ธรรมะจากพระสูตร Dhamma from Sutta
จิตตวรรคที่ ๓ หมวดว่าด้วยการฝึกจิต
กลุ่มไตรปิฎกสิกขา
[๑๓] ๑. ชนผู้มีปัญญา ย่อมทำจิตที่ดิ้นรน กลับกลอก
อันบุคคลรักษาได้ยาก ห้ามได้ยาก
ให้ตรง ดุจช่างศร ดัดลูกศรให้ตรงฉะนั้น
จิตนี้ (อันพระโยคาวจรยกขึ้นจากอาลัย คือกามคุณ ๕
แล้วซัดไปในวิปัสสนากัมมัฏฐาน) เพื่อละบ่วงมาร
ย่อมดิ้นรนดุจปลาอันพรานเบ็ดยกขึ้นจาก (ที่อยู่) คือน้ำ
แล้วโยนไปบนบก ดิ้นรนอยู่ฉะนั้น.
๒. การฝึกจิตอันข่มได้ยาก เป็นธรรมชาติเร็ว
มักตกไปในอารมณ์ตามความใคร่ เป็นการดี
(เพราะว่า) จิตที่ฝึกแล้ว ย่อมเป็นเหตุนำสุขมาให้.
๓. ผู้มีปัญญา พึงรักษาจิตที่เห็นได้แสนยาก ละเอียดยิ่งนัก
มักตกไปในอารมณ์ตามความใคร่
(เพราะว่า) จิตที่คุ้มครองไว้ได้ เป็นเหตุนำสุขมาให้.
๔. ชนเหล่าใด จักสำรวมจิตอันไปในที่ไกล เที่ยวไปดวงเดียว
ไม่มีสรีระ มีถ้ำเป็นที่อาศัย ชนเหล่านั้นจะพ้นจากเครื่องผูกแห่งมาร.
๕. ปัญญาย่อมไม่บริบูรณ์แก่ผู้มีจิตไม่มั่นคง
ไม่รู้แจ้งซึ่งพระสัทธรรม มีความเลื่อมใสอันเลื่อนลอย
ภัย (ความกลัว) ย่อมไม่มีแก่ผู้มีจิตอันราคะไม่ซึมซาบ
มีใจไม่ถูกโทสะตามกระทบ ละบุญและบาปได้ ตื่นอยู่.
๖. (บัณฑิต) รู้จักกายนี้ อันเปรียบด้วยหม้อ
กั้นจิตอันเปรียบด้วยนคร พึงรบมารด้วยอาวุธคือปัญญา
พึงรักษาความชนะที่ชนะแล้ว และพึงเป็นผู้ไม่ติดอยู่.
๗. ไม่นานหนอ กายนี้จักนอนทับแผ่นดิน
กายนี้ มีวิญญาณไปปราศ ถูกบุคคลทิ้งแล้ว
ราวกับท่อนไม้ ไม่มีประโยชน์ฉะนั้น.
๘. จิตซึ่งตั้งไว้ผิดแล้ว พึงทำบุคคลนั้น
ให้เลวทรามยิ่งกว่าความพินาศหายนะ ที่โจรเห็นโจร
หรือคนจองเวรทำ (แก่กัน ) นั้น (เสียอีก).
๙. มารดาบิดา ก็หรือว่าญาติเหล่าอื่น ไม่พึงทำเหตุนั้น (ให้ได้)
แต่จิตอันตั้งไว้ชอบแล้ว พึงทำเขาให้ประเสริฐกว่าเหตุนั้น.
จิตตวรรคที่ ๓ จบ
(จิตตวรรค พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท
พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่มที่ ๔๐)
< Prev | Next > |
---|