กระปุกออมสิน Money Literacy

๕ สัญญาณ อาการบอกว่าคุณ “ช้อปปิ้งเยอะเกิน”


Mr.Messenger
สนใจติดตามข่าวสารการลงทุนได้ที่ http://twitter.com/MrMessenger



             ไม่แปลกที่เรามักจะสามารถตำหนิ หรือติในเรื่องที่คนอื่นทำไม่ดี ไม่ว่าจะกับเราหรือกับคนอื่นได้ และแปลกกว่า ถ้าเราจะคิดเข้าข้างตัวเองว่า สิ่งที่เราทำมันถูกต้อง มันเหมาะสมแล้ว


             แต่ใช่ว่า ไม่แปลก แล้วจะไม่แก้ไขนะครับ เพราะเรื่องบางเรื่อง มันก็กระทบกับตัวเราแค่คนเดียว คนอื่นไม่เกี่ยวด้วยเขาก็ได้แค่เตือนเบาๆให้เรามีสติ แต่ถ้าเราไม่รู้ทันขึ้นมา อย่าว่าแต่คนเตือนเลยครับ เอาช้างมาฉุด ก็ไม่อยู่ จริงไหม?


             ยิ่งเรื่องช้อปปิ้งของสาวๆ บอกได้เลยว่า ถึงไหนถึงกัน บางคนก็แก้ต่างให้ตัวเองด้วยการบอกว่า ก็เพราะงานที่ทำ มันเครียดมากๆ การช้อปปิ้งเป็นการบำบัดความเครียดชนิดหนึ่ง แต่พอช้อปมากๆเข้า ความสุขจากการช้อปปิ้งก็ลดลง ความทุกข์จากการเป็นหนี้ก็เพิ่มมากขึ้นจนถอนตัวไม่ขึ้น


             และนี่คือ ๕ สัญญาณอันตราย ก่อนที่จะถอนตัวไม่ขึ้นจากการ ช้อปปิ้งเยอะเกินหรือในภาษาอังกฤษ เรียกว่า Shopaholics


๑.  ช้อปปิ้ง เพียงเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดีกับตัวเอง : จริงๆแล้ว การมองตัวเองในกระจกแล้วรู้สึกดี ไม่ได้มีแค่การช้อปปิ้งเสื้อผ้าสวยๆมาใส่ แต่ขึ้นอยู่กับความภูมิใจที่เราได้ทำอะไรดีๆกับสังคมและคนรอบข้างด้วย

๒.  ช้อปปิ้ง คือ ความลับ ที่ห้ามบอกใคร : คิดง่ายๆครับ ถ้าเราไม่กล้าบอกใคร แสดงว่า เราก็รู้อยู่ในใจลึกๆว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง ใครเป็นแบบนี้ นี้คือหนึ่งในสัญญาณอันตราย

๓.  ช้อปปิ้ง คือ การโกหก : เข้าข่ายผิดศีลเลยทีเดียว การโกหก เกิดได้หลายเหตุการณ์แตกต่างกันไป ตั้งแต่โกหกว่าจะไปหาเพื่อน แต่ก็ไปเดินช้อปปิ้ง หรือ หิ้วของกลับบ้าน พอคุณสามีถามราคา ก็บอกให้ต่ำกว่าราคาจริงซัก ๕๐% แบบนี้ ก็เรียกว่า ช้อปปิ้งเยอะเกินไปแล้วครับ

๔.  ช้อปปิ้งคนเดียว คือความสุข : : การเดินช้อปปิ้งคนเดียวบ่อยๆ แสดงให้เห็นว่า คุณทนรอใครมาเดินด้วยไม่ได้ หรือ ไม่กล้าชวนใครมาเดินด้วย หรือหนักกว่านั้นก็คือ ช้อปปิ้งคนเดียวนานๆจนเกรงใจคนอื่นที่จะมาเดินเป็นเพื่อน ใครมาถึงอาการขั้นนี้ เชื่อว่า บิลเรียกเก็บบัตรเครดิตของคุณคงดูดเงินเดือนออกจากบัญชีไปจนหมดเกลี้ยงแน่นอน

๕.  หาเงินมาแทบตาย ไม่รู้หายไปไหน : กรณีนี้ เข้าข่าย ช้อปปิ้งจนลืมทุกอย่าง ใช้จ่ายแบบไม่ได้มีการวางแผนล่วงหน้า เป็นอาการที่ถือว่าหนักสุดใน ๕ อาการทั้งหมด


             ทั้ง ๕ ข้อนี้ เตือนไว้ ก็เพื่อให้คุณผู้อ่านได้เตือนสติตัวท่านเอง หรืออย่างน้อย นำไปโพสต์ในเฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์ให้คนที่คุณรักได้อ่าน เป็นการบอกเขากลายๆ และไม่ทำร้ายจิตใจกันเกินไปนะครับ ส่วนจะสติเกิดขึ้นได้มากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับ โยนิโสมนสิการของแต่ละปัจเจกบุคคลแล้วครับ เราเป็นได้อย่างมาก ก็แค่กัลยาณมิตร ผู้คอยบอกทางอยู่ข้างๆเท่านั้น


             หมั่นสำรวจตัวเองบ่อยๆนะครับ มีสติเรื่องการใช้เงินมากขึ้น ชีวิตก็มีความสุขมากขึ้นอย่างที่คุณนึกไม่ถึงเลยทีเดียว



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP