๑. ความเปลี่ยนแปลงของฉัน...กับ 'สองวัน..ฉันทำได้' (^_^)v

Started by Lite, October 07, 2009, 11:04:57 pm

previous topic - next topic
Go Down

Lite

คำถามข้อที่ ๑. เกี่ยวกับตัวท่านเอง : 

ท่านมีความเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง เมื่อได้เข้าร่วมโครงการ "สองวันฉัน...ทำได้"
ขอให้แสดงความรู้สึกที่มี ทั้ง

๑.๑ ก่อนเริ่มเข้าร่วมโครงการ
๑.๒ ขณะที่ร่วมโครงการ และ
๑.๓ ต่อจากนี้ไปเมื่อโครงการได้สิ้นสุด

ให้ครบทั้งสามกาลเลยนะคะ : )

lalita

Quote from: Lite on October 07, 2009, 11:04:57 pm
คำถามข้อที่ ๑. เกี่ยวกับตัวท่านเอง : 

ท่านมีความเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง เมื่อได้เข้าร่วมโครงการ "สองวันฉัน...ทำได้"
ขอให้แสดงความรู้สึกที่มี ทั้ง

๑.๑ ก่อนเริ่มเข้าร่วมโครงการ
๑.๒ ขณะที่ร่วมโครงการ และ
๑.๓ ต่อจากนี้ไปเมื่อโครงการได้สิ้นสุด

ให้ครบทั้งสามกาลเลยนะคะ : )


ก่อนเริ่มโครงการสองวันฉันทำได้ที่ได้เกิดขึ้นปอเองก็ได้มีโอกาสใส่บาตรเกือบทุกเช้า ตั้งใจในการทำสมาธิ ไม่ฟุ้งซ่าน แต่ก็ยังมีชีวิตที่วุ่นวายสับสนกับสภาพสังคมและงานที่เราทำอยู่ต้องพบเจอผู้คนต้องฟังต้องพูดทำให้ใจเราไม่นิ่ง อารมณ์ก็วิ่งไปวิ่งมาดีบ้างร้ายบ้างไม่มีที่ยึดเกาะให้นิ่งเสียที
แต่เมื่อโครงการสองวัน..ฉันทำได้เกิดขึ้นมาได้อ่านบทความของกัลยาณมิตรทั้งหลายท่านแล้วก็ถือว่าเป็นกำลังใจการปฏิบัติดี มีกำลังใจส่งเสริมสนับสนุนกัน ปอเองก็ได้ตั้งจิตตั้งมันไว้ว่าในสองวันหรือทุกๆสองวันเราจะไม่หงุดหงิดกับคำพูดไม่ดีของคนอื่นที่ผ่านเราเข้ามา จะนั่งสมาธิ สวดมนต์ พูดดี คิดดีกับคนอื่น ตามลำดับจนทำให้ในทุกครั้งที่เข้ามาอ่านข้อความที่ทุกท่านฝากกันไว้ เขียนกแนไว้เพื่อเป็นข้อเตือนสติเราเองและให้เห็นถึงกำลังใจความหวังดี คำแนะนำดีๆจากหลายๆท่านที่เข้ามาให้กำลังใจกัน เป็นฐานเสริมให้ปอเองมุ่งหน้าที่จะรักษาศีล 5 ดูอาการสิ่งที่มากระทบเราดีไม่ดีก็ปล่อยให้ผ่านไม่ไม่เก็บมาคิดทำให้เราสับสน ฟุ้งซ่าน ของคุณโครางการสองวัน...ฉันทำได้และกัลยาณมิตรทุกท่านขอให้ทุกท่านที่ปฏิบัติดีแล้วให้มีแต่ความเจริญต่อๆไป

dittasagul

ก่อนที่จะร่วมโครงการเป็นคนที่โกรธง่ายแถมผูกใจเจ็บ
ตอนร่วมโครงการได้ถือศีลห้าและแผ่เมตตาเพิ่มขึ้น
ตอนนี้ไซนัสไม่อักเสบมาเดือนกว่าครับหลังจากอธิษฐานศีลข้อแรก ส่วนการแผ่เมมตาก็ทำให้ผูกใจเจ็บน้อยลงครับแต่ยังไม่หมดแต่รู้เร็วขึ้น

dang1304@yahoo.com

ท่านมีความเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง เมื่อได้เข้าร่วมโครงการ "สองวันฉัน...ทำได้"
ขอให้แสดงความรู้สึก
๑.๑ ก่อนเริ่มเข้าร่วมโครงการ
๑.๒ ขณะที่ร่วมโครงการ และ
๑.๓ ต่อจากนี้ไปเมื่อโครงการได้สิ้นสุด

ให้ครบทั้งสามกาลเลยนะคะ : )ที่มี ทั้ง

:)ก่อนเข้าร่วมโครงการคิดดีทำดี สวดมนต์ ไหว้พระ ใส่บาตร ฯลฯ
::33::ขณะที่เข้าร่วมโครงการ ได้เห็นเพื่อนๆ กัลยณมิตรท่านอื่นๆ มีความตั้งใจในแต่ละเรื่องที่แตกต่างกันไป  ทำให้ได้กลับมาทบทวนตัวเองไปด้วย นอกเหนื่อจากเรื่องที่ตัวเองตั้งใจไว้แล้ว ก็ได้นำไปปฎิบัตด้วยในเรื่องที่ยังไม่ได้ทำ หรือยังทำไม่ได้ ได้เห็นความก้าวหน้า อุปสรรคของแต่ละคน แต่ในที่สุดก็ผ่านไปได้รวมทั้งตัวเอง ขณะเข้าโครงการจึงเป็นการจุดประกายให้เกิดการพัฒนาตนเองในเรื่องอื่นอีกด้วย
             ที่สำคัญคือทำให้เย็นลงเนื่องจากความตั้งใจที่ให้อภัยและทำต่อเนื่อง จึงทำให้ต้องมีสติพิจารณามากขึ้นในทุกเรื่อง
;D ต่อจากนี้เมื่อโครงการสิ้นสุดลงแล้วจะยังมีการพัฒนาตนเองต่อไปอีก หวังว่า ความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นรออยู่ข้างหน้าค่ะ  o_grin

noktalay

๑ ก่อนเริ่มเข้าร่วมโครงการ  ด้วยพื้นฐานเป็นคนอารมณ์ร้อน ดังนั้นเมื่อเจอใครที่ทำอะไรที่เข้าท่าเข้าทีก็มักจะพูดจาออกไปตรงๆ โดยไม่คำนึงว่าเขาจะเสียใจมากหรือน้อยอย่างไร เพราะคิดว่าเราพูดด้วยเหตุผล..ต้องรับได้
๒ ขณะที่ร่วมโครงการ พยายามเตือนตัวเองเสมอว่า...ใจเย็น อดทน ถ้าไม่มีอะไรหนักหนาสาหัสจนเกินรับได้ก็พยายามเงียบๆ และก็ทำในสิ่งที่ถูกที่ควรให้เขาเห็นจะได้เป็นแบบอย่าง แม้ผลลัพธ์จะออกมาช้า...แต่ก็สบายใจทั้งเขาและเรา
๓ ต่อจากนี้ไปเมื่อโครงการได้สิ้นสุด ก็จะพยายามอดทนกับคนรอบข้างให้มากๆ ใช้เมตตา กรุณา มุฑิตา และอุเบกขามาใช้เป็นหลักในการทำงาน จะพยายามต่อไปเรื่อยๆ ค่ะ _/\_

ใบมินท์

 ::01::  ความรู้สึกก่อนเข้าร่วมโครงการก็คิดว่าเราแค่ตั้งใจทำในสิ่งที่อยากทำดีให้ได้แค่สองวันเอง คงไม่ยากมากนัก และไม่กดดัน เพราะแค่ช่วงสั้นๆ และคิดว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้ฝึกตัวเองให้ไม่ให้พลาดทำผิดในสิ่งที่เราไม่เคยทำได้เลย เพราะเผลอทำตลอด
o_chessy ความรู้สึกระหว่างที่ร่วมโครงการสองวันนั้น ก็มีความตั้งใจมาก พยายามเตือนสติตัวเองไม่ให้เผลอ แต่ก็ด้วยความเคยชินก็ยังมีพลาดไปบ้าง ก็เลยพยายามใหม่ แต่ก็คิดว่าโดยรวมก็ดีกว่าเมื่อก่อนที่ไม่ได้ร่วมโครงการ เพราะเหมือนเราให้คำสัญญากะใครบางคน ว่าเราจะทำดี แล้วเราก็ต้องพยายามรักษาคำพูดที่ให้คำมั่นไว้ พยายามพูดดีไว้
::115:: หลังจากหมดเวลาโครงการ ก็ไม่ค่อยรู้สึกว่าเวลามันหมดไปแล้วเพราะว่า ยังต้องพยายามรักษาศีลข้อ ๔ ให้ได้เหมือนเดิม แม้ว่าจะรู้สึกว่าไม่ค่อยปากไวมากเหมือนเมื่อก่อน ดีกว่าเก่านิดหน่อย แต่ก็ยังเป็นข้อบกพร่องของตัวเองติดตัวมานาน คงต้องใช้เวลามากกว่านี้ ในการฝึกตนให้พูดแต่ปิยะวาจา แต่ก็รู้สึกดีที่ได้ร่วมโครงการ เพราะเหมือนเรามีเพื่อนที่ร่วมอยากทำดีด้วยเหมือนกัน ไม่ได้ทำอยู่คนเดียว

piyanuchsorn

สวัสดีค่ะ

ก่อนเริ่มโครงการ :

ฉันเป็นคนหนึ่งที่ซึมและเศร้า กับเรื่องที่เจอมา  แต่พอได้อ่านโครงการนี้ ก็ตัดสินใจที่จะเริ่ม คิดและทำ บางสิ่งให้ชีวิตที่เป็นอยู่ดีขึ้น ไม่อยากให้ เกิดเป็นวงเวียนของกรรมอีก จึงเลือกหัวข้อ ตั้งใจอภัยและอโหสิกรรมให้กับคนสองคนที่ ทำร้ายเรา ขึ้น เพื่อ ให้สิ่งที่ดีเกิดขึ้นกับทั้งตัวเรา และ คนรอบกายๆๆ

ฉันไม่อยากเป็นเหมือนคนอื่นๆ ที่มีความเจ็บแค้น และ อาจเกิดเป็นการผิดศีลเกิดขึ้นถึงขั้น ทำร้ายตัวเองหรือผู้อื่นๆๆ

ตอนแรกก็ไม่ค่อยมั่นใจว่าจะทำได้ แต่ เราประกาศให้คนอื่นๆ เค้ารู้แล้วนี่ เราก็ต้องสู้ๆๆๆๆ

นี่แหละค่ะ ก่อนเข้าร่วมโครงการ


สำหรับขณะที่ร่วมโครงการ

ก็ พยายาม ทำให้ได้ เพราะว่า คนให้กำลังใจเรา ต้องมากมาย เราต้องพยายาม และพยายาม ให้ถึงที่สุด

อีกทั้งบางครั้งก็มี ที่เรา ให้กำลังใจท่านอื่นๆๆ ดังนั้น อะไรจะดีกว่าการปฏิบัติเป็นแบบอย่างที่ดีใช่ไหมค่ะ

สุดท้ายของโครงการแล้ว เราก็สามารถทำได้จริง และเราก็จะพยายามต่อไปเรื่อยๆๆ ให้ถึงที่สุด

วันนี้ยอมรับ ว่าไม่ได้ยินดียินร้ายกับเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ปล่อยให้เป็นไปตามกฎ ธรรมชาติ และกฎแห่งกรรม

จะพยายามนำข้อคิดที่ได้ และกำลังใจ ทำให้ตัวเองดีขึ้น เรื่อยๆๆ ในทุกๆวันค่ะ

maew_neng

สวัสดีค่ะของแมวก่อนร่วมโครงการ ก็มีปฏิบัติมาสักระยะหนึ่งแล้วค่ะ เพราะว่าเริ่มต้นตั้งแต่เข้าพรรษาเลย ก็มีตั้งใจงดเว้นเนื้อสัตว์ ทานมังสวิรัติอาทิตย์ละ 2 วันและถือศีล 8 ในวันพระ รวมถึงใส่บาตรให้ได้อาทิตย์ละ 1วัน(อย่างน้อย) ก็ตั้งใจทำมาก่อน แล้วพอมีโครงการนี้เกิดขึ้นก็เลย เหมือนได้กำลังใจว่าที่เราทำ ไม่ได้ทำโดดเดี่ยวคนเดียว มีเพื่อนๆ ร่วมกันทำความดีมากมาย รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาก รู้สึกว่าไมได้เดินบนเส้นทางสายนี้เพียงลำพัง แม้เป็นเพื่อนที่ไม่เคยเห็นหน้าตาหรือรู้จักกันมาก่อน แต่ก็รู้สึกได้ถึงน้ำใสใจจริงที่จะร่วมกันทำสิ่งดีงามร่วมกัน จึงทำให้เกิดกำลังใจอย่างมากที่จะไม่ท้อ ซึ่งก่อนที่จะตั้งใจทำนั้น นิสัยส่วนตัวจะขี้หงุดหงิด โมโหง่าย เห็นไรก็ขวางหู ขวางตาไปหมด มีความยึดมั่นสูง ปล่อยวางยาก ทิฐิสูง แต่เป็นคนมีวินัยในตัวเองสูงเช่นกัน ระหว่างนี้ก็ได้ปฏิบัติและฟังเสียง MP3 หลวงพ่อปราโมทย์ และอ่านธรรมบรรยายของพี่ดังตฤนเพื่อเป็นแนวทางตลอด บางวันมีท้อบ้าง แต่ก็ฮึดสู้ใหม่ เพราะฟังหลวงพ่อบอกว่าหลวงพ่อเองก็ปฏิบัติมาตั้งแต่ 7 ขวบจนทุกวันนี้ทำให้คิดได้ว่าแค่เพียงเวลาสั้นๆ  เราก็ควรจะทำให้ได้เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา คุรุอุปัจยาร์บูชา และบูชาคุณมารดาบิดา และเทวบูชา จึงทำให้เกิดกำลังใจสู้ต่อ จนพอทำไปได้สัก 1 เดือน(ทำแบบไม่คาดหวัง แต่ทำอย่างตั้งใจให้เหตุดี แต่ผลไม่คาดหวัง ทำให้ทำไปได้เรื่อยๆๆ ค่ะ) รู้สึกว่าเออนะ เราก็ทำได้ มาอ่านดูเพื่อนคนอื่นๆ ก็ทำกันได้ยิ่งมีกำลังใจทำต่อ จนครบ 3 เดือนออกพรรษานี่เลยค่ะ จนปัจจุบันนี้ก็ยังทำต่ออยู่และตั้งใจจะทำไปเรื่อยๆๆ ค่ะ ผลจากการทำไปสักระยะรู้สึกเลยว่าตัวเองใจเย็นลง ไม่ได้เย็นแบบข่มกดนะคะ แต่เย็นแบบว่ารู้สึกตัวเร็วขึ้นเพราะปฏิบัติตามแนวที่หลวงพ่อปราโมทย์สอนคือสภาวะอะไรปรากฏให้รู้ก็ให้รู้สภาวะนั้นเฉยๆๆ ไม่แทรกแทรง ทำให้เวลาโกรธ หรือหงุดหงิดจะรุ้ตัวเร็วและมองดูเฉยๆๆ แล้วสภาวะนั้นๆๆ ก็จะสลายไปเองตั้งอยู่ไม่ได้ ก็ทำแบบนี้รู้สึกเลยว่าเก็บอะไรไว้ในใจได้น้อยลงกว่าเก่ามาก ไม่กลุ้มใจเก่งเหมือนเก่าไม่ขี้กังวลเหมือนก่อน และมีความสุขจากการที่ใจไม่เก็บขยะส่วนเกินในใจไว้ให้เป็นทุกข์เช่นก่อน ใจมันเบากว่าแต่ก่อน และตั้งมั่นง่ายขึ้นค่ะ ขออนุโมทธนากับเพื่อนๆๆ ทุกๆๆ คนนะคะในโครงการนี้และเพื่อนที่มีความตั้งใจจะทำต่อเนื่องไปก็ขออนุโมทธนาด้วยเช่นกันค่ะ

พิมพ์พลอย

เริ่มต้นจาก อยากเพียงให้ ใจเข้มแข็ง
คิดเปลี่ยนแปลง แข่งตน พ้นความเหงา
พบโครงการ ธรรมะไลท์ ใจเบาเบา
เพียงลองก้าว เข้าเริ่ม ประเดิมกัน


ประกาศกล้า ท้าจิต คิดการใหญ่
ด้วยตั้งใจ ลองก้าวไป ไขว่คว้าฝัน
อธิษฐาน ฉันทำได้ ในสองวัน
ด้วยมุ่งมั่น ผันตน จากคนเดิม


เพียงลองผ่อน ย้อนดูตน จนเริ่มเห็น
เพียงหยุดเค้น เช่นที่เคย เผยแรงเพิ่ม
เพียงเพียรรู้ เฝ้าดูจิต เลิกคิดเติม
เพียงหมั่นเสริม ตื่นเติมย้ำ กำลังใจ


เริ่มยอมรับ กับเหตุการณ์ ที่ผ่านมา
เริ่มเห็นค่า ว่าตนนี้ มีความหมาย
เริ่มเรียนรู้ อยู่กับตน จนเข้าใจ
เริ่มคิดได้ ทุกสิ่งกลาย ไม่จีรัง


อัศจรรย์ พลันเกิด เปิดมุมกว้าง
พบแนวทาง สว่างไกล ให้ความหวัง
ข้อความสั้น วันละถ้อย คอยเติมพลัง
ทิ้งความหลัง ที่ฝังใจ ไม่เสียดาย


พิมพ์ข้อความ ถามไถ่ ไต่ทุกข์สุข
ถ้อยคำปลุก ฉุกให้ติด มิตรสหาย
ยามท้อแท้ แค่อ่านคำ กำลังใจ
สัมผัสได้ ไออุ่น บุญนำพา


ได้แลกเปลี่ยน เรียนรู้ กันและกัน
ได้แบ่งปัน บันดาลใจ ให้รู้ค่า
ได้เติมต่อ ข้อความ ตามเจตนา
ได้ฟันฝ่า พาก้าวไกล ไม่รีรอ


สิ่งเกินคาด วาดไว้ ไกลกว่าคิด
คือพบมิตร จิตใจงาม ตามคำขอ
ชวนทำทาน มั่นในศีล ด้วยเพียงพอ
ภาวนา ปัญญาก่อ ทอแสงธรรม


เวลาผ่าน กาลเปลี่ยน เวียนวนว่าย
ยังเห็นภัย กิเลสร้าย โถมกระหน่ำ
เพียงใจปรับ ยอมรับผล วิบากกรรม
คอยรู้ซ้ำ ย้ำปล่อยวาง อย่างเข้าใจ


จากจุดเริ่ม เดิมตั้งใจ ไว้น้อยนิด
เปลี่ยนความคิด ชีวิตใคร หลายคนได้
สองวันผ่าน สามวันพ้น จนมั่นใจ
เมื่อทำได้ ความภูมิใจ ใกล้เข้ามา


เพียงสองวัน ที่ตั้งใจ ไม่ย่อท้อ
ปีหน้าขอ ได้สู้ต่อ ทั้งพรรษา
ถึงตอนนี้ ที่ได้มั่น ลั่นวาจา
เชื่อมั่นว่า ได้เยียวยา รักษาใจ


จากเคยทุกข์ ถูกปลดทิ้ง ไม่รู้ตัว
จากเคยกลัว ความมัวหม่น ไร้ความหมาย
จากอ่อนแอ กลับเข้มแข็ง ด้วยแรงใจ
พบแสงไฟ สัมผัสได้ ใกล้ใกล้ตน


มองความจริง ทุกสิ่งล้วน เกิดแล้วดับ
เริ่มยอมรับ บังคับไป ไม่ได้ผล
ใช่ไม่ทุกข์ ไม่ร้องไห้ ไม่กังวล
หากแต่พ้น เพราะปรับตน เปลี่ยนมุมมอง


ทุกสภาวะ ที่เกิดอยู่ ดูเท่าเทียม
เพียงตระเตรียม เลือกใช้ ให้เพียรคล่อง
อัศจรรย์ ธรรมะ-ดา ท้าให้ลอง
หากเพียงต้อง ลองน้อมเข้า เอาด้วยใจ


ไม่มีงาน เลี้ยงใด ไม่เลิกรา
พึงพบว่า ความห่วงหา ไม่ไปไหน
ขอน้อมทำ แต่กรรมดี นี้เรื่อยไป
ทุกทุกวัน ก็ทำได้ ถ้าใจจริง


ขอขอบคุณ พี่น้อง ผองเพื่อนรัก
ได้ประจักษ์ รักษาไว้ ไม่ทอดทิ้ง
บุญใดใด ได้ร่วมก่อ ขอแอบอิง
ส่งความจริง พิงพึ่งตน ตลอดไป



ขอให้บุญรักษาและธรรมะคุ้มครองทุกคนค่ะ   ::33::



ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน : )
- พิมพ์พลอย -
๗ ตุลาคม ๒๕๕๒

http://twitter.com/pitaploy
http://www.facebook.com/pitaploy
http://www.facebook.com/piimplloy

I'm just the one who has various dreams, trying to learn how to live this miracle life worthily and find the way to end the cycle of birth and death.

wanrawee

ข้อ1 ก่อนเริ่มโครงการ....

ก็เป็นคนขี้โกรธ ขี้โมโห...แล้วก็หลงไปนานมาก ไม่ค่อยดูกายดูใจตัวเอง   ::m25::

ข้อ 2 ขณะเข้าร่วมโครงการ

ตั้งใจรู้ทันความโกรธ  อาจมีหลงมีเผลอไปบ้าง.....แต่ก็ได้กำลังใจจากเพื่อนๆในกระทู้....ทำให้ต่อค่ะ o_cool

ข้อ3 เมื่อโครงการสิ้นสุด...

ตั้งใจตามรู้กายและใจต่อไป....เพราะในเมื่อ 2 วัน ยังทำได้  วันอื่นๆก็ไม่ยากเกินกำลังค่ะ o_rolleyes


Amy

 :)   ๑.ก่อนกาล - กิเลสหนา ตัณหาเยอะ ไม่เคยขยันหมั่นดูจิต ปล่อยตามสภาวะ ล่องลอยตามกิเลส
::33:: ๒.ขณะกาล - มีความตั้งใจ ตั้งมั่น พร้อมพยายาม ขาดๆ หายๆ บ้าง ทั้ง 2 วันและหลังจากนั้น    แต่สามารถสร้างเป็นนิสัย รู้ให้ทัน จิตหมองไม่นาน รู้สึกตัวได้เร็ว ทันกิเลสเร็วขึ้น เย็นเร็ว
::33:: ๓.หลังกาล  - รับและรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวเอง โดยเฉพาะ อารมณ์ที่เราไม่พึงปรารถนา
หรือแม้แต่ความทุกข์ที่เวียนเข้ามา เราก็สามารถเห็น รับรู้และผ่านไป เหมือนเป็นธรรมะจัดสรรจริงๆคะอย่างนี้นี่เอง ที่ท่านว่าผู้ปฎิบัติพึงรู้ได้ด้วยตนเอง กับทั้งปฎิบัติได้ไม่จำกัดกาล ขออนุโมทนา _/|\_ และขอบคุณมากๆ กับคุณดังตฤณ ผู้ริเริ่มโครงการณ์ที่เป็นมหากุศล กับท่านทีมงานทุกท่าน และกัลยาณมิตรทุกๆท่าน ขอให้เป็นมหากุศลต่อๆไป ทุกๆปีนะคะ สาธุคะ _/|\_

sun

 ;D  ก่อนร่วมโครงการ...
       
            ก็ฝึกปฏิบัติธรรมอยู่ก่อนครับ นิดๆ หน่อยๆ ไม่ค่อยจะต่อเนื่อง ไม่ค่อยได้คุยกับใคร
        .....เหมือนกำลังพายเรืออยู่คนเดียว......

;D  ขณะร่วมโครงการ.....
            รู้สึกถึงแรงหนุนส่งจากกำลังใจ เหมือนกับมีกำลังคูณสอง... แล้วเหมือนกับว่าพอจะได้เค้าลางอะไรอยู่บ้าง
             รู้สึกเป็นห่วงคนอื่นๆด้วยครับแม้ว่าจะไม่เคยได้เห็นหน้ากัน...ได้แต่หวังว่ากำลังใจจากเรา..พอจะประโยชน์สำหรับเขาได้บ้าง
             เหมือนพายเรืออยู่คนเดียวแต่แล้วก็มีแรงลมช่วยหนุนส่งให้เราพายเรือได้เร็วขึ้น ได้เจอเพื่อนร่วมทาง แลกเปลี่ยนเสบียงกันและกัน

;D หลังโครงการ
         
           ยังจะคงเดินหน้าไปเรื่อยๆครับ
           จนกว่าเรือจะอัปปาง...หรือไม่...ก็จนถึงฝั่ง

::115:: อย่าแปลกใจครับที่เปรียบกับเรือเพราะ.................
            ผู้ชายพายเรือครับ.... _/\_ ;D
วูบหนึ่งเหมือนลมพัด โบกสะบัดเหมือนลมต้อง แวะเวียนมาเกี่ยวข้อง แล้วต้องพรากจากกันไป

wanpen

รวมๆ แล้ว ระหว่างการเข้าร่วมโครงการนั้น คิดว่าสองวันเท่านั้น พอเริ่มตั้งสัจจะ ก็พยายามๆ ไปเรื่อยๆ จนจบโครงการ แม้ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง

พอหมดโครงการ มีรู้สึกว่า ขี้เกียจไปบ้าง เพราะเหมือนหมดระยะเวลาบังคับตัวเองแล้ว  พอขึ้เกียจไปสักสองสามวัน  รู้สึกผิด ก็เริ่มกลับไปทำใหม่

ได้เห็นว่า การตั้งใจทำอะไรดีๆ แม้ช่วงสั้นๆ  สิ่งดีๆ ก็จะติดอยู่ในใจเรา  ให้ระลึกถึงและให้พยายามต่อไป 

โครงการนี้มีประโยชน์มากค่ะ  ขอขอบคุณทีมงาน กัลยาณมิตรทุกท่าน ที่ให้กำลังใจ  ร่วมแบ่งปันประสบการณ์  และ สิ่งดีๆ เสมอ

ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปทุกๆ ท่านค่ะ  _/|\_

Angel

 ::01:: ก่อนเริ่มเข้าร่วมโครงการ

รู้สึกกลัวๆ เพราะไม่เคย post ในกระทู้มาก่อน และเขินด้วย  o_embarrassed

คิดว่าทำไมเราต้องมาประกาศสัจจะอธิษฐานให้คนอื่นรู้ด้วย

ในเมื่อเราก็กำลังปฏิบัติอยู่แล้ว แต่เป็นแค่ผู้เริ่มต้นเท่านั้น

เห็นโครงการนี้มาตั้งแต่เริ่มแรก แต่กว่าจะตัดสินใจเข้าร่วมก็ผ่านไปเกือบเดือนแล้ว

พอได้เริ่มอ่านสัจจะอธิษฐานของคนอื่นๆ ทำให้เริ่มกล้าที่จะเข้าร่วมโครงการค่ะ


:) ขณะที่ร่วมโครงการ

แปลกใจว่า มีคนเข้ามาอนุโมทนาในกระทู้ของเราเยอะจัง

และ Angel เองก็เข้าไปร่วมอนุโมทนา แนะนำ และให้กำลังใจเพื่อนๆ ด้วย

เหมือนเป็นแรงสนับสนุนให้เราทำสิ่งที่ตั้งใจต่อไปให้สำเร็จ

เพราะมีคนร่วมส่งแรงใจ และคอยให้กำลังใจเราอยู่เสมอ

ได้คำแนะนำดีๆ มาปรับใช้ในชีวิตประจำวันเยอะมาก

และทำให้เรารู้ว่า เรายังเป็นแค่ผู้เริ่มต้นจริงๆ เพราะคนอื่นๆ เก่งมากและปฏิบัติมานานแล้ว

แต่ Angel เพิ่งจะปฏิบัติเพียงไม่กี่เดือนมานี่เอง เหมือนเราเป็นแค่เด็กหัดเดินเตาะแตะ

อย่างไรก็ตาม ก็รู้สึกดี ที่คำอธิษฐานของ Angel ที่จะทานมังสวิรัติทุกเช้า

ได้จุดประกายให้เพื่อนๆ หันมาทานมังสวิรัติบ้างแล้ว และกระทู้ของ Angel ก็เปรียบเหมือนกับ

กระทู้แนะนำอาหารมังสวิรัติไปด้วยเลยค่ะ อิ อิ   ::m15::


:D เมื่อโครงการสิ้นสุด

ก็รู้สึกเศร้าเหมือนกัน เพราะตอนแรกคิดว่า web จะถูกปิด

และไม่ได้เข้ามาให้กำลังใจเพื่อนๆ อีกแล้ว

แต่โชคดีทางทีมงานบอกว่ายังไม่ปิดง่ายๆ หรอก

เหนือสิ่งอื่นใด รู้สึกดีใจที่ได้กัลยาณมิตรเพิ่มขึ้นจากโครงการนี้ค่ะ

และจะขอปฏิบัติสิ่งที่ได้ตั้งจิตอธิษฐานไว้ให้ได้นานที่สุดเท่าที่มีโอกาสค่ะ  ::ene2::


_/\_ สุดท้ายนี้ขอขอบคุณคุณดังตฤณ ผู้จุดประกายโครงการสองวันฯ นี้

และทีมงานทุกคนที่คอยให้คำแนะนำที่ดี และให้กำลังใจผู้ร่วมโครงการทุกคนค่ะ

เราจะไม่ทิ้งกันนะคะ ถ้ามีอะไรที่ Angel สามารถช่วยทีมงานได้ ขอให้บอกนะคะ

จะช่วยเต็มที่เลยค่ะ แล้วพบกันใหม่นะคะ  ::m32::


Go Up