโดนทำร้าย เขาก็อยู่ไม่ได้ ต้องหนีออกจากโรงพยาบาลทั้งที่ยังไม่แข็งแรง

            ออกจากโรงพยาบาลก็กลับไปบ้านเพื่อน คิดว่าเจ้าของยังไม่มา ที่ไหนได้ เพื่อนเขากลับมาพร้อมกับแฟนสาว โดมรู้ตัวว่าคงอาศัยที่นี่ไม่ได้แล้ว จึงหิ้วกระเป๋าออกมาหาห้องเช่าทันที

            ออกมาแล้วก็เคว้ง ไม่รู้จะหาห้องเช่าที่ไหน พอดีนึกถึงห้องในซอยที่เกิดเรื่องได้

            วันก่อนเขาตั้งใจมาเช่าที่นี่อยู่แล้ว แต่มีเรื่องเสียก่อน วันนี้เลยตั้งใจมาอีกสักที

            หากเป็นคนอื่น เจอเรื่องแบบนี้สด ๆ ร้อน ๆ รับรองไม่กล้าเหยียบซอยนี้ไปตลอดชีวิต แต่โดมไม่ใช่คนอย่างนั้น... ที่กลับมาอีกครั้งก็เพื่อดูหน้าวินมอเตอร์ไซค์ กลุ่มที่ทำร้ายเขาให้ชัด ๆ ดูว่ายังกล้าจะทำร้ายกันตอนกลางวันเวลาที่พวกมันไม่เมาหรือเปล่า

            น่าเสียดาย วินมอเตอร์ไซค์กลุ่มนั้นไม่มาทำงานกันเลย ท่าทางคงหลบตำรวจ เพราะคิดว่าเขาแจ้งความแล้ว

            โดมไม่สนใจคนพวกนั้น ยอมนั่งแท็กซี่เข้าซอยเพื่อมาเช่าห้องพักนี้อย่างจงใจ แต่ห้องที่ว่างโดนเช่าตัดหน้าไปตั้งแต่เช้า เขาเคว้งหนักกว่าเดิม นึกไม่ออกจะไปหาห้องเช่าที่ไหน เงินในกระเป๋าเหลือน้อยเต็มที พอดีพบลานน้ำค้างกับบูรพา

            “เข้ามาคุยกันในบ้านก่อนดีกว่า” บูรพาเอ่ยปากชวน

            โดมลังเลใจ เขาไม่ใช่คนคุ้นเคยกับใครง่าย ๆ แต่ลานน้ำค้างเป็นผู้หญิงที่เขาอยากพบหน้าอีกครั้ง ส่วนบูรพาก็ดูเป็นคนจริงใจ น่าคบหา จึงยอมเดินตามโดยไม่อิดเอื้อน



(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP