ธรรมะจากพระสูตร Dhamma from Sutta

ปัพพโตปมสูตร ว่าด้วยชรามรณะเป็นดุจเขาหินบด


กลุ่มไตรปิฎกสิกขา



[๔๑๑] สาวัตถีนิทาน (เรื่องเกิดขึ้นที่เมืองสาวัตถี)


ครั้งนั้น พระเจ้าปเสนทิโกศลได้เสด็จเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ แต่กลางวัน
ถวายอภิวาทแล้ว ประทับ ณ ที่สมควรข้างหนึ่ง.


พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสกะท้าวเธอผู้ประทับ ณ ที่สมควรข้างหนึ่งแล้วว่า
เชิญเถิดมหาบพิตร พระองค์เสด็จไปไหนมาแต่กลางวัน.


พระเจ้าปเสนทิโกศลทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระราชากษัตริย์ผู้ได้มูรธาภิเษกแล้ว
ผู้เมาเพราะความเป็นใหญ่ ถูกความกำหนัดในกามรุมแล้ว
ถึงความมั่นคงในชนบท ชนะปฐพีมณฑลอันใหญ่ แล้วครอบครองอยู่
ย่อมมีราชกรณียะอันใด บัดนี้ ข้าพระองค์ก็ขวนขวายในราชกรณียะเหล่านั้น.


[๔๑๒] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า มหาบพิตร พระองค์จะทรงสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน
ณ ที่นี้ ข้าราชการของพระองค์ผู้ควรเชื่อถือ มีวาจาเป็นหลักฐาน มาจากทิศตะวันออก
เข้ามาเฝ้าพระองค์แล้วกราบทูลอย่างนี้ว่า
ข้าแต่พระมหาราชเจ้า ขอพระองค์พึงทรงทราบ ข้าพระองค์มาจากทิศตะวันออก
ณ ที่นั้น ได้เห็นภูเขาใหญ่สูงเทียมเมฆ กำลังกลิ้งบดปวงสัตว์มา พระเจ้าข้า
ขอพระองค์ได้โปรดกระทำสิ่งที่พึงทำเสียเถิด
ลำดับนั้น ข้าราชการคนที่ ๒ ผู้ควรเชื่อถือ มีวาจาเป็นหลักฐาน มาจากทิศใต้
เข้ามาเฝ้าพระองค์แล้วกราบทูลอย่างนี้ว่า
ข้าแต่พระมหาราชเจ้า ขอพระองค์พึงทรงทราบ ข้าพระองค์มาจากทิศตะวันใต้
ณ ที่นั้น ได้เห็นภูเขาใหญ่สูงเทียมเมฆ กำลังกลิ้งบดปวงสัตว์มา พระเจ้าข้า
ขอพระองค์ได้โปรดกระทำสิ่งที่พึงทำเสียเถิด
ต่อจากนั้น ข้าราชการคนที่ ๓ ผู้ควรเชื่อถือ มีวาจาเป็นหลักฐาน มาจากทิศตะวันตก
เข้ามาเฝ้าพระองค์แล้วกราบทูลอย่างนี้ว่า
ข้าแต่พระมหาราชเจ้า ขอพระองค์พึงทรงทราบ ข้าพระองค์มาจากทิศตะวันตก
ณ ที่นั้น ได้เห็นภูเขาใหญ่สูงเทียมเมฆ กำลังกลิ้งบดปวงสัตว์มา พระเจ้าข้า
ขอพระองค์ได้โปรดกระทำสิ่งที่พึงทำเสียเถิด
ต่อจากนั้น ข้าราชการคนที่ ๔ ผู้ควรเชื่อถือ มีวาจาเป็นหลักฐาน มาจากทิศเหนือ
เข้ามาเฝ้าพระองค์แล้วกราบทูลอย่างนี้ว่า
ข้าแต่พระมหาราชเจ้า ขอพระองค์พึงทรงทราบ ข้าพระองค์มาจากทิศเหนือ
ณ ที่นั้น ได้เห็นภูเขาใหญ่สูงเทียมเมฆ กำลังกลิ้งบดปวงสัตว์มา พระเจ้าข้า
ขอพระองค์ได้โปรดกระทำสิ่งที่พึงทำเสียเถิด.


มหาบพิตร เมื่อมหาภัยอันร้ายกาจอันจะทำให้มนุษย์สิ้นชีวิต
ที่ใหญ่โตถึงเพียงนี้บังเกิดขึ้นแล้วแก่พระองค์
อะไรเล่าที่พระองค์จะพึงทรงกระทำในความเป็นมนุษย์ที่หาได้ยาก.


พระเจ้าปเสนทิโกศลทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อมหาภัยอันร้ายกาจ
อันจะทำให้มนุษย์สิ้นชีวิต ที่ใหญ่โตถึงเพียงนั้น บังเกิดขึ้นแก่ข้าพระองค์
อะไรเล่าเป็นกิจที่ข้าพระองค์พึงกระทำในความเป็นมนุษย์ที่หาได้ยาก
นอกจากประพฤติธรรม ประพฤติให้เหมาะสม สร้างบุญกุศลเอาไว้.


[๔๑๓] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า มหาบพิตร อาตมภาพขอบอกกล่าว ขอเตือนให้ทรงทราบ
มหาบพิตร ชราและมรณะย่อมครอบงำพระองค์
เมื่อชรามรณะครอบงำพระองค์อยู่ อะไรเล่าเป็นกิจที่พระองค์ควรกระทำ?


พระเจ้าปเสนทิโกศลตรัสว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็เมื่อชรามรณะครอบงำข้าพระองค์อยู่
อะไรเล่าจะเป็นกิจที่ข้าพระองค์ควรจะทำ
นอกจากประพฤติธรรมให้สม่ำเสมอ สร้างบุญกุศลเอาไว้
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระราชากษัตริย์ผู้ได้มูรธาภิเษกแล้ว ผู้เมาเพราะความเป็นใหญ่
ถูกความกำหนัดในกามรุมแล้ว ถึงความมั่นคงในชนบท
ชนะปฐพีมณฑลอันใหญ่ แล้วครอบครองอยู่ ทรงทำการรบด้วยทัพช้างเหล่าใด
เมื่อชรามรณะครอบงำอยู่ ก็ไม่ใช่คติ ไม่ใช่วิสัยที่จะทำการรบด้วยทัพช้างแม้เหล่านั้น
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระราชากษัตริย์ผู้ได้มูรธาภิเษกแล้ว ผู้เมาเพราะความเป็นใหญ่
ถูกความกำหนัดในกามรุมแล้ว ผู้ถึงความมั่นคงในชนบท
ชนะปฐพีมณฑลอันใหญ่ แล้วครอบครองอยู่ ทรงทำการรบด้วยม้าแม้เหล่าใด ฯลฯ
รบด้วยทัพรถแม้เหล่าใด ฯลฯ รบด้วยทัพพลเดินเท้าแม้เหล่าใด
เมื่อชรามรณะครอบงำอยู่ ก็ไม่ใช่คติ ไม่ใช่วิสัยที่จะทำการรบด้วยทัพพลเดินเท้าแม้เหล่านั้น
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในราชสกุลนี้ มหาอำมาตย์มีผู้มนตร์
ซึ่งสามารถใช้มนตร์ทำลายข้าศึกที่ยกมา ก็มีอยู่เหมือนกัน
แต่เมื่อชรามรณะครอบงำอยู่ ก็ไม่ใช่คติ ไม่ใช่วิสัยที่จะทำการรบด้วยมนตร์แม้เหล่านั้น
อนึ่ง ในราชสกุลนี้ เงินทองทั้งที่อยู่ในพื้นดิน ทั้งที่อยู่ในอากาศ
ซึ่งพวกข้าพระองค์สามารถจะใช้เป็นเครื่องมือยุแหย่ให้ข้าศึกที่ยกมาแตกกัน ก็มีอยู่เป็นอันมาก
แต่เมื่อชรามรณะครอบงำ ก็ไม่ใช่คติ ไม่ใช่วิสัยที่จะทำการรบด้วยทรัพย์แม้เหล่านั้น
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็แลเมื่อชรามรณะครอบงำอยู่
อะไรเล่าเป็นกิจที่ข้าพระองค์ควรทำ นอกจากประพฤติธรรม
ประพฤติให้เหมาะสม สร้างบุญกุศลเอาไว้.


[๔๑๔] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ถูกแล้ว ๆ มหาบพิตร ก็เมื่อชรามรณะครอบงำอยู่
อะไรเล่าเป็นกิจที่พระองค์ควรทำ นอกจากประพฤติธรรม
ประพฤติให้เหมาะสม สร้างบุญกุศลเอาไว้


[๔๑๕] พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้พระสุคตศาสดา ครั้นตรัสไวยากรณ์นี้จบลงแล้ว
จึงได้ตรัสคาถาต่อไปอีกว่า


ภูเขาใหญ่ล้วนแล้วด้วยศิลา สูงจดท้องฟ้า กลิ้งบดสัตว์มาโดยรอบทั้ง ๔ ทิศ แม้ฉันใด
ชราและมัจจุก็ฉันนั้น ย่อมครอบงำสัตว์ทั้งหลาย คือพวกกษัตริย์ พวกพราหมณ์
พวกแพศย์ พวกศูทร พวกจัณฑาล และคนเทขยะ ไม่เว้นใครๆ ไว้เลย
ย่อมย่ำยีเสียสิ้น ณ ที่นั้น ไม่มียุทธภูมิสำหรับพลช้าง พลรถ
และไม่อาจจะเอาชนะแม้ด้วยการรบด้วยมนตร์หรือด้วยทรัพย์.

เพราะฉะนั้นแล บุรุษผู้เป็นบัณฑิตมีปัญญา เมื่อเห็นประโยชน์ตน
พึงตั้งศรัทธาไว้ในพระพุทธเจ้า ในพระธรรม และในพระสงฆ์.


ผู้ใดมีปกติประพฤติธรรมด้วยกาย ด้วยวาจา หรือด้วยใจ
บัณฑิตทั้งหลายย่อมสรรเสริญผู้นั้นในโลกนี้โดยแท้
ผู้นั้นละโลกนี้ไป ย่อมบันเทิงในสวรรค์.


ปัพพโตปมสูตร จบ



(ปัพพโตปมสูตร พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่มที่ ๒๔)



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP