ดังตฤณวิสัชนา Dungtrin's Answer
นั่งสมาธิแล้วรู้ลมหายใจเข้าออกอย่างไรจึงจะถูกต้อง
ถาม – หากนั่งสมาธิแล้วรู้ลมหายใจเข้าออกไปเรื่อยๆ
แต่ไม่ได้นึกตามว่าลมหายใจไม่เที่ยง เหมือนรู้ไปทื่อๆ อย่างนี้ปฏิบัติผิดหรือไม่คะ
มันก็ไม่ได้ผิดในแง่ของการพยายามที่จะผูกจิตผูกใจไว้กับสิ่งที่ไม่เป็นโทษนะ
ถ้าหากว่าจิตของเราสามารถผูกอยู่กับลมหายใจอันไม่เป็นโทษได้
ในที่สุดจิตมันก็จะไม่ปรุงแต่งไปในทางที่เป็นโทษ คือมันจะไม่ฟุ้งซ่าน
ลักษณะของจิตที่ไม่ฟุ้งซ่าน มันพร้อมที่จะเห็นอะไรตามจริงได้
อันนั้นพูดง่ายๆ คือสงบแล้วค่อยไปต่อยอดเป็นการรู้เห็นตามจริง
นี่ก็ยังไม่สายเกินไปนะครับ
อย่าไปตัดสินว่าตรงไหนผิดตรงไหนถูกแบบเหมารวบยอดนะ ให้แยกเป็นส่วนๆ
ถ้าหากว่าใจของเรายังอยู่กับลมหายใจไปเรื่อยๆ
แล้วก็มีความรู้สึกว่า เออ มันค่อยๆ ลดอาการฟุ้งซ่านลงหรือความฟุ้งซ่านมันเบาบางลง
อันนี้ถือว่าถูกในทางสมถะไว้ก่อนนะ ให้คิดอย่างนี้ก่อนนะ
แล้วจากนั้นพอมันมีความรู้สึกว่าทั้งโลกไม่เหลืออะไรเลย
นอกจากสายลมหายใจนะ เดี๋ยวก็เข้าเดี๋ยวก็ออก เดี๋ยวก็เข้าเดี๋ยวก็ออก
ค่อยเอาไปสังเกตได้ ใช้สังเกตจากจุดยืนตรงนั้นที่มันนิ่งแล้ว
ว่าที่มันเข้าที่มันออกอยู่ มันเป็นลมเดียวกันหรือเปล่า
แล้วที่มันเข้าที่มันออกแต่ละครั้ง มันยาวมันสั้นเท่ากันหรือเปล่า
ค่อยๆ สังเกตเปรียบเทียบอย่างนี้
คือไม่ใช่ว่าอยู่ๆ ใครจะไปเริ่มต้นขึ้นมา แล้วไปเล็งเอาเห็น
สามารถเล็งเห็นความไม่เที่ยงของภาวะทางกายทางใจได้เลยทันที
ไม่ใช่นะ พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนอย่างนั้น
ในสติปัฏฐาน ๔ ท่านสอนให้เปรียบเทียบก่อน เปรียบเทียบเป็นอย่างๆ
เดี๋ยวมันก็เข้าเดี๋ยวมันก็ออก ลมหายใจอยู่นี่นะ
เดี๋ยวมันก็ยาวเดี๋ยวมันก็สั้น นี่มีลมหายใจอยู่แค่นั้น
จนกระทั่งเกิดจิตที่มันถอยไปจากอาการยึดมั่นถือมั่นนะ
ว่าลมหายใจมันเที่ยง ลมหายใจมันเป็นตัวตน
พอมันถอยออกไปนะ ลักษณะที่จิตมันจะปรากฏให้เราเองรับรู้
ก็คือจิตอยู่ส่วนจิต ลมหายใจอยู่ส่วนลมหายใจ
ตรงนั้นแหละถึงค่อยมีความสามารถไปรับรู้ได้
ว่าลมหายใจมันแสดงความไม่เที่ยงอยู่ตลอดเวลา
มีแค่ภาวะความเป็นธาตุลมที่มีอาการพัดไหวเข้า แล้วก็พัดไหวออกคืนกลับไปสู่ภายนอก
ไม่มีอะไรที่มัน เป็นตัวเป็นตน เป็นบุคคล
หรือว่าก่อให้เกิดมโนภาพ ว่านี่เป็นลมหายใจของคนหน้าตาแบบไหนเพศใดนะ
มันมีแต่มโนภาพของสายลมหายใจที่เปรียบคล้ายสายน้ำ
เดี๋ยวก็ไหลเข้าเดี๋ยวก็ไหลออกอยู่อย่างนั้น
แล้วไม่เพียงแต่ลมหายใจนะ
ถ้าหากว่าจิตอยู่ในฐานะผู้รู้ผู้ดูลมหายใจแสดงความไม่เที่ยงแล้ว
มันก็สามารถที่จะเห็นได้ด้วย ว่าแต่ละครั้งที่ลมหายใจเข้า แต่ละครั้งที่ลมหายใจออกนี่นะ
มันนำความรู้สึกที่ดี นำความรู้สึกที่ปลอดโปร่งมาแค่ไหน
หรือว่านะมันเกิดความรู้สึกอึดอัดขึ้นมา ไปฝืนไปเกร็งไปบังคับลมหายใจเข้าหรือเปล่า
ถ้าหากว่าสามารถเห็นได้ว่าแม้กระทั่งความอึดอัดความสบาย มันก็กำลังไม่เที่ยงอยู่
ตรงนั้นมันยิ่งจะเห็นลมหายใจชัดเข้าไปอีก
หรือถ้าหากว่ามันกำลังดูอยู่ ว่าลมหายใจที่กำลังแสดงความเข้าแสดงความออกอยู่นั้นน่ะ
มันก่อให้เกิดปฏิกิริยาทางความคิดอย่างไร
ก็จะเห็นลึกซึ้งเข้าไปว่านี่ลมหายใจนะถ้ามันมีความยาวมันมีความนุ่มนวล
มันสามารถทำ มันสยบความฟุ้งซ่านได้ ทำให้จิตเกิดความประณีตได้
จิตเกิดความรู้สึกว่าไม่เห็นจะต้องไปคิดนะ อยู่นิ่งๆ ดีกว่า
แต่ถ้าหากว่าลมหายใจหยาบๆ ลมหายใจเข้าสั้นออกสั้นนะ
มันก่อให้เกิดความฟุ้งซ่านได้ง่าย
นี่เห็นไปอย่างนี้ มันก็รู้ว่าไอ้ที่ไม่เที่ยงเนี่ย มันไม่เที่ยงอย่างมีเหตุ ไม่ใช่ไม่มีเหตุนะ
แล้วถ้าหากว่าเห็นทั้งเหตุผลของฝ่ายดี เหตุผลของฝ่ายไม่ดีนะ
ในที่สุดเราจะเลือกแต่เหตุของฝ่ายดีนะ
พูดง่ายๆ ว่าเห็นว่าเป็นอนัตตาฝ่ายดีนะที่เราควรเข้าข้าง
< Prev | Next > |
---|