ดังตฤณวิสัชนา Dungtrin's Answer

ทุกข์เพราะการเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่น จะแก้ไขได้อย่างไร



ถาม - ทำอย่างไรจะจัดการกับความคิดที่ชอบไปเปรียบเทียบกับผู้อื่น
ความอิจฉาคนอื่น ความคิดว่าตัวเองด้อยกว่าคนอื่น มีความคิดแบบนี้ทีไรทุกข์ใจและอึดอัดค่ะ



การเทียบเขาเทียบเรา จัดเป็นกิเลสข้อที่ว่าด้วยการมีทิฐิมานะ มีอัตตามานะ
ตัวอัสมิมานะ ตัวความถือเขาถือเรา ถือว่าเราเป็นอย่างหนึ่ง ถือเขาเป็นอย่างหนึ่ง
เป็นสิ่งที่ติดตัวทุกคนมาตั้งแต่เกิด
หากว่าใครไม่มีอัสมิมานะ คนนั้นไม่ใช่แค่เป็นพระอริยบุคคลนะ
แต่ต้องบอกว่าเป็นพระอรหันต์เลยทีเดียว

เพราะแม้แต่พระอนาคามี ดับกามได้แล้ว ดับโกรธได้แล้ว
ความโกรธไม่เข้ากระทบกระทั่งทางใจแล้ว ไม่มีปฏิฆะแล้ว ยังมีอัสมิมานะกันอยู่ได้
เวลาพระพุทธเจ้าตรัสว่า ถ้าเธอละราคะได้แล้ว ไม่มีความกระทบกระทั่งทางใจได้แล้ว
แต่ยังมีตัวตนอยู่ ก็ต้องทำต่อ จนกระทั่งสามารถที่จะทำลายล้างอวิชชาได้ ชำแรกอวิชชาได้ด้วยปัญญา
ถึงจะสิ้นอัสมิมานะ ไม่มีตัวไม่มีตน ไม่มีเขาไม่มีเรา ไม่มีการเทียบเขาเทียบเราอีก

คือยังมีสมมุติอยู่ได้ว่าฝั่งนี้คือกายใจของผู้ที่ชื่อว่า ชื่อเดิมน่ะนะ
สมมุติเรียกว่าอะไรก็ถือตามชาวโลกเขาไป
หรือว่าฝั่งโน้นนะเป็นเพื่อนเรา เคยเป็นอดีตคนรักของเรา เคยเป็นพ่อ เคยเป็นแม่
อย่างนี้ยังมีความจำ จำได้อยู่ รู้อยู่ว่าชาวโลกเขาพูดบัญญัติกันไว้ว่าอย่างไร
แต่ใจไม่มีอาการเทียบเขาเทียบเรา ว่านี่คือเราคือเขา ใครต่ำใครสูงกว่ากัน
รู้ว่าหน้าตาใครดีกว่ากัน รู้ว่าฐานะใครดีกว่ากัน รู้ว่าใครปัญญาดีกว่ากัน
แต่ไม่มีความรู้สึกถือเขาถือเราว่า นี่เราด้อยกว่า นี่เราเหนือกว่า
ไอ้ที่มันเป็นก้อนๆ โมหะที่มันมืดขึ้นมาว่า เออ นี่เราด้อยกว่าเค้านะ นี่เราเหนือกว่าเค้านะ
มันจะไม่มีอยู่ในใจพระอรหันต์



แต่ถ้าเรายังเป็นคนที่รู้ตัว ว่ายังมีความคิดเปรียบเทียบกับคนอื่นได้
อิจฉาคนอื่นได้ รู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยกว่าคนอื่นได้
ก็ไม่ต้องไปเสียใจ ขอให้คิดว่าคนแบบเราไม่ได้มีอยู่คนเดียวในโลก
คนทั้งโลกเค้าเป็นกันอย่างนี้หมด แต่ของเราอาจจะรุนแรงกว่าคนอื่น
ด้วยความที่ว่าเรามองตัวเองเป็นอะไรอย่างหนึ่งนะ
คือในใจของเราต้องมีอยู่ว่า ตัวเราประมาณนี้ พอไปเห็นอีกคนหนึ่งที่เขาเหนือกว่า
อย่างน้อยที่สุด การตีค่าของเรา วิธีตีค่าของเรา บอกตัวเองว่าเขาเหนือกว่า
มันก็เกิดความรู้สึกเป็นทุกข์ขึ้นมาเป็นธรรมดา นี่คือโทษของอัสมิมานะ



ทีนี้ถ้าหากว่าจะเอาวิธีแก้แบบที่ดีที่สุด อันนี้พูดถึงวิธีที่ดีที่สุดก่อน
ซึ่งอาจจะเป็นวิธีที่ยากและคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยอยากลงมือทำกัน
ขั้นแรกที่เราจะเลิกอิจฉาคนอื่นนะ คือไปใช้ชีวิตอยู่กับคนที่เขาด้อยกว่าเรา

คำว่าใช้ชีวิตในที่นี้ หมายความว่าไปช่วยเขา ไปสัมผัสตัวตนของคนที่ด้อยโอกาสกว่าเรา
และพร้อมที่จะยื่นมือขึ้นมาขอ หรือส่งแววตาขอความช่วยเหลือจากเรา
อย่างเช่น ที่บ้านเด็กกำพร้า บ้านเด็กอนาถา
หรือว่าสถานสงเคราะห์คนชราที่ไม่ค่อยมีคนมาเหลียวแล
ถ้าหากว่าเราไปลองเป็นอาสาสมัครดูนะ ไปสอนเด็กหรือไปช่วย
คือแต่ต้องทำเป็นประจำนิดหนึ่ง สักช่วงหนึ่งสักระยะหนึ่ง
อาจจะสักเดือนสองเดือนอะไรแบบนี้นะ

เราจะรู้สึกเลยว่าตัวเรามีค่า และก็ไม่ได้เหนือกว่าเขาในแบบที่จะมาข่มกัน
แต่เหนือกว่าเขาเพื่อที่จะช่วยเหลือเขา



ความรู้สึกของคนที่สามารถช่วยคนอื่นได้จำนวนมากๆ ความรู้สึกของคนที่มีค่า
ความรู้สึกของคนที่ไม่ได้เอาแต่มองช้อนตาขึ้นข้างบน
แต่ว่ามองดูนะว่าใครที่กำลังกระทุ่มขากระทุ่มแขนอยู่กลางน้ำ
แล้วเราสามารถที่จะเอาเรือหรือว่ายน้ำไปช่วยเหลือเขาได้
วิธีที่มองจะทำให้ความรู้สึกแตกต่างไปตั้งแต่วิธีมองแล้ว
ถ้าหากว่าเราเป็นแต่มองคนที่อยู่ต่ำกว่าด้วยสายตาเหยียดหยาม
เวลาเรามองช้อนตาขึ้นข้างบนไปดูคนที่เขาสูงกว่าเรา เราก็จะเกิดความรู้สึกต่ำต้อย
แต่หากว่าเรามองไปข้างล่างด้วยความรู้สึกอยากช่วยให้ขึ้นมาเสมอกับเรา
หรือว่าอย่างน้อย ให้ขึ้นมาจากหลุมจากบ่อที่เขาไปติดหล่มอยู่ เป็นทุกข์อยู่
เราจะมีความรู้สึกเป็นสุขใหญ่หลวงขึ้นมา
แล้วก็มองเรื่องการเปรียบเทียบ เทียบเขาเทียบเรา
แบบประมาณว่าสวยกว่า รวยกว่า หรือว่าเก่งกว่า อะไรแบบนี้นะ
เป็นเรื่องที่ไร้สาระ เป็นเรื่องที่ไม่มีคุณค่า ไม่มีประโยชน์อะไรเลย
เรื่องที่มีประโยชน์ เรื่องที่มีคุณค่า
คือเรามีความสามารถแค่นี้ เท่าที่เป็นอยู่นี่ มันสามารถไปช่วยใครเขาได้
มันสามารถไปช่วยทำให้ชีวิตคนอื่นเขาดีขึ้นได้

ความรู้สึกมันจะต่างกันมาก



จากไอ้ที่มันมืดๆ อยู่ด้วยการเปรียบเทียบ เทียบเขาเทียบเรา
มันกลายเป็นสว่างขึ้นมาด้วยการรู้สึกตัวว่า เราเหนือกว่าเขา เราต้องช่วยเขา

ไม่ใช่เทียบเขาเทียบเราเพื่อที่จะมากระหยิ่มยิ้มย่อง
หรือว่าเทียบเขาเทียบเราเพื่อที่จะมารู้สึกเป็นปมด้อย
แต่เทียบเขาเทียบเราเพื่อที่จะให้เกิดความรู้สึกว่า ไม่พอนะถ้าหากว่าเราดูดาย
ไม่พอนะถ้าหากว่าเราไม่ใช้กำลังของตัวเอง ไปฉุดคนที่อยู่ข้างล่างขึ้นมาข้างบนนะครับ
ตรงนี้แหละที่มันเป็นคำแนะนำที่ดีที่สุด



ถ้าหากว่าขี้เกียจที่จะไปลงทุนลงแรงอะไรขนาดนั้น ก็ใช้วิธีอีกวิธีหนึ่งที่ง่ายกว่าก็ได้
ได้ผลเหมือนกัน แต่อาจจะไม่เด็ดขาด ไม่เป็นอะไรที่เห็นผลชัดแบบทันตา
ก็คือเวลาที่รู้สึกต่ำต้อยขึ้นมา เวลาเปรียบเทียบว่าเขามีดีกว่าเรา เขามีค่ากว่าเรา
หรือว่าเขาเหมือนกับมียศตำแหน่งสูงกว่าเรา มาบังคับอะไรเราได้

ถ้าหากเกิดความรู้สึกเหมือนกับตัวลีบเป็นลูกหนูขึ้นมา รู้สึกว่าจิตใจมันหดแคบ รู้สึกว่าตัวเล็กลง
ก็ให้รับรู้ตามจริงว่าอาการตัวเล็กลงหน้าตามันเป็นแบบนี้
อาการเหมือนกับ อยู่ๆ ตัวตนแบบที่มีมโนภาพแบบเดิมๆ ของเรา
มันเปลี่ยนเป็นตัวตนที่หดแคบลงมา เตี้ยลงมา
ลองดูตรงนั้นให้เป็น ดูว่ามโนภาพที่หดแคบเข้ามานี่ มันให้ความรู้สึกอย่างไร
ถ้าหากเห็นชัดแล้วว่ามโนภาพนั้น
ให้ความรู้สึกหดลงมา เตี้ยลงมา สั้นลงมา แคบลงมาอย่างไร
ให้รอดูต่อไปว่า เดี๋ยวไอ้ตัวตนแบบนั้น มโนภาพแบบนั้น มันอยู่ตลอดไปหรือเปล่า

คุณจะพบว่า พอหันไปทางอื่น พอหายใจอีกสัก ๒-๓ ครั้ง
หรือว่าพอพูดเรื่องอื่นกับคนอื่นแค่ไม่กี่ประโยค
ตัวตนแบบเดิมๆ มันจะพองขึ้นมาใหม่ มันจะฟูขึ้นมาใหม่ มันจะกลับคืนรูปขึ้นมาใหม่
ตัวตนที่มันเตี้ยๆ ที่มันแคบๆ ที่มันสั้นๆ ที่มันหดหู่ มันก็กลับฟื้นคืนได้
นี่จะเห็นความไม่เที่ยงของตัวตนแบบต่างๆ ตัวเล็กบ้าง ตัวใหญ่บ้าง ตัวธรรมดาบ้าง
แล้วอาการยึดมั่นถือมั่นว่ามีตัวเราที่เล็กกว่าเขา หรือใหญ่กว่าเขา หรือปกติธรรมดา
นี่มันจะค่อยๆหายไปจากใจนะครับ




แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP