ทำในรูปแบบทุกวัน รักษาศีลห้าให้มั่นคง

Started by ทานตะวัน, August 04, 2009, 12:57:54 pm

previous topic - next topic
Go Down

ทานตะวัน

ขอบคุณมากค่ะเพื่อนๆ _/\_

เดินจงกรมธรรมชาติเคยลองพยายามมาเป็นปี(และก็ยังลองอยู่) แต่ไม่เคยรอดเลยค่ะ ไม่รู้ว่าเพราะจิตอ่อนกำลังหรือเปล่า (ซึ่งก็พยายามแก้ไขด้วยการทำในรูปแบบไว้ - แต่ก็ยังไม่แข็ง) เดินแบบรู้ตัวได้ไม่เกินสิบวิ แล้วก็โดนโมหะซัดซะน่วม :(

คุณแม่จัสมินคะ เราว่าคุณแม่เก่งกว่าเยอะค่ะเรื่องเลี้ยงน้องโดยไม่ระเบิดโทสะเนี่ย ::01::

เรื่องนั่งสมาธินั้นหลวงพ่อท่านเคยบอกไว้ว่าถ้าเหนื่อยๆมานั่งมันก็หลับเป็นธรรมดา ถ้าคุณแม่หลับ แนะนำให้เดินดีกว่าค่ะ ให้กายขยับแล้วมันจะรู้สึกตัวได้ง่าย จะกระฉับกระเฉงขึ้นหนอย (ไม่งั้นอย่างหลายๆคนนั่งสมาธิแล้วก็ติดซึมบ้าง ติดง่วงบ้าง ติดฟุ้งบ้าง) คุณแม่ลองทำวันละสิบนาทีดูก่อนสักสองสามวันก็ได้ค่ะ

รูปแบบไหนก็ทำให้เป็นได้ทั้งสมถะและวิปัสสนา อยู่ที่วิธีการดู เลือกให้เหมาะกับจริตและสถานการณ์น่าจะเอื้อประโยชน์ได้ดีกว่านะคะ ::33::

Angel

ไม่เป็นไรคะ ถ้าคุณทานตะวันไม่สามารถเดินจงกรมธรรมชาติได้ในตอนนี้
ก็ค่อยๆ ฝึกไปนะคะ วันหนึ่งก็จะทำได้เอง
แต่ถ้าเลิก หรือ ท้อถอยไปก่อน ก็ต้องนับหนึ่งใหม่อยู่ร่ำไปค่ะ

เมื่อก่อน Angel ก็ไม่เข้าใจเรื่องเดินจงกรมธรรมชาติ
แต่พอไปฝึกเจริญสติเมื่อ 4 เดือนก่อน  ::02::
ท่านวิทยากรบอกว่า สิ่งสำคัญในการฝึกเจริญสติ คือ

อันดับหนึ่งเลย คือ การกำหนดอิริยาบถใหญ่ เช่น ยืน เดิน นั่ง นอน
และกำหนดอิริยาบถย่อย คือ ยก ไป จับ หยิบ มา ยก เหยียบ เป็นต้น   :)

ยิ่งเรากำหนดอิริยาบถย่อยได้ละเอียดมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งมีสติในทุกขณะมากเท่านั้น
และเป็นการตัดภพตัดชาติได้อีกด้วย เพราะเราไม่ได้คิดถึง และผูกเวรผูกกรรมกับใครเลย

ตอนแรก Angel ยังกำหนดไม่ค่อยได้ค่ะ เพราะการกระทำ เร็วกว่าการคิดกำหนดของเรา
แต่พอฝึกๆ ไป ก็เริ่มทันบ้างแล้ว ค่อยๆ ฝึกไปค่ะ  ::01::

อันดับสอง คือ การเดินจงกรม เพื่อจิตจะได้สงบ และอยู่กับปัจจุบันขณะมากที่สุด  ;)

อันดับสาม คือ การนั่งสมาธิค่ะ  _/\_

ตอนนี้ Angel ทำได้แค่กำหนดอิริยาบถ และนั่งสมาธิ เท่านั้นเองค่ะ
ส่วนเดินจงกรม ไม่ได้ทำต่อเลย เพราะต้องเดินช้ามาก
แต่ Angel เป็นคนเดินเร็ว ก็เลยเป็นเดินจงกรมธรรมชาติดีกว่าค่ะ

ขอเป็นกำลังใจให้คุณทานตะวันและเพื่อนๆ ทำสำเร็จ  ::33::
และเจริญก้าวหน้าในทางธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปด้วยนะคะ สาธุ  _/|\_


ทานตะวัน

ขอบคุณค่ะ คุณAngel

เมื่อก่อนเราก็เคยฝึก "กรรมฐาน" อย่างคุณangelนี่แหละค่ะ แบบเดียวกันเป๊ะเลย :)
ฝึกมาสิบปีได้ แต่ช่วงหลังๆรู้สึกว่าการ "กำหนด" เป็นการจำกัดสภาวะจิตมากเกินไป เพราะจริงๆแล้วจิตสามารถรับรู้ได้ไวกว่าการกำหนดเสียอีกหลายเท่า

ก็สับสน รู้สึกว่ามันมาถึงทางตัน และน่าจะมีทางอื่นที่ไม่จำกัดธรรมชาติของจิตอยู่บ้างนะ

เผอิญได้มากฝึกรู้กายรู้ใจลงเป็นปัจจุบันด้วยจิตที่เป็นกลาง รู้อย่างธรรมชาติ สักแต่ว่ารู้ ไม่แทรกแซง ดีก็ได้ไม่ดีก็ได้ เลยรู้สึกว่าเป็นวิธีที่ช่วยให้เห็นความจริงเกี่ยวกับกายใจได้มากๆเลย พอเห็นบ่อยครั้งๆเข้าจิตมันก็เริ่มเข้าใจการทำงานของใจว่าใจมันทำงานของมันเอง มีเหตุให้มันเกิด มันก็เกิด หมดเหตุมันก็ดับ วิธีนี้ช่วยให้หลายๆครั้งเราไม่ต้องไปยึดติด และการกระทำที่ไม่ดีหลายๆอย่างก็ค่อยๆซาลงไปของมันเอง

แล้วก็มาทราบในภายหลังว่าที่ก่อนหน้านี้ทำเป็นสมถะ ไม่ใช่วิปัสสนา
ที่ผ่านมาเราเอาแต่บังคับ เอาแต่จดจ่อ เพ่งดู เพราะอย่างนี้จึงไม่เห็นความจริงเกี่ยวกับกายใจ(ที่โดยธรรมชาติแล้วทำงานเอง) ได้แต่บังคับใจบังคับกายให้ดี ไม่ให้ทำชั่ว แต่พอช่วงเลิกบังคับก็เหมือนหินทับหญ้าที่ถูกเอาออก กิเลสพุ่งได้ง่ายๆเพราะโดนกดไว้นาน

ถ้าสังเกตให้ดีๆวิทยากรในสำนักเหล่านี้บางท่านมีอัตตาไม่น้อยทีเดียวค่ะ(อันนี้พูดตามเนื้อผ้า ไม่ได้มีเจตนาจาบจ้วงครูบาอาจารย์นะคะ) และนั่นก็เป็นเหตุให้เรากังขามากๆว่าคนปฏิบัติภาวนาทำไมยิ่งอัตตาสูงขึ้น

พระพุทธเจ้าท่านสอนให้เราศึกษากายใจเพื่อให้ท้ายที่สุดเห็นว่าตัวเราก็ไม่มี ใจเราก็ไม่ใช่ของเรา สุดท้ายเราก็จะสลัดทุกสิ่งไม่ยึดเหนี่ยวไว้อีก นั่นคือการพ้นทุกข์โดยสิ้นเชิง

เราเรียนธรรมะเพื่อที่จะ "ไม่เอา" ไม่ให้ติดดี และขณะเดียวกันก็ไม่ให้ทำชั่ว

ในพระไตรปิฎกนั้น พระพุทธเจ้าสอนว่า เมื่อจิตมีโทสะ ให้รู้ว่าจิตมีโทสะ (อันนี้ยกตัวอย่างอันเดียวนะคะ) ท่านสอนว่าให้ "รู้"
แต่ของเดิมที่เราฝึกกันมาเขาบอกให้ "กำหนดลงไปว่าโกรธหนอๆๆ ดูมันไปเรื่อยๆจนกว่าจะหาย" เท่ากับเป็นการบังคับทางอ้อมให้ความโกรธดับ บางทีมันดับก็ไม่ใช่เพราะเราบังคับมันได้ แต่เป็นเพราะเราดับเหตุ คือ เราไปจดจ่อกับสิ่งอื่นแทน ความคิดเกี่ยวกับเรื่องที่ทำให้เราโกรธมันเลยดับไป แล้วมันก็หายโกรธได้เหมือนกัน

สิ่งที่ต้องทำคือรู้ใจที่โกรธ แต่ไม่ให้มันออกไปทางกายทางวาจา ถ้ามันไม่หายโกรธ เราไม่ชอบที่มันไม่หาย ก็ให้รู้ทันลงไปอีกว่าใจไม่ชอบที่มันไม่หาย อยากหายก็ให้รู้ลงไปอีกว่าอยากหาย

อยากให้คุณ Angel ลองฟังซีดีหลวงพ่อปราโมทย์ดูค่ะ www.wimutti.net/pramote

เชื่อว่าจะได้พบคำตอบหลายๆอย่างจากซีดี

และอ่านหนังสือ "วิถีแห่งความรู้แจ้ง ๑-๒" ประกอบด้วยก็จะดีค่ะ

ต้องลองทำเองแล้วจะเข้าใจค่ะ พระพุทธเจ้าเองท่านก็ท้าให้พิสูจน์เหมือนกัน ท่านว่าใครจะว่ายังไง(ไม่ว่าจะหนังสือบอก หรือครูบอก คนที่เรารักบอก)ก็อย่าเพิ่งเชื่อจนกว่าจะได้พิสูจน์

แล้วจะพบว่าทำเองแล้วรู้เอง อย่างที่บทสวดอิติปิโสท่อนที่สองบอกเป๊ะเลยค่ะ
_/\_ 


Angel

ขอบคุณคุณทานตะวันมากค่ะ ที่ให้ความรู้มากมาย _/\_
Angel ได้ไปฝึกเจริญสติตามแบบที่เล่าให้ฟังเมื่อ 4 เดือนก่อน
และได้กลับมาฝีกต่อในชีวิตประจำวัน
ร่วมด้วยการฟังซีดีธรรมะของหลวงพ่อปราโมทย์ค่ะ
เหมือนกับที่คุณทานตะวันเขียนในกระทู้ทุกประการค่ะ ::02::

เราฝึกเพื่อให้ตามรู้กาย รู้ใจ เห็นการเกิดและการดับ เป็นธรรมชาติ
ไม่ใช่การบังคับให้เกิด หรือ บังคับให้ดับ
เห็นด้วยค่ะ ที่เมื่อเราโกรธให้รู้ว่าโกรธ ไม่ต้องทำให้ดับ
เดี๋ยวมันจะดับเอง ให้รู้ถึงการดับเมื่อมันดับ แค่นี้เอง
ฟังดูเหมือนง่าย แต่บางครั้งก็ทำยาก
เพราะเราถูกฝึกมาให้ทำสิ่งตรงข้ามกับใจมาตลอด
เช่น เมื่อโกรธ ก็อยากให้หายโกรธเร็วๆ  >:(

แต่ Angel ก็ได้เรียนรู้จากการปฏิบัติด้วยตนเองแล้ว
และจะทำให้ดีขึ้นค่ะ คือ รู้กาย รู้ใจ ตัวเองให้ทัน
วันหนึ่งเราไม่ต้องกำหนด แต่เราก็รู้โดยสติแล้วว่า
เราทำอะไรอยู่ โดยไม่ต้องกำหนดอีกต่อไป
อันนั้น เป็นขั้นสูงขึ้นไปอีกค่ะ
Angel ยังต้องฝึกอีกเยอะค่ะ เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ  ::02::

ขอบคุณที่แนะนำหนังสือดีๆ ให้ Angle นะคะ จะลองไปหาอ่านดูค่ะ  _/\_


ทานตะวัน

มันง่ายพอๆกับที่มันยากเลยนะคะ เราฝึกไปเรื่อยๆ ล้มลุกคลุกคลาน แต่ถ้าเดินไปเรื่อยๆ สักวันก็ต้องถึงฝั่งจนได้แหละ

หนังสือ "วิถีแห่งความรู้แจ้ง" มีขายตามร้านหนังสือทั่วไป บางครั้งที่บ้านอารีย์หรือวัดหลวงพ่อก็มีแจกค่ะ(ถ้ายังไม่หมดนะคะ) หลวงพ่อเขียนขึ้นมาสำหรับคนที่อยู่ห่างไกลไม่มีโอกาสได้สอบถามได้ค้นคว้าหาคำตอบจากหนังสือเองตั้งแต่สมัยท่านยังเป็นฆราวาส ให้ประโยชน์มากๆเลยค่ะ ไว้เป็นคู่มือได้เลย

คุณAngelเป็นคนขยันและมุ่งมั่นดีจังเลย อนุโมทนานะคะ

jasmin

jasmin จะลองเดินจงกรมดูนะคะ ถ้าเดินหลับนี่ก็คงจะไม่ไหวแล้วล่ะ อิ อิ  เวลานั่งทำงานแล้วจะลุกไปเข้าห้องน้ำ jasmin ก็ลองเดินไปด้วยรู้สึกตัวไปด้วยค่ะ หลงมั่ง ประคองมั่ง กลัวเผลอค่ะ หลวงพ่อบอกว่า เผลอก็รู้ว่าเผลอ บางทีก็นานนะคะกว่าจะรู้ แต่ก็พยายามค่ะ

อนุโมทนากับคุณทานตะวันนะคะ สู้ ๆ ::33::

Angel

ขอบคุณมากนะคะคุณทานตะวันที่แนะนำหนังสือให้ Angel  _/\_
Angel เคยอ่านเรื่อง "แด่เธอผู้มาใหม่" ที่หลวงพ่อปราโมทย์เขียนเหมือนกันค่ะ
จะลองไปหาที่บ้านอารีย์ หรือร้านหนังสือดูค่ะ  :)

เรามาร่วมกันเพื่อความหลุดพ้นนะคะ
เป็นกำลังใจให้กันและกันค่ะ  ::33:: ::02::

คุณ jasmin เก่งมากค่ะที่เดินไปด้วยความรู้สึกตัว  ::12::
ถือเป็นการเดินจงกรมธรรมชาติได้ดีทีเดียวค่ะ
แต่ถ้าเดินจงกรม แล้วง่วงจริงๆ ก็อย่าฝืนนะคะ
ให้ทำกิจกรรมอื่นให้หายง่วงก่อน แล้วค่อยเดินใหม่ ดีกว่าค่ะ
พยายามเข้าไว้นะคะ สู้ สู้  ;)

mommom

เข้ามาให้กำลังใจค่ะ

ตั้งใจจะรักษาศีล 5 ให้ได้เหมือนกัน
แต่แหม ข้อพูดปดนี่ ทำยากนะคะ
ไหนจะปดสามี ไหนจะหลอกล่อลูก ๆ  :D

แต่จะพยายามค่ะ
ข้อฆ่าสัตว์ยังทำมาได้แล้วเลย
งดฆ่ายุง บี้มดได้มาสัปดาห์หนึ่งพอดีเลยค่ะ

เมื่อก่อนเห็นไม่ได้เลย ประหารอย่างเดียว
เดี๋ยวนี้มองเฉย ไล่ไปไกล ๆ ไม่สนใจ

ก็ทำได้นะคะ
ขอบคุณน้องรักคนหนึ่งที่แนะนำให้ค่อย ๆ ละไปทีละน้อย
เลยลองทำดู

Angel

อนุโมทนากับคุณ mommom ด้วยค่ะ  _/|\_
เพราะมดหรือยุง แม้จะเป็นสัตว์ตัวเล็กๆ แต่ก็เป็นชีวิตหนึ่งเหมือนกัน
ถ้าเจอสัตว์ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ขอให้เราส่งจิตถึงเขา
และบอกว่า "ขอจงเป็นสุขเป็นสุขเถิด"
กระแสจิตที่ดีของเราจะไปถึงเขานะคะ
เป็นการแผ่เมตตาแบบง่ายๆ แบบหนึ่ง
Angel ก็บอกให้คุณแม่พูดสั้นๆ แบบนี้เหมือนกันค่ะ

sittnn

มีหนังสือเล่มนึงที่อยากแนะนำครับ นั่นคือ "ผิดที่ไม่รู้" ของคุณดังตฤณ  _/\_

เล่มนี้เป็นเล่มหนึ่งที่ทำให้กัลยาณมิตรของผมท่านนึง
ได้สัมผัสกับความสุขกับการพบทางเดินที่ตนเองเสาะแสวงหามานานครับ

เป็นกำลังใจนะครับ  _/\_ ::33::
-- เมตตาคือไมตรี --

Jitta

ดีใจจังค่ะที่เจ้าตัวเล็กว่านอนสอนง่ายขึ้น ::12::
เคยได้ยินได้ฟังมามากว่าสัตว์จะสัมผัสจิตใจของคนได้เราก็ไม่เคยเชื่อ แต่สังเกตุตัวซนที่บ้านก็น่าจะเข้าเค้า
เพราะวันไหนจิตใจร่าเริงเบิกบาน เค้าจะเข้ามาใกล้ๆ มาคลอเคลียอยู่ตลอด ทั้งที่เราก็ไม่ได้พูดไม่ได้อะไรกับเค้าเลย เค้าจะเข้ามาเอง

อ่านทุกคห.แล้วก็ชื่นใจ สุขใจกับความเป็นกัลยาณมิตรที่ดีต่อกันค่ะ ::02::
เอาใจช่วยทุกท่านนะคะ ::33::


Angel

ใช่แล้วค่ะ คุณ Jitta สัตว์เลี้ยงก็มีความรู้สึกนะคะ  :)
ทุกวันนี้ Angel ก็ทำบุญและอุทิศบุญให้กับเจ้ากรรมนายเวรของน้องหมาด้วยค่ะ
ชาตินี้เราสะสมบุญให้เขาก่อน ชาติหน้าขอให้เขาเกิดเป็นมนุษย์
และได้ปฏิบัติสร้างบุญต่อไปด้วยตัวเองค่ะ  ::02::

พิมพ์พลอย

เริ่มจากรักษาศีล จะช่วยให้จิตเราเข้าสู่สภาวะปกติ
จากนั้น สมาธิจะตามมาแบบค่อยเป็นค่อยไป
สุดท้าย ปัญญาจะเกิดขึ้น สว่างไสวและนุ่มนวลค่ะ

::33::
http://twitter.com/pitaploy
http://www.facebook.com/pitaploy
http://www.facebook.com/piimplloy

I'm just the one who has various dreams, trying to learn how to live this miracle life worthily and find the way to end the cycle of birth and death.

Angel

สวัสดีค่ะ คุณทานตะวัน

เป็นยังไงบ้างคะ กับการทำในรูปแบบ

เขียนมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะคะ

Angel เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ   ::m15::

พิมพ์พลอย

http://twitter.com/pitaploy
http://www.facebook.com/pitaploy
http://www.facebook.com/piimplloy

I'm just the one who has various dreams, trying to learn how to live this miracle life worthily and find the way to end the cycle of birth and death.

Go Up