วรรณกรรมนำใจ Lite Literature

อาคม ๒๓


 

cover-arkom-Final-Front-72 dpi

นวนิยายเรื่องนี้ เขียนขึ้นเพื่อความบันเทิง
หากมีชื่อ-สกุล เรื่องราวใดพ้องกับบุคคลจริง ต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย


ชลนิล


(ต่อจากฉบับที่แล้ว)



             เวลาค่ำ บนเรือลำกะทัดรัดกลางแม่น้ำเจ้าพระยา

             ห้วงน้ำบริเวณนั้นห่างไกลจากชุมชน เป็นเวลาที่ไม่มีเรือทั่วไปแล่นผ่าน มันจึงลอยลำอย่างสงบกลางแม่น้ำมืดมิด ซ่อนตัวจากสายตาผู้คน

             ในลำเรือจุดตะเกียงดวงเล็ก ส่องสว่างวับแวม พอให้เห็นภายในเรือแคบ ๆ และส่องจับใบหน้าเผือดซีด ไร้ความรู้สึกของคิม

             คิมไม่ได้อยู่ห้องใต้ดินตั้งแต่ตอนสาย กับดักถูกวางไว้ตามคำสั่งอาจารย์ ซึ่งมั่นใจว่ามันสามารถสยบนายตำรวจทีเกื้อให้สลบไสลจนถึงรุ่งเช้าได้เป็นอย่างน้อย

             จากนั้นเขาค่อยมาเตรียมเรือ เตรียมอุปกรณ์สำหรับทำพิธีกลางแม่น้ำคืนนี้

             เวลาพร้อม ของสำคัญ พร้อม

             คิมเปิดถุงหยิบของสองสิ่งมาวางข้างตัว...หนึ่งเป็นรูปถ่ายท่านรัฐมนตรีธีรนัฐ และภรรยา อีกหนึ่งเป็นดอกกุหลาบแห้ง ที่ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี ภายในแท่งพลาสติกใส น้ำหนักเบา

             ดวงตาคิมฉายแววลึกเร้น ไร้ความรู้สึก เขาหยิบกุหลาบแห้งในแท่งพลาสติกมาวางข้างตะเกียงโดยไม่เหลือบแลรูปถ่ายที่วางอยู่ใกล้กัน

             เขาหลับตา รวมสมาธิจิตนิ่ง ก่อให้เกิดกระแสพลังงานแผ่ออกไปรอบลำเรือ เสียงสวดสาธยายมนต์เริ่มต้น ความมืดดำที่ไม่อาจแลเห็นถักทอ คลี่คลุมลงมาช้า ๆ

             เรือลำนี้อยู่กลางแม่น้ำ...แต่ทว่ามีสภาพราวกับตั้งเด่นนิ่งกลางอากาศ แทบไม่มีอาการขยับโยกไหวตามสายน้ำ เสมือนหนึ่งมนตราอาคมของคิมจะตอกตรึงมันไว้ ด้วยพลังมืดอันน่ากลัว




- - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -




             คุณหญิงรักท่านธีรนัฐตั้งแต่ต่างฝ่ายยังเป็นหนุ่มสาว ทั้งที่เขามีแค่ตัวเปล่าเล่าเปลือย ไม่มีสมบัติพัสถาน ไม่มีชาติตระกูลสูงส่ง มีเพียงความมุ่งมั่น ทะเยอทะยาน และศักยภาพมากมายเหลือล้น ที่ผู้ใหญ่ในครอบครัวคุณหญิงบางคนมองเห็น

             ถึงอย่างนั้นก็มีผู้ใหญ่บางคนคัดค้านการคบหาของสองหนุ่มสาว โชคดีที่บิดาคุณหญิงมองการณ์ไกล ให้โอกาสหนุ่มตัวเปล่าคนนี้พิสูจน์ตนเอง

             ภายในห้าปี เขาต้องมีผลงานที่ประสบความสำเร็จ จนผู้ใหญ่ยอมรับให้ได้

             ครบห้าปี เขาทำสำเร็จ เส้นทางความรักเปิดโล่ง สะดวก ของขวัญชิ้นแรกของการคบหาในสายตาผู้ใหญ่นั่นคือ กุหลาบหนึ่งดอก

             ดอกกุหลาบแห่งหัวใจ ที่ผู้ชายคนหนึ่งเฝ้าเพียรพยายาม จนได้การยอมรับ...และสามารถมอบกุหลาบดอกนี้แก่เธอด้วยความภาคภูมิใจ

             ครั้งหนึ่ง...กุหลาบดอกนี้ มีค่าสำหรับคุณหญิงยิ่งกว่าสิ่งใด

             จนกระทั่งเขาทำลายความเชื่อมั่น ศรัทธาของเธอจนหมดสิ้นด้วยการไปมีคนใหม่...เขาบอกว่า เพราะเธอกดดัน บงการชีวิตจนเขาไม่เป็นตัวของตัวเอง ยิ่งอยู่ใกล้เธอเขายิ่งอึดอัด ไม่มีความสุข ความรัก ความรู้สึกดี ๆ ที่เคยมีแปรเปลี่ยนเป็นความชืดชา แหนงหน่าย

             กุหลาบดอกนั้นจึงถูกซุกซ่อน เก็บไว้ ไม่ยอมหยิบมันขึ้นมาดูอีกเลย จนถึงทุกวันนี้

             เพลงน้ำตาแสงไต้...หวนให้คุณหญิงคิดถึงความคับแค้น ที่ถูกชายคนรักนอกใจ

             ใช่...เธออาจบงการชีวิตเขามากไป เธออาจชี้นำ ตั้งความหวังกับเขาไว้สูง จนต้องสั่งการ กำกับชีวิตเขาไปเสียทุกเรื่อง...แต่นั่นก็เพราะความรัก ความหวังดี ต้องการให้เขาไปสู่จุดสูงสุดในชีวิตอย่างรวดเร็ว

             คุณหญิงไม่เคยคิดว่าตนเองทำอะไรผิด...ทุกสิ่งที่กระทำไปด้วยความรัก ความปรารถนาดี ย่อมเป็นสิ่งถูกต้องเสมอ...

             โดยไม่เคยฉุกคิดว่า...ความรัก ความปรารถนาดีเช่นนั้น เป็นสิ่งที่ทำร้ายเข้าหรือไม่? คุณหญิงไม่เคยคิดว่าเขาจะใช้ สิ่งที่เธอทำด้วยความรักมาเป็นข้ออ้างเพื่อมีคนใหม่

             ความแค้นที่ถูกหักหลัง ทรยศ ทำให้คุณหญิงตามืดบอด กระทำทุกสิ่งตามใจ ตามอำนาจที่ตนมี

             ความรู้สึกผิดของท่านรัฐมนตรี ทำให้คนเก่ง มีความสามารถ เป็นผู้ใหญ่เช่นนี้ ต้องยอมมองข้ามเรื่องบางเรื่อง มองข้ามความร้ายกาจของภรรยา เพื่อชดเชยความเจ็บปวดที่เขาเคยกระทำต่อเธอ



             คุณหญิงลืมกุหลาบดอกนั้นไปนานแล้ว ไม่เข้าใจว่าเหตุใด ภาพของมันถึงหวนคืนกลับมาในความทรงจำ พร้อมกับคำมั่นสัญญาของชายหนุ่มในวันวาน

             ผมสัญญา จะรักคุณคนเดียวจนวันตาย

             สัญญาที่พูดแล้วทำไม่ได้จะมีประโยชน์อะไร...ยิ่งคิดถึงยิ่งเจ็บปวด...ยิ่งรักมาก ยิ่งแค้นใจเป็นทวีคูณ

             กุหลาบ...คำบอกรัก และเพลงน้ำตาแสงไต้ จุดไฟแค้นในใจคุณหญิงจนลุกโพลง มันแผดเผาจิตใจจนร้อนเร่า รุนแรง หนำซ้ำยังร้องเรียกเปลวไฟจากภายนอกให้เข้ามาร่วมด้วย

             ไฟนอก ไฟในผสานกัน เพื่อแผดเผาคุณหญิงอัปสรจนเป็นจุณ!




- - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -




             ภาพถ่ายท่านรัฐมนตรีธีรนัฐและคุณหญิงอัปสรถูกทิ้งบนเรือโดยไม่สนใจ แสงสว่างจากตะเกียงส่องจับรูปใบหน้าในนั้น เห็นรอยเมจิกสีแดงวงรอบตรงหน้าคุณหญิง...ไม่ใช่ท่านรัฐมนตรี!

             เสียงสวดถี่กระชั้น พลังงานลึกลับส่งกระแสมายังกุหลาบแห้งอย่างเข้มข้น จนทำให้มันลอยขึ้นช้า ๆ และค่อย ๆ เลื่อนไปลอยอยู่เหนือตะเกียงราวหนึ่งคืบ

             นัยน์ตาคิมจับจ้องมองเปลวไฟในตะเกียง จิตรวมเป็นหนึ่งกับมนตรา อาคม ก่อให้เกิดกำลังสมาธิกล้าแข็ง แท่งพลาสติกยังอยู่คงเดิม ไม่แยแสต่อเปลวไฟตะเกียง ทว่าดอกกุหลาบแห้งที่อยู่ในนั้นเริ่มมีจุดไหม้ดำเล็ก ๆ ขึ้นมาแล้ว

             กระแสเสียงสวดหนักแน่น บาดคม แฝงความมืดมิด เร่าร้อนแห่งโทสะร้าย มันแผ่พุ่งออกไปเป็นกระแสคลื่นอันรุนแรง มุ่งหน้าสู่เป้าหมาย ซึ่งมีเพลิงโกรธ ไฟโทสะ ขั้วเดียวกันรออยู่ ดึงดูดให้สองด้านพุ่งเข้าหากันอย่างรวดเร็ว เกินกว่าใครจะยับยั้ง ต้านทาน!




- - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -




             ขณะเพลง น้ำตาแสงไต้ ยังบรรเลงขับขาน เอื้อกานต์สัมผัสถึงไฟโทสะจากคุณหญิงที่นั่งอยู่เบื้องหน้า เธอไม่ได้นึกสงสัย แปลกใจ เพราะรู้นิสัยคุณหญิงเป็นเช่นไร

             กระแสคลื่นอาคมระลอกแรกผ่านเข้ามา กระตุ้นสติหญิงสาวให้ขยับตัวตรง ตั้งมั่นระวังภัย จิตที่คุ้นเคยต่อการฝึกให้สงบ ถูกรวมให้มีกำลังโดยอัตโนมัติ สัมผัสถึงกระแสอันดำมืด บิดตัวเป็นเกลียวเข้มข้นพุ่งตรงมาเป็นสายผ่านศีรษะ ลงมาข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ยับยั้งไม่ทัน

             เอื้อกานต์ใจหายวาบ ผิดคาด พลังอาคมครั้งนี้ถูกส่งมารวมกับไฟโทสะของคุณหญิงอัปสร ไม่ใช่ท่านรัฐมนตรี แสดงว่าเป้าหมายของคิมคือคุณหญิง ไม่ใช่บิดาหล่อน

             มันเป็นอย่างนี้ได้ยังไง?




- - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -




บทที่ ๒๐



             ระวังด้วยนะ

             ระวังอะไร...

             คำถามเอื้อกานต์ค้างอยู่ในหัว...

             ทีเกื้อยังไม่ทันพูด เสียงแตรรถข้างหลังก็บีบดังลั่นจนสมาธิกระเจิดกระเจิง เปลี่ยนใจรีบขับรถทำเวลา เร่งไปให้ถึงสถานที่จัดงานโดยเร็ว ก่อนเกิดปัญหา เรื่องราวเกินคาดหมาย

             คำพูดที่ทีเกื้อต้องการบอกให้จบประโยคคือ...ระวังคุณหญิง!

             ไม่ใช่ระวังว่าคุณหญิงจะเป็นคนร้าย ทำอันตรายใคร ที่ต้องระวัง คือระวังคุณหญิงอาจเป็นเหยื่อรายที่หก ไม่ใช่พ่อ...

             จากเอกสารที่ได้เพิ่มเติมจากกระเป๋ากล้องของคิม ทำให้เขารู้ว่า บ้านริมแม่น้ำหลังที่เพิ่งเข้าไปนั้น ปัจจุบันถูกโอนมาเป็นของคุณหญิงอัปสรเรียบร้อยแล้ว

             นอกจากนั้น ในการประมูลให้สัมปทานโครงการใหญ่ของรัฐบาลเมื่อ ๕ - ๖ ปีก่อน ก็มีชื่อบริษัทคุณหญิงได้รับสัมปทานงานระดับบิ๊กด้วยเช่นกัน

             ผู้ที่ร่วมเซ็นอนุมัติคือท่านโกวิท และท่านดนู เหยื่อสองรายแรก

             พออ่านถึงตรงนี้ก็นึกถึงนักธุรกิจใหญ่ ที่ตกเป็นเหยื่อรายที่สาม...นายคะนึง เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ ซึ่งพิจารณาดูแล้วคุณหญิงอัปสรมีเหตุชี้นำใกล้เคียงกับเหยื่อรายนี้มากกว่าท่านธีรนัฐ ผู้เป็นสามีหลายเท่า

             คิมเลือกเหยื่อที่มีส่วนพัวพันกับคดีท่านทรงกลด

             เหยื่อสองรายแรกเป็นผู้ใหญ่ในรัฐบาลผู้มีสิทธิ อำนาจในการเซ็นประมูลงาน

             เหยื่อรายที่สามเป็นนักธุรกิจใหญ่ ที่ได้รับสัมปทานโครงการใหญ่อย่างน่าเคลือบแคลงสงสัย

             เหยื่อรายที่สี่เป็นมาเฟีย ที่มีพรรคแกนนำรัฐบาลหนุนหลัง และอาจเคยทำงานลับ ๆ บางอย่างเมื่อหลายปีก่อน

             เหยื่อรายที่ห้าเป็นรัฐมนตรีฯยุติธรรมต่อจากท่านทรงพล และเป็นคนไล่บี้ ติดตามคดีของท่านจนถึงที่สุด

             ผ่านมาหลายปี ปรากฏว่าทั้งห้ารายได้ครอบครองสมบัติของท่านทรงพลตามกฎหมาย โดยไม่มีใครกระโตกกระตาก บอกให้สังคมรับรู้

             เช่นนั้น เหยื่อรายที่หกควรจะเป็นใคร ระหว่างท่านธีรนัฐ ผู้แอบมาบอกข่าว แล้วเตือนให้ท่านทรงพลหลบหนี กับคุณหญิงอัปสร เจ้าของธุรกิจใหญ่ ซึ่งน่าจะได้รับสัมปทานอย่างไม่โปร่งใสเช่นกัน หนำซ้ำยังครอบครองสมบัติชิ้นใหญ่ของท่านทรงพลไว้ด้วย



             ทีเกื้อต้องการเตือนเอื้อกานต์กับธีรภูมิให้คอยระวัง หากเกิดเหตุเกินคาดหมายจะได้ไม่แตกตื่น เรรวน จนทำอะไรไม่ถูก

             นายตำรวจหนุ่มคาดคำนวณถูกต้อง เหยื่อไม่ใช่ท่านธีรนัฐ แต่เป็นคุณหญิงอัปสร ผิดพลาดไปบ้างก็ตรงที่คิดว่าเอื้อกานต์และทุกคนจะตกใจจนทำอะไรไม่ถูก

             เพราะความเป็นจริงแล้ว เอื้อกานต์ตั้งสติเร็วกว่าที่คิด...




- - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -




             เอื้อกานต์ตกใจเพียงชั่ววูบก็ตั้งสติขึ้นมาทันที ยังไม่เห็นคุณหญิงแสดงอาการผิดปกติอะไร จึงรีบชะโงกหน้ากระซิบบอกบิดา

             รีบถอดเชือกอาคมของพ่อใส่ให้คุณหญิงเดี๋ยวนี้เลยค่ะ

             ท่านรัฐมนตรีหันมามองหน้าลูกสาว แล้วเกิดอาการลังเล สงสัย ไม่อาจปฏิบัติตามทันท่วงที เนื่องจากคุณหญิงยังดูปกติดี ไม่มีอาการทุรนทุรายอย่างที่ท่านเคยเห็นจากนายเดชา

             รีบเลยค่ะ ถ้าช้าจะไม่ทันการณ์ หญิงสาวกระตุ้นเสียงหนักแน่น

             เอื้อกานต์สัมผัสถึงการควบตัวเป็นสายของมนต์ดำที่กำลังติดตามมาอย่างกระชั้นชิด จึงออกปากเร่งเร้า หากชักช้าไม่เกินนาทีอาจลำบากในการ เยียวยา แก้ไข

             ได้

             ท่านรัฐมนตรีเห็นสีหน้า แววตาบุตรสาวแล้วบังเกิดความเชื่อมั่น รีบถอดเชือกอาคมออกแล้วคล้องใส่คอคุณหญิงอย่างรวดเร็ว

             เมื่อมือสัมผัสใบหน้า ลำคอภรรยา ก็รู้สึกได้ถึงอุณหภูมิความร้อนสูงปรี๊ดผิดธรรมดา

             เพลงน้ำตาแสงไต้จบลงแล้ว เสียงปรบมือดังกระหึ่มทั่วฮอลล์ หลายคนลุกขึ้นยืนปรบมือด้วยความประทับใจ ทำให้อีกหลายคนลุกตาม

             เอื้อกานต์เห็นสถานการณ์รอบตัวเป็นเช่นนี้ จึงรีบฉวยโอกาส บอกพี่ชาย

             พี่ภูมิ พาคุณหญิงเข้าไปที่ห้องรับรองด่วน อย่าให้คนในนี้รู้ว่าเกิดเรื่อง...

             ธีรภูมิรู้สึกผิดปกติตั้งแต่น้องสาวชะโงกหน้าไปกระซิบบิดา แล้วฝ่ายนั้นรีบถอดเชือกอาคมใส่ให้แม่แล้ว พอได้ยินคำสั่งแบบนี้ก็รู้ว่าสถานการณ์เปลี่ยนแปลง สิ่งที่เขาวิตกไว้เกิดขึ้นจริง ๆ

             ชายหนุ่มสงสัยตั้งแต่ตอนบ่ายแล้วว่า...เหยื่ออาจเป็นแม่...ไม่ใช่พ่อ!

             โอเค ดอกเตอร์หนุ่มพยักหน้า ไม่มีเวลาคิดนานนัก รีบให้สัญญาณกับตำรวจติดตาม จากนั้นลุกจากเก้าอี้เข้าไปประคองมารดาลุกขึ้น

             นภ และตำรวจติดตามคนอื่นเข้ามาอย่างรวดเร็ว รู้งาน เพราะมีการเตรียมพร้อมล่วงหน้า ถึงจะเปลี่ยนผู้รับการช่วยเหลือจากท่านรัฐมนตรีเป็นคุณหญิง ก็ไม่ทำให้การทำงานติดขัด สับสน

             ทุกคนใช้ช่วงเวลาระหว่างผู้ชมลุกขึ้นปรบมือชื่นชม ให้เกียรตินักร้อง รีบพาคุณหญิง และท่านรัฐมนตรีหลบมาที่ห้องพักรับรองวีไอพี โดยแทบไม่มีใครทันสังเกต สงสัย

             ใบหน้าคุณหญิงอัปสรเริ่มเป็นสีแดงเรื่อ ไอร้อนผะผ่าวแผ่ออกมาจนคนอยู่ใกล้สัมผัสได้ นัยน์ตาแดงซ่าน เหม่อลอย ไม่รู้สึกตัว ร่างกายอ่อนยวบ ปวกเปียก ขณะถูกพาเข้ามาก็ไม่มีอาการดิ้นรน ขัดขืน ฟันสั่นกระทบกึก ๆ แสดงความหนาวเย็นภายใน ทั้งที่ผิวกายร้อนผ่าว

             เอื้อกานต์เห็นอย่างนี้แล้วตอบไม่ถูก มันเป็นอาคมแบบไหน ทำไมถึงทำให้เหยื่อรู้สึกร้อน และหนาวได้ในขณะเดียวกัน

             เอื้อ...พี่สั่งรถพยาบาลข้างนอกให้เอารถเข็นมารับแม่แล้ว...จากนั้นเอายังไงต่อ

             หลังจากพามารดาเข้าห้องรับรองเสร็จ ธีรภูมิก็บอกให้นภ วิทยุเรียกทีมแพทย์ พยาบาลที่รออยู่ตรงทางออกฉุกเฉิน ให้นำรถเข็นเข้ามารับ

             ทั้งหมดนี้เป็นการเตรียมการวางแผนของทีเกื้อ

             เอื้อกานต์ได้ยินคำถามพี่ชาย ริมฝีปากยังไม่ขยับตอบ นัยน์ตามองเชือกอาคมที่คล้องคอคุณหญิงแทนท่านรัฐมนตรี สัมผัสถึงกระแสพลังที่แผ่ออกมาต้านมนต์มืด ซึ่งครอบคลุม กดดันหนานักขึ้นเรื่อย ๆ

             สังหรณ์ใจว่าเชือกอาคมนี้ไม่อาจต้านทานพลังร้ายได้นานนัก คุณหญิงไม่ได้เตรียมตัวรักษาศีล เจริญเมตตาล่วงหน้าอย่างพ่อ หนำซ้ำพื้นใจเธอก็เป็นคนเจ้าโทสะ ฉุนเฉียวง่าย ซึ่งเป็นแรงดึงดูดมนต์ดำ อาคมมืดให้เข้าตัวง่ายดาย

             ที่เวลานี้มันยังไม่สามารถแทรกซึมเต็มที่ เพราะคุณหญิงกำลังตกอยู่ในภวังค์ จิตใจกึ่งเศร้า กึ่งแค้น เพลิงโทสะภายใน กับไฟภายนอกยังไม่ผสานสมบูรณ์ ไม่เช่นนั้นเชือกอาคมก็ยากต้านทานได้

             พ่อออกไปที่งานก่อนเถอะค่ะ อย่าให้นักข่าวรู้เรื่องนี้ ไม่งั้นเรื่องมันจะยุ่งยากมากขึ้น

             คุณหมอหันไปบอกบิดาแทนให้คำตอบพี่ชาย

             คนเป็นพ่อเห็นความหนักแน่นของลูกสาว เห็นการเตรียมการณ์พรักพร้อมขนาดนี้ก็วางใจ พยักหน้ารับคำ กุมมือคุณหญิงเบา ๆ ก่อนออกจากห้อง

             รถเข็นพยาบาลมาถึงรวดเร็ว ทันใจ เอื้อกานต์ยังนึกไม่ออก ถ้าไปโรงพยาบาลแล้วจะรักษาคุณหญิงอย่างไร อาการเช่นนี้ใช่ว่าหมอทั่วไปจะช่วยได้ กระทั่งเธอเองถ้าอยู่คนเดียว ขาดพลังทีเกื้อมาเสริมก็ไม่แน่ใจว่าพอช่วยได้แค่ไหน

             ถึงอย่างนั้นก็ดีกว่าอยู่ที่นี่ มีนักข่าว ผู้คนมากมาย อาจเกิดความโกลาหล วุ่นวายจนไม่สามารถทำอะไรได้เลย




- - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -




             ทีเกื้อรถติดอยู่สี่แยก ห่างจากศูนย์ประชุมไม่ไกลนัก จิตใจคลายความร้อนรน กระวนกระวายลงบ้าง อีกไม่กี่แยกจะถึงจุดหมาย หวังว่ามันคงทันเวลา

             จู่ ๆ เสียงสัญญาณไซเรนดังขึ้นมาในหัว เกิดภาพนิมิตเอื้อกานต์ กับคุณหญิงอยู่บนรถพยาบาล ห้อมล้อมด้วยเมฆหมอกมนตราสีดำสนิท ก่อตัวหนาแน่นราวอสูรร้ายรอเวลาจู่โจม

             รถพยาบาลคันนั้น มีแสงสว่างแค่จุดเดียวคือตัวเอื้อกานต์

             สัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว รถเคลื่อนตัวช้า ๆ ทีเกื้อรีบหักพวงมาลัยชิดขวา หาทางกลับรถ เปลี่ยนจุดหมายใหม่ ไม่ใช่ศูนย์ประชุม แต่เป็นโรงพยาบาล

             เหตุการณ์ที่เขาสังหรณ์ใจได้เกิดแล้ว เหยื่อของคิมไม่ใช่พ่อ แต่เป็นคุณหญิงอัปสร

คิดแล้วไม่น่าแปลกใจสักนิด ทำไมเขาขอร้องคิมขนาดนั้น ก็ยังไม่ยอมแสดงท่าทาง ใจอ่อนลงเลย

             ถึงเขาจะไม่ชอบคุณหญิง เรียกว่าเกลียดก็ได้ แต่ใจก็ไม่อยากให้คุณหญิงต้องมาตายแบบนี้...แล้วถ้าเขารู้สึกอย่างนั้น เอื้อกานต์ที่มีหัวใจของหมอ จะมิยิ่งมีมากกว่าหรอกหรือ

             คิดแล้วก็ใจร้อนรน อยากไปถึงโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดเพื่อช่วยพี่สาวตนเอง...ไม่อยากให้เอื้อกานต์ทำอะไรบางอย่างที่เขานึกกลัว...




- - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -




             บนรถพยาบาล

             คุณหญิงอัปสรดิ้นรน ทุรนทุรายด้วยอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาว ส่งเสียงกรีดร้องเป็นระยะโดยไม่รู้ตัว ร่างกายกระตุกเป็นเฮือก ๆ หายใจติดขัดลำบาก

             เอื้อกานต์คอยปั๊มหัวใจให้เป็นระยะ ทุกครั้งที่มือกดลงไปก็รู้สึกถึงแรงต้านความร้อนรุ่มที่พยายามผลักไสหล่อนออกมา จิต สมาธิจดจ่อกับร่างตรงหน้า มองเห็นภายในตัวคุณหญิงมีกระแสความร้อน และเย็นไหลเวียน อีกทั้งคลื่นมนต์ดำฝ่ายตรงข้ามก็พยายามซึมแทรกเข้ามาเรื่อย ๆ พลังต้านจากเชือกอาคมที่คออ่อนกำลังลง เชื่อว่าคงต้านทานได้อีกไม่นานนัก

             คุณหมอสาววางใจด้วยเมตตา มองร่างตรงหน้าอย่างเห็นเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ อยากช่วยเหลือ อยากปัดเป่าโรคภัย ไม่ได้เห็นเป็นคุณหญิงอัปสรผู้ร้ายกาจ เจ้าคิดเจ้าแค้น เคยสร้างบาดแผล รอยเจ็บช้ำให้แก่เธอมามากมาย

             เมื่อจิตใจเปี่ยมด้วยเมตตาล้นเหลือขนาดนี้ จึงชักนำให้จิตเกิดความตั้งมั่น เด่นดวง พลังงานสีขาวอันอบอุ่นไหลเวียนอยู่กลางอก มันหมุนวน ก่อตัวช้า ๆ ขยายขนาดใหญ่ขึ้น กว้างขึ้น ๆ จนรู้สึกถึงแสงสว่างพร่างพราย

             จากนั้นค่อย ๆ ถ่ายทอดพลังเมตตานี้ผ่านฝ่ามือที่กำลังปั๊มหัวใจ เข้าสู่ร่างคุณหญิง คลับคล้ายสายธารอันอบอุ่น ชะล้างทั้งเปลวไฟร้อน และขับไล่ความหนาวเย็นออกไป

             พลังสว่างนี้นอกจากจะซึมแทรกสู่ร่างผู้ป่วยแล้ว ยังส่องสว่างขับไล่อาคมมืดที่ครอบคลุมรถพยาบาลให้มันจืดจาง อ่อนแรง โดยไม่อาจมีสายตามนุษย์ผู้ใดมองเห็น ยกเว้นผู้มีจิตสัมผัสพิเศษเท่านั้น

             เวลานี้พลังฝ่ายมืดและสว่างต่างหักล้างกันเต็มกำลัง ไม่ยอมอ่อนข้อให้แก่กัน โดยพลังฝ่ายขาวดูจะเป็นต่อมากกว่าหลายขุม สามารถขับพลังมืดออกไปได้ไกลขึ้นเรื่อย ๆ




- - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -




             บนเรือ กลางแม่น้ำเจ้าพระยา

             แสงตะเกียงหรุบหรู่ ทั้งที่ไม่มีสายลมพัดพามาถึง คลื่นอาคมที่ส่งออกไปเผชิญกับกำแพงแสงสีขาว ที่ขวางกั้น ขับไล่กลับมา

             เสียงสวดสาธยายมนต์ดังถี่กระชั้นอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของคิมสงบนิ่ง ริมฝีปากขยับด้วยถ้อยคำแปลกหู แววตาตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว ใช้มนตราที่สาธยายเป็นบทกำกับจิต ใช้พลังแห่งเสียงสวด เจตจำนงอันแน่วแน่ ส่งเป็นพลังงานออกไปอย่างกล้าแข็ง ไม่ยอมอ่อนข้อ

             คิมรู้แต่แรก ต้องเผชิญการตอบโต้เช่นนี้ แต่เขามีวิธีการรับมือเรียบร้อยแล้ว

             กุหลาบแห้งที่ลอยอยู่เหนือตะเกียงเกิดจุดไหม้เล็ก ๆ ขึ้น และมันขยายวงออกทีละน้อย โดยกุหลาบยังคงรูปเดิม ไม่ป่นเป็นเศษขี้เถ้า

             แสงตะเกียงที่อยู่เบื้องล่างกุหลาบค่อยสว่างโชนขึ้น จับรอยกุหลาบไหม้สีดำสนิท ที่กำลังกลืนกินสีน้ำตาลของกุหลาบแห้งเข้าไปทีละน้อย

             ไม่ต่างจากความทรงจำอันงดงาม ความรู้สึกดี ๆ แสนหวานที่กำลังถูกเพลิงโทสะ ไฟแค้นเผาผลาญ จนเหลือเพียงขี้เถ้าแห่งความทรงจำ




- - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -




             กุหลาบสีแดงดอกนั้น แจ่มชัดในความทรงจำคุณหญิง

             ความทรงจำสุดท้ายเกี่ยวกับกุหลาบดอกนี้ คือวันที่ตั้งใจเผามันทิ้ง แล้วทำไม่ลง ต้องนำไปซุกซ่อนไว้ที่ก้นกล่อง ห้องเก็บของ ไม่ให้เห็นแสลงตาแสลงใจอีก



             ผมเลิกกับเขาไม่ได้ เขามีลูกกับผมถึงสองคน ชายผู้มอบกุหลาบบอกเธออย่างเว้าวอน

             แล้วยังไง คุณจะยกมันขึ้นมาเทียบเท่าฉันเหรอ อย่าลืมว่าฉันก็มีตาภูมิเหมือนกัน แล้วฉันก็เป็นเมียแต่งคนเดียวของคุณ หญิงสาววันนั้นตอบโต้กราดเกรี้ยว

             เขาก็อยู่ของเขา คุณก็อยู่ของคุณ ไม่เกี่ยวกัน

            ผู้ชาย...พูดเห็นแก่ตัวอย่างผู้ชาย

             แล้วคุณล่ะ?” เสียงย้อนบอกชัด เธอไม่ยอมแบ่งสามีให้ใครแน่

             ผมก็ต้องไปดูแล ส่งเสียเขาบ้าง

             ไม่ได้ คำพูดเด็ดขาด สัญญาสิว่าคุณจะไม่ไปยุ่งกับมัน คุณจะมีแค่ฉันกับลูกเท่านั้น

             ผู้เป็นสามีไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ ไม่ว่าคนเป็นภรรยาจะคาดคั้น อาละวาดโวยวายเช่นไร เขาก็จะอาศัยความนิ่งเงียบ จนเธอหมดแรง แล้วตั้งใจว่าจะคอยจับตาดูเขาไม่ให้คลาดสายตา



             คุณหญิงรู้สึกคลายใจลง แต่ทว่าในหูกลับได้ยินเสียงผู้ชายแปลก ๆ ดังกังวานขึ้นมา

             แน่ใจเหรอว่าเขาจะทำตามที่พูด

             ฉันจะคอยจับตาดูเขาตลอด คุณหญิงเถียงในใจ

             จับตาดูแล้วแน่หรือ...เคยเห็นภาพอย่างนี้มั้ย เสียงถามยั่วเย้าให้อยากรู้

             ภาพอะไร...ใคร

             ดูเอาเองสิ เสียงตอบกังวานเยาะหยัน ขบขัน



(โปรดติดตามต่อฉบับหน้า)




- - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -   - - -




สามารถติดตามข่าว "อาคม" ได้ที่เแฟนเพจสำนักพิมพ์คำต่อคำ
http://facebook.com/wordforwordbooks



แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ
Facebook! Twitter! Del.icio.us! Free and Open Source Software News Google! Live! Joomla Free PHP