ดังตฤณวิสัชนา Dungtrin's Answer

เมื่อมีสิ่งมากระทบใจทำให้กลับไปเศร้าในเรื่องอดีต ควรทำอย่างไร



ถาม – ดิฉันคิดว่าตนเองไม่เคยเก็บเอาอดีตที่เลวร้ายมาคิดให้ฟุ้งซ่าน แล้วก็ไม่ได้คิดแค้นใครเลย แต่ทำไมเมื่อไปรับรู้เรื่องราวเก่าๆ ดูละครหรืออ่านนวนิยายที่คล้ายกับปมอดีตที่เจ็บปวด กลับทำให้อ่อนไหว เสียใจและหดหู่ไปพักหนึ่ง
อยากถามว่าการที่เราคิดมากและยึดติดกับอดีตแบบนี้ จะทำให้ไม่ก้าวหน้าในการเจริญสติไหมคะ



เอาคำถามนี้ก่อนนะ
ตรงที่ว่าเราไปเจออะไรแล้วมันหวนคิดถึงอดีต นั่นคือธรรมชาติของจิตนะ
ถ้าอธิบายตามคำศัพท์ของธรรมก็คือว่า
ตามธรรมะนะ ท่านก็บอกไว้ว่าเวลาที่เราถูกอะไรกระทบ
มันจะทำให้เกิดความสำคัญมั่นหมายขึ้นมา หรือจำได้หมายรู้ขึ้นมาว่าอะไรเป็นอะไร
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราเห็นรูปวงกลม เราก็จะไปเทียบเคียงกับวงกลมที่เราเคยรับรู้ไว้นะ
แล้วก็สามารถที่จะบอกได้เลยว่าอย่างนี้เรียกว่ากลม
ไม่ว่าจะเป็นกลมแบบดวงอาทิตย์ กลมแบบลูกบอล ลูกโบว์ลิ่ง ลูกสนุกเกอร์
หรือว่าที่มีคนเอาสีมาระบายไว้เป็นจุดๆ อย่างนี้นะ
เราก็จะเกิดความจำได้หมายรู้ขึ้นมาว่าอย่างนี้เขาเรียกวงกลม
แล้วก็จะจัดเข้าพวกเดียวกันหมดเลย
ไม่ว่าจะเป็นดวงอาทิตย์ หรือว่าพระจันทร์ หรือว่าลูกบอลนะ มันกลมเหมือนกันหมด
เพราะฉะนั้นถ้าหากว่าเราเห็นอะไรอย่างหนึ่ง แล้วก็มีสิทธิ์เตือนให้นึกถึงอีกอย่างหนึ่งได้
ยกตัวอย่างเช่น คนมักจะพูดว่า เออ วันนี้พระจันทร์กลมอย่างกับลูกบอล
คือพอเล่นบอลบ่อยๆ แทงบอลบ่อยๆ เนี่ย จิตใจมันฝักใฝ่นะ
พอเห็นอะไรที่กลมๆ มันนึกถึงลูกบอลได้



อันนี้คือตัวอย่างที่จะยกมาง่ายๆ ว่าการจำได้หมายรู้ในอดีต
มีผลให้เกิดการระลึกถึงขึ้นมาได้อย่างไร
ยิ่งถ้าหากว่าเราเคยมีเรื่องกับใคร มีเหตุการณ์อันเป็นปมฝังใจไว้กับใครนะครับ
พอไปเห็นข้าวของหรือว่าแม้กระทั่งได้ยิน
สมมุติว่าชื่ออั้มอย่างนี้นะ คนของเราชื่ออั้ม
แล้วเราไปได้ยินดาราชื่ออั้ม หรือว่าไปได้ยินเพื่อนของเพื่อนชื่ออั้มแบบนี้
เราก็อาจจะมีใจหวนประหวัดไปนึกถึงคนชื่ออั้มที่เคยมีเรื่องมีราวกับเราก็ได้
นี่คือตัวอย่างว่าความจำได้หมายรู้มันปรุงแต่งจิตของเราได้อย่างไร
เพราะฉะนั้นไม่แปลก ถ้าหากว่าเราไปเจอะเจออะไรที่เตือนให้ระลึกถึงคนของเราแล้ว
จะเกิดความหวั่นไหว เกิดความรู้สึกนึกคิดในแบบที่มันเกิดขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายตอนอยู่กับเขาหรือเจอเขา



ทีนี้ถามว่าอารมณ์แบบนี้ มันทำให้เกิดความไม่ก้าวหน้าในการเจริญสติหรือเปล่า
ในการฝึกจิตที่จะต้องการความเข้มแข็ง ไม่ควรจะอ่อนไหวอะไรต่างๆ
มันไม่เกี่ยวหรอกนะว่าเรามีปมฝังใจแค่ไหน เราไม่ได้มองกันตรงที่ว่า
เวลาไปกระทบกับอะไรแล้วเกิดความรู้สึกอย่างไร นั่นเป็นเครื่องขวางหรือเปล่า
ไม่ใช่นะ ยิ่งบางคนมีอดีตเยอะๆ มีปมฝังใจแน่นๆ หรือว่ากระทั่งมีอะไรที่โหดๆ อยู่ในใจอยู่
เหมือนกับมีความฟุ้งซ่าน เหมือนกับมีความกระวนกระวาย
ตัวนี้ถ้าหากว่ามองเป็น ก็เอามาใช้เป็นอุปกรณ์ฝึกเจริญสติยังได้เลย


ประเด็นอยู่ตรงนี้ ตรงที่ว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เรามีท่าทีที่จะรู้มันแค่ไหน
ถ้าหากว่าเรามีความเคยชินอยู่อย่างหนึ่งที่จะรู้มัน
สมมุติว่าคุณอาจจะเคยชินที่จะรับรู้มันในแบบที่เศร้าสร้อย แล้วก็ไม่รู้จะจัดการอย่างไรถูก
กี่ครั้งกี่หนที่มันเกิดขึ้น มันก็จะเคยชินกับความรู้สึกเศร้าสร้อยแบบนั้นไปเรื่อยๆ
เกิดกระทบอะไรให้ระลึกถึงเขาเมื่อไหร่
มันก็มีอาการเศร้าสร้อยเป็นปฏิกิริยาโต้ตอบออกมาทันที
นี่คือท่าทีที่เรามีกับอารมณ์กระทบชนิดนี้



แต่ถ้าหากว่าเราปลูกฝังความเคยชินอย่างใหม่
เมื่อมีอะไรเข้ามากระทบแล้วเกิดความหวั่นไหว มันรู้สึกเซนซิทีฟขึ้นมา
มันรู้สึกว่าจิตนี่โดนขุดคุ้ยเอาอดีตตั้งแต่เมื่อกาลไหน พ.ศ.ใดมาก็ไม่ทราบนะ โถมเข้ามา
แล้วเรามีสติที่จะระลึกว่าสิ่งนั้นเป็นเพียงเครื่องกระทบใจ
แล้วเกิดปฏิกิริยาทางใจขึ้นมาเป็นความเศร้า
แล้วเห็นว่าความเศร้าตรงนี้มันไม่ได้มีตัวตน
มันไม่ได้มีความเป็นตัวเราที่ยั่งยืนอยู่ในนี้นะ ในกายนี้ในใจนี้
แต่มันเกิดขึ้นเฉพาะเมื่อมีอะไรมากระทบ



ถ้าเรามีสติระลึกได้แค่นี้นะ
ตัวสติที่สร้างขึ้นมา มันจะค่อยๆ สั่งสมเป็นความเคยชินใหม่
เออ นี่มันเกิดขึ้นเพราะมีกระทบ ไม่ใช่ว่ามันเป็นตัวเรา
ไม่ใช่ว่ามีความทรงจำชนิดนี้ฝังตายอยู่เลยนะ ตายตัวอยู่เลย ไม่ใช่
มันเกิดขึ้นเฉพาะเมื่อมีกระทบให้เกิดความระลึกได้ ระลึกถึง หวนระลึกถึงขึ้นมา
แล้วก็จะสามารถเห็นว่าความไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนของเราที่เกิดขึ้นชั่วคราวนั้นน่ะ
เดี๋ยวเดียวมันก็หายไป ถ้าหากว่าเราไม่ไปพยายามที่จะขุดคุ้ยด้วยตัวเองตามหลังมา
คือกระทบปุ๊บนะ เกิดปฏิกิริยาเป็นความเศร้าปั๊บ
อันนั้นเป็นเรื่องปกติ เป็นเรื่องที่ห้ามไม่ได้
แต่สิ่งที่เราจะจัดการได้ก็คืออย่าไปคิดต่อ อย่าไปพยายามที่จะใส่ใจเข้าไป
แล้วก็หมกมุ่นกับอาการที่เคยชินแบบเดิมๆ
ว่า เออ ทำไมอย่างนั้น ทำไมไม่เป็นอย่างนี้ ทำไมเขาอย่างนู้นนะ อะไรต่างๆ นานา
ก่อนที่จะเกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ทางอารมณ์แบบนั้น ให้ตัดตอนเสียด้วยสติ
เห็นว่ามันเป็นแค่สิ่งที่ก่อตัวขึ้นมา ชั่วขณะที่เกิดอะไรมากระทบหูกระทบตาให้ระลึกถึง
แล้วถ้าเรามีสติรู้มันเฉยๆ มันก็หายไปเองนะ
นี่แหละความเคยชินแบบนี้แหละ ที่จะทำให้เราเจริญก้าวหน้านะ



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP