ธรรมะจากพระสูตร Dhamma from Sutta

อาชีวกสูตร ว่าด้วยความดี ๓ อย่าง


กลุ่มไตรปิฎกสิกขา

[๕๑๒] สมัยหนึ่ง ท่านพระอานนท์อยู่ที่วัดโฆสิตาราม ใกล้กรุงโกสัมพี
ครั้งนั้น คฤหบดีสาวกของอาชีวกผู้หนึ่งเข้าไปหาท่านพระอานนท์
ครั้นเข้าไปถึงแล้ว อภิวาทท่านพระอานนท์แล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนหนึ่ง
คฤหบดีนั้นแลนั่ง ณ ที่ควรส่วนหนึ่งแล้วถามท่านพระอานนท์ว่า
ท่านพระอานนท์ผู้เจริญ ธรรมของพวกไหนหนอเป็นสวากขาตธรรม
พวกไหนเป็นผู้ปฏิบัติดีแล้วในโลก พวกไหนเป็นผู้ดำเนินดีแล้วในโลก.


พระอานนท์. ท่านคฤหบดี ถ้าเช่นนั้น อาตมาจักย้อนถามท่านในข้อนี้
ท่านพอใจอย่างใด พึงตอบอย่างนั้น ท่านสำคัญข้อนี้ว่ากระไร
บุคคลเหล่าใดแสดงธรรมเพื่อละราคะ แสดงธรรมเพื่อละโทสะ
แสดงธรรมเพื่อละโมหะ ธรรมของบุคคลเหล่านั้นเป็นสวากขาตธรรมหรือไม่
หรือว่าท่านมีความเห็นอย่างไรในข้อนี้.


คฤหบดี. ท่านผู้เจริญ บุคคลเหล่าใดแสดงธรรมเพื่อละราคะ
แสดงธรรมเพื่อละโทสะ แสดงธรรมเพื่อละโมหะ
ธรรมของบุคคลเหล่านั้นเป็นสวากขาตธรรม
ข้าพเจ้ามีความเห็นอย่างนี้ในข้อนี้.


พระอานนท์. ท่านสำคัญข้อนี้ว่ากระไร คฤหบดี
บุคคลเหล่าใดปฏิบัติเพื่อละราคะ

ปฏิบัติเพื่อละโทสะ ปฏิบัติเพื่อละโมหะ
บุคคลเหล่านั้นเป็นผู้ปฏิบัติดีแล้วในโลกหรือไม่
หรือว่าท่านมีความเห็นอย่างไรในข้อนี้.


คฤหบดี. ท่านผู้เจริญ บุคคลเหล่าใดปฏิบัติเพื่อละราคะ
ปฏิบัติเพื่อละโทสะ ปฏิบัติเพื่อละโมหะ
บุคคลเหล่านั้นเป็นผู้ปฏิบัติดีแล้วในโลก
ข้าพเจ้ามีความเห็นอย่างนี้ในข้อนี้.


พระอานนท์. ท่านสำคัญข้อนี้ว่ากระไร คฤหบดี
บุคคลเหล่าใดละราคะได้แล้ว ถอนรากขึ้นแล้ว

ทำให้เป็นเหมือนพื้นที่แห่งต้นตาล ถึงความไม่มีในภายหลัง
มีอันไม่เกิดขึ้นอีกต่อไปเป็นธรรมดา
บุคคลเหล่าใดละโทสะได้แล้ว ถอนรากขึ้นแล้ว
ทำให้เป็นเหมือนพื้นที่แห่งต้นตาล ถึงความไม่มีในภายหลัง
มีอันไม่เกิดขึ้นอีกต่อไปเป็นธรรมดา
บุคคลเหล่าใดละโมหะได้แล้ว ถอนรากขึ้นแล้ว
ทำให้เป็นเหมือนพื้นที่แห่งต้นตาล ถึงความไม่มีในภายหลัง
มีอันไม่เกิดขึ้นอีกต่อไปเป็นธรรมดา
บุคคลเหล่านั้นเป็นผู้ดำเนินดีแล้วในโลกหรือไม่
หรือว่าท่านมีความเห็นอย่างไรในข้อนี้.


คฤหบดี. ท่านผู้เจริญ บุคคลเหล่าใดละราคะได้แล้ว ถอนรากขึ้นแล้ว
ทำให้เป็นเหมือนพื้นที่แห่งต้นตาล ถึงความไม่มีในภายหลัง
มีอันไม่เกิดขึ้นอีกต่อไปเป็นธรรมดา
บุคคลเหล่าใดละโทสะได้แล้ว ถอนรากขึ้นแล้ว
ทำให้เป็นเหมือนพื้นที่แห่งต้นตาล ถึงความไม่มีในภายหลัง
มีอันไม่เกิดขึ้นอีกต่อไปเป็นธรรมดา
บุคคลเหล่าใดละโมหะได้แล้ว ถอนรากขึ้นแล้ว
ทำให้เป็นเหมือนพื้นที่แห่งต้นตาล ถึงความไม่มีในภายหลัง
มีอันไม่เกิดขึ้นอีกต่อไปเป็นธรรมดา
บุคคลเหล่านั้นเป็นผู้ดำเนินดีแล้วในโลก
ข้าพเจ้ามีความเห็นอย่างนี้ในข้อนี้.


พระอานนท์. คฤหบดี ข้อนี้ท่านก็ตอบเองว่า
ท่านผู้เจริญ บุคคลเหล่าใดแสดงธรรมเพื่อละราคะ
แสดงธรรมเพื่อละโทสะ แสดงธรรมเพื่อละโมหะ
ธรรมของบุคคลเหล่านั้นเป็นสวากขาตธรรม
ข้อนี้ท่านก็ตอบเองแล้วว่า ท่านผู้เจริญ บุคคลเหล่าใดปฏิบัติเพื่อละราคะ
ปฏิบัติเพื่อละโทสะ ปฏิบัติเพื่อละโมหะ
บุคคลเหล่านั้นเป็นผู้ปฏิบัติดีแล้วในโลก
ข้อนี้ท่านก็ตอบเองแล้วว่า ท่านผู้เจริญ
บุคคลเหล่าใดละราคะได้แล้ว ถอนรากขึ้นแล้ว
ทำให้เป็นเหมือนพื้นที่แห่งต้นตาล ถึงความไม่มีในภายหลัง
มีอันไม่เกิดขึ้นอีกต่อไปเป็นธรรมดา
บุคคลเหล่าใดละโทสะได้แล้ว ถอนรากขึ้นแล้ว
ทำให้เป็นเหมือนพื้นที่แห่งต้นตาล ถึงความไม่มีในภายหลัง
มีอันไม่เกิดขึ้นอีกต่อไปเป็นธรรมดา
บุคคลเหล่าใดละโมหะได้แล้ว ถอนรากขึ้นแล้ว
ทำให้เป็นเหมือนพื้นที่แห่งต้นตาล ถึงความไม่มีในภายหลัง
มีอันไม่เกิดขึ้นอีกต่อไปเป็นธรรมดา
บุคคลเหล่านั้นเป็นผู้ดำเนินดีแล้วในโลก ดังนี้แล


คฤหบดี. ท่านผู้เจริญ น่าอัศจรรย์ ไม่เคยมี
การตอบปัญหาของท่านพระอานนท์ผู้เจริญ
ไม่เป็นการยกย่องธรรมตนเอง และไม่เป็นการรุกรานธรรมของผู้อื่นโดยแท้
เป็นการแสดงธรรมเฉพาะในเหตุ กล่าวเนื้อความ ทั้งยังไม่อวดอ้างตน
ท่านพระอานนท์ผู้เจริญ ท่านทั้งหลายแสดงธรรมเพื่อละราคะ
แสดงธรรมเพื่อละโทสะ แสดงธรรมเพื่อละโมหะ
ธรรมของท่านทั้งหลายเป็นสวากขาตธรรม
ท่านทั้งหลายปฏิบัติเพื่อละราคะ
ปฏิบัติเพื่อละโทสะ ปฏิบัติเพื่อละโมหะ
ท่านทั้งหลายเป็นผู้ปฏิบัติดีแล้วในโลก
ท่านพระอานนท์ผู้เจริญ ท่านทั้งหลายละราคะได้แล้ว ถอนรากขึ้นแล้ว
ทำให้เป็นเหมือนพื้นที่แห่งต้นตาล ถึงความไม่มีในภายหลัง
มีอันไม่เกิดขึ้นอีกต่อไปเป็นธรรมดา
ท่านทั้งหลายละโทสะได้แล้ว ถอนรากขึ้นแล้ว
ทำให้เป็นเหมือนพื้นที่แห่งต้นตาล ถึงความไม่มีในภายหลัง
มีอันไม่เกิดขึ้นอีกต่อไปเป็นธรรมดา
ท่านทั้งหลายละโมหะได้แล้ว ถอนรากขึ้นแล้ว
ทำให้เป็นเหมือนพื้นที่แห่งต้นตาล ถึงความไม่มีในภายหลัง
มีอันไม่เกิดขึ้นอีกต่อไปเป็นธรรมดา
ท่านทั้งหลายเป็นผู้ดำเนินดีแล้วในโลก


ท่านผู้เจริญ แจ่มแจ้งจริง ท่านผู้เจริญ แจ่มแจ้งจริง
พระผู้เป็นเจ้าอานนท์บอกพระธรรมหลายปริยาย
เหมือนบุคคลหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปกปิด บอกทางแก่คนหลง
ส่องประทีปในที่มืดเพื่อให้คนตาดีเห็นรูปต่าง ๆ ฉะนั้น
ข้าพเจ้าถึงพระผู้มีพระภาคเจ้ากับพระธรรมและพระภิกษุสงฆ์เป็นสรณะ
ขอพระผู้เป็นเจ้าอานนท์จงจำข้าพเจ้าไว้ว่า
เป็นอุบาสกผู้ถึงสรณะตลอดชีวิต ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป.


อาชีวกสูตร จบ



(อาชีวกสูตร พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต
พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่มที่ ๓๔)


แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP